360 likes | 487 Views
ทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ด้านการพัฒนาสังคม. จิระพันธ์ กัลล ประ วิทย์ ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และการวางแผนพัฒนาทางสังคม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. หัวข้อบรรยาย. 1. แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก ใน 20 ปีข้างหน้า.
E N D
ทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ด้านการพัฒนาสังคม จิระพันธ์ กัลลประวิทย์ ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และการวางแผนพัฒนาทางสังคม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
หัวข้อบรรยาย 1. แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลกใน 20 ปีข้างหน้า 2. การวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจ ชุมชน และสังคมไทย 3. ทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11
แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลกใน 20 ปีข้างหน้า
1.ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ1.ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลกระทบที่สำคัญจากภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 1.ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเกิดความผันผวนของปริมาณน้ำ แสงแดด และการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่รุนแรงมากขึ้น 2.ผลกระทบต่อนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง การตั้งถิ่นฐานประชากร และอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ภาวะโลกร้อนจะส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรม การเกิดอุทกภัยและวาตภัยที่รุนแรงมากขึ้น ระบบนิเวศชายฝั่งได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิของน้ำทะเล และระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น เพิ่มความรุนแรงของปัญหาการกัดเซาะชาย และอาจทำให้เกิดการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ราวร้อยละ 25 3.ผลกระทบจากการกำหนดมาตรการทางการค้าที่เข้มงวดขึ้น เช่น มาตรการให้สินค้าต้องระบุปริมาณการใช้พลังงานในการผลิต และอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Source: Munasinghe 2007, Making Development More Sustainable: Integrating Climate Change Policies into Sustainable Development Strategy ,IPCC 2001
2.สังคมผู้สูงอายุ ผลกระทบที่สำคัญจากการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุต่อทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจ 1.ผลผลิตรวมของประเทศและผลิตภาพการผลิต ประชากรในวัยทำงานหรือจำนวนแรงงานลดลง มีการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเพื่อทดแทนการขาดแคลนแรงงานในประเทศ และ 2nd generation of immigrant workers (ลูกหลานแรงงานต่างด้าวในสังคม) 2.การออมและการลงทุน อัตราการออมของผู้มีงานทำจะเพิ่มขึ้นในวัยทำงานแต่จะลดลงในช่วงที่เกษียณอายุแล้ว Thai Population Structure in 2027 3. พฤติกรรมาผู้บริโภคต่อการผลิตสินค้าและบริการ แนวโน้มพฤติกรรมการบริโภคสินค้าและบริการปรับเปลี่ยนสู่ตลาดกลุ่มผู้สูงอายุมากขึ้น
