1 / 66

กำหนดการเชิงเส้น : การแก้ปัญหาด้วยวิธีกราฟ

กำหนดการเชิงเส้น : การแก้ปัญหาด้วยวิธีกราฟ. Modern construction management. โดย อ . ดร . เทอดธิดา ทิพย์รัตน์ สาขาบริหารการก่อสร้าง ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. สิ่งที่ต้องพิจารณาจากโจทย์ 1. หาตัวแปรที่เราต้องการมีอะไรบ้าง

urian
Download Presentation

กำหนดการเชิงเส้น : การแก้ปัญหาด้วยวิธีกราฟ

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. กำหนดการเชิงเส้น : การแก้ปัญหาด้วยวิธีกราฟ Modern construction management โดย อ.ดร.เทอดธิดา ทิพย์รัตน์สาขาบริหารการก่อสร้างภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

  2. สิ่งที่ต้องพิจารณาจากโจทย์สิ่งที่ต้องพิจารณาจากโจทย์ 1. หาตัวแปรที่เราต้องการมีอะไรบ้าง 2. หาฟังก์ชันวัตถุประสงค์คืออะไร ต้องการหาค่าต่ำสุดหรือหาค่าสูงสุด (Maximize, Minimize) >>> สมการ 3. หาฟังก์ชันข้อจำกัด (มีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดอะไรบ้างที่โจทย์กำหนดมาให้) >>> สมการหรืออสมการ 4. ความสัมพันธ์ของตัวแปรในสมการหรืออสมการต่างๆ ของ Model ต้องมีลักษณะเชิงเส้นตรง (โดยมากเป็นกำลังหนึ่ง) 5. ตัวแปรทุกตัวต้องมีค่า >= 0 การสร้างตัวแบบ(Model)คณิตศาสตร์กำหนดการเชิงเส้น

  3. กำหนดการเชิงเส้น (Linear Programming) • ตัวแบบเชิงคณิตศาสตร์ (Mathematical model)

  4. ปัญหาที่มี 2 ตัวแปร วิธีที่ใช้ประกอบด้วย 1. วิธีจำกัดขอบข่ายของคำตอบ (Direct elimination method) 2. วิธีอนุมาณทางคณิตศาสตร์ (Mathematical deduction Method) 3. วิธีกราฟ (Graphical method) ***นิยม ปัญหาที่มีมากกว่า 2 ตัวแปร วิธีที่ใช้ประกอบด้วย 1. วิธีพีชคณิต (Algebraic method) 2. วิธีซิมเพล็ก (Simplex method) ***นิยม วิธีแก้ปัญหากำหนดการเชิงเส้น

  5. ตัวอย่างที่ 1บริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่ง ผลิตอาคาร 2 ประเภท คือ ประเภท ก และประเภท ข และอาคารแต่ละประเภทจะใช้คนงานผสมระหว่างคนงานของผู้รับเหมาหลัก และผู้รับเหมาช่วงในสัดส่วนต่างๆกัน ผู้รับเหมาหลักมีคนงานอยู่ 25,000 คน และผู้รับเหมาช่วงมีคนอยู่ 6,500 คน อาคารชนิด ก 1 อาคาร จะใช้ส่วนผสมของคนงานขอผู้รับเหมาหลัก 130 คนและคนงานของผู้รับเหมาช่วง 20 คน อาคารชนิด ข 1 อาคาร จะใช้ส่วนผสมของคนงานขอผู้รับเหมาหลัก 100 คนและคนงานของผู้รับเหมาช่วง 30 คน หากบริษัทผลิตอาคารแบบ ก จะได้กำไรจากการขายอาคารละ 35 ส่วนท่อแบบ ข จะได้กำไรอาคารละ 70 จงเขียนกำหนดการเชิงเส้นที่แสดงถึงวัตถุประสงค์ของการก่อสร้างอาคาร และข้อจำกัดต่างๆที่เกิดขึ้น

