1 / 48

แนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยทางชีวภาพ

แนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยทางชีวภาพ. นายนิพนธ์ เอี่ยมสุภาษิต, ดร. โครงการเกษตรแบบยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการ สมาคมเทคโนโลยีชีวภาพสัมพันธ์. การประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องการใช้แนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยทางชีวภาพ

tadhg
Download Presentation

แนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยทางชีวภาพ

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. แนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยทางชีวภาพแนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยทางชีวภาพ นายนิพนธ์ เอี่ยมสุภาษิต, ดร. โครงการเกษตรแบบยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการ สมาคมเทคโนโลยีชีวภาพสัมพันธ์ การประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องการใช้แนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยทางชีวภาพ วันอังคารที่ 23 สิงหาคม 2548 ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค

  2. คณะกรรมการความปลอดภัยทางชีวภาพระดับสถาบันคณะกรรมการความปลอดภัยทางชีวภาพระดับสถาบัน การประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง แนวทางความร่วมมือบริหารจัดการความปลอดภัยทางชีวภาพระดับสถาบัน วันที่ 23 กรกฎาคม 2545 ณ โรงแรมมารวย การ์เด้น

  3. ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็แล้วแต่ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็แล้วแต่ • จะพบว่าทุกแห่งจะมีแนวปฏิบัติ • ทั้งนี้อาจจะเพื่อประสิทธิภาพของการทำงาน • หรืออาจจะเพื่อความปลอดภัยของผู้ทำงาน เพื่อนร่วมงาน และสิ่งแวดล้อม

  4. ประเด็นที่จะกล่าวถึง ถ้าจะต้องดำเนินงานด้านเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่หรือพันธุวิศวกรรม ก็จะต้องดำเนินงานตามแนวปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยทางชีวภาพ • ขอบเขตของแนวปฏิบัติ • ประเภทของงานวิจัย • ระดับของความปลอดภัย

  5. ขอบเขตของแนวปฏิบัติ • ใช้กับการวิจัยและทดลองในห้องปฏิบัติการ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างและหรือการขยายจำนวนไวรอยด์ ไวรัส เซลล์หรือสิ่งมีชีวิตที่มีสารพันธุกรรมใหม่อันเกิดจากกระบวนการดัดแปลงสารพันธุกรรมซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและอาจมีอันตรายในด้านสาธารณสุข หรือต่อสิ่งแวดล้อม (บทที่ 2 และบทที่ 4)

  6. ขอบเขตของแนวปฏิบัติ • ใช้กับการทดลองวิจัยหรือการผลิตที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตที่ได้รับการดัดแปลงพันธุกรรมในระดับความจุของถังหมักหรือถังปฏิกรณ์ชีวภาพที่มีความจุมากกว่า 10 ลิตรขึ้นไป (บทที่ 6)

  7. ขอบเขตของแนวปฏิบัติ • ใช้กับการวิจัยและทดลองภาคสนามของสิ่งมีชีวิตเฉพาะพืชและจุลินทรีย์ทุกชนิดที่เป็นสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม ซึ่งเมื่อผ่านการวิจัยและทดลองในระดับห้องปฏิบัติการแล้ว อาจมีความจำเป็นต้องมีการทดสอบภาคสนามรวมถึงในแปลงทดลองและสภาพไร่นา (บทที่ 7)

  8. ถังหมัก 10 ลิตร สิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม จุลินทรีย์ ห้องปฏิบัติการ ภาคสนาม สร้าง ขยาย สิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม โรงเรือน สิ่งมีชีวิตเฉพาะพืชและจุลินทรีย์ดัดแปลงพันธุกรรม

  9. ประเภทของงานวิจัยแบ่งตามระดับความปลอดภัยงานทางพันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ (บทที่ 2) ประเภทที่ 1. เป็นการวิจัยและทดลองที่ไม่มีอันตรายและไม่ต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการกลางฯ(หน้า 18-20) ประเภทที่ 2. เป็นงานวิจัยและทดลองที่อาจเป็นอันตรายในระดับต่ำต่อพนักงานในห้องทดลอง ชุมชนและสิ่งแวดล้อม(หน้า 20-21) ประเภทที่ 3. เป็นงานวิจัยและทดลองที่อาจมีอันตรายต่อนักวิจัย ชุมชนและสิ่งแวดล้อม หรือเกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วยโดยการดัดแปลงพันธุกรรมและงานที่อาจมีอันตรายในระดับที่ยังไม่ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด(หน้า 21-23) ประเภทที่ 4. การวิจัยและทดลองที่อาจมีอันตรายร้ายแรงและ/หรือขัดต่อศีลธรรม (หน้า 24)

