1 / 18

รูปแบบและการเขียนรายงานข้อเท็จจริง

รูปแบบและการเขียนรายงานข้อเท็จจริง. ด้านที่ ๓ ด้านภูมิหลังทางการศึกษา อาชีพและสังคม ด้านที่ ๔ ด้านเพื่อนและบุคคลใกล้ชิด ด้านที่ ๕ ด้านประวัติเกี่ยวข้องกับยา/สารเสพติดของเด็กหรือเยาวชน. โดย นางสาวดวงพร อุกฤษณ์ ผู้อำนวยการสถานพินิจฯ จ.ปราจีนบุรี.

teague
Download Presentation

รูปแบบและการเขียนรายงานข้อเท็จจริง

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. รูปแบบและการเขียนรายงานข้อเท็จจริงรูปแบบและการเขียนรายงานข้อเท็จจริง ด้านที่ ๓ ด้านภูมิหลังทางการศึกษา อาชีพและสังคม ด้านที่ ๔ ด้านเพื่อนและบุคคลใกล้ชิด ด้านที่ ๕ ด้านประวัติเกี่ยวข้องกับยา/สารเสพติดของเด็กหรือเยาวชน โดย นางสาวดวงพร อุกฤษณ์ ผู้อำนวยการสถานพินิจฯ จ.ปราจีนบุรี

  2. ด้านที่ ๓ ด้านภูมิหลังทางการศึกษา อาชีพและสังคม ด้านการศึกษา : ตั้งแต่เริ่มเรียนจนถึงปัจจุบันหรือชั้นสุดท้ายก่อนออกจากโรงเรียนตามลำดับอายุ ระบุชื่อโรงเรียน ระดับชั้นเรียน ผลการเรียน นิสัย / ความประพฤติและการแสดงออกที่เสียหาย สาเหตุที่ออกจากโรงเรียนก่อนวัยอันสมควร หรือก่อนจบการศึกษาภาคบังคับ(ระบุช่วงอายุ) (เอกสารคู่มือการใช้เครื่องมือจำแนก หน้า ๒๖ – ๒๗ ข้อ ๑๔ – ๒๐)

  3. ด้านที่ ๓ ด้านภูมิหลังทางการศึกษา อาชีพและสังคม (ต่อ) การแสดงออกที่เสียหาย : ไม่เอาใจในการเรียน ผลการเรียนตกต่ำ ติด ร/มส. หนีเรียน ทำผิดระเบียบโรงเรียน มีปัญหาทะเลาะวิวาท ชกต่อย ตบตี ทำร้ายร่างกายกันในโรงเรียน แกล้งเพื่อน หรือข่มขู่ รีดไถ มีคู่รักระหว่างเรียน ตั้งกลุ่ม/แก๊งในโรงเรียน ดื่มสุรา สูบบุหรี่ เสพยาเสพติด เล่นการพนัน แข่งรถ ฯลฯ

  4. ด้านที่ ๓ ด้านภูมิหลังทางการศึกษา อาชีพและสังคม (ต่อ) ตัวอย่าง : เยาวชนเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 โรงเรียน............... กรุงเทพมหานคร ระหว่างเรียนระดับประถมศึกษาไม่มีปัญหาด้านพฤติกรรม มีผลการเรียนอยู่ในระดับที่ดี เยาวชนเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 โรงเรียน................................. ขณะเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เคยสอบตก ได้เกรดศูนย์ ประมาณ 3 วิชา และซ่อมจนผ่าน ไม่เคยหนีเรียน แต่เคยแอบสูบบุหรี่นานๆครั้ง ไปโรงเรียนสายหลายครั้ง เคยถูกครูตีด้วยไม้ ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาท จบมัธยมศึกษาปีที่ 3 ได้เกรดเฉลี่ยประมาณ 2.5 เยาวชนเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนเดิม แต่เยาวชนเรียน ไม่ไหว จึงลาออก และไปเรียนต่อชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ปีที่ 1 วิทยาลัย..............กรุงเทพมหานคร สาขาช่างไฟฟ้า ขณะเรียนเยาวชนหนีเรียนนานๆ ครั้ง เพื่อไปเที่ยวเตร่บ้านเพื่อน เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักเรียนต่างสถาบันหลายครั้ง เริ่มพกพาอาวุธมีดและปืน โดยรุ่นพี่จัดหามาให้ ระหว่างการเรียนมารดาให้เงินเยาวชนไว้ใช้จ่ายวันละ 150 บาท หากวันหยุดจะให้วันละ 100บาท เยาวชนจะใช้ซื้ออาหาร ขนม เติมน้ำมันรถจักรยานยนต์

