การเขียนข้อสอบเลือกตอบ

1. การเขียนข้อสอบเลือกตอบการเขียนข้อสอบเลือกตอบ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ฉัตรศิริ ปิยะพิมลสิทธิ์ สาขาวิชาการวิจัยและประเมินทางการศึกษา ภาควิชาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ chatsiri.p@gmail.com http://www.watpon.com

2. พิจารณาข้อสอบต่อไปนี้ว่ามีความชัดเจน เหมาะสม หรือบกพร่องในแง่ใด สายไฟที่ใช้อยู่ตามบ้าน เรียกว่า ก. สายเคเบิล ข. สายหุ้มยาง ค. สาย พี วี ซีง. สายไหม หลอดฟลูออเรสเซนต์ให้ประโยชน์อย่างไร ก. ตัดเป็นตัวหนังสือโฆษณา ข. ให้ความร้อนในการหุงต้ม ค. ให้แสงสว่างในอาคาร ง. ให้พลังงานคล้ายแสงอาทิตย์

3. งานก่อสร้างบ้าน ๒-๓ ชั้น ควรใช้ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ตราอะไร ก ตราช้างข. ตราเสือ ค ตราแมวดำง. ตราปลาฉลาม จังหวะจุดระเบิดถูกกำหนดโดย ก.  ลูกเบี้ยวจานจ่าย ข.  คอยล์จุดระเบิด ค.  ทองขาว ง.  หัวเทียน ในการจ่ายคลอรีนใช้เครื่องสูบน้ำดิบขนาดสูบได้ 10 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมงถ้าใช้เวลาสูบน้ำ20 ชั่วโมง จะสูบน้ำได้กี่ลูกบาศก์เมตร ก. 200ลูกบาศก์เมตร ข. 500ลูกบาศก์เมตร ข. 1000ลูกบาศก์เมตร ง. 250ลูกบาศก์เมตร

4. ข้อสอบเลือกตอบประกอบด้วยข้อสอบเลือกตอบประกอบด้วย 1. คำถาม (stem) 2. ตัวเลือก (choice) 2.1 ตัวถูก (best answer) 2.2 ตัวลวง (distractor) หลักการเขียนข้อสอบเลือกตอบ

5. 1.1 ควรใช้ประโยคคำถาม เพราะจะช่วยให้มีความชัดเจน เข้าใจได้ง่ายกว่าประโยคบอกเล่า ในการตอกตะปูของเข็มขัดรัดสายกับผนังควรห่างกันประมาณ ก. 5 ซม. ข. 10 ซม. ค. 15 ซม. ง. 20 ซม ควรแก้เป็น “ในการตอกตะปูของเข็มขัดรัดสายกับผนังแต่ละชิ้นควรห่างกันประมาณเท่าใด 1. วิธีตั้งคำถาม

6. 1.2 เน้นจุดที่จะถามให้ชัดเจน หรือช่วยให้ผู้สอบมีความเข้าใจคำถามได้ตรงกัน ช่วยให้ผู้สอบเห็นสิ่งที่ต้องการถาม และรู้ว่าต้องตอบในลักษณะใด เช่น แปรงที่มีคุณภาพดีควรมีลักษณะอย่างไร ก. กักเก็บเนื้อสีได้มาก ไม่หยดขณะทำงาน ข. จับถนัดมือ ค. ราคาถูก ง. สวยงาม ควรแก้เป็น “แปรงทาสีที่มีคุณภาพดีควรมีลักษณะอย่างไร”

7. 1.3 ถามให้ตรงตามเนื้อหาที่ต้องการ เพื่อให้ได้คำถามที่เป็นตัวแทนที่ดี สามารถวัดเนื้อหาที่ต้องการจะวัดได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่ตั้งใจวัดสิ่งหนึ่ง แต่กลับไปถามในสิ่งอื่น เช่น This is …….. a. Lao b. Vietnam c. Thailand d. Malaysia ควรแก้เป็น This is a …………….. a. map b. view c. photo d. picture

8. 1.4 ถามในสิ่งที่ดีหรือเป็นประโยชน์ เพราะจะช่วยให้ผู้สอบได้เรียนรู้สิ่งที่ดีงาม เป็นแบบอย่างในทางที่ดี หรือเกิดคุณค่าในการปลูกฝังคุณลักษณะที่สังคมยอมรับ เช่น ผู้ที่มักใช้ความรุนแรงกับบุคคลในครอบครัวคือใคร ก. แม่ ข. พ่อ ค. ลูกชาย ง. ญาติพี่น้อง ควรแก้เป็น “ความรุนแรงในครอบครัว สามารถป้องกันได้ด้วยหลักการใด”