  10. ประเภทของงานทดลอง ประเภทที่ 1. เป็นการทดลองที่ไม่ต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการกลาง (หน้า 2-3) ประเภทที่ 2. เป็นการทดลองที่อาจเป็นภัยอันตรายในระดับต่ำต่อพนักงาน ในห้องทดลอง ชุมชนและสิ่งแวดล้อม (หน้า 4-5) ประเภทที่ 3. เป็นการทดลองที่มีอันตรายต่อนักวิจัย ชุมชนและสิ่งแวดล้อม หรือเกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วยโดยการตกแต่งยีนส์ และงานที่มี ภัยอันตรายในระดับที่ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด(หน้า 5-7) งานทุกประเภท ต้องรายงานให้คณะกรรมการฯกลางทราบ แนวทางความร่วมมือบริหารจัดการความปลอดภัยทางชีวภาพระดับสถาบัน

  11. ประเภทงานวิจัยในห้องปฏิบัติการประเภทงานวิจัยในห้องปฏิบัติการ • การเชื่อมของ protoplast หรือ embryo rescue ของเซลล์พืช • งานวิจัยและทดลองที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมโดยธรรมชาติ โดยที่ผู้ให้และผู้รับเป็นชนิดพันธุ์เดียวกัน และเป็นชนิดที่รู้แล้วว่าสามารถแลกเปลี่ยนกับเจ้าบ้านต่างชนิดได้ตามธรรมชาติ • งานดัดแปลงพันธุกรรมพืชที่มีลักษณะต่างออกไป • การวิจัยและทดลองที่ใช้พาหะไวรัสซึ่งทำให้เซลล์มนุษย์ติดเชื้อได้ • งานวิจัยและทดลองที่มุ่งจะดัดแปลงพันธุกรรมของมนุษย์ด้วยเทคนิคทางพันธุวิศวกรรม

  12. ระดับของความปลอดภัย • ระดับการป้องกันภัยอันตรายทางชีวภาพในระดับห้องปฏิบัติการ (บทที่ 4) ความปลอดภัยระดับที่ 1 (BL 1) ความปลอดภัยระดับที่ 2 (BL 2) ความปลอดภัยระดับที่ 3 (BL 3) ความปลอดภัยระดับที่ 4 (BL 4)

  13. ระดับการป้องกันภัยอันตรายทางชีวภาพในระดับห้องปฏิบัติการระดับการป้องกันภัยอันตรายทางชีวภาพในระดับห้องปฏิบัติการ ความปลอดภัยระดับที่ 1 (BL 1) • ใช้กับการทดลองเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมประเภทที่ 1 งานวิจัยและทดลองที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมโดยธรรมชาติ โดยที่ผู้ให้และผู้รับเป็นชนิดพันธุ์เดียวกัน และเป็นชนิดที่รู้แล้วว่าสามารถแลกเปลี่ยนกับเจ้าบ้านต่างชนิดได้ตามธรรมชาติ (ผนวก 2)(1) การเชื่อมของ protoplast หรือ embryo rescue ของเซลล์พืช(1) • สิ่งสำคัญที่จะต้องมีในห้องปฏิบัติการระดับนี้คือ โต๊ะปฏิบัติการ อ่างล้างมือ อุปกรณ์วิจัยและเทคนิคทางจุลชีววิทยาทั่วไป • มาตรฐานห้องปฏิบัติการระดับที่ 1 (ผนวก 9)

  14. ระดับการป้องกันภัยอันตรายทางชีวภาพในระดับห้องปฏิบัติการระดับการป้องกันภัยอันตรายทางชีวภาพในระดับห้องปฏิบัติการ ความปลอดภัยระดับที่ 2 (BL 2) มาตรฐานห้องปฏิบัติการระดับที่ 2/3 (ผนวก 10/11) • ใช้กับการทดลองเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 หรือบางลักษณะของงานประเภทที่ 3 งานดัดแปลงพันธุกรรมพืชที่มีลักษณะต่างออกไป(2) • สิ่งสำคัญที่จะต้องจัดหาและปฏิบัติในห้องปฏิบัติการระดับนี้คือ การฝึกอบรมทางเทคนิคเกี่ยวกับจุลินทรีย์ก่อโรคให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง เครื่องมือและครุภัณฑ์ตามแบบ BL1 เป็นอย่างน้อย ตู้ชีวนิรภัย (biological safety cabinet class I หรือII) และเครื่องอบฆ่าเชื้อด้วยไอน้ำความดันสูง (autoclave) (ผนวก 13)

  15. ระดับการป้องกันภัยอันตรายทางชีวภาพในระดับห้องปฏิบัติการระดับการป้องกันภัยอันตรายทางชีวภาพในระดับห้องปฏิบัติการ ความปลอดภัยระดับที่ 3 (BL 3) มาตรฐานห้องปฏิบัติการระดับที่ 3 (ผนวก 11) • ใช้กับการทดลองเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมประเภทที่ 3 รวมถึงการใช้กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่ก่อโรคร้ายแรงและมีโอกาสแพร่กระจายผ่านทางระบบหายใจ การวิจัยและทดลองที่ใช้พาหะไวรัสซึ่งทำให้เซลล์มนุษย์ติดเชื้อได้ (3) • สิ่งสำคัญที่ต้องจัดหาและปฏิบัติในห้องปฏิบัติการคือ ข้อปฏิบัติในระดับ BL2 ทั้งหมด ระบบไหลเวียนอากาศในห้องปฏิบัติการ ควรเป็นระบบที่ลดการเล็ดลอดของ จุลินทรีย์ออกไปสู่สิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด การอนุญาตให้บุคคลภายนอกหรือที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในสถานที่ต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ

  16. ระดับการป้องกันภัยอันตรายทางชีวภาพในระดับห้องปฏิบัติการระดับการป้องกันภัยอันตรายทางชีวภาพในระดับห้องปฏิบัติการ ความปลอดภัยระดับที่ 4 (BL 4) มาตรฐานห้องปฏิบัติการระดับที่ 4 (ผนวก 12) • ใช้กับการทดลองเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมประเภทที่ 3 รวมไปถึงการใช้กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงสูงสุดหรือยังไม่ทราบระดับอันตรายที่ชัดเจน การวิจัยและทดลองที่ใช้พาหะไวรัสซึ่งทำให้เซลล์มนุษย์ติดเชื้อได้ (3) • สิ่งสำคัญที่ต้องจัดหาและปฏิบัติในห้องปฏิบัติการคือ ข้อปฏิบัติในระดับ BL3 ทั้งหมด เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเข้าห้องปฏิบัติการ มีที่อาบน้ำก่อนออกจากห้องปฏิบัติการ อาคารหรือห้องปฏิบัติการควรแยกออกมาต่างหาก ตู้ชีวนิรภัยควรอยู่ในระดับ class III (ผนวก 13)

  17. งานวิจัยและทดลองที่มุ่งจะดัดแปลงพันธุกรรมของมนุษย์ด้วยเทคนิคทางพันธุวิศวกรรมงานวิจัยและทดลองที่มุ่งจะดัดแปลงพันธุกรรมของมนุษย์ด้วยเทคนิคทางพันธุวิศวกรรม • ไม่อนุญาตให้ดำเนินการ

  18. สรุปแนวปฏิบัติในห้องปฏิบัติการสรุปแนวปฏิบัติในห้องปฏิบัติการ • ขึ้นกับประเภทของงานวิจัย (1-4) ซึ่งแบ่งตามอันตรายที่อาจเกิดขึ้น (บทที่ 2) • ระดับความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ จะขึ้นอยู่กับประเภทของงานวิจัย(บทที่ 4) • ซึ่งจะต้องจัดเตรียมห้องปฏิบัติการให้ได้มาตรฐานตามระดับความปลอดภัย (ผนวก 9-12 และผนวก 13)

  19. สิ่งจำเป็นที่ต้องจัดหา BL1 BL2 BL3 BL4สิ่งจำเป็นที่ต้องจัดหา BL1 BL2 BL3 BL4 โต๊ะปฏิบัติการ อ่างล้างมือ ต้องมี ต้องมี ต้องมี ต้องมี อบรมเทคนิคทางจุลฯ ควรมี ต้องมี ต้องมี ต้องมี Autoclave ควรมี ต้องมี ต้องมี ต้องมี ตู้ชีวนิรภัย ควรมี I/II I/II III ระบบกรองไหลเวียนอากาศ -- -- ควรมี ต้องมี การเข้มงวด เข้า-ออก -- ควรมี ควรมี ต้องมี อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า -- -- ควรมี ต้องมี แยกห้องปฏิบัติการ -- -- -- ควร/ต้อง

  20. งานวิจัยและทดลองที่เกี่ยวข้องกับจุลินทรีย์ดัดแปลงพันธุกรรมงานวิจัยและทดลองที่เกี่ยวข้องกับจุลินทรีย์ดัดแปลงพันธุกรรม • ถ้าจุลินทรีย์นั้นไม่ก่อให้เกิดโรคและไม่ผลิตสารพิษ • ถ้าจุลินทรีย์นั้นถูกจัดอยู่ในประเภทอาจก่อให้เกิดอันตรายต่ำ • ถ้าจุลินทรีย์นั้นถูกจัดอยู่ในประเภทอาจก่อให้เกิดอันตราย • ถ้าจุลินทรีย์นั้นถูกจัดอยู่ในประเภทอาจก่อให้เกิดอันตราย-อันตรายร้ายแรง

  21. ระดับของความปลอดภัย • ขอบเขตแนวทางปฏิบัติสำหรับการทดลองในระดับใหญ่ที่มีความจุถังหมักหรือถังปฏิกรณ์ชีวภาพมากกว่า 10 ลิตรขึ้นไป (บทที่ 6) Good Large Scale Practice BL1-Large Scale BL2-Large Scale BL3-Large Scale