  5. ด้านที่ ๓ ด้านภูมิหลังทางการศึกษา อาชีพและสังคม (ต่อ) ตัวอย่าง : เยาวชนเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 โรงเรียน...................จังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างเรียนเยาวชนเคยหนีเรียนไปสูบบุหรี่ที่ห้องน้ำโดยเพื่อนร่วมห้องชักชวน เคยหนีเรียนไปเล่นเกมส์ที่ร้านแถวบ้านพักเพราะไม่ได้ทำการบ้านส่งประมาณ ๓ – ๕ ครั้ง โดนครูลงโทษว่ากล่าวตักเตือน ผลการเรียนอยู่ในระดับพอใช้ เยาวชนเรียนต่อที่โรงเรียนเดิมเมื่อขึ้นชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและออกจากโรงเรียนขณะเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เนื่องจากมีปัญหาทะเลาะกับคุณครูเพราะเยาวชนไม่ทำการบ้านส่ง และไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ จนคุณครูไม่พอใจจึงหยิบหนังสือปาใส่หน้าเยาวชนต่อหน้าเพื่อนในห้องเรียน ทำให้เยาวชนรู้สึกอับอายและไม่ต้องการที่จะเรียนหนังสือต่อที่โรงเรียนเดิมอีก ขณะเรียนมีผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องปรับปรุง สามารถอ่านและเขียนได้พอใช้ เคยทำผิดระเบียบของโรงเรียนเรื่องมีปากเสียงกับเพื่อน สูบบุหรี่และชกต่อยกับเพื่อนร่วมห้องเพราะมาดูถูกเยาวชนเรื่องเล่นกีฬาแพ้ เยาวชนถูกลงโทษด้วยวิธีการว่ากล่าวตักเตือน และตี

  6. ด้านที่ ๓ ด้านภูมิหลังทางการศึกษา อาชีพและสังคม (ต่อ) ด้านอาชีพ : ให้ระบุช่วงอายุที่เริ่มทำงาน ลักษณะอาชีพ สถานที่ทำงาน ชื่อนายจ้างหรือหัวหน้างานและเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ระยะเวลาในการทำงาน ประเภทของงาน ช่วงเวลาที่ทำงาน ชั่วโมงการทำงาน วันเวลา ที่ทำงาน งานพิเศษ(ถ้ามี) รายได้ต่อวันหรือต่อเดือน การใช้จ่ายจากเงินรายได้นำไปทำอะไรบ้าง การออมเงิน นิสัย/ความประพฤติในระหว่างการทำงาน ความรับผิดชอบต่องาน การเปลี่ยนงานและเหตุผล

  7. ด้านที่ ๓ ด้านภูมิหลังทางการศึกษา อาชีพและสังคม (ต่อ) ตัวอย่าง : เยาวชนออกจากโรงเรียนเมื่ออายุ ๑๕ ปี ขณะเรียนอยู่ชั้น มัธยมศึกษา ปีที่ ๓ ภาคเรียนที่ ๒ หลังออกจากโรงเรียนไม่ได้ประกอบอาชีพ บิดาให้เงินใช้จ่ายวันละ ๔๐ บาท ส่วนใหญ่นำไปเล่นเกมส์และซื้อขนมกิน จากนั้นประมาณ ๓ เดือนบิดาฝากให้ทำงานที่อู่ต่อรถบรรทุก ได้รับค้าจ้างวันละประมาณ ๒๐๐ บาท ทำงานมานานประมาณ ๑ ปีขณะอายุ ๑๖ ปี มีปัญหาทะเลาะชกต่อยกับเพื่อนร่วมงานจึงออกจากงานมาอยู่ที่บ้านตายายที่จังหวัดเพชรบุรีช่วยตายายประกอบอาชีพทำสวน ตายายให้เงินใช้จ่ายวันละ ๓๐-๔๐ บาท ทำได้ประมาณ ๔ เดือนเยาวชนได้งานใหม่โดยเพื่อนบ้านใกล้เคียงกับบ้านของตายายแนะนำให้ไปทำงานรับจ้างเสิร์ฟอาหารโต๊ะจีน ซึ่งจะมีงานให้ทำเป็นครั้งคราวเดือนละ ๑-๒ ครั้ง ได้รับค่าจ้างครั้งละประมาณ ๖๐๐ บาท เป็นรายได้เสริมจากการทำสวน เยาวชนทำงานนี้มานานประมาณ 3-4 เดือนจนกระทั่งถูกจับกุมครั้งนี้ รายได้ส่วนใหญ่เยาวชนจะนำมาใช้จ่ายซื้อของใช้ส่วนตัว เที่ยวเตร่ และซื้อยาบ้ามาเสพ