3.พลังงานและความมั่นคงทางอาหาร3.พลังงานและความมั่นคงทางอาหาร 1. การเพาะปลูกพืชพลังงานทดแทนอาจก่อให้เกิดปัญหาวิกฤตอาหารที่มีความรุนแรงมากขึ้น เศรษฐกิจไทยมีระดับการพึ่งพิงสินค้าพลังงานที่สูง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการผันผวนของราคาพลังงานในตลาดโลก และยังมีข้อจำกัดในการพัฒนาแหล่งพลังงานและข้อจำกัดด้านอุปทานของพลังงานทดแทน ทำให้กระบวนการปรับตัวด้านพลังงานต้องใช้เวลายาวนาน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยและโลก ดังนี้ 2. ผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหาร แต่ละประเทศในโลกต่างสร้างมาตรการเพื่อความมั่นคงทางอาหาร ทำให้ราคาเพิ่มสูงจนอาจถึงจุดวิกฤต ดุลพลังงาน (พันล้านบาท) ที่มา: ธนาคารโลก
4.เทคโนโลยี แนวโน้มสู่การผสมผสานของเทคโนโลยีหลัก (IT, Bio, Materials, Nano) เกิดเทคโนโลยีสาขาหลักใหม่ นำไปสู่การสร้างนวัตกรรมเพื่อมวลมนุษย์ 1. ผลกระทบต่อสังคมและวิถีชีวิตของปัจเจกบุคคล:สู่สังคมการสื่อสารไร้สาย มีวิทยาการที่เสริมสร้างสมรรถนะของคน 2. ผลกระทบต่อแผนการผลิตและรูปแบบการบริโภค: เน้นการลงทุนทางปัญญามากกว่าทางกายภาพ และมีนวัตกรรมเพื่อผลิตสินค้าและบริการ ที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายได้อย่างมีคุณภาพ 3 ผลกระทบต่อพลวัตของการผลิต การค้าและบริการ เปลี่ยนแปลงสู่ธุรกิจภาคบริการรูปแบบใหม่ๆ 4 ผลต่อการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมและพลังงาน: เทคโนโลยีมีบทบาทนำในการแก้ไขปัญหาฯ อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างทางเลือกในระยะยาว ที่มา : ปฐมบทสู่การเตรียมตัวเพื่ออนาคตของประเทศไทย, เอกสารประกอบการประชุมสมัชชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนา ครั้งที่ 6 (2550)
5.การเงินโลก ความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจและการเงินโลก การเปลี่ยนแปลงในบทบาทของตลาดการเงินโลกจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระยะยาว ดังนี้ 3 การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของการลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศ 1. การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของสินทรัพย์ทางการเงินโลก 2. การเคลื่อนย้ายเงินทุน และการเปลี่ยนแปลงในขั้วอำนาจทางการเงิน • เงินทุนสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างเป็นอิสระมากขึ้น • ผู้กู้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้นและรวดเร็ว มีความเสี่ยงต่อนักลงทุน ในแต่ละภูมิภาคมากขึ้น
6.การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ6.การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ GDP Growth การรวมตัวกันเป็นกลุ่มประเทศส่งผลให้ภูมิภาคต่างๆ ของโลกมีความเชื่อมโยงกันมากขึ้น ทำให้เกิดตลาดการค้าใหม่ในภูมิภาคต่างๆ ของโลก โดยเฉพาะในทวีปเอเชีย ซึ่งการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในอนาคต จะส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของโลกและภูมิภาคต่างๆ สรุปได้ดังนี้ 1. การเปลี่ยนแปลงศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของโลกในอนาคต 2. จีนและอินเดียจะก้าวสู่การเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกในอนาคต 3. การรวมตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคต่างๆ