  6. 1. ตัวแปรของตัวแบบคณิตศาสตร์ X1 จำนวนอาคารชนิด ก X2จำนวนอาคารชนิด ข 2. หาฟังก์ชันวัตถุประสงค์ >>> (สมการ) Maximize Z = 35 X1 + 70X2 เมื่อ Z คือฟังก์ชันกำไรมีหน่วยเป็นบาท 3. หาฟังก์ชันข้อจำกัด (ข้อจำกัดอะไรบ้างที่โจทย์กำหนดมาให้) >>> อสมการ 130X1+ 100X2<= 25,000 (ปริมาณคนงานของผู้รับเหมาหลัก) 20X1+ 30X2<= 6,500 (ปริมาณคนงานของผู้รับเหมาช่วง)

  7. จากโจทย์สามารถสรุปเป็นตัวแบบทางคณิตศาสตร์ (Mathematical model) ได้ดังนี้ • Maximize Z = 35 X1 + 70X2 • ภายใต้ข้อจำกัด • 130X1+ 100X2<= 25,000 • 20X1+ 30X2<= 6,500 • X1 >= 0,X2>= 0

  8. ตัวแบบกำหนดการเชิงเส้นสำหรับการหาค่าสูงสุด หรือค่าต่ำสุด สามารถเขียนเป็นตัวแบบคณิตศาสตร์ ( Mathematical model) ได้ดังนี้ ฟังก์ชันวัตถุประสงค์ Maximize Z = C1X1 + C2X2 +…+CnXn หรือ Minimize Z = C1X1 + C2X2 +…+CnXn ภายใต้ข้อจำกัด (สมการหรืออสมการ) a11X1+a12X2+…+a1nXn (<=,>=,=) b1 a21X1+a22X2+…+a2nXn (<=,>=,=) b2 … … am1X1+am2X2+…+amnXn (<=,>=,=) bm และ X1, X2, …,Xn >= 0 ตัวแบบกำหนดการเชิงเส้น (Linear Programming Model)

  9. โดยที่ Z คือฟังก์ชันวัตถุประสงค์ Xjคือตัวแปรที่เป็นทางเลือกซึ่งต้องการหาค่า ; j = 1,2,3,…,n Cjคือค่าสัมประสิทธิ์ของตัวแปร Xj ในฟังก์ชันวัตถุประสงค์ ซึ่งมีค่าคงที่ ; j= 1,2,3,…,n aijคือค่าสัมประสิทธิ์ของตัวแปรในฟังก์ชันข้อจำกัด (Constraints) i= 1,2,3,…,m และ j= 1,2,3,…,n bi คือปริมาณของทรัพยากรที่มีอยู่ ซึ่งมีค่าเป็นค่าคงที่จำนวนบวก (bi > 0) i= 1,2,3,…,m

  10. ตัวอย่างเช่น Maximize Z= 3X1 + 2X2 ภายใต้ข้อจำกัด 6X1+5X2 <= 30 X1+2X2 <= 10 2X1+X2 >= 4 X1>=0, X2 >=0

  11. การผลิตวัสดุมุงหลังคาการผลิตวัสดุมุงหลังคา

  12. การประยุกต์กำหนดการเชิงเส้นการประยุกต์กำหนดการเชิงเส้น ต.ย. 1 บริษัทกระเบื้องไทย จำกัดได้ผลิตกระเบื้อง 3 ชนิด ได้แก่ C-PAC, GRC, metal sheet การผลิตจะต้องใช้แรงงานคนและวัตถุดิบ ซึ่งปูนซีเมนต์สำเร็จรูปแต่ละชนิดจะใช้แรงงานคน วัตถุดิบ และได้กำไรตามตาราง วัตถุดิบที่บริษัทสามารถใช้ได้ในแต่ละวันมีจำนวน 300 กิโลกรัม และแรงงานที่สามารถใช้ได้ในแต่ละวันมีจำนวน 160 ชั่วโมง จงสร้างปัญหากำหนดการเชิงเส้น เพื่อหาว่าในแต่ละวันจะผลิตปูนซีเมนต์สำเร็จรูปแต่ละชนิดเป็นจำนวนเท่าใด จึงจะทำให้ได้กำไรมากที่สุด

