1 / 34

ศ. 401 เศรษฐศาสตร์การเมือง

ศ. 401 เศรษฐศาสตร์การเมือง. เศรษฐศาสตร์การเมือง อาดัม สมิธ ( 1). การปฏิวัติทางความคิดและการเมือง. การเกิดนิกายโปรเตสแตนท์ ศ. 16-17 การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ ศ. 17 ยุคสว่างทางปัญญา ( The Enlightenment) ศ. 17-18 ลัทธิเสรีนิยมทางการเมือง ศ. 17-18

Download Presentation

ศ. 401 เศรษฐศาสตร์การเมือง

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ศ.401 เศรษฐศาสตร์การเมือง เศรษฐศาสตร์การเมือง อาดัม สมิธ (1)

  2. การปฏิวัติทางความคิดและการเมืองการปฏิวัติทางความคิดและการเมือง • การเกิดนิกายโปรเตสแตนท์ ศ.16-17 • การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ ศ.17 • ยุคสว่างทางปัญญา(The Enlightenment) ศ.17-18 • ลัทธิเสรีนิยมทางการเมือง ศ.17-18 • การปฏิวัติประชาธิปไตยในอังกฤษ (1648, 1688) สหรัฐอเมริกา (1776) ฝรั่งเศส (1789)

  3. การเกิดนิกายโปรเตสแตนท์ ศ.16-17 • ลัทธิปัจเจกชนนิยมในทางศาสนา • ศรัทธาเป็นเรื่องส่วนบุคคล • ความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างพระเจ้ากับปัจเจกบุคคล • ปฏิเสธพิธีกรรมที่ซับซ้อนและฟุ่มเฟือย • เน้นการทำงานหนัก ประหยัดมัธยัสถ์ การออม • การทำกำไรและการสะสมทรัพย์เป็นผลจากการทำงานที่ดีแก่พระเจ้า

  4. การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ ศ.17 • คอเปอนิคัสกับทฤษฎีระบบสุริยจักรวาลใหม่ • วิทยาศาสตร์ใหม่ของกาลิเลโอ • วิทยาศาสตร์บนฐานของเหตุผลและการทดลอง • จักรวาลถูกควบคุมโดยกฎธรรมชาติ (natural law) • นิวตัน กฎทางฟิสิกซ์ และกฎทางกลศาสตร์ • ทัศนะกลไกในการมองโลก (การวิเคราะห์ดุลยภาพ) • ความเชื่อมั่นในความก้าวหน้าทางปัญญาของมนุษย์

  5. ยุคสว่างทางปัญญา (The Enlightenment)ในยุโรป ศ.17-18 • เชื่อมั่นใน “เหตุผล” (Reason) เป็นหลักชี้นำในการเข้าใจมนุษย์ สังคม และโลก • ปฏิเสธความเชื่อเดิมทางศาสนา ประเพณีและการเมือง • ยึดเอา “มนุษย์” เป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่พระเจ้าหรือรัฐ • “เหตุผล” ใช้วิทยาศาสตร์ใหม่ไปอธิบายสังคมและโลก • เสรีภาพของปัจเจกชนที่ปลอดพ้นจากการกดขี่ทั้งทางโลกและทางความคิด

  6. ลัทธิเสรีนิยม (Liberalism) ศ.17-18 • ทฤษฎีการเมืองมุ่งปฏิเสธลัทธิเทวสิทธิ์ของกษัตริย์ • รัฐเกิดจาก “ความยินยอม” (consent) ของปัจเจกชนเพื่อประโยชน์ตนในการอยู่เป็นสังคม • รัฐต้องคุ้มครองสิทธิธรรมชาติ (natural rights) ของปัจเจกชน (สิทธิในชีวิตร่างกายเสรีภาพ ทรัพย์สิน Life, Liberty, Property) • เสรีภาพของปัจเจกชนภายในอำนาจรัฐที่ถูกจำกัด • “สัญญาประชาคม” Social Contract (Hobbe, Locke)