7.เมือง ชนบท และพื้นที่เศรษฐกิจ ประชากรเมืองของโลก จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในทวีปเอเชียเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 พันล้านคน ในปี 2030ประชากรของทวีปเอเชียมากกว่า 50% จะกระจุกตัวอยู่ตามเมืองหลวง เมืองใหญ่ และเขตพื้นที่เมืองต่างๆ 2030 Rural Population Urban Population ประเทศไทยมีแนวโน้ม เปลี่ยนแปลงสภาพความเป็นเมืองเร็วขึ้นเช่นเดียวกับกระแสโลก ส่งผลต่อความเหลื่อมล้ำเมือง-ชนบท ซึ่งรัฐต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมโยงการพัฒนาเมือง-ชนบท ให้เกื้อกูลกันมากขึ้น การปรับเปลี่ยนโครงสร้าง ประชากรเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ส่งผลต่อวิถีการดำเนินชีวิต ของคนเมือง/ชนบท รัฐต้องเตรียม นโยบาย/มาตรการทางสังคม รองรับ วิกฤตการณ์น้ำมัน ทำให้ Strategic Location ของไทยทวีความสำคัญยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับลงทุนธุรกิจ อุตสาหกรรม และสำนักงานระดับภูมิภาคต้องเตรียม นโยบายชัดเจนรองรับ
การวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจชุมชน และสังคมไทย
เป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางใหญ่ลำดับที่ 20 จาก 192 ประเทศ ส่งออกรวมเพิ่มจาก 67.9 หมื่นล้าน เป็น 1.1 แสนล้าน ด้านเศรษฐกิจ เศรษฐกิจเติบโตเฉลี่ย 5% (2543-52) GDP จาก 4.9 เป็น 9.0 ล้านล้านบาท ฐานการผลิตหลากหลาย มูลค่าเกษตรเพิ่มจาก 4.4 แสนล้านเป็น 7 แสนล้าน มูลค่าอุตสาหกรรมจาก 1.6 ล้านล้าน เป็น 2.5 ล้านล้าน นักท่องเที่ยวจาก 9.5 ล้านคน เป็น 11.5 ล้านคน พึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบพลังงาน ทุน เทคโนโลยีจากภายนอก (2545-2552) นำเข้าน้ำมันกว่า 80% วัตถุดิบ/สินค้าทุนจาก 36.9% เป็น 46.2% ค่า Royalty/GDPจาก 0.7% เป็น 1% ต้นทุนโลจิส์ติกส์ /GDP สูงถึง 13%
ด้านสังคม • การพัฒนาการศึกษาขยายตัวเชิงปริมาณ (2544-2552) • ปีการศึกษาเฉลี่ยจาก 7.4 ปี เป็น 8.5 ปี • การเรียนรู้ระดับคิดเป็น ทำเป็นจาก 55.3%เป็น 60% หลักประกันสุขภาพทั่วถึงจาก 69%เป็น 97% เจ็บป่วยโดยรวมลดลง แต่มีโรครุนแรงใหม่ๆ มากขึ้น แรงงานนอกระบบ 70% กลุ่มผู้ด้อยโอกาสยังเข้าไม่ถึงระบบประกันสังคม มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินและการแพร่ขยายของวัฒนธรรมต่างชาติ คนจนลดลงจาก 12.8 ล้าน (2543) เป็น 5.2 ล้านคน (2552)
ด้านชุมชน ด้านสิ่งแวดล้อม มีผู้นำชุมชนเป็นแกนหลักขับเคลื่อนการพัฒนามีปราชญ์ 1.7 ล้านคน มีชุมชนต้นแบบที่เข้มแข็งกระจายอยู่ทุกพื้นที่ กระบวนการมีส่วนร่วมทำให้ชุมชนร่วมคิด เรียนรู้ และจัดการปัญหาของตนได้ดีขึ้น ดัชนีความเข้มแข็งของชุมชนดีขึ้นจาก 59.5% ปี 2544 เป็น 68.9% ปี 2550 ความอุดมสมบูรณ์ลดลงระบบนิเวศน์เริ่มเสียสมดุล พื้นที่ป่าไม้เพียง 33% (ญี่ปุ่น 68% เวียดนาม 40%) • ป่าชายเลนลดลงจาก 2 ล้านไร่ เหลือ 1.5 ล้านไร่ หญ้าทะเล/ปะการังเสื่อมโทรม 30-50% • ความหลากหลายชีวภาพถูกคุมคามมีรายชื่อสัตว์/พืชใกล้สูญพันธ์ 68 ชนิด • ภาวะขาดแคลนน้ำ น้ำจืดเฉลี่ย/คน 3.4 พันลบ.ม. (เอเชีย3.9 พันลบ.ม.) • ดินเสื่อม/มีปัญหาถึง 60% ขยายตัวปีละเกือบ 1 ล้านไร่ คุณภาพสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม ขยะของเสียปีละ 22 ล้านตัน ของเสียอันตรายปีละ 1.8 ล้านตัน
ด้านธรรมาภิบาล การกระจายอำนาจเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มีการถ่ายโอนภารกิจแล้ว 180 ภารกิจ การจัดสรรรายได้ยังล้าช้า ธรรมาภิบาลภาคเอกชนจำกัดอยู่ในองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ IMD จัดอันดับไทยดีขึ้นจากที่ 36 (2544) เป็น 22 (2551) กลไกการตรวจสอบยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองและร่วมคิด ร่วมวางแผนการพัฒนาเพิ่มขึ้น ภาคราชการปรับบทบาทมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่การรวมศูนย์อำนาจตัดสินใจยังอยู่ที่ส่วนกลาง • IMD จัดอันดับประสิทธิภาพของภาครัฐลดลงจากอันดับที่ 18 ในปี 2546 เป็น อันดับที่ 22 ในปี 2551 • World Bank จัดอันดับภาพลักษณ์การบริหารจัดการที่ดีลดลงจาก 6.74 (2549) เป็น 5.36 (2550)
ทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555-2559)
6 ความเสี่ยงที่จะกระทบต่อคนและสังคมไทย 1. การบริหารภาครัฐอ่อนแอ นำไปสู่ความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรม 2. โครงสร้างเศรษฐกิจไม่สามารถรองรับการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ลดทอนความสามารถในการแข่งขัน คุณภาพชีวิตด้อยลง 3. โครงสร้างประชากรไม่สมดุลใน 3 มิติ ทั้งอายุ คุณภาพ ความรู้และทักษะ ส่งผลให้ผลิตภาพการผลิตลดลง ภาระพึ่งพิงสูงขึ้น เป็นภาระทางการเงินการคลัง 4. ค่านิยมที่ดีงามของไทยเสื่อมถอย คนขาดความสามัคคี/ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่/การเคารพสิทธิผู้อื่น/การยึดประโยชน์ส่วนรวม 5. ฐานทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อมมีแนวโน้มเสื่อมโทรมมากขึ้น กระทบฐานการผลิตภาคเกษตร/ความมั่นคงด้านอาหาร/พลังงาน/สุขภาวะ/คุณภาพชีวิต 6. ประเทศไทยยังคงมีความเสี่ยงด้านความมั่นคงและภัยคุกคามต่างๆ กระทบต่อความมั่นคงและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
6 ภูมิคุ้มกัน 1. ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2. ภาคเกษตรเป็นฐานรายได้หลักและความมั่นคงด้านอาหารของประเทศ 3. การพัฒนาประเทศให้อยู่บนฐานความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัย 4.สังคมไทยมีค่านิยมและวัฒนธรรมที่ดีงาม 5. ชุมชนเป็นกลไกที่มีความสามารถในการบริหารจัดการ มีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิต และเชื่อมโยงกันเป็นสังคมสวัสดิการ 6.ประเทศไทยมีศักดิ์ศรีความเป็นเอกราช เป็นมิตรกับนานาประเทศ
ทิศทางของแผนฯ 11.. “สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ด้วยความเสมอภาค เป็นธรรม และมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง” ยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นธรรมในสังคม ยุทธศาสตร์การพัฒนาคนสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน ยุทธศาสตร์การสร้างความสมดุลและมั่นคงของอาหารและพลังงาน ยุทธศาสตร์การสร้างเศรษฐกิจฐานความรู้และการสร้างปัจจัยแวดล้อม ยุทธศาสตร์การสร้างความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจในภูมิภาค ยุทธศาสตร์การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อการพัฒนาสังคมไทยสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อการพัฒนาสังคมไทย โครงสร้างประชากรไทยมีแนวโน้มประชากรวัยสูงอายุเพิ่มขึ้น ขณะที่ประชากรวัยเด็กและแรงงานลดลง เนื่องจากภาวะเจริญพันธุ์ลดลงต่ำกว่าระดับทดแทน ทำให้ประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในปี 2568
สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อการพัฒนาสังคมไทยสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อการพัฒนาสังคมไทย • ลดความเป็นอิสระ • ข้อวิพากษ์กิจการในประเทศ • ความต้องการครอบงำชี้นำ • ประเด็นต่อรองทางการเมือง สังคมเมืองมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงจากสังคมเครือญาติสู่สังคมปัจเจกมากขึ้น วิถีชีวิตไทยมีความเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมจากนานาอารยประเทศที่มีความหลากหลายมากขึ้น ผลกระทบต่อครอบครัวไทย ผลกระทบต่อประเทศไทย ผลกระทบต่อชุมชนไทย ผลกระทบต่อไทยในระดับสากล สังคมปัจเจก สังคมเครือญาติ
ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อการพัฒนาโครงสร้างสังคมปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อการพัฒนาโครงสร้างสังคม เปรียบเทียบสัดส่วนรายได้ประชากรกลุ่มคนรวยและคนจนของไทย ปี พ.ศ. 2531-2550 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 1,224 บาท/คน 2,231 บาท/คน 3,449 บาท/คน 15,248 บาท/คน 5,608 บาท/คน ที่มา: ข้อมูลจากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน สำนักงานสถิติแห่งชาติ
ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อการพัฒนาคนปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อการพัฒนาคน 1. โครงสร้างประชากรมีความไม่สมดุลทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ วัยเด็กมีอัตราการเกิดลดลงและมีพัฒนาการด้านสติปัญญา/อารมณ์/สังคมในระดับต่ำ วัยแรงงานมีจำนวนลดลงและผลิตภาพอยู่ในระดับต่ำ วัยสูงอายุส่วนใหญ่ที่มีปัญหาสุขภาพและความรู้ต่ำ ส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและขีดความสามารถในการพัฒนาประเทศ 2. ความเสื่อมถอยทางค่านิยมไทยและสถาบันทางสังคมมีแนวโน้มอ่อนแอลง จากการไหลเข้ามาของวัฒนธรรมต่างชาติและกระแสวัฒนธรรมเสมือนจริง ทำให้สังคมไทยมีลักษณะต่างคนต่างอยู่ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ลดลง และรวมตัวเป็นกลุ่มเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเองเป็นหลัก นำไปสู่ปัญหาสังคมที่หลากหลาย 3. การจัดบริการทางสังคมมีปัญหาด้านคุณภาพและการกระจายที่ทั่วถึงทุกพื้นที่ มีปัญหาด้านคุณภาพการศึกษาโดยเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็กในชนบท ความสามารถของผู้สำเร็จการศึกษาไม่สอดคล้องกับความต้องการของนายจ้าง ขาดการบริหารจัดการการศึกษาตลอดชีวิตที่เหมาะสม และการให้บริการในแต่ละระบบประกันสุขภาพมีความไม่เท่าเทียมกัน ส่งผลกระทบต่อความเหลื่อมล้ำของการได้รับบริการ
การสร้างภูมิคุ้มกันและเป้าหมายการพัฒนาสังคมการสร้างภูมิคุ้มกันและเป้าหมายการพัฒนาสังคม สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ด้วยความเสมอภาค เป็นธรรม และมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ ภูมิคุ้มกัน • ทุกคนในสังคมมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม • กลุ่มผู้ด้อยโอกาสได้รับการพัฒนาศักยภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน • ประชาชนมีการเสริมสร้างความเข้มแข็งเป็นพลังร่วมของสังคมไทย • ทุกคนสามารถอยู่ในชุมชนและสังคมที่ยึดโยงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป้าหมายการพัฒนา • สร้างความเป็นธรรมและความมั่นคงทางสังคมให้ทุกคน • สร้างโอกาสให้คนยากจน คนด้อยโอกาสฯลฯ เข้าถึงบริการทางสังคมอย่างเท่าเทียม • ให้ภาคีการพัฒนาทุกภาคส่วนร่วมแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำและความขัดแย้งในสังคมไทย • ให้ทุกคนในสังคมไทยสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีศักดิ์ศรี • คนไทยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต • คนไทยมีการเรียนรู้ตลอดชีวิต • คนไทยตระหนักถึงคุณค่าวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย • ความเข้มแข็งของสถาบันทางสังคมเริ่มตั้งแต่สถาบันครอบครัว สถาบันศาสนา สถาบันการศึกษา (บวร) และชุมชน • คนไทยทุกกลุ่มวัยมีความเข้มแข็งทางวิชาการและจิตสาธารณะ 5 ด้าน • เสริมสร้างสภาพแวดล้อมครอบครัว ชุมชน สังคมให้เอื้อต่อการพัฒนาคน ยุทธศาสตร์การพัฒนา ยุทธศาสตร์การพัฒนาคนสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน ยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นธรรมในสังคม
แนวทางการพัฒนาสังคมในแผนฯ 11 การสร้างความเป็นธรรมในสังคม 2. การพัฒนาคนสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน
แนวทางการสร้างความเป็นธรรมในสังคมแนวทางการสร้างความเป็นธรรมในสังคม การสร้างภูมิคุ้มกัน ๑. ทุกคนในสังคมไทยมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ๒ กลุ่มผู้ด้อยโอกาสได้รับการพัฒนาศักยภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน ๓ ประชาชนมีการเสริมสร้างความเข้มแข็งเป็นพลังร่วมของสังคมไทย ๔ ทุกคนสามารถอยู่ในชุมชนและสังคมที่ยึดโยงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
วัตถุประสงค์และเป้าหมายวัตถุประสงค์และเป้าหมาย วัตถุประสงค์ ๑ สร้างความเป็นธรรมในสังคมไทย และสร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งทุน ทรัพยากรการประกอบอาชีพ ยกระดับรายได้ และสร้างความมั่นคงทางสังคมให้ทุกคนในสังคมไทย ๒. ช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายคนยากจน คนด้อยโอกาส แรงงานนอกระบบ/ต่างด้าวชนกลุ่มน้อย ให้เข้าถึงบริการทางสังคมอย่างเท่าเทียมกับกลุ่มอื่นๆ ๓. สนับสนุนให้ภาคีการพัฒนาทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำและความขัดแย้งในสังคมไทยอย่างมีประสิทธิภาพ ๔. พัฒนาให้ทุกคนในสังคมไทยสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีศักดิ์ศรี
เป้าหมายการพัฒนา ๑. ยกระดับดัชนีความอยู่เย็นเป็นสุขของคนไทยให้เพิ่มขึ้น ๒. ลดช่องว่างรายได้ระหว่างกลุ่มประชากรที่มีรายได้สูงสุดร้อยละ ๑๐ แรกกับกลุ่มที่มีรายได้น้อยร้อยละ ๑๐ สุดท้ายลง ๓. ลดสัดส่วนประชาชนกลุ่มยากจนเหลือร้อยละ ๕ ในปี ๒๕๕๙
๔. แรงงานนอกระบบประกันสังคมเข้าถึงระบบสวัสดิการสังคมเพิ่มขึ้น ๕. คนด้อยโอกาสสามารถเข้าถึงแหล่งทุน ทรัพยากร การประกอบอาชีพ ยกระดับรายได้เพิ่มขึ้น ๖. ลดการทุจริตประพฤติมิชอบในภาครัฐและดัชนีภาพลักษณ์การทุจริตประพฤติมิชอบ
ตัวชี้วัด ๑. ดัชนีความอยู่เย็นเป็นสุขของคนไทย ๒. สัดส่วนรายได้ระหว่างกลุ่มประชากรที่มีรายได้สูงสุดร้อยละ ๑๐ แรกกับกลุ่มที่มีรายได้น้อยร้อยละ ๑๐ สุดท้าย ๓. สัดส่วนประชาชนกลุ่มยากจนต่อประชาชนทั้งหมด ๔. ร้อยละของแรงงานนอกระบบประกันสังคมที่เข้าถึงระบบสวัสดิการสังคมของกำลังแรงงานทั้งหมด ๕. ร้อยละของรายได้ที่เพิ่มขึ้นของคนด้อยโอกาส ๖. ดัชนีภาพลักษณ์การทุจริตประพฤติมิชอบ
แนวทางการพัฒนา ๑. การสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมให้ทุกคนในสังคมไทยสามารถจัดการความเสี่ยงและสร้างโอกาสในชีวิตให้แก่ตนเอง ๑.๑ สร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจฐานราก ๑.๒ปรับระบบการคุ้มครองทางสังคมให้ครอบคลุมทุกคนอย่างทั่วถึง สอดคล้องกับความต้องการและความจำเป็น ๑.๓ส่งเสริมการจัดสรรทรัพยากรให้เกิดความเป็นธรรม ๑.๔ ส่งเสริมการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีสารสนเทศในการพัฒนาอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิต
๒. การจัดบริการทางสังคมให้ทุกคนตามสิทธิพึงมีพึงได้ เน้นการสร้างภูมิคุ้มกันระดับปัจเจกและสร้างการมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจในการพัฒนาประเทศ ๒.๑ สร้างโอกาสอย่างเป็นธรรมให้กลุ่มด้อยโอกาสสามารถเข้าถึงบริการทางสังคมที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ๒.๒ เสริมสร้างความมั่นคงให้คนยากจนมีความพร้อมรับผลกระทบจากวิกฤตต่างๆ ๒.๓สนับสนุนการสร้างสังคมสวัสดิการ