  13. Y1 แทนจำนวนการผลิตของC-PAC ในแต่ละวัน Y2แทนจำนวนการผลิตของ GRC ในแต่ละวัน Y3แทนจำนวนการผลิตของ metal sheet ในแต่ละวัน ฟังก์ชันวัตถุประสงค์คือหากำไรมากที่สุดจากการผลิตปูนซีเมนต์สำเร็จรูปทั้ง 3 ชนิด สมการ Maximize Z = 6Y1+ 3Y2+ 7Y3 ฟังก์ชันข้อจำกัด 1. ด้านแรงงานคนในการผลิตหลังคาทั้ง 3 ชนิด จะใช้แรงงานคนทั้งหมดไม่เกิน 160 ช.ม. เขียนอสมการได้เป็น 8Y1+5Y2+4Y3 <= 160 2. ด้านวัตถุดิบในการผลิตหลังคาดังกล่าวจะใช้วัตถุดิบทั้งหมดต้องไม่เกิน 300 กิโลกรัม เขียนอสมการได้เป็น 5Y1+2Y2+10Y3<=300

  14. ตัวแบบกำหนดการเชิงเส้นคือตัวแบบกำหนดการเชิงเส้นคือ Maximize Z = 6Y1+ 3Y2+ 7Y3 ภายใต้ข้อจำกัด 8Y1+5Y2+4Y3 <= 160 5Y1+2Y2+10Y3<=300 Y1, Y2,Y3 >= 0

  15. ต.ย. บริษัทป.ปูน ภาคใต้จำกัด ผู้ผลิตปูนซีเมนต์ ได้ใช้ส่วนผสมในการผลิตปูน 4 ชนิดคือ a, b, c, และ d ในการผลิตจะบรรจุเป็นถุง ถุงละ 50 กิโลกรัม โดยมีข้อกำหนดต่างๆดังนี้ ต้องมี d ไม่ต่ำกว่า 20 % ต้องมี a ไม่เกิน 50 % ต้องมี a และ b รวมกันไม่ต่ำกว่า 60 % ต้องมีอัตราส่วน ของ c กับ b ต่อ a ไม่เกิน 3 ต่อ 2 ถ้าต้นทุนของ a, c, b, และ d กิโลกรัมละ 1.5 บาท, 2 บาท, 0.5 บาท, และ 2.75 บาท ตามลำดับ ปูน 1 ถุง ควรประกอบด้วยส่วนผสมต่างๆ อย่างละกี่กิโลกรัม

  16. X1แทนจำนวน a ในปูนซีเมนต์ 1 ถุง (กิโลกรัม) X2แทนจำนวน b ในปูนซีเมนต์ 1 ถุง (กิโลกรัม) X3แทนจำนวน c ในปูนซีเมนต์ 1 ถุง (กิโลกรัม) X4แทนจำนวน d ในปูนซีเมนต์ 1 ถุง (กิโลกรัม)

  17. ฟังก์ชันวัตถุประสงค์ คือต้องการต้นทุนต่ำสุดของส่วนผสมในปูนซีเมนต์ 1ถุง Minimize Z = 1.5X1 + 2X2 + 0.5X3 + 2.75X4 ฟังก์ชันข้อจำกัด 1. ส่วนผสมของปูนซีเมนต์ 1 ถุงรวมกันจะได้เท่ากับ 50 หน่วยพอดี X1 + X2 + X3 + X4 = 50 2. ต้องมี d ไม่ต่ำกว่า 20% X4 >= 10 3. ต้องมี a ไม่เกิน 50% X1 <= 25 4. ต้องมี a และ b รวมกันไม่ต่ำกว่า 60 % X1 + X3 >= 30 5. ต้องมีอัตราส่วนของ c กับ b ต่อ a ไม่เกิน 3 ต่อ 2 X2+X3 <= 3 X1 2 2X2 + 2X3 <= 3X1 2X2 + 2X3 - 3X1 <= 0 หรือ 3 X1 -2X2 -2X3 >= 0