  8. ด้านที่ ๓ ด้านภูมิหลังทางการศึกษา อาชีพและสังคม (ต่อ) ตัวอย่าง :หลังออกจากโรงเรียน เยาวชนถูกเพื่อนชักชวนให้มาทำงานในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเยาวชนทำงานเป็นพนักงานนั่งดริ้งค์ที่ร้านอาหารชื่อ “...........................” เยาวชนอ้างว่าทำได้เพียงหนึ่งวันก็ย้ายไปทำงานเป็นพนักงานบริการอาหารที่ร้าน “......................” ในชุมชนสันติธรรม ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เยาวชนเริ่มงานตั้งแต่เวลา ๑๙.๐๐ – ๒๔.๐๐ นาฬิกา โดยได้รับค่าจ้างวันละ ๒๐๐ บาท เยาวชนอ้างว่าไม่เคยถูกเรียกไปนั่งดื่ม และไม่เคยขายบริการทางเพศให้กับลูกค้าในร้าน แม้จะมีคนมาติดต่อและมีเพื่อนมาชักชวนให้ทำบ่อยครั้ง เมื่อเยาวชนเลิกงานเยาวชนกับเพื่อนก็จะชักชวนกันไปเที่ยวสถานบันเทิง ผับ เธค ในละแวกชุมชนเชียงใหม่แลนด์จนถึงเช้าจึงกลับเข้าที่พัก

  9. ด้านที่ ๓ ด้านภูมิหลังทางการศึกษา อาชีพและสังคม (ต่อ) ด้านสังคม : การใช้เวลาว่าง : การเล่นการพนัน การเสพยาเสพติด การใช้เวลาว่างที่เหมาะสมและไม่เหมาะสม ลักษณะนิสัย : การแสดงออก/พฤติกรรมที่เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ลักษณะนิสัยที่เหมาะสมและไม่เหมาะสม พฤติกรรมทางเพศ: เคย/ไม่เคย ปกติ/ผิดปกติ การป้องกัน อายุที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก สมัครใจ/ไม่สมัครใจ การตั้งครรภ์/ทำแท้งหรือทำให้ผู้อื่นตั้งครรภ์ (เอกสารคู่มือการใช้เครื่องมือจำแนก หน้า ๒๘ – ๒๙ ข้อ ๒๑ – ๒๕)

  10. ด้านที่ ๓ ด้านภูมิหลังทางการศึกษา อาชีพและสังคม (ต่อ) ตัวอย่าง: เยาวชนใช้เวลาว่างช่วยยายรดน้ำที่สวนผลไม้ ออกไปหาเพื่อนรวมกลุ่มพูดคุยกัน ติดเกม โดยเล่นเกมครั้งละประมาณ ๓ ชั่วโมง ส่วนกลางคืนจะออกไปรวมกลุ่มกับเพื่อนประมาณ 6-8 คน ชักชวนกันขับขี่รถจักรยานยนต์เที่ยวเตร่ และเที่ยวที่ร้านอาหารคาราโอเกะ ซึ่งมีเด็กเสิร์ฟมานั่งให้บริการ กลับเข้าบ้านเวลาประมาณ 21.00-24.00 นาฬิกา เยาวชนมีนิสัยดื้อรั้น เงียบขรึม พูดน้อย เก็บตัว น้อยใจง่าย และเอาใจตนเอง ไม่ค่อยกล้าแสดงออก หงุดหงิดง่าย มักจะโกรธและโมโหหรือแสดงอาการไม่พอใจหากถูกหาว่าโง่ เยาวชนมีพฤติกรรมติดเกม ติดเพื่อน และมักคล้อยตามเพื่อนในบางครั้ง ร่าเริงเมื่ออยู่กับกลุ่มเพื่อน ต้องการความสนใจและชอบช่วยเหลือผู้อื่น เยาวชนไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับหญิงขายบริการ แต่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ ๑๕ ปี โดยมีเพศสัมพันธ์กับหญิงคู่รักเพียงคนเดียว และไม่เคยป้องกันการตั้งครรภ์หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