  7. การปฏิวัติประชาธิปไตยอังกฤษ 1648, 1688 • 1642 ความขัดแย้งระหว่างรัฐสภากับกษัตริย์ชาร์ลสที่หนึ่ง • 1642-48 สงครามกลางเมืองการปฏิวัติของ Oliver Cromwell • 1649-60 ระบอบ Commonwealth • 1661 รื้อฟื้นกษัตริย์ชาร์ลสที่สอง • 1688 Glorious Revolution รัฐสภาปลดกษัตริย์เจมส์ที่สอง สถานปนากษัตริย์วิลเลียมที่สามภายใต้รัฐธรรมนูญ • 1689 The Bill of Rights ยืนยันในอำนาจรัฐสภา

  8. การผ่านไปสู่ทุนนิยม • การขยายตัวของอุตสาหกรรมในอังกฤษ • ความเฟื่องฟูของอุตสาหกรรมทอผ้า • อังกฤษเป็นผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมรายใหญ่ของโลก • ระบบ Manufactories • รวมศูนย์วัสดุ เครื่องมือ คนงาน ไว้ในที่เดียวกัน • เครื่องมือช่างฝีมือ (ก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม) • การแบ่งงานกันทำ (division of labour) เพิ่มผลิตภาพ

  9. เสรีนิยมทางเศรษฐกิจ • การค้าเสรี อัตราภาษีต่ำ • ระบบการเงินมาตรฐานทองคำ • ไม่มีการแทรกแซงอุปทานเงินตราไม่มีนโยบายการเงิน • งบประมาณรัฐบาลสมดุล • ไม่มีการใช้นโยบายการคลังแทรกแซงเศรษฐกิจ • อำนาจของรัฐสภาและประชาธิปไตยกฎุมพี • ข้อจำกัดในการให้สิทธิผูกขาดแก่เอกชน

  10. ลัทธิเกษตรนิยม (Physiocrats) • ต่อต้านลัทธิพาณิชย์นิยมของฝรั่งเศสยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ • เกษตรกรรมเป็นบ่อเกิดของความมั่งคั่ง อุตสาหกรรมและพาณิชย์เพียงแค่เปลี่ยนรูปและย้ายสถานที่สิ่งของ • เสรีนิยมทางเศรษฐกิจ Laissez-faire, laissez-passer: ‘ Let people do as they please without government interference.’ • François Quesnay (1694-1774) “ตารางเศรษฐกิจ” (Tableau Economique) แบบจำลองระบบเศรษฐกิจแรกสุด

  11. นโยบายเศรษฐกิจ: • ส่งเสริมให้ภาคเกษตรเติบโต --- เพิ่มความมั่งคั่งของชาติ • การค้าเสรีสินค้าเกษตรและธัญพืชสร้างเสถียรภาพราคาและการเติบโตของเศรษฐกิจ • ยกเลิกภาษีที่ดินและภาษีรายได้เกษตร • จัดเก็บภาษีค่าเช่าจากชนชั้นเจ้าที่ดิน

  12. Anne Robert Jacques Turgot (1727-81) • เกิดในตระกูลขุนนางแคว้นนอร์มังดี • 1774 เป็นรัฐมนตรีคลังในพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 • ลงมือปฏิรูปเศรษฐกิจตามแนวทางเกษตรนิยม • ให้ค้าเสรีธัญพืชในประเทศ • ยกเลิกอภิสิทธิ์ผูกขาดของบรรษัทและสมาคมช่างฝีมือ • ยกเลิกแรงงานเกณฑ์ จัดเก็บภาษีค่าเช่าจากเจ้าที่ดิน • ตัดรายจ่ายของรัฐบาล

  13. อนุญาตให้รัฐบาลกู้เงินจากต่างประเทศแทนแหล่งในประเทศอนุญาตให้รัฐบาลกู้เงินจากต่างประเทศแทนแหล่งในประเทศ • ให้เสรีภาพในการเลือกอาชีพ การศึกษา และเสรีภาพในศาสนา • ถูกต่อต้านจากทั่วทุกกลุ่มสังคม • ผู้ดี พระ นายธนาคาร สมาคมช่าง บรรษัทผูกขาด นายภาษี ข้าราชสำนัก • 1776 ถูกปลดจากตำแหน่ง ยกเลิกการปฏิรูปทั้งหมด • ความขัดแย้งระหว่างฐานันดรที่สาม (สามัญชน) กับกษัตริย์ • 1789 การปฏิวัติใหญ่ กำเนิดสาธารณรัฐฝรั่งเศส