9. 1.5 ถามในสิ่งที่สามารถหาข้อยุติได้ตามหลักวิชา เพื่อให้ผู้เรียนได้ใช้ความคิดที่มีหลัก มีข้อเท็จจริงยืนยัน ไม่ใช่ตอบโดยอาศัยความคิดเห็นส่วนตัวหรือตามประสบการณ์ที่ไม่มีหลักวิชาใด ๆ อ้างอิง เช่น ถ้าโลกนี้ไม่มีน้ำมัน จะเป็นอย่างไร ก. จะอยู่ในยุคโบราณ ข. มนุษย์ไม่มีการพัฒนา ค. ต้องใช้แรงงานสัตว์ ง. ใช้พลังงานอื่นทดแทน จ. มนุษย์จะขาดการติดต่อ ควรแก้เป็น “การขาดแคลนน้ำมันจะกระทบกระเทือนต่อกิจการด้านใดมากที่สุด”

10. 1.6 ถามให้ใช้ความคิด ไม่ควรถามเฉพาะความจำตามตำรา แต่ควรถามให้ผู้สอบนำความจำไปใช้ในสถานการณ์ที่กำหนดขึ้นมาใหม่ เช่น กรรมวิธีการบ่มคอนกรีตมีกี่วิธี ก. 2 วิธี ข. 3 วิธี ค. 4 วิธี ง. 5 วิธี ควรแก้เป็น “การบ่มคอนกรีตเสา ควรใช้วิธีใด”

11. 1.7 อย่าใช้ภาษาฟุ่มเฟือย ได้แก่ คำถามที่ยืดยาว วกวน ควรตัดข้อความที่ไม่จำเป็นหรือไม่ได้ใช้เป็นเงื่อนไขในการคิด เพื่อช่วยให้คำถามรัดกุม แจ่มชัดยิ่งขึ้น เช่น เครือข่ายอินเตอร์เน็ตเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันทำให้เกิดโลกใหม่ เรียกว่าอะไร ก. ไซเบอร์ ข. ดิจิตอล ค. อิเล็กทรอนิกส์ ง. อินเตอร์เน็ต ควรแก้เป็น “เครือข่ายอินเตอร์เน็ตทำให้เกิดโลกใหม่เรียกว่าอะไร”

12. 1.8 ใช้ภาษาให้เหมาะสมกับผู้สอบ ไม่ยากเกินระดับความสามารถของผู้สอบ โดยเฉพาะศัพท์บางคำที่ผู้เรียนควรรู้ แต่เนื่องด้วยยังไม่ถึงเนื้อหาที่ต้องเรียน ทำให้ศัพท์นั้นยากเกินไปสำหรับผู้เรียน

13. 1.9 หลีกเลี่ยงคำถามปฏิเสธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำถามที่เป็นปฏิเสธซ้อนปฏิเสธ ผู้สอบจะต้องคิดกลับ และยุ่งยากต่อการทำความเข้าใจ หากจำเป็นต้องใช้คำถามปฏิเสธ ควรเน้นให้ชัดเจน คนที่มีสมรรถภาพทางกายไม่ดีจะไม่มีสุขภาพอย่างไร ก. ทำงานเหนื่อยช้าและหายเหนื่อยเร็ว ข. ทำงานเหนื่อยช้าและหายเหนื่อยช้า ค. ทำงานเหนื่อยเร็วและหายเหนื่อยช้า ง. ทำงานเหนื่อยเร็วและหายเหนื่อยเร็ว ควรแก้เป็น “คนที่มีสมรรถภาพทางกายดีจะมีสุขภาพอย่างไร”

14. 1.10 ควรใช้คำถามที่ยั่วยุหรือชวนให้คิด ได้แก่คำถามที่ถามเรื่องใกล้ตัว พาดพิงกับชีวิตประจำวันของผู้สอบ หรืออาจใช้รูปภาพในการถามจะช่วยเร้าความสนใจของผู้สอบได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เช่น การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในสมัยโบราณจัดขึ้นเพื่อถวายเทพเจ้าองค์ใด ก. ซูส (Zeus) ข. อพอลโล (Apollo) ค. เฮอร์เมส (Hermes) ง. โพซายดอน (Poseidon) อาจเร้าความสนใจด้วยรูปภาพของเทพเจ้า ก. ซูส (Zeus) ข. อพอลโล (Apollo) ค. เฮอร์เมส (Hermes) ง. โพซายดอน (Poseidon)