  18. สรุปตัวแบบกำหนดการเชิงเส้นคือสรุปตัวแบบกำหนดการเชิงเส้นคือ Minimize Z = 1.5X1 + 2X2 + 0.5X3 + 2.75X4 ภายใต้ข้อจำกัด X1 + X2 + X3 + X4 = 50 X4 >= 10 X1 <= 25 X1 + X3 >= 30 3 X1 -2X2 -2X3 >= 0 X1, X2, X3, X4 >= 0

  19. ต.ย. 3บริษัทผู้ผลิตปูนซีเมนต์สำเร็จรูปแห่งหนึ่งมีโรงงานผลิตปูนซีเมนต์สำเร็จรูป 3 แห่ง ปูนซีเมนต์สำเร็จรูปที่ผลิตได้จากโรงงานทั้งสามแห่งจะถูกส่งไปเก็บที่โครงการก่อสร้างของบริษัทซึ่งมีอยู่ 3 แห่ง เพื่อรอดำเนินการก่อสร้างต่อไป ถ้าโรงงานแห่งแรกผลิตปูนซีเมนต์สำเร็จรูปได้ไม่เกินวันละ 4000 หน่วย โรงงานที่สอง ผลิตปูนซีเมนต์สำเร็จรูปได้ไม่เกินวันละ 2500 หน่วย โรงงานที่ 3 ผลิตปูนซีเมนต์สำเร็จรูปได้ไม่เกินวันละ 3500 หน่วย ส่วนโครงการก่อสร้างทั้ง 3 แห่งนั้นสามารถเก็บปูนซีเมนต์สำเร็จรูปได้เต็มที่แห่งละไม่เกิน 3000 หน่วย 5000 หน่วย และ 2000 หน่วยตามลำดับ ในการส่งปูนซีเมนต์สำเร็จรูปจากโรงงานทั้ง 3 แห่งไปยังโครงการก่อสร้างทั้ง 3 แห่งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขนส่งดังนี้

  20. ตารางแสดงค่าใช้จ่ายในการขนส่งปูนซีเมนต์สำเร็จรูป (บาท / หน่วย) บริษัทควรจัดส่งปูนซีเมนต์สำเร็จรูปจากโรงงานทั้ง 3 แห่งไปยังโครงการก่อสร้างทั้ง 3 แห่งอย่างไรจึงจะเสียค่าใช้จ่ายในการขนส่งน้อยที่สุด

  21. สิ่งที่ต้องการทราบคือสิ่งที่ต้องการทราบคือ จำนวนปูนซีเมนต์สำเร็จรูปที่จะส่งจากโรงงานที่ 1,2 และ 3 ไปยังโครงการก่อสร้างทั้ง 3 แห่ง Xijแทนจำนวนปูนซีเมนต์สำเร็จรูปจากโรงงานที่ i ไปโครงการก่อสร้างที่ j i = 1,2,3 j = 1,2,3 ฟังก์ชันวัตถุประสงค์คือหาค่าใช้จ่ายในการขนส่งต่ำสุด Minimize Z = 5X11+7X12+10X13+6X21+4X22+12X23+8X31+9X32+18X33

  22. ฟังก์ชันข้อจำกัด 1. ด้านโรงงานจะผลิตปูนซีเมนต์สำเร็จรูปได้สูงสุดไม่เกินแห่งละ 4000, 2500 และ 3500 หน่วยตามลำดับ X11+X12+X13 <= 4000 X21+X22+X23 <= 2500 X31+ X32+X33 <= 3500 2. ด้านโครงการก่อสร้างจะเก็บปูนซีเมนต์สำเร็จรูปแต่ละแห่งได้ไม่เกิน 3000, 5000 และ 2000 หน่วยตามลำดับ X11+X21+X31 <= 3000 X12+X22+X32 <= 5000 X13+ X23+X33 <= 2000