  14. ยุคสว่างทางปัญญาในสก๊อตแลนด์ยุคสว่างทางปัญญาในสก๊อตแลนด์ • Francis Hutcheson(1694-1746) มหาวิทยาลัยกลาสโกว์ • ความเชื่อในความก้าวหน้าของมนุษย์และสังคม • ธรรมชาติของมนุษย์นั้นคงที่ • มนุษย์เปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม ซึ่งกลับมามีอิทธิพลต่อพฤติกรรมมนุษย์เองในยุคสมัยที่แตกต่างกัน • วิวัฒนาการสังคมที่ก้าวหน้าไปสู่ขั้นที่สูงขึ้น

  15. อาดัม สมิธ (Adam Smith 1723-90) • เกิดที่ Kircaldy สก๊อตแลนด์บิดาเป็นเจ้าหน้าที่ศุลกากร เสียชีวิตไม่กี่เดือนก่อนอาดัมเกิด • มารดา Margaret Douglas Smith เสียชีวิต 1784 • 1737 ศึกษาที่ Glasgow College เป็นศิษย์ Hutcheson • 1740-46 ศึกษาปรัชญา การเมือง และภาษาที่ Balliol College, อ๊อกซฟอร์ด • อ่าน ‘Treatise on Human Nature’ ของฮูม

  16. กลับ Kircaldy และบรรยายวาทศิลป์ นิติปรัชญาและปรัชญาศีลธรรมที่ Edinburgh • 1751Professor of Logic, Glasgow College. • 1759‘The Theory of Moral Sentiments’ เริ่มมีชื่อเสียง • 1764 ลาออกจากงานสอน เป็นครูพิเศษให้กับ Duke of Buccleuth เดินทางไปฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์ • พบ Voltaire, Franklin, Quesnay, Turgot ในกรุงปารีส • ศึกษางานของพวกเกษตรนิยม • เริ่มเขียน ‘The Wealth of Nations’

  17. 1766 กลับมา Kircaldy และลอนดอน คลุกคลีอยู่กับนักคิดมีชื่อเสียงในยุคเดียวกัน • 1776‘An Inquiry into the Nature and Causes of the Wealth of Nations’ • แพร่หลายเป็นที่นิยม แปลเป็นภาษาต่าง ๆ ในยุโรป • 1778 ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ศุลกากรแห่ง Edinburgh • 1787 อธิการบดี Glasgow University • เป็นโสดตลอดชีวิต

  18. Theory of Moral Sentiments • กฎธรรมชาติ (natural law) ควบคุมสังคมมนุษย์ • กฎนี้เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่ศึกษาและใช้ประโยชน์ได้ • Positive law คือกฎหมายที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ • เปลี่ยนแปลงไปตามค่านิยม ความเชื่อของยุคสมัย • แต่ต้องสอดคล้องกับกฎธรรมชาติ • สิทธิธรรมชาติ (natural rights) ได้แก่ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน และสิทธิในดอกผลแห่งทรัพย์สิน

  19. ปัจเจกชนมีประโยชน์ส่วนตน (self interest) • สิ่งใกล้ตัวสำคัญกว่าสิ่งไกลตัว • ต้องการสถานะที่ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา • ปัจจัยอะไรที่กำกับควบคุมประโยชน์ส่วนตัว? • เราตัดสินใจทางศีลธรรมที่เป็นผลดีต่อคนอื่นได้อย่างไร? • ความเห็นใจ (sympathy) คือความสามารถที่จะวางตัวเป็น ‘impartial inspector’ • ปัจเจกชนมีศีลธรรมบนพื้นฐานของความเห็นใจ ซึ่งกำกับการแสวงหาประโยชน์ส่วนตน