  11. ด้านที่ ๓ ด้านภูมิหลังทางการศึกษา อาชีพและสังคม (ต่อ) ตัวอย่าง : เยาวชนใช้เวลาว่าง เล่นกีตาร์ เล่นกีฬา ฟุตบอล ตระกร้อ เบตอง ที่สนามกีฬาละแวกบ้าน ชอบตกปลาตามคลองสาธารณะละแวกบ้าน ขณะเรียนชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) เยาวชนเดินทางไปโรงเรียนโดยขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งมักรวมกลุ่มไปพร้อมเพื่อน เลิกเรียนเวลาประมาณ 14.00-15.00 นาฬิกา จากนั้นขับขี่รถจักรยานยนต์ ไปรวมกลุ่มที่ตลาดเพื่อขับรถกลับบ้านพร้อมเพื่อน ซึ่งมีประมาณ 30-40 คน (รถจักรยานยนต์ 20 คัน) เนื่องจากทางโรงเรียนแนะนำให้ไปพร้อมกัน เพื่อความปลอดภัย และเยาวชนมักไปรวมกลุ่มที่บ้านเพื่อน เพื่อนั่งเล่นพูดคุยกัน จนถึงเวลาประมาณ 21.00 นาฬิกา จึงกลับเข้าบ้าน และเยาวชนเคยค้างคืนนอกบ้านเป็นบางครั้ง เยาวชนมักไปพูดคุยกับคนงานซึ่งพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักคนงาน ซึ่งบิดาทำงานอยู่ในโรงงานเดียวกัน ลักษณะนิสัย เยาวชนเป็นพูดคุยพอสมควร ร่าเริง นิสัยดื้อรั้น เคยโต้เถียงบิดามารดาบางครั้ง เยาวชนอารมณ์ร้อน หงุดหงิดง่าย ค่อนข้างก้าวร้าว เยาวชนมีความรับผิดชอบพอสมควร สามารถทำงานที่บิดามารดาวานใช้ และทำงานส่งครูจนสำเร็จได้ เยาวชนอ้างว่าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ และไม่มีความผิดปกติทางเพศ

  12. ด้านที่ ๔ ด้านเพื่อนและบุคคลใกล้ชิด เพื่อนที่คบส่วนใหญ่ : ผู้ที่เด็ก/เยาวชนรักใคร่ชอบพอ คุ้นเคย อาจมีอายุมากกว่าหรือน้อยกว่าหรือายุใกล้เคียงกัน เพื่อนสนิท : ผู้ที่เด็ก/เยาวชนรักใคร่ชอบพอกัน คุ้นเคยกันมากกว่าผู้อื่น สถานภาพ: เรียน ทำงาน ว่างงาน แก๊งมิจฉาชีพฯลฯ ภาวะผู้นำ : ระดับภาวะผู้นำที่เด็ก/เยาวชนแสดงออก เช่น ริเริ่มที่จะเป็นผู้ชักชวนให้ทำตามที่ตนเองคิดไว้ , เคยทั้งเป็นผู้ที่ชักชวนและเป็นผู้ที่ทำตามคำชักชวน , ทำตามคนอื่น ๆ ไม่มีความเห็นเป็นของตนเอง ฯลฯ พฤติกรรม/นิสัยของเพื่อนที่คบ/บุคคลใกล้ชิด : เกี่ยวข้องอบายมุข/สิ่งผิดกฎหมาย อาชญากร/อันธพาล ฯลฯ (เอกสารคู่มือการใช้เครื่องมือจำแนก หน้า ๒๙ – ๓๐ ข้อ ๒๖ – ๓๐)