15. 2.1 ตัวเลือกต้องมีความเป็นเอกพันธุ์ (homogeneous) ก. เป็นเรื่องราวเดียวกัน เป็นพวกเดียวกันหรือประเภทเดียวกัน เช่น เป็นชื่อประเทศทั้งหมด เป็นชื่อคนทั้งหมด โดยยึดตัวถูกเป็นหลัก แล้วเขียนตัวลวงให้สอดคล้องกับตัวถูก เช่น สายไฟที่ใช้อยู่ตามบ้านเป็นชนิดใด ก. สายเคเบิล ข.สายหุ้มยางค.สาย พี วี ซีง.สายไหม ตัวเลือก ง. เป็นชื่อขนม 2. วิธีเขียนตัวเลือก

16. ข. มีทิศทางเดียวกัน ได้แก่ เป็นข้อดีทั้งหมด เป็นโทษทั้งหมด เป็นจุดอ่อนทั้งหมด ถ้าเติมน้ำมันหล่อลื่นมากเกินไปจะทำเครื่องยนต์เป็นอย่างไร ก.  เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น ข.  ชิ้นส่วนต่าง ๆ ทำงานดีขึ้น ค.  เกิดอันตรายแก่เครื่องยนต์ ง.  สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ก คและง เป็นโทษ แต่ข เป็นประโยชน์

17. ค. มีโครงสร้างสอดคล้องกัน มีแบบฉบับหรือโครงสร้างในลักษณะเดียวกัน ถ้าเป็นคำนามทุกตัวเลือก วลีทุกตัวเลือก คำกริยาทุกตัวเลือก ไดโอตชนิดใดที่ใช้ในวงจรรักษาแรงดันไฟฟ้า ก. ไดโอตเปล่งแสง ข. ไดโอดกำลัง ค. ใช้ในวงจรแปลงไฟสลับเป็นไฟตรง ง. ใช้ในงานแหล่งจ่ายกำลัง ข้อ ก. และ ข. เป็นชนิดของไดโอด ส่วน ค. และ ง. ไม่ใช่

18. 2.2 ใช้ตัวเลือกที่เป็นไปได้ (possible choice) ควรเขียนให้มีทางเป็นไปได้จริง ไม่ขัดแย้งกับหลักวิชาหรือความจริงโดยทั่วไป การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีของนักศึกษา คือข้อใด ก. การใช้ e-learning ข. การชำระภาษีออนไลน์ ค. การทำธุกิจอิเล็กทรอนิกส์ ง. การค้นหาตำแหน่งของเรือรบหลวง ตัวเลือก ก. ถูกเด่นชัด

19. 2.3 หลีกเลี่ยงตัวเลือกแบบปลายปิดปลายเปิด ไม่ว่าจะเป็นตัวเลือกประเภทปลายปิด เช่น ไม่มีข้อถูก-ผิดทุกข้อ หรือแบบปลายเปิด เช่น ถูกทุกข้อ ถูกข้อ ก. กับ ข. ผู้บังคับบัญชาต้องพัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชาในเรื่องใดต่อไป ก. ความรู้ ข. ความสามารถ ค. ทักษะ ง. ถูกทุกข้อ

20. 2.4 เขียนตัวเลือกให้อิสระขาดจากกัน พยายามอย่าให้ตัวเลือกตัวใดเป็นส่วนหนึ่งของตัวเลือกตัวอื่น ต้องให้แต่ละตัวเป็นอิสระจากกันและกันอย่างแท้จริง เช่น คนไทยส่วนใหญ่มีอาชีพอะไร ก. การทำไร่ ข. การทำนา ค. การเกษตร ง. การค้าขาย จ. การอุตสาหกรรม ข้อ ก. และ ข. เป็นส่วนหนึ่งของข้อ ค.