  20. The Wealth of Nations • ‘ความมั่งคั่ง’คือมูลค่าของบรรดาผลผลิตที่ผลิตขึ้นในสังคม • การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจคือ การเพิ่มความมั่งคั่ง • ความโน้มเอียง (propensities) ของมนุษย์ • ประโยชน์ส่วนตน ความต้องการที่จะปรับปรุงสถานะตนให้ดีขึ้น • ความโน้มเอียงที่จะขนย้าย ต่อรองและแลกเปลี่ยน (propensity to truck, barter and exchange) • อะไรทำให้ปัจเจกบุคคลประพฤติตนในทางที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและเพิ่มความมั่งคั่ง?

  21. ระบบเสรีภาพตามธรรมชาติ(The system of natural liberty) • เสรีภาพทางเศรษฐกิจ • เสรีภาพในการแสวงหาประโยชน์ตน • กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน สิทธิในการผลิตและแลกเปลี่ยน • การแบ่งงานกันทำ • การผลิต การเพิ่มผลิตภาพแรงงาน การเจริญเติบโต • การแข่งขันในตลาด • ราคา ต้นทุนการผลิต รายได้แก่ปัจจัยการผลิต

  22. การแบ่งงานกันทำ • การแบ่งงานกันทำในอุตสาหกรรม • คนงานแต่ละคนทำงานคนละอย่าง แต่ร่วมกันผลิตภายในโรงงาน • สมิธบทที่ 1 โรงงานทำเข็ม แบ่งงานเป็น 18 อย่าง มีผลผลิตเข็ม 48,000 เล่มต่อวันต่อคนงาน 10 คน • ประโยชน์ของการแบ่งงานกันทำ • เพิ่มทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน • ประหยัดเวลาจากการเปลี่ยนหน้าที่ • เอื้อต่อการประดิษฐ์เครื่องมือ เครื่องจักรใหม่

  23. การแบ่งงานกันทำในสังคมการแบ่งงานกันทำในสังคม • สาขาเศรษฐกิจต่าง ๆ ผลิตสิ่งของที่แตกต่างกัน • การค้าระหว่างเมืองและประเทศ • การแบ่งงานกันทำเพิ่มผลิตภาพของแรงงานและเร่งรัดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี • การแบ่งงานกันทำถูกจำกัดด้วยขนาดของตลาด • ตลาดใหญ่ขึ้น อุปสงค์มากขึ้น จำนวนคนงานมากขึ้น แบ่งงานกันทำมากขึ้น • การขนส่งทางไกลช่วยขยายขอบเขตของตลาดและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ

  24. แบบจำลองการเติบโตของสมิธแบบจำลองการเติบโตของสมิธ ประโยชน์ส่วนตน กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน การแบ่งงานกันทำ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

  25. ขั้นตอนการพัฒนาสังคมมนุษย์ขั้นตอนการพัฒนาสังคมมนุษย์ • มนุษย์มีธรรมชาติที่ไม่เปลี่ยนแปลง (self interest) • สังคมมนุษย์พัฒนาผ่านสี่ขั้นตอน • แต่ละขั้นตอนประกอบด้วยระดับผลิตภาพและระดับการแบ่งงานกันทำที่ต่างกัน • มีระบบกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินต่างกัน • เป็นพื้นฐานของรูปแบบสังคมและรัฐในอดีต

  26. (1) ยุคล่าสัตว์ (Hunting) • วิถีชีวิตล่าสัตว์และเก็บของป่า • ชีวิตย้ายถิ่นเร่ร่อน • ประชากรจำนวนน้อย อยู่เป็นครอบครัวและเผ่า • ผลิตภาพแรงงานต่ำสุด แบ่งงานกันทำน้อยที่สุด • ฐานะสังคมเท่ากัน ไม่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน • ไม่มีรัฐ