  23. สรุปตัวแบบกำหนดการเชิงเส้นสรุปตัวแบบกำหนดการเชิงเส้น Minimize Z = 5X11+7X12+10X13+6X21+4X22+12X23+8X31+9X32+18X33 ภายใต้ข้อจำกัด X11+X12+X13 <= 4000 X21+X22+X23 <= 2500 X31+ X32+X33 <= 3500 X11+X21+X31 <= 3000 X12+X22+X32 <= 5000 X13+ X23+X33 <= 2000 Xij>= 0, i = 1,2,3 และ j = 1,2,3

  24. ปัญหาที่มี 2 ตัวแปร วิธีที่ใช้ประกอบด้วย 1. วิธีจำกัดขอบข่ายของคำตอบ (Direct elimination method) 2. วิธีอนุมาณทางคณิตศาสตร์ (Mathematical deduction method) 3. วิธีกราฟ (Graphical method) ***นิยม ปัญหาที่มีมากกว่า 2 ตัวแปร วิธีที่ใช้ประกอบด้วย 1. วิธีพีชคณิต (Algebraic method) 2. วิธีซิมเพล็ก (Simplex method) ***นิยม วิธีแก้ปัญหากำหนดการเชิงเส้น

  25. วิธีแก้ปัญหากำหนดการเชิงเส้น1. วิธีจำกัดขอบข่ายของคำตอบ (Direct elimination method) โรงงานผลิตลิฟท์แห่งหนึ่ง ทำการผลิตลิฟท์ 2 ชนิด คือชนิดพิเศษและชนิดธรรมดา ชนิดพิเศษทำกำไรได้ลิฟท์ละ 700 บาท ส่วนลิฟท์ธรรมดาทำกำไรได้ลิฟท์ละ 400 บาท จากสถิติการขายพบว่าในเดือนหนึ่งๆ ลิฟท์ชนิดพิเศษขายได้ไม่เกิน 3 ลิฟท์ส่วนลิฟท์ธรรมดาขายได้ถึง 6 ลิฟท์ถ้าต้นทุนการผลิตของลิฟท์สำหรับลิฟท์ทั้ง 2 ชนิดเป็น 3000 และ 2000 บาทตามลำดับ และโดยที่ต้นทุนของการหมุนเวียนมีอยู่จำกัดในวงเงิน 20000 บาทต่อเดือนเราจะให้โรงงานดังกล่าวผลิตลิฟท์อย่างละเท่าไรจึงจะมีกำไรมากที่สุดในเดือนหนึ่งๆ(ราคาx1000)

  26. วิธีจำกัดขอบข่ายของคำตอบ (Direct elimination method) X1 แทนจำนวนการผลิตของลิฟท์ชนิดพิเศษ X2 แทนจำนวนการผลิตของลิฟท์ชนิดธรรมดา ตัวแบบกำหนดการเชิงเส้นคือ Maximize Z = 7X1 + 4X2 (ร้อยบาท) ภายใต้ข้อจำกัด X1 <= 3 X2 <= 6 3X1+ 2X2 <= 20 (พันบาท) X1, X2 >= 0

  27. วิธีจำกัดขอบข่ายของคำตอบ (Direct elimination method)

  28. วิธีจำกัดขอบข่ายของคำตอบ (Direct elimination method) จากตารางที่ได้เป็นค่าของ Z = 7X1 + 4X2 เราจะตัดเอาเฉพาะค่าที่เป็นไปได้โดยใช้อสมการขอบข่ายมาตัด 1. ตัดค่า X1ที่เกินกว่า 3 ออก 2. ตัดค่า X2ที่เกินกว่า 6 ออก 3. ตัดค่าแทนอสมการ 3X1+ 2X2 <= 20 ออก ผลลัพธ์ในขอบข่ายที่เหลืออยู่จะเรียกว่าผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ การหาผลลัพธ์เลือกเอาค่าสูงสุด คือ 41 สรุปได้ดังนี้ 1. ทำการผลิตลิฟท์ชนิดพิเศษ 3 ลิฟท์ ชนิดธรรมดา 5 ลิฟท์ 2. จาก Maximize Z = 7X1 + 4X2 (ร้อยบาท) ผลกำไรสูงสุดจะได้เป็น 4100 บาทต่อเดือน