21. 2.5 ใช้ภาษาที่รัดกุมชัดเจน ไม่ควรใช้ถ้อยคำสำนวนที่ยืดยาว หรือใช้ข้อความซ้ำ ๆ กันในแต่ละตัวเลือก เช่น สาเหตุอะไรที่ทำให้ลูกปั๊มสึกหรอรวดเร็วไม่ทนต่อการใช้งาน ก. เกิดจากกรองตัน ข. เกิดจากน้ำมันสกปรก ค. เกิดจากการอุดตันในหัวฉีด ง. เกิดจากการใช้ชิ้นส่วนที่ไม่ได้มาตรฐาน จ. เกิดจากการอุดตันในท่อทางน้ำมันเชื้อเพลิง อาจแก้เป็น ก. กรองตัน ข. น้ำมันสกปรก ค. การอุดตันในหัวฉีด ง. ใช้ชิ้นส่วนที่ไม่ได้มาตรฐาน จ. การอุดตันในท่อทางน้ำมันเชื้อเพลิง

22. 2.6 ควรเรียงลำดับตัวเลือกที่เป็นตัวเลข โดยเฉพาะทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือวันเดือนปี ควรเรียงลำดับจากน้อยไปมาก หรือจากมากไปน้อย เพื่อสะดวกในการเปรียบเทียบค่าตัวเลขเหล่านั้น เช่น เครื่องยนต์ปริมาตรทางทฤษฎี 100 l/min และอัตราการดันอากาศของเครื่องยนต์ 840 l/min ประสิทธิภาพเชิงปริมาตรมีค่าเท่าไร ก. 8.4 % ข. 24 % ค. 42 % ง. 84 % จ. 48 % สลับตัวเลือก ง. กับ จ. เรียงลำดับจากน้อยไปมาก

23. 2.7 ควรใช้ตัวเลือกที่ผู้สอบรู้จักและเข้าใจ นอกจากคำถามควรจะถามในสิ่งที่ใกล้ตัวแล้ว ตัวเลือกที่ใช้ก็เช่นกัน ควรใช้ตัวเลือกที่ผู้สอบรู้จักและเข้าใจ เช่น คนผอมควรเลือกรับประทานอาหารชนิดใด ก. แกงส้ม ข. ข้าวขาหมู ค. ผักน้ำพริก ง. ทะโกะยากิ จ. ซูชิ ตัวเลือก ง. และ จ. อาจเป็นตัวเลือกที่ผู้สอบไม่รู้จัก

24. 2.8 หลีกเลี่ยงการแนะคำตอบ ไม่ควรใช้ข้อสอบที่ผู้สอบสามารถใช้ไหวพริบหรือใช้เพียงการสังเกตก็สามารถหาคำตอบได้ ทั้ง ๆ ที่มีความรู้ไม่มากนัก เพราะตัวข้อสอบชี้แนะคำตอบถูกให้สังเกตเห็น การแนะคำตอบอาจเกิดขึ้นหลายกรณี ควรระวังในเรื่องต่อไปนี้ ก. อย่าให้คำถามข้อแรก ๆ แนะคำตอบข้อหลัง ๆ หรือข้อหลัง ๆ แนะคำตอบข้อแรก ๆ เช่น ข้อแรก ๆ ถามว่า “สีเขียวในใบพืชเรียกว่าอะไร” ข้อหลัง ๆ ถามว่า “พืชสีเขียวซึ่งมีคลอโรฟิลจะปรุงอาหารได้ต้องอาศัยสิ่งใด”

25. ข. อย่าให้ตัวถูกมีคำซ้ำกับคำถาม ทำให้ง่ายในการเดาคำตอบ เช่น ผู้ที่สร้างเครื่องยนต์ดีเซลได้สำเร็จคือใคร ก.  รูดอล์ฟดีเซล ข.  โซอิชิโร ฮอนด้า ค.  คาร์ล เบนซ์ ง.  เฮนรี ฟอร์ด ค. อย่าใช้คำขยายไม่เหมาะสม เช่น ถ้าพบว่าหน้าทองขาวชำรุดควรทำอย่างไร ก. เปลี่ยนใหม่ทันทีข.  ซ่อมโดยการขัด ค.ตั้งหน้าทองขาวใหม่ ง.  ล้างด้วยน้ำมันเบนซิน

26. ง. อย่าถามเรื่องที่ผู้สอบคล่องปาก เช่น ใจคนเลี้ยวลดเหมือนสิ่งใด ก. เถาวัลย์ ข. ถนน ค. แม่น้ำ จ. อย่าใช้ตัวเลือกที่สั้นยาวต่างกันมาก ตัวถูกมักจะยาวกว่าตัวลวง เดาได้ง่าย ควรปรับให้ยาวพอ ๆ กัน เช่น เด็กที่ฟันกำลังขึ้น ควรบำรุงด้วยอาหารประเภทใด ก. โปรตีน ข. ผักสด ค. อาหารทะเล ง. เครื่องใน จ. อาหารประเภทที่มีแคลเซียมมาก

