1 / 10

พระพุทธศาสนาแห่งทวารวดี (พศต. 11-15)

พระพุทธศาสนาแห่งทวารวดี (พศต. 11-15). 1. อาณาจักร นี้ เจริญอย่างรวดเร็ว เพราะเคยเป็นศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรืองแห่งแคว้นสุวรรณภูมิมาก่อน 2. บทบาท แห่งการเมือง ได้ปรากฎขึ้นมา ราวพ ศต. 11-15 ส่วนศิลปะและวัฒนธรรมมีอิทธิพลต่อมาถึงอาณาจักรรุ่นหลังด้วย

Download Presentation

พระพุทธศาสนาแห่งทวารวดี (พศต. 11-15)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. พระพุทธศาสนาแห่งทวารวดี (พศต. 11-15) 1. อาณาจักรนี้ เจริญอย่างรวดเร็ว เพราะเคยเป็นศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรืองแห่งแคว้นสุวรรณภูมิมาก่อน 2.บทบาทแห่งการเมือง ได้ปรากฎขึ้นมาราวพศต. 11-15 ส่วนศิลปะและวัฒนธรรมมีอิทธิพลต่อมาถึงอาณาจักรรุ่นหลังด้วย 3.ตามจดหมายเหตุของสมณะเฮี้ยนจัง เรียกว่า อาณาจักรตุยล้อกัวตี่ ตรงกับคำจารึกเรียกว่า ทวารกะเดย ( ชื่อเมืองหนึ่งในกัมพูชา ) 4.เชื่อกันว่าชนชาติแห่งอาณาจักรทวารวดีคงเป็นมอญ หรือกลุ่มชนที่มีลักษณะวัฒนธรรมคล้ายมอญโบราณ

  2. 5. การจัดการปกครองแห่งอาณาจักรนี้น่าจะประกอบด้วยรัฐเล็ก ๆ หลายรัฐรวมกัน และอาจมีศูนย์การปกครองอยู่ที่เมืองอู่ทอง นครปฐม สุพรรณบุรีหรืออยุธยา 6. ได้แผ่อิทธิพลไปยังเมืองครหิ (อ.ไชยา) เมืองละโว้ และเมืองหริภุญชัย (ลำพูน) 7. อาณาจักรทวารวดีเสื่อมลง (พศต. 15-18) เพราะ - อาณาจักรศรีวิชัย - อาณาจักรละโว้ - กองทัพของพม่าสมัยอโนรธามังช่อ ซึ่งมีผลกระทบมาถึงภาคกลางของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา

  3. ความเป็นไปแห่งพระพุทธศาสนาความเป็นไปแห่งพระพุทธศาสนา • พระพุทธศาสนายุคทวารวดีมีทั้งนิกายเถรวาทและมหายาน แต่เถรวาทน่าจะมีอิทธิพลและบทบาทมากกว่ามหายาน • ทวารวดีรักษาพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท “แบบพระเจ้าอโศกมหาราช” ไว้อย่างเคร่งครัด ( โดยสืบมาจากพระมหากัสสปะที่ทำการสังคายนาครั้งที่ 1 ) • พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในยุคนี้ได้แผ่อิทธิพลไปดินแดนอื่นๆ ได้ไกลกว่ายุคใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะภาคเหนือ อีสาน และภาคกลางของประเทศไทยในปัจจุบัน • ได้พบพุทธศิลป์ในยุคนี้มากมายทั้งภาคเหนือ ใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนใหญ่ได้แบบมาจากศิลปะคุปตะของอินเดีย

  4. **พุทธศิลป์แบบคุปตะ : พุทธรูปนั้นจะมีลักษณะคือ จีวรไม่นิยมทำเป็นริ้วแต่ทำเป็นแนบพระวรกายเพื่อแสดงถึงความรู้สึกถึงอารมณ์ 5. หลักฐาน 1. พระพิมพ์ พบอยู่บริเวณเมืองอู่ทองเก่า นครปฐม นครชัยศรี ราชบุรี 2. พระพุทธรูปเสมาธรรมจักรทำด้วยศิลาในเมืองกนกนคร ส่วนใบเสมาหินพบทางภาคอีสานทั่ว ๆ ไป 3. สถูปที่วัดกู่กูด ณ เมืองลำพูน 4. ซากสถูปที่วัดพระเมรุ (อยุธยา)