  29. วิธีแก้ปัญหากำหนดการเชิงเส้น2. วิธีอนุมาณทางคณิตศาสตร์ (Mathematical Deduction Method) • วิธีนี้เป็นการพิจารณาขอบข่ายของปัญหาเพื่อหาตัวแปรที่เป็นไปได้ตามหลักการพิจารณาเงื่อนไขขอบข่าย (boundary condition) ซึ่งทำได้โดยกำหนดตัวแปรตัวหนึ่งให้คงที่เป็นค่าสูงสุดหรือค่าต่ำสุดในขอบข่ายของตัวแปรนั้นๆ และหาช่วงที่เป็นไปได้ของตัวแปรอีกตัวหนึ่ง จากนั้นเปลี่ยนตัวแปรคงที่โดยใช้ตัวแปรอีกตัวหนึ่งแทน แล้วหาช่วงที่เป็นไปได้อีกครั้งหนึ่ง ทำเช่นนี้จนได้ค่าของสมการตามเป้าหมายซึ่งสามารถเลือกค่าที่ต้องการได้

  30. วิธีอนุมาณทางคณิตศาสตร์ (Mathematical Deduction Method) จากตัวอย่างโรงงานผลิตลิฟท์ (Maximize Z = 7X1 + 4X2 ) (ก) ให้ค่า X1 = 0 ค่าที่เป็นไปได้สำหรับ X2จาก X2<=6 คือ 6 จาก 3X1+ 2X2 <= 20 คือ 10 ค่าสูงสุดของ X2เมื่อ X1 = 0 คือ 6 ค่าต่ำสุดของ X2 เมื่อ X1 = 0 คือ 0 ดังนั้น ค่า Z(0,0)= 0, Z(0,6)= 24 (ข) ให้ค่า X2 = 0 ค่าที่เป็นไปได้สำหรับ X1จาก X1<=3 คือ 3 จาก 3X1+ 2X2 <= 20 คือ 6.67 ค่าสูงสุดของ X1เมื่อ X2 = 0 คือ 3 ค่าต่ำสุดของ X1เมื่อ X2 = 0 คือ 0 ดังนั้น ค่า Z(3,0)= 21, Z(0,0)= 0

  31. วิธีอนุมาณทางคณิตศาสตร์ (Mathematical Deduction Method) Maximize Z = 7X1 + 4X2 (ค) ให้ค่า X1 =3 ค่าสูงสุดของ X2จาก 3X1+ 2X2 <= 20 คือ 5.5 ใช้ 5 ลิฟท์ ค่าต่ำสุดของ X2คือ 0 ดังนั้น ค่า Z(3,5)= 41 Z(3,0)= 21 (ง) ให้ค่า X2 = 6 ค่าสูงสุดของ X1จาก 3X1+ 2X2 <= 20 คือ 2.67 ใช้ 2 ลิฟท์ ค่าต่ำสุดของ X1คือ 0 ดังนั้น ค่า Z(2,6)= 38 Z(0,6)= 24 จากการพิจารณาตามเงื่อนไขขอบเขตนี้จะได้ Z(3,5)= 41 เป็นค่ากำไรสูงสุด

  32. วิธีแก้ปัญหากำหนดการเชิงเส้น3. วิธีกราฟ (Graphical method) • การหาค่าสูงสุดด้วยวิธีกราฟ