  22. ขอบเขตแนวทางปฏิบัติสำหรับการทดลองในระดับใหญ่ที่มีความจุถังหมักหรือถังปฏิกรณ์ชีวภาพมากกว่า 10 ลิตรขึ้นไป (บทที่ 6) Good Large Scale Practice • ใช้กับสิ่งมีชีวิตทั่วไปที่ไม่ก่อให้เกิดโรคและรวมถึงสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมแต่จะต้องไม่เกิดการผลิตสารพิษ • การดูแลใช้หลักการทำนองเดียวกับระดับความปลอดภัยทางชีวภาพ BL1 ถ้าจุลินทรีย์นั้นไม่ก่อให้เกิดโรคและไม่ผลิตสารพิษ

  23. ขอบเขตแนวทางปฏิบัติสำหรับการทดลองในระดับใหญ่ที่มีความจุถังหมักหรือถังปฏิกรณ์ชีวภาพมากกว่า 10 ลิตรขึ้นไป ถ้าจุลินทรีย์นั้นถูกจัดอยู่ในประเภทอาจก่อให้เกิดอันตรายต่ำ BL1-Large Scale • ควบคุมการเพาะเลี้ยงในระบบปิด • ระวังการปลดปล่อยออกจากถังหมัก แน่ใจว่าได้ฆ่าเซลล์หรือทำให้หมดสภาพ • ควบคุมการฟุ้งกระจายหรือปนเปื้อนบริเวณพื้นผิวการทดลอง • Containment ระดับความปลอดภัยทางชีวภาพ BL1

  24. ขอบเขตแนวทางปฏิบัติสำหรับการทดลองในระดับใหญ่ที่มีความจุถังหมักหรือถังปฏิกรณ์ชีวภาพมากกว่า 10 ลิตรขึ้นไป ถ้าจุลินทรีย์นั้นถูกจัดอยู่ในประเภทอาจก่อให้เกิดอันตราย BL2-Large Scale • ใช้กับสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมที่มีระดับความอันตรายเทียบเท่ากับระดับ BL2 • หลักการทั่วไปอย่างน้อยต้องเทียบเท่ากับ BL1-Large Scale แต่ containment ที่ใช้ควรอยู่ในระดับ BL2 • ตู้นิรภัย (biological safety cabinet) ในระดับ class II • ควรมีระบบเครื่องกรองอากาศดักฝุ่นละอองประสิทธิภาพสูง

  25. ขอบเขตแนวทางปฏิบัติสำหรับการทดลองในระดับใหญ่ที่มีความจุถังหมักหรือถังปฏิกรณ์ชีวภาพมากกว่า 10 ลิตรขึ้นไป ถ้าจุลินทรีย์นั้นถูกจัดอยู่ในประเภทอาจก่อให้เกิดอันตราย-อันตรายร้ายแรง BL3-Large Scale • ใช้กับสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมที่มีระดับความอันตรายเทียบเท่า BL3-4 หรือเข้าข่ายงานประเภทที่ 3 • ตู้นิรภัย (biological safety cabinet) ในระดับ class III ข้อเสนอแนะที่ควรปฏิบัติ • แยกบริเวณการผลิตหรือการทดลองให้เป็นสัดส่วน ทางเข้าควรเป็นระบบ double-door space air lock • ลดการปนเปื้อนบนพื้นผิว

  26. ขอบเขตแนวทางปฏิบัติสำหรับการทดลองในระดับใหญ่ที่มีความจุถังหมักหรือถังปฏิกรณ์ชีวภาพมากกว่า 10 ลิตรขึ้นไป • อุดรอยรั่วหรือป้องกันการซึมเข้า ห้องปฏิบัติการหรือโรงงาน • มีที่สำหรับชำระล้างร่างกายอย่างเหมาะสม • มีระบบเตือนภัย • ชุดที่สวมใส่ควรมิดชิด • เสื้อผ้าที่ใช้ในห้องหรือโรงงานต้องมีการลดการปนเปื้อนก่อนนำไปซักล้าง • มีระบบการตรวจสอบการเข้าออกและปิดล็อคประตูขณะมีการดำเนินงาน • ไม่อนุญาตให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าห้องปฏิบัติการหรือโรงเรือน

  27. สำหรับการทดลองในระดับใหญ่ที่มีความจุถังหมักหรือถังปฏิกรณ์ชีวภาพมากกว่า 10 ลิตรขึ้นไป • ถ้าจะต้องทำในถังหมักมากกว่า 10 ลิตร • มีระดับความปลอดภัยที่จะต้องปฏิบัติตาม 4 ระดับ • ขึ้นกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากจุลินทรีย์ • โดยใช้หลักการ/มาตรฐานเดียวกับระดับความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ

  28. ระดับของความปลอดภัย • ขอบเขตแนวทางปฏิบัติการวิจัยและทดลองภาคสนาม (บทที่ 7) • ขั้นตอนที่ 1. การวิจัยและทดสอบในโรงเรือนปลูกและเพาะเลี้ยงพืชและ/หรือห้องปฏิบัติการ • ขั้นตอนที่ 2. การวิจัยและทดสอบในแปลงทดลองภาคสนามขนาดเล็ก • ขั้นตอนที่ 3. การวิจัยและทดสอบในภาคสนามขนาดใหญ่เพื่อการผลิตทางการเกษตร

  29. ขอบเขตแนวทางปฏิบัติการวิจัยและทดลองภาคสนามขอบเขตแนวทางปฏิบัติการวิจัยและทดลองภาคสนาม ขั้นตอนที่ 1. การวิจัยและทดสอบในโรงเรือนปลูกและเพาะเลี้ยงพืชและ/หรือห้องปฏิบัติการ • ใช้กับพืชดัดแปลงพันธุกรรมที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2542 • ในโรงเรือนปลูกและเพาะเลี้ยงที่เหมาะสมกับระดับความปลอดภัย มาตรฐานการปฏิบัติสำหรับพืชทดลองระดับ 1 BL1-P มาตรฐานการปฏิบัติสำหรับพืชทดลองระดับ 2 BL2-P มาตรฐานการปฏิบัติสำหรับพืชทดลองระดับ 3 BL3-P มาตรฐานการปฏิบัติสำหรับพืชทดลองระดับ 4 BL4-P (ผนวก 14)

  30. ขอบเขตแนวทางปฏิบัติการวิจัยและทดลองภาคสนามขอบเขตแนวทางปฏิบัติการวิจัยและทดลองภาคสนาม ขั้นตอนที่ 2. การวิจัยและทดสอบในแปลงทดลองภาคสนามขนาดเล็ก ลักษณะของแปลงทดลอง • เป็นพื้นที่แยกต่างหาก • ขนาดแปลงทดลองขึ้นกับความเหมาะสม ต้องล้อมรั้ว • อยู่ห่างจากแปลงพืชอื่นๆ ตามแนวทางการทดสอบความปลอดภัยทางชีวภาพของพืชแต่ละชนิด • และติดป้ายห้ามเข้าในระยะห่างไม่ต่ำกว่า 10 เมตร

  31. ขอบเขตแนวทางปฏิบัติการวิจัยและทดลองภาคสนามขอบเขตแนวทางปฏิบัติการวิจัยและทดลองภาคสนาม วิธีดำเนินงานและข้อปฏิบัติในเรื่องความปลอดภัยทางชีวภาพ • ต้องปลูกพืชปกติเป็นที่หลบภัย จำนวนแถวตามที่กำหนดในแนวทางของการทดลองพืชแต่ละชนิด • จำนวนต้นต่อสิ่งทดลองในแต่ละซ้ำเพื่อการบันทึกข้อมูลควรมีไม่ต่ำกว่า 10 ต้น • ในกรณีที่อยู่ห่างจากพืชปกติชนิดเดียวกันไม่ถึงตามระยะที่กำหนด ให้ปลูกก่อนหลังไม่ต่ำกว่า 3 สัปดาห์ • กำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ

  32. ขอบเขตแนวทางปฏิบัติการวิจัยและทดลองภาคสนามขอบเขตแนวทางปฏิบัติการวิจัยและทดลองภาคสนาม • จัดให้มีสถานที่กำจัดเศษซากพืชและหรือน้ำที่ใช้ในการทดลอง • เศษซากพืช วัชพืชและแมลงที่ตายอันเนื่องมาจากการทดลองให้กำจัดโดยเผาทำลาย • ให้ขุดและเผาทำลายต้นพืชและชิ้นส่วนต่างๆเมื่อเสร็จสิ้นแต่ละการทดลอง • หลังเสร็จสิ้นการทดลองให้เผาต้นพืชทั้งหมดแล้วไถพรวนดิน ปล่อยพื้นที่ทิ้งไว้โดยไม่ปลูกพืชใดๆ อย่างน้อย 3 เดือน และติดตามการงอกของเมล็ดพืชดังกล่าวถ้าพบเห็นให้ทำลายทันที

  33. ขอบเขตแนวทางปฏิบัติการวิจัยและทดลองภาคสนามขอบเขตแนวทางปฏิบัติการวิจัยและทดลองภาคสนาม ขั้นตอนที่ 3. การวิจัยและทดสอบในภาคสนามขนาดใหญ่เพื่อการผลิตทางการเกษตร ลักษณะของแปลงทดลองในภาคสนามขนาดใหญ่ • เป็นพื้นที่แยกต่างหาก • ขนาดแปลงขึ้นกับความเหมาะสมของแต่ละการทดลอง ต้องล้อมรั้ว • อยู่ห่างจากแปลงพืชอื่นๆ ตามแนวทางการทดสอบความปลอดภัยทางชีวภาพของพืชแต่ละชนิด • และติดป้ายห้ามเข้าในระยะห่างไม่ต่ำกว่า 10 เมตร