  5. 5. พุทธรูปศิลาห้อยพระบาทขนาดใหญ่กว่าคนมี 4 องค์ อยู่ที่นครปฐม 1 องค์ อยู่ที่อยุธยา 3 องค์ พุทธรูปปางพระวรมุทระ อยู่ที่พิพิภัณฑ์สถานแห่งชาติ 6. ศิลาจารึกคาถา “ เย ธมฺมา ” ที่ถ้ำเขางู (ราชบุรี) ซึ่งเป็นภาษาบาลีอักษรคฤนถ์ 7. ในพศต. 12 พระพุทธศาสนาแบบเถรวาทได้เผยแผ่ไปทางภาคเหนือของไทย โดยการนำของพระนางจามเทวี ผู้ซึ่งเป็นราชธิดาแห่งละโว้ 8. เชื่อว่าพระเครื่องสกุลลำพูนที่เรียกว่า พระรอด ก็เกิดในยุคนี้

  6. สรุป 1. พระพุทธศาสนาในยุคนี้ ได้กลายเป็นรากฐานอันมั่นคงของรัฐพุทธ ได้ผสมผสานกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในยุคนี้ 2. พระพุทธศาสนาได้เผยแผ่ไปทั้งระดับรัฐและประชาชน 3. เกิดประเพณีต่าง ๆ ต่อเนื่องกันถึงปัจจุบัน เช่น การบวช การเผาศพ ฯลฯ

  7. ศิลปะทวารวดีแบ่งออกเป็น 3 ยุค 1. ทวารวดีตอนต้นส่วนใหญ่สร้างด้วยหินที่มีขนาดใหญ่ มีลักษณะคล้ายพระพุทธรูปแบบคุปตะอยู่มาก จีวรเรียบบางแนบติดกับองค์พระ พระอังสากว้าง พระพักตร์ค่อนข้างยาว และกลมกว่ารุ่นหลัง พระศกทำเป็นเม็ดขนาดใหญ่ พระเกตุมาลาเป็นต่อมลักษณะนูน และสั้นพระนลาฏแคบไม่เรียบเสมอกัน พระเนตรเหลือบต่ำลง หลังพระเนตรอูม จนได้ระดับกับพระนลาฏ พระขนงโก่งยาวและจรดกันที่สันกลางพระนาสิกที่เรียกว่า คิ้วต่อ พระนาสิกก้านใหญ่ ริมฝีพระโอษฐ์หนา ลักษณะทั่วไปกระด้าง ไม่สู้ได้สัดส่วนเท่าใดนัก มักทำพระหัตถ์และพระบาทใหญ่ ไม่สมกับองค์พระ ในส่วนพระเศียรเท่านั้นที่ยังรักษาศิลปะของคุปตะไว้

  8. 2. ทวารวดีตอนกลาง ฝีมือช่างประณีตขึ้นกว่ารุ่นแรก แสดงออกถึงอิทธิพลของชาวมอญ ห่างไกลจากฝีมือแบบคุปตะมากขึ้น เช่น พระพักตร์ลักษณะแบนกว้างและสั้น พระโอษฐ์กว้างและแบะ เห็นได้ชัด พระเนตรโปน ดูท่าเคร่งเครียด มีทั้งที่สร้างด้วยหินแข็งมีขนาดใหญ่โต ทั้งแบบลอยองค์และจำหลักนูน ส่วนที่เป็นสำริดจะมีขนาดเล็กประมาณครึ่งฟุตทั้งปางสมาธิ ปางมารวิชัย และพระสำริดยืน 3.  ทวารวดีตอนปลาย เป็นลักษณะผสมศิลปะศรีวิชัยและศิลปะอู่ทอง ไม่ค่อยปรากฏพบพระพุทธรูปสมัยทวารวดีรุ่นนี้มากนัก นอกจากทางภาคเหนือที่ลำพูน และเชียงใหม่

  9. ศิลปะแบบทวารวดี ทำเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย มีรูปพระอินทร์เป่าสังข์ พระพรหมกั้นฉัตร (เป็นลักษณะแรกที่ค้นพบ โดยอาจจะหมายถึงตอนพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์ ภายหลังเสด็จขึ้นไปโปรดพระพุทธมารดาที่ดาวดึงส์ก็ได้ )

  10. ศิลปะแบบทวารวดี

More Related