  33. ต.ย.ในการผลิตหน้าต่าง 2 ชนิด ชนิดที่ 1 ได้กำไร 2 บาท/ชิน ในการขายชนิดที่ 2 ได้กำไร 5 บาท/ชิ้น หน้าต่างชนิดที่ 1 ต้องใช้เวลาในการผลิต 2 ชั่วโมง และใช้วัตถุดิบ 1 ส่วน หน้าต่างชนิดที่ 2 ต้องใช้เวลาในการผลิต 1 ชั่วโมง และใช้วัตถุดิบ 3 ส่วน ข้อกำหนดเวลาทำงานมีอย่างมากที่สุด 40 ชั่วโมง และมีวัตถุดิบอย่าง มาก 30 ส่วน จงหาว่าควรจะผลิตหน้าต่างชนิดที่ 1 และ 2 อย่างละเท่าไร จึงจะได้กำไรมากที่สุด(ราคาx10)

  34. X1 แทนจำนวนหน้าต่างชนิดที่ 1 (หน่วยเป็นชิ้น) X2 แทนจำนวนหน้าต่างชนิดที่ 2 (หน่วยเป็นชิ้น) ตัวแบบกำหนดการเชิงเส้นคือ Maximize Z = 2X1+5X2 ภายใต้ข้อจำกัด 2X1+X2 <= 40 X1+3X2 <= 30 X1>= 0, X2>=0

  35. X2 จากสมการ 2X1+X2 = 40 หาจุดตัดบนแกน X1คือ (20,0) หาจุดตัดบนแกน X2คือ (0,40) (0,40) 40 35 30 25 20 15 10 5 (20,0) X1 5 10 15 20 25 30 35 40 กราฟของสมการ 2X1+X2 = 40

  36. X2 (0,40) 40 35 30 25 20 15 10 5 (20,0) X1 5 10 15 20 25 30 35 40 บริเวณที่หาคำตอบได้ภายใต้ฟังก์ชันข้อจำกัด 2X1+X2 <= 40 X1>=0, X2 >= 0

  37. X2 จากสมการ X1+3X2 = 30 หาจุดตัดบนแกน X1 คือ (30,0) หาจุดตัดบนแกน X2 คือ (0,10) 40 35 30 25 20 15 10 5 (0,10) (30,0) X1 5 10 15 20 25 30 35 40 กราฟของสมการ X1+3X2 = 30

  38. X2 40 35 30 25 20 15 10 5 X1+3X2 = 30 (0,10) (30,0) X1 5 10 15 20 25 30 35 40 บริเวณที่หาคำตอบได้ภายใต้ฟังก์ชันข้อจำกัด X1+3X2 <= 30 X1>=0, X2 >= 0

  39. X2 (0,40) 40 35 30 25 20 15 10 5 2X1+X2 = 40 (0,10) X1+3X2 = 30 (30,0) X1 (20,0) 5 10 15 20 25 30 35 40 ภาพ Aบริเวณที่หาคำตอบได้ภายใต้ฟังก์ชันข้อจำกัด 2X1+X2 <= 40, X1+3X2 <= 30,X1>=0 และ X2 >= 0

  40. การหาคำตอบที่ดีที่สุดจากกราฟวิธีที่ 1 การเขียนกราฟของฟังก์ชันวัตถุประสงค์

  41. กำหนดให้ Z = 30 หรือค่าใดใด จะได้สมการZ1 = 2X1+5X2 = 30 Z2 = 2X1+5X2 = 40 … X2 40 35 30 25 20 15 10 5 (0,40) 2X1+X2 = 40 เส้นกำไรสูงสุด Z= 56 (18,4) คำตอบที่ดีที่สุด Z2 = 40 (0,10) X1+3X2 = 30 Z1 = 30 C (30,0) X1 B (20,0) A 5 10 15 20 25 30 35 40 จาก ภาพ A การหาคำตอบโดยการเขียนกราฟของฟังก์ชันวัตถุประสงค์

  42. จุด C เกิดจากสมการเส้นตรง 2 เส้นตัดกัน คือ 2X1+X2 = 40 ---------(1) X1+3X2 = 30 ---------(2) 2*(2) 2X1+6X2 = 60 ---------(3) (3)-(1) 5X2 = 20, X2 = 4 แทนค่า X2 = 4 ใน (2) X1+3(4) = 30 X1 = 30-12 = 18 จาก ภาพ A การหาคำตอบโดยการเขียนกราฟของฟังก์ชันวัตถุประสงค์