  34. ขอบเขตแนวทางปฏิบัติการวิจัยและทดลองภาคสนามขอบเขตแนวทางปฏิบัติการวิจัยและทดลองภาคสนาม วิธีดำเนินงานและข้อปฏิบัติในเรื่องความปลอดภัยทางชีวภาพ • ต้องปลูกพืชปกติเป็นที่หลบภัย จำนวนแถวตามที่กำหนดในแนวทางของการทดลองพืชแต่ละชนิด • ในกรณีที่อยู่ห่างจากพืชปกติชนิดเดียวกันไม่ถึงตามระยะที่กำหนด ให้ปลูกก่อนหลังไม่ต่ำกว่า 3 สัปดาห์ • กำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ • จัดให้มีสถานที่กำจัดเศษซากพืชและหรือน้ำที่ใช้ในการทดลอง

  35. ขอบเขตแนวทางปฏิบัติการวิจัยและทดลองภาคสนามขอบเขตแนวทางปฏิบัติการวิจัยและทดลองภาคสนาม • เศษซากพืช วัชพืชและแมลงที่ตายอันเนื่องมาจากการทดลองให้กำจัดโดยเผาทำลาย • ให้ขุดและเผาทำลายต้นพืชและชิ้นส่วนต่างๆเมื่อเสร็จสิ้นแต่ละการทดลอง • หลังเสร็จสิ้นการทดลองให้เผาต้นพืชทั้งหมดแล้วไถพรวนดิน ปล่อยพื้นที่ทิ้งไว้โดยไม่ปลูกพืชใดๆ อย่างน้อย 3 เดือน และติดตามการงอกของเมล็ดพืชดังกล่าวถ้าพบเห็นให้ทำลายทันที

  36. การวิจัยและทดลองภาคสนามการวิจัยและทดลองภาคสนาม • มี 3 ขั้นตอน โรงเรือน แปลงขนาดเล็ก แปลงขนาดใหญ่ • มาตรฐานของโรงเรือนแบ่งเป็น 4 ระดับความปลอดภัย • ซึ่งขึ้นกับระดับอันตรายของสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมที่นำมาทดลอง

  37. ประเภทที่ 1. เป็นการวิจัยและทดลองที่ไม่มีอันตรายและไม่ต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการกลางฯ(หน้า 18-20) • การวิจัยและทดลองทางอณูพันธุศาสตร์ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้สิ่งมีชีวิตหรือไวรัสโดยตรง • การวิจัยและทดลองใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมของเซลล์สัตว์ชั้นสูงและไม่ก่อให้เกิดสิ่งมีชีวิตที่เจริญพันธุ์ขึ้นใหม่ได้ • การเชื่อมของ protoplast ซึ่งมาจากจุลินทรีย์ที่ไม่ก่อโรค • การเชื่อมของ protoplast หรือ embryo rescue ของเซลล์พืช

  38. ประเภทที่ 1. เป็นการวิจัยและทดลองที่ไม่มีอันตรายและไม่ต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการกลางฯ(หน้า 18-20) • งานวิจัยและทดลองที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมโดยธรรมชาติ โดยที่ผู้ให้และผู้รับเป็นชนิดพันธุ์เดียวกัน และเป็นชนิดที่รู้แล้วว่าสามารถแลกเปลี่ยนกับเจ้าบ้านต่างชนิดได้ตามธรรมชาติ (ผนวก 2) • การวิจัยและทดลองเกี่ยวกับชิ้นส่วนดีเอ็นเอของไวรัส ที่ไม่ได้นำไปทำการตัดต่อหรือเปลี่ยนแปลงลำดับเบสเพื่อให้เข้าไปในจีโนมของไวรัสเองรวมถึงดีเอ็นเอจากแหล่งอื่นด้วย

  39. ประเภทที่ 1. เป็นการวิจัยและทดลองที่ไม่มีอันตรายและไม่ต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการกลางฯ(หน้า 18-20) • การวิจัยและทดลองเกี่ยวกับดีเอ็นเอทั้งหมดของเซลล์จุลินทรีย์ที่เป็นเซลล์เจ้าบ้านพวกโพรคาริโอท (Prokaryotic host) และรวมไปถึงพลาสมิดหรือไวรัสที่มีอยู่เดิม (มีวัตถุประสงค์เพื่อการเพิ่มจำนวน) • การวิจัยและทดลองเกี่ยวกับดีเอ็นเอทั้งหมดของเซลล์สิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่ใช้เป็นเซลล์เจ้าบ้านพวกยูคาริโอท (Eukaryotic host) ทั้งนี้รวมไปถึงคลอโรพลาสต์ ไมโตคอนเดรีย หรือพลาสมิด (ยกเว้นไวรัส) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการเพิ่มจำนวน