๓. การเสริมสร้างพลังให้ทุกภาคส่วนสามารถเพิ่มทางเลือกการใช้ชีวิตในสังคมและสร้างการมีส่วนร่วมในเชิงเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองได้อย่างมีคุณค่าและศักดิ์ศรี ๓.๑ เสริมสร้างทางสังคมให้ทุกคนสามารถแสดงออกทางความคิดอย่างอิสระ ๓.๒ เสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชนให้สามารถจัดการปัญหาต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๓.๓สนับสนุนการพัฒนาสื่อสร้างสรรค์ในการสร้างค่านิยมใหม่ๆ ในสังคมไทย ๓.๔ ส่งเสริมให้ภาคเอกชนเป็นพลังร่วมในการพัฒนาสังคมไทย
๓.๕ เสริมสร้างระบบบริหารราชการให้เข้มแข็งมีประสิทธิภาพ๓.๕ เสริมสร้างระบบบริหารราชการให้เข้มแข็งมีประสิทธิภาพ ๓.๖ ปฏิรูปการเมืองไทยทั้งระบบให้เป็นประชาธิปไตยของมวลชน
๔. เสริมสร้างความสัมพันธ์ของคนในสังคมให้แน่นแฟ้นเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน๔. เสริมสร้างความสัมพันธ์ของคนในสังคมให้แน่นแฟ้นเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ๔.๑ สร้างค่านิยมใหม่ที่ยอมรับร่วมกันบนฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจและเกื้อกูลกันในสังคม ๔.๒ ส่งเสริมวัฒนธรรมการเมืองที่มีธรรมภิบาลนำไปสู่การเป็นประชาธิปไตยที่ถูกต้องและเหมาะสม ๔.๓สร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้เกิดขึ้นกับคนในสังคม
แนวทางการพัฒนาคนสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืนแนวทางการพัฒนาคนสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน ส่งเสริมคนไทยให้มีการเกิดที่มีคุณภาพและกระจายตัวเหมาะสมกับพื้นที่ พัฒนาคนทุกช่วงวัยให้มีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง ส่งเสริมการเรียนรู้ ตลอดชีวิต เสริมสร้างค่านิยมและวัฒนธรรมไทยทีดี • พัฒนาเด็กปฐมวัยให้มี IQ EQ MQ • 2) พัฒนาด้านวิชาการแก่เด็กวัยเรียน ทั้งมาตรฐานการศึกษา คุณภาพครู และพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม • 3) จัดให้มีกลไกการขับเคลื่อนและสนับสนุนการปฏิรูปการศึกษา • 4) พัฒนาสมรรถนะกำลังแรงงาน: ภาคเกษตร กำลังคนระดับกลาง กำลังคนด้าน S&T • 5) พัฒนาผู้สูงอายุให้มีความมั่นคงด้านรายได้ นำความรู้มาใช้พัฒนาประเทศ • 6) พัฒนาคนให้มีการเรียนรู้ในศาสตร์วิทยาการที่ประกอบอาชีพได้หลากหลาย ควบคู่กับเสริมสร้างทักษะให้มีจิตสาธารณะ 5 ด้าน • 1) สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ด้วยการสร้างกระแสสังคมให้การเรียนรู้เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน • 2) เสริมสร้างและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ในรูปแบบที่หลากหลายและสอดคล้องกับภูมิสังคม ควบคู่กับการใช้ประโยชน์จากแหล่งเรียนรู้ทั่วไป • 3) สร้างปัจจัยสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยพัฒนาองค์ความรู้ของท้องถิ่น และปรับปรุงกฎระเบียบ • 4) จัดระบบความสัมพันธ์ของสวัสดิการทางสังคมให้เชื่อมโยงและเกื้อกูลกัน ควบคู่กับกระจายอำนาจให้ชุมชนมีบทบาทในการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต • ส่งเสริมการเกิดที่มีคุณภาพและรักษาระดับอัตราเจริญพันธุ์ให้เหมาะสม • 2) มุ่งพัฒนานโยบายสาธารณะที่เอื้อต่อสุขภาพอย่างมีส่วนร่วม ควบคู่กับส่งเสริมให้ชุมชนท้องถิ่นมีความเข้มแข็งในการดำเนินการด้านสุขภาพ • 3) ส่งเสริมสนับสนุนการกระจายตัวของประชากรให้สอดคล้องกับทรัพยากรธรรมชาติ และฐานข้อมูลของการย้ายถิ่น • 1) เสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่ดี และวัฒนธรรมประชาธิปไตย โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน • 2) เสริมสร้างความเข้มแข็งให้สถาบันหลักของสังคมมีบทบาทหลักในการหล่อหลอม บ่มเพาะเด็ก/เยาวชน และปลูกจิตสำนึกกลุ่มคนต่างๆ ให้มีวัฒนธรรมและค่านิยมที่ดีงาม • 3) ส่งเสริมองค์กรธุรกิจในการดำเนินงานที่รับผิดชอบต่อสังคม