  13. ด้านที่ ๔ ด้านเพื่อนและบุคคลใกล้ชิด (ต่อ) ตัวอย่าง: เพื่อนที่เยาวชนคบหามีทุกเพศทุกวัย แต่ส่วนมากเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันซึ่งบางคนทำงานบางคนไม่ทำงาน เยาวชนมีเพื่อนที่สนิท ๓-๔ คนซึ่งยังเรียนหนังสืออยู่ตอนเย็นเพื่อนๆมักรวมกลุ่มเล่นกีฬาที่สนามโรงเรียนใกล้บ้าน บางครั้งรวมกลุ่มดื่มสุรา สูบหรี่ ที่ศาลากลางหมู่บ้าน เพื่อนรุ่นพี่ที่คบหาบางคนมีพฤติกรรมข้องเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ เพื่อนรุ่นพี่ชื่อนายหรั่ง เคยถูกจับกุมดำเนินคดีมาก่อนในข้อหาเสพยาเสพติด แต่ปัจจุบันได้ออกจากหมู่บ้านไปทำงานที่ต่างจังหวัดช่วงเทศกาลจึงกลับมาพบเจอกันนานๆครั้ง เพื่อนบางคนชอบตกแต่งรถจักรยานยนต์คลาสสิคขับขี่เที่ยวเล่น ระหว่างอยู่ในกลุ่มเพื่อนเยาวชนมักจะคล้อยตามเพื่อนโดยเฉพาะเพื่อนรุ่นพี่ซึ่งมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเยาวชน

  14. ด้านที่ ๔ ด้านเพื่อนและบุคคลใกล้ชิด (ต่อ) ตัวอย่าง : เพื่อนที่เยาวชนคบหาส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า และใกล้เคียงกัน มีเพื่อนสนิท 10 กว่าคน ซึ่งเป็นเพื่อนที่โรงเรียน โดยเพื่อนสนิททุกคนกำลังเรียนหนังสือ เพื่อนที่คบหาบางคนมีพฤติกรรม หนีเรียน เที่ยวกลางคืน ดื่มสุรา และกลุ่มเพื่อนมักมีปัญหาทะเลาะวิวาท พกพาอาวุธมีด อาวุธปืน และเสพกัญชา เยาวชนไม่มีความเป็นผู้นำที่ชัดเจน บางครั้งก็เป็นผู้นำเพื่อนบางครั้งก็ตามกันไป แล้วแต่เหตุการณ์

  15. ด้านที่ ๔ ด้านเพื่อนและบุคคลใกล้ชิด (ต่อ) ตัวอย่าง: เยาวชนคบหาเพื่อนรุ่นเดียวกันและรุ่นพี่หลายคน และมีเพื่อนสนิทประมาณ ๕ คน ซึ่งอยู่ในชุมชนเดียวกัน เพื่อนทุกคนไม่ได้ศึกษาเล่าเรียน แต่ประกอบอาชีพ กลุ่มเพื่อนของเยาวชนมักจะมีพฤติกรรมดื่มสุรา สูบบุหรี่ ติดเกม ชอบขับขี่รถจักรยานยนต์เที่ยวเตร่ในเวลากลางคืน และเที่ยวเตร่ตามร้านอาหาร เยาวชนมีเพื่อน ๒ คน ซึ่งมีพฤติกรรมลักขโมย นอกจากนี้กลุ่มเพื่อนของเยาวชนประมาณ ๒-๓ คน มีพฤติกรรมเสพยาเสพติดประเภทยาบ้าและกัญชา เมื่ออยู่ในกลุ่มเพื่อนเยาวชนมักจะแสดงความคิดเห็นหรือชักชวนเพื่อนไปลักขโมย เล่นเกม และไปเที่ยวเตร่ที่ร้านอาหารในบางครั้ง ก่อนเกิดเหตุเยาวชนได้ไปประกอบอาชีพรับจ้างทำงานที่อู่ซ่อมรถยนต์ได้ประมาณ ๒-๓ เดือน และได้รู้จักคบหากับเพื่อนที่กระทำผิดครั้งนี้ด้วยกัน คือนายสมชายฯ และนายสนิทฯ ซึ่งมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมคือมีพฤติกรรมดื่มสุราสูบบุหรี่ ชอบเที่ยวเตร่ตามร้านอาหาร ซึ่งบิดามารดาเคยตักเตือนห้ามไม่ให้คบหากับเพื่อนดังกล่าวแล้ว แต่เยาวชนไม่เชื่อฟัง