  40. ประเภทที่ 1. เป็นการวิจัยและทดลองที่ไม่มีอันตรายและไม่ต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการกลางฯ(หน้า 18-20) • การวิจัยและทดลองดัดแปลงสารพันธุกรรมที่มี eukaryotic viral genome น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ที่ถูกนำไปเพิ่มจำนวนใน E.coli K 12, Saccharomyces kotital, Bacillus subtilis, B. lichenformis host-vector system หรือชิ้นโมเลกุลของดีเอ็นเอสายผสม ที่เป็น extrachromosomal ของแบคทีเรียแกรมบวก (ผนวก 3) รวมไปถึงการเพาะเลี้ยงเพื่อเพิ่มจำนวนที่มีขนาดน้อยกว่า 10 ลิตร ทั้งนี้ไม่รวมไปถึงการเพิ่มจำนวนเซลล์ที่มียีนของสารพิษ (ที่ได้มาจากการโคลนนิ่ง) ที่มีฤทธิ์ต่อสิ่งมีชีวิตที่มีกระดูกสันหลัง

  41. ประเภทที่ 2. เป็นงานวิจัยและทดลองที่อาจเป็นอันตรายในระดับต่ำต่อพนักงานในห้องทดลอง ชุมชนและสิ่งแวดล้อม(หน้า 20-21) • งานดัดแปลงพันธุกรรมสัตว์ที่มีชีวิต (รวมถึงสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง) • งานดัดแปลงพันธุกรรมของสารพันธุกรรมของไข่หรือไข่ที่ผสมแล้วหรือตัวอ่อนช่วงต้น ไม่ว่าโดยวิธีการใดๆ เพื่อก่อให้เกิดสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ (ผนวก 15) • งานดัดแปลงพันธุกรรมพืชที่มีลักษณะต่างออกไป ต้องเสนอข้อมูลเพิ่มเติม (ผนวก 8) • งานที่เกี่ยวกับระบบเจ้าบ้าน/พาหะที่ไม่ได้อนุญาตไว้

  42. ประเภทที่ 2. เป็นงานวิจัยและทดลองที่อาจเป็นอันตรายในระดับต่ำต่อพนักงานในห้องทดลอง ชุมชนและสิ่งแวดล้อม(หน้า 20-21) • งานที่เกี่ยวกับระบบเจ้าบ้าน/พาหะที่อนุญาตไว้แล้ว (ผนวก 3) แต่ยีนที่จะนำมาเชื่อมมีลักษณะเป็นตัวกำหนดให้เกิดพิษภัย หรือ เป็น DNA หรือ RNA จากจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคในมนุษย์ สัตว์หรือพืช หรือมียีนสร้างโปรตีนที่มีผลต่อการเจริญเติบโตหรือการแบ่งเซลล์

  43. ประเภทที่ 3. เป็นงานวิจัยและทดลองที่อาจมีอันตรายต่อนักวิจัย ชุมชนและสิ่งแวดล้อม หรือเกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วยโดยการดัดแปลงพันธุกรรมและงานที่อาจมีอันตรายในระดับที่ยังไม่ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด(หน้า 21-23) • งานที่เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่ผลิตสารพิษ งานที่เกี่ยวข้องกับ DNA และการโคลน DNA ที่ควบคุมการสร้างสารพิษ ที่ผลิตสารพิษที่มี LD 50 ต่ำกว่า 100 นาโนกรัมต่อกิโลกรัม (ผนวก 5) งานที่เกี่ยวกับยีนที่ให้ผลผลิตสูงถึงแม้ว่าสารพิษมี LD 50 สูงกว่า 100 นาโนกรัมต่อกิโลกรัม งานที่ทำกับ DNA ของจุลินทรีย์ที่ผลิตสารพิษที่ไม่ทราบแน่ชัดซึ่งอาจจะมียีนสารพิษอยู่จะรวมในกลุ่มนี้ ดังนั้นจำเป็นต้องระบุงานประเภทนี้ให้ชัดเจนจนถึงสารพิษนั้นเป็นชนิดใด ใช้สิ่งมีชีวิตใดร่วมในการโคลนและระดับความเป็นพิษที่ LD 50

  44. ประเภทที่ 3. เป็นงานวิจัยและทดลองที่อาจมีอันตรายต่อนักวิจัย ชุมชนและสิ่งแวดล้อม หรือเกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วยโดยการดัดแปลงพันธุกรรมและงานที่อาจมีอันตรายในระดับที่ยังไม่ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด(หน้า 21-23) • การวิจัยและทดลองที่ใช้พาหะไวรัสซึ่งทำให้เซลล์มนุษย์ติดเชื้อได้ และงานที่มี DNA ส่วนที่เสริมแต่งที่มีความสามารถผลิตสารควบคุมการเจริญเติบโตหรือเป็นสารพิษต่อเซลล์มนุษย์ (ข้อปฏิบัติพิเศษ ผนวก 6) • งานวิจัยและทดลองที่ใช้พาหะหรือเจ้าบ้านเป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่อาจทำให้เกิดโรคในมนุษย์ สัตว์หรือพืช ยกเว้นเจ้าบ้านหรือพาหะที่ได้อนุญาตไว้แล้ว (ผนวก 3) การทดลองที่ใช้พาหะไวรัสไม่สมบูรณ์และไวรัสผู้ป่วยร่วมกัน ซึ่งอาจจะมีโอกาสทำให้เกิดไวรัสที่สมบูรณ์ได้จะรวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย

  45. ประเภทที่ 3. เป็นงานวิจัยและทดลองที่อาจมีอันตรายต่อนักวิจัย ชุมชนและสิ่งแวดล้อม หรือเกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วยโดยการดัดแปลงพันธุกรรมและงานที่อาจมีอันตรายในระดับที่ยังไม่ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด(หน้า 21-23) • การใช้ยีนที่ทำให้เกิดการเชื่อมต่อเชื้อจุลินทรีย์ยกเว้นเจ้าบ้านที่ได้อนุญาตไว้แล้ว (ผนวก 3) • การขยายจำนวนโดยวิธีโคลนนิ่งหรือการถ่ายสารพันธุกรรมของไวรัสทั้งอันหรือไวรอยด์หรือชิ้นส่วนของสารพันธุกรรม ที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อต่อมนุษย์สัตว์หรือพืช โดยทั่วไปงานที่ได้รับการยกเว้นคืองานที่ใช้สารพันธุกรรมของไวรัสน้อยกว่าสองในสามหรือใช้สารพันธุกรรมที่ขาดส่วนสำคัญในการทำงานของยีนหรือส่วนสำคัญในการก่อตัวไวรัส ซึ่งระบบการทดลองไม่ก่อให้เกิดไวรัสที่สมบูรณ์ขึ้นใหม่ได้

  46. ประเภทที่ 3. เป็นงานวิจัยและทดลองที่อาจมีอันตรายต่อนักวิจัย ชุมชนและสิ่งแวดล้อม หรือเกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วยโดยการดัดแปลงพันธุกรรมและงานที่อาจมีอันตรายในระดับที่ยังไม่ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด(หน้า 21-23) • การวิจัยและทดลองที่เกี่ยวกับการเชื่อมต่อระหว่างสารพันธุกรรมทั้งอันของไวรัสหรือไวรอยด์ และ/หรือชิ้นส่วนที่เป็นส่วนประกอบ (complementary fragment) ซึ่งก่อให้เกิดการติดเชื้อหรือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดโรค รวมทั้งการทดลองที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อของเจ้าบ้านหรือการเพิ่มความรุนแรงและความสามารถของการติดเชื้อโรค • งานที่เกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วยด้วยการดัดแปลงพันธุกรรมทุกชนิด

  47. ประเภทที่ 3. เป็นงานวิจัยและทดลองที่อาจมีอันตรายต่อนักวิจัย ชุมชนและสิ่งแวดล้อม หรือเกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วยโดยการดัดแปลงพันธุกรรมและงานที่อาจมีอันตรายในระดับที่ยังไม่ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด(หน้า 21-23) • การวิจัยและทดลองใดๆ ที่มีการฉีดชิ้นส่วนหรือสารพันธุกรรมทั้งอันของไวรัสเข้าไปในตัวอ่อนเพื่อดัดแปลงพันธุกรรมของสัตว์ ซึ่งมีการหลั่งหรือผลิตตัวไวรัส (ผนวก15) • การวิจัยและทดลองที่มีการถ่ายโอนยีนต้านทานยาปฏิชีวนะไปยังจุลินทรีย์โดยที่ยาปฏิชีวนะนั้นๆ ใช้ในการบำบัดรักษามนุษย์ สัตว์หรือใช้ในการเกษตร ทั้งนี้ต้องระบุว่ายีนต้านทานยาปฏิชีวนะนั้นสามารถถ่ายโอนได้ตามกระบวนการทางธรรมชาติหรือไม่ • การวิจัยและทดลองที่ไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มๆ ของงานประเภทที่ 1 2 หรือ 3 แต่อยู่ในประเด็นของแนวทางตามที่กำหนดไว้ในบทที่ 1

  48. ประเภทที่ 4. การวิจัยและทดลองที่อาจมีอันตรายร้ายแรงและ/หรือขัดต่อศีลธรรม (หน้า 24) • งานวิจัยที่ไม่มีมาตรการและ/หรือข้อมูลที่ใช้ในการพิสูจน์และควบคุมป้องกันในเชิงวิทยาศาสตร์อย่างชัดเจน • งานวิจัยและทดลองที่มุ่งเน้นผลิตสิ่งมีชีวิตก่อโรคและ/หรือสารพิษเพื่อเป้าหมายทางสงครามและการทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ • งานวิจัยและทดลองที่มุ่งจะดัดแปลงพันธุกรรมของมนุษย์ด้วยเทคนิคทางพันธุวิศวกรรม • ไม่อนุญาตให้ดำเนินการ

More Related