27. ฉ. ควรกระจายตำแหน่งตัวถูก ไม่ควรมีตัวถูกซ้ำ ๆ หรือเวียนกันอย่างเป็นระบบ จะทำให้เดาได้ง่าย และให้ทุกตัวเลือกมีโอกาสเป็นตัวถูกเท่า ๆ กัน เช่น ข้อสอบ 50 ควรให้ตัวเลือก ก ข ค ง และ จ เป็นตัวถูกตัวละ 10 ข้อ โดยมีตำแหน่งของตัวถูกอย่างสุ่ม ช. ควรเรียงลำดับตัวเลือก ก. ... ก. ............ ก. ..... ก. ............ ข. ...... ข. ......... ข. ........ ข. ........ ค. ........ ค. ...... ค. ...........ค. ..... ง. ............ ง. ... ง. ........ ง. ........ จ. ..... จ. ............

28. รูปแบบข้อสอบเลือกตอบ แบ่งได้ 3 ประเภท ประเภทคำถามเดี่ยว ประเภทตัวเลือกคงที่ ประเภทสถานการณ์

29. ข้อสอบเลือกตอบ ประเภทคำถามเดี่ยว มีคำถามที่ต้องการวัดความรู้ความสามารถ 1 เรื่อง กับตัวเลือกตั้งแต่ 3 ตัวเลือกขึ้นไป 1 ชุด รวมกันเป็น 1 ข้อ แต่ละข้อมุ่งถามเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ เป็นอิสระจากข้ออื่น ๆ แบ่งออกเป็นชนิดต่าง ๆ ดังนี้

30. 1. แบบคำตอบถูก 2. แบบเติมคำ 3. แบบเปลี่ยนแทน 4. แบบคำตอบไม่จำกัด 5. แบบคำตอบรวม 6. แบบคำตอบไม่สมบูรณ์ 7. แบบนิเสธ 8. แบบเรียงลำดับ 9. แบบอนุกรม 10.แบบขาดเกิน 11. แบบสัมพันธ์ 12. แบบหลักการร่วม 13. แบบตรรกวิจารณ์ 14. แบบรูปภาพ

31. 1. แบบคำตอบถูก หน่วยวัดระยะระบบเมตริกที่เล็กที่สุดคือก. เดซิเมตรข. เซนติเมตรค. นิ้วง. หุน กำแพงกันไฟในตึกแถวจะต้องทำทุกระยะเท่าไร ก.ทุก 4 ห้อง ข.ทุก 5 ห้อง ค.ทุก 6 ห้อง ง.ทุก 10 ห้อง

32. 2. แบบเติมคำ บริษัท กขค จำกัด มีสินทรัพย์ 28,000 บาท มีหนี้สิน 10,000 บาท และมีทุนเรือนหุ้น 7,000 บาท ยอดคงเหลือ ในบัญชีกำไรสะสมเท่ากับ...........บาท ?  ก. 31,000 ข. 17,000  ค. 25,000 ง. 11,000 

33. 4. แบบคำตอบไม่จำกัด ผู้ใดอยู่ในระบบศักดินาของสังคมไทย ก. กษัตริย์ ข. พระสงฆ์ ค. วนิพก ง. ทาส (O-NET. สังคมศึกษา. 2553) บุคคลที่มีลักษณะใด ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ก. ตาบอด ข. หูหนวก ค. วิกลจริต ง. จิตฟั่นเฟือน (O-NET. สังคมศึกษา. 2553)

34. ข้อสอบเลือกตอบ ประเภทตัวเลือกคงที่ ดัดแปลงมาจากแบบจับคู่ โดยมีตัวเลือกให้เลือก 3, 4 หรือ 5 ตัวเลือก ให้ผู้สอบนำเอาคำถามไปจับคู่กับตัวเลือกที่กำหนดให้ อาจจะจับคู่ตัวเลือกซ้ำกันในบางคำถามก็ได้ หรือบางตัวเลือกไม่จับคู่กับคำถามไหนเลยก็ได้ โดยแต่ละชุดของตัวเลือกควรมีความเป็นเอกพันธ์กัน นิยม 3 ชนิดคือ 1. ชนิดจำแนกประเภท 2. ชนิดหลายคำตอบ 3. ชนิดหลายเงื่อนไข