  43. จาก Maximize Z = 2X1+5X2 • = 2(18) + 5(4) • = 56 • คำตอบที่ดีที่สุดคือ ผลิตหน้าต่างชนิดที่ 1 จำนวน 18 ชิ้น • ผลิตหน้าต่างชนิดที่ 2 จำนวน 4 ชิ้น • ได้กำไรสูงสุด(Optimal Value)56 บาท จาก ภาพ A การหาคำตอบโดยการเขียนกราฟของฟังก์ชันวัตถุประสงค์

  44. การหาคำตอบที่ดีที่สุดจากกราฟวิธีที่ 2การหาจุดตัดระหว่างฟังก์ชันข้อจำกัด

  45. X2 (0,40) 40 35 30 25 20 15 10 5 2X1+X2 = 40 D (0,10) C(18,4) X1+3X2 = 30 (30,0) X1 A(0,0) 5 10 15 20 25 30 35 40 B(20,0) ภาพ A จาก ภาพ Aหาคำตอบโดยการหาจุดตัดระหว่างฟังก์ชันข้อจำกัด

  46. วิธีที่ 2การหาจุดตัดระหว่างฟังก์ชันข้อจำกัด จาก ภาพ Aสามารถหาคำตอบดังตาราง คำตอบที่ดีที่สุดคือ ผลิตหน้าต่างชนิดที่ 1 จำนวน 18 ชิ้น ผลิตหน้าต่างชนิดที่ 2 จำนวน 4 ชิ้น ได้กำไรสูงสุด(Optimal Value)56 บาท จาก ภาพ Aหาคำตอบโดยการหาจุดตัดระหว่างฟังก์ชันข้อจำกัด

  47. วิธีแก้ปัญหากำหนดการเชิงเส้นโดยวิธีพีชคณิตวิธีแก้ปัญหากำหนดการเชิงเส้นโดยวิธีพีชคณิต แก้สมการ 2X1+X2 = 40 ---------(1) X1+3X2 = 30 ---------(2) 2*(2) 2X1+6X2 = 60 ---------(3) (3)-(1) 5X2 = 20, X2 = 4 แทนค่า X2 = 4 ใน (2) X1+3(4) = 30 X1 = 30-12 = 18 Maximize Z = 2(18)+5(4) = 56 คำตอบที่ดีที่สุดคือ ผลิตหน้าต่างชนิดที่ 1 จำนวน 18 ชิ้น ผลิตหน้าต่างชนิดที่ 2 จำนวน 4 ชิ้น ได้กำไรสูงสุด(Optimal Value)56 บาท

  48. การหาค่าต่ำสุดด้วยวิธีกราฟการหาค่าต่ำสุดด้วยวิธีกราฟ ต.ย.กิจการแห่งหนึ่งต้องการผลิตปูนสำเร็จรูปออกจำหน่าย ปูนสำเร็จรูปที่ผลิตจะต้องประกอบด้วยส่วนผสมชนิด A อย่างน้อย 900 หน่วย และส่วนผสมชนิด B อย่างน้อย 1000 หน่วย การผลิตปูนสำเร็จรูปจะต้องใช้M และ N: M1 หน่วยให้ส่วนผสมชนิด A 3 หน่วย และ ส่วนผสมชนิด B 2 หน่วย N1 หน่วยจะให้ส่วนผสมชนิด A 2 หน่วย และส่วนผสมชนิด B 4 หน่วย ต้นทุน M1 หน่วยเท่ากับ 25 บาท ต้นทุน N1 หน่วยเท่ากับ 80 บาท ต้องการทราบส่วนผสมของA และ B ที่จะผลิตปูนสำเร็จรูปให้ได้ต้นทุนต่ำสุด

More Related