  16. ด้านที่ ๕ ด้านประวัติเกี่ยวข้องกับยา/สารเสพติด ของเด็กหรือเยาวชน ด้านยาเสพติด : ระบุประเภทของยาเสพติด ความถี่และปริมาณ โดยบอกถึงอายุที่เริ่มใช้ ระยะเวลาในการใช้ สาเหตุที่ใช้ เงินที่นำมาซื้อ ผู้แนะนำให้ใช้ เมื่อใช้แล้วรู้สึกอย่างไร สาเหตุที่ใช้อย่างต่อเนื่อง ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเยาวชน ผู้ที่อยู่รอบข้างและสังคม ประวัติการเข้ารับการบำบัดและผลการบำบัด ประวัติการจำหน่าย การรับฝากรับจ้างซื้อ การรับจ้างจำหน่าย หลักฐาน :หลักฐานประวัติการเข้าการบำบัด เอกสารผลการตรวจปัสสาวะ ประเภทยาเสพติดที่ตรวจพบและการส่งต่อไปรักษา (เอกสารคู่มือการใช้เครื่องมือจำแนก หน้า ๓๐ – ๓๓ ข้อ ๓๑ – ๓๔)

  17. ด้านที่ ๕ ด้านประวัติเกี่ยวข้องกับยา/สารเสพติด (ต่อ) ตัวอย่าง : เยาวชนไม่สูบบุหรี่ แต่เริ่มดื่มสุราเมื่ออายุ ๑๕ ปี (ขณะเรียนมัธยมฯปีที่ ๓) โดยลุงซึ่งเป็นญาติอาศัยอยู่บ้านใกล้เคียงเป็นผู้ชักชวนให้ดื่ม ปัจจุบันดื่มบ้างบางโอกาส แต่ไม่เคยมีพฤติกรรมมึนเมาอาละวาดหรือก่อความวุ่นวาย เยาวชนเริ่มเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) เมื่ออายุ ๑๖ ปี เพื่อนที่โรงเรียนชักชวนให้เสพ บอกว่าหากเสพแล้วจะอารมณ์ดีและมีความสุข เยาวชนอยากรู้อยากลอง จึงได้เสพกัญชาด้วยวิธีการใช้บ้องไม้ไผ่ ที่บริเวณบ้านพักของเพื่อน เยาวชนเสพสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เสียค่าใช้จ่ายครั้งละ 100 บาท เรื่อยมากระทั่งถูกจับกุมดำเนินคดีในครั้งนี้ เยาวชนไม่มีพฤติกรรมในการจำหน่ายหรือรับจ้างจำหน่ายยาเสพติดให้โทษทุกประเภท ซึ่งภายหลังถูกจับกุมดำเนินคดี เยาวชนได้สมัครใจเข้ารับการบำบัดยาเสพติด ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล...................................จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2557 โดยรักษาแบบกาย-จิต-สังคมบำบัด (Matrix Program) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการติดตามผล

  18. ด้านที่ ๕ ด้านประวัติเกี่ยวข้องกับยา/สารเสพติด (ต่อ) ตัวอย่าง :เยาวชนเริ่มสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์เมื่ออายุ ๑๓ ปี โดยเพื่อนรุ่นพี่ในหมู่บ้านชักชวนให้สูบและทดลองดื่มสุรา เยาวชนสูบบุหรี่เป็นประจำสม่ำเสมอวันละ ๑ ซอง ดื่มสุราในปริมาณน้อยหรือมากแล้วแต่โอกาสนานๆครั้งเมื่อเพื่อนชวนหรือมีงานเทศกาล เยาวชนทดลองเสพยาบ้าเมื่ออายุ ๑๔ ปี เนื่องจากต้องการให้ลืมเรื่องที่บิดามารดาทอดทิ้งไม่นำไปเลี้ยงดู ครั้งแรกเยาวชนให้นายหลอดฯ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทไปซื้อยาบ้ามาเสพจำนวน ๑ เม็ด ราคา ๒๐๐ บาท หลังเสพมีอาการขยันทำงานเพลิดเพลินไม่คิดถึงมารดา หลังจากเสพครั้งแรกนานประมาณ ๒ สัปดาห์ จึงให้นายหลอดฯไปซื้อยาบ้ามาเสพอีกจำนวน ๒ เม็ด โดยเสพร่วมกันในป่าจำนวน ๒ เม็ด ต่อมาเยาวชนเสพมากขึ้นกระทั่งเสพเป็นประจำทุกวันนานประมาณ ๑ ปี เยาวชนถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๖ คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจังหวัด............................มีมติให้เยาวชนเข้ารับการบำบัดแบบบังคับบำบัดที่ค่ายทหารไพรีระย่อเดช จังหวัดสระแก้ว เป็นระยะ ๔ เดือน หลังครบกำหนดบำบัดเยาวชนไม่สามารถเลิกเสพยาบ้าได้ จึงเสพเรื่อยมาจนกระทั่งถูกจับกุมดำเนินคดีนี้

More Related