35. 2. ชนิดหลายคำตอบ คำถามข้อ 1) – 2) มี 4 ตัวเลือก ตัวเลือกเหล่านี้มีถูกบ้างผิดบ้าง ให้นักเรียนพิจารณาว่ามีคำตอบใดถูกต้องบ้าง ก็ไปขีดตอบดังนี้ ก. ถ้า 1, 2 และ 3 เป็นคำตอบถูก ข. ถ้า 1 และ 3 เป็นคำตอบถูก ค. ถ้า 2 และ 4 เป็นคำตอบถูก ง. ถ้า 4 ถูกเพียงข้อเดียว จ. ไม่มีคำตอบถูก 1) ต้นกล้วยเป็นพืชชนิดใด 1. พืชมีดอก 2. พืชไร้ดอก 3. พืชใบเลี้ยงเดี่ยว 4. พืชใบเลี้ยงคู่ 2) มันเทศที่เรารับประทานคือส่วนใดของพืช 1. ราก 2. ต้น 3. เหง้า 4. หัว

36. ข้อสอบเลือกตอบ ประเภทสถานการณ์ รูปแบบของคำถาม ประกอบด้วยข้อความ รูปภาพ สิ่งของ หรือเรื่องราว มาเร้าให้ผู้สอบเกิดความคิด จากนั้นก็ตั้งคำถามขึ้นมาหลาย ๆ ข้อที่วนเวียนอยู่ในขอบเขตของเรื่องราวนั้น ๆ หลายแง่หลายมุม โดยใช้คำถามหลาย ๆ รูปแบบ

37. พิจารณาชั้นหินที่วางซ้อนกันดังรูป แล้วตอบคำถามข้อ 3) - 4) ชั้น ก กระดูกช้าง ซากต้นพืช (บนสุดมีต้นหญ้า) ชั้น ข กระดูกช้าง ซากต้นพืช หอยแครง ชั้น ค หอยแครง ชั้น ง แมงดาทะเล แอมโมไนต์ ชั้น จ แอมโมไนต์ 3) ชั้นหินในข้อใดเก่าแก่ที่สุด ก. ชั้น ก ข. ชั้น ข ค. ชั้น ค ง. ชั้น จ 4) ฟอสซิลในข้อใดที่พบในตัวอย่างนี้ที่สามารถใช้เป็นฟอสซิลดัชนีได้ ก. หอยแครง ข. แอมโมไนต์ ค. แมงดาทะเล ง. ช้าง (O-net. วิทยาศาสตร์. 2553)

38. คุณภาพของข้อสอบ 1. ความเป็นปรนัย (Objectivity) 2. ความยาก (Difficulty) 3. อำนาจจำแนก (Discriminant) 4. ความเที่ยงตรง/ความตรง (Validity) 5. ความเชื่อมั่น/ความเที่ยง (Reliability)

39. 1. มีความชัดเจนของข้อคำถาม ไม่ว่าใครอ่านก็เข้าใจตรงกันว่าถามอะไร และต้องการคำตอบอะไร 2. มีความชัดเจนวิธีการตรวจให้คะแนน ไม่ว่าใครตรวจก็จะได้คะแนนตรงกัน ไม่ว่าจะตรวจที่ไหน เมื่อไหร่ 3. มีความชัดเจนในการแปลความหมายคะแนน ไม่ว่าใครแปลความหมายย่อมแปลได้สอดคล้องตรงกัน ความเป็นปรนัย (Objectivity)

40. ข้อสอบที่ง่ายมาก ไม่ว่าเด็กเก่งหรืออ่อนก็ตอบได้ถูกต้อง ข้อสอบที่ยากมาก ไม่ว่าจะเก่งหรืออ่อนก็ตอบไม่ถูก ย่อมไม่มีประโยชน์ อำนาจจำแนก (Discriminant) ข้อสอบควรจำแนกได้ว่าใครเก่ง ใครอ่อน มากน้อยกว่ากันเท่าใด ข้อสอบที่มีคุณภาพด้านอำนาจจำแนก เด็กเก่งควรจะตอบข้อสอบได้ถูกต้อง เด็กอ่อนควรจะตอบผิด ความยาก (Difficulty)

41. ข้อสอบวัดได้ตรงตามเนื้อหาและพฤติกรรมที่ต้องการวัด มี 4 ประเภทคือ Content Validity, Construct Validity, Concurrent Validity, Predicted Validity สอบด้วยแบบทดสอบฉบับเดียวกันซ้ำสองครั้ง อันดับที่ของผลการสอบจะไม่เปลี่ยนแปลง ความเชื่อมั่น/ความเที่ยง (Reliability) ความเที่ยงตรง/ความตรง (Validity)