  27. (2) สังคมเลี้ยงสัตว์ (Pastoral) • วิถีชีวิตแบบเลี้ยงสัตว์และย้ายถิ่น • ประชากรเพิ่มขึ้นเป็นเผ่าขนาดใหญ่ • การแบ่งงานกันทำตามกายภาพ (เพศ อายุ ประสบการณ์) • เริ่มมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน (วัว ควาย ม้า แกะ) • เริ่มมีการสะสมทรัพย์ ความแตกต่างรวย-จน • รูปแบบเริ่มต้นของรัฐเพื่อปกป้องทรัพย์สินของคนรวยจากคนจน

  28. (3) สังคมเกษตร (Farming) • การผลิตทางเกษตรกรรม • การตั้งถิ่นฐานถาวร • อุปทานอาหารเพิ่มขึ้น ประชากรมากขึ้น • กรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นฐานอำนาจสำคัญ • มีการแบ่งงานกันทำและเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมากขึ้น • แบ่งงานกันทำทางสังคมระหว่างสาขาการผลิตและอาชีพ • ระหว่างเกษตรกรรมและงานช่างฝีมือ • ระหว่างช่างฝีมือสาขาต่าง ๆ

  29. ระบบ manor ในยุคศักดินายุโรป • สังคมหมู่บ้าน เมืองเป็นแหล่งค้าขายระหว่างชุมชน • การปกครองทางการเมืองผ่านอำนาจเหนือที่ดินและควบคุมแรงงานโดยเจ้านาย • ความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น ผลิตผลและผลิตภัณฑ์หลากหลายขึ้น • มี “ส่วนเกิน” เหลือไปจุนเจือกิจกรรมที่ “ไม่ผลิต” (รัฐบาล กองทหาร โบสถ์ ศาสนา)

  30. (4) สังคมพาณิชย์ (Commerce) • มีการสะสมทุนและการแบ่งงานกันทำซับซ้อน • กรรมสิทธิ์ในทุนและการสะสมทุน (เครื่องมือ อุปกรณ์ วัสดุ) • การแบ่งงานกันทำในอุตสาหกรรม • ประชากรมากขึ้น แบ่งงานกันทำได้ซับซ้อนขึ้น • เมืองและโรงงานที่ขยายตัว • ระบบเศรษฐกิจที่ใช้เงิน การค้าเจริญรุ่งเรือง

  31. การเสื่อมสลายของ manors และระบบศักดินา • การเกิดขึ้นของเกษตรกรรมแบบทุนนิยม • เมืองเป็นที่รวมของพ่อค้าและนายทุน • เสรีภาพในทางการค้า • การเกิดระบบอุตสาหกรรม • ความมั่งคั่งเพิ่มมากขึ้น มาตรฐานชีวิตสูงขึ้น

  32. การเจริญเติบโตในยุคพาณิชย์การเจริญเติบโตในยุคพาณิชย์ • การแบ่งงานกันทำคือหัวรถจักรของการเจริญเติบโต • เพิ่มผลิตภาพแรงงาน เพิ่มผลผลิต • การแบ่งงานกันทำต้องอาศัยการสะสมทุน (เครื่องมือ อุปกรณ์ สิ่งจำเป็นยังชีพของคนงาน) • การสะสมทุนขึ้นอยู่กับกำไรและการออมของนายทุน เพื่อมาจ้างแรงงานผลิต

  33. แรงงานผลิต (productive labour) ผลิตผลผลิตเพิ่มและเป็นปัจจัยเจริญเติบโต • แรงงานไม่ผลิต (unproductive labour) บริโภคผลผลิตที่ผลิตโดยแรงงานผลิต • แรงงานบริการ (ข้าราชการ ทหาร พระ ศิลปิน แพทย์ ทนาย ครู) • ไม่เพิ่มความมั่งคั่ง แต่บั่นทอนความมั่งคั่งถ้ามีมากเกินไป • การสะสมทุนเป็นปัจจัยเพิ่มการจ้างงานและเพิ่มระดับค่าจ้าง • ขีดจำกัดของการสะสมทุนคือ ความยากลำบากในการหาช่องทางการลงทุนใหม่ ๆ ที่ได้กำไรมากขึ้น

  34. การสะสมทุน การแบ่งงานกันทำ การเพิ่มการจ้างงาน การเพิ่มผลิตภาพ การเพิ่มระดับค่าจ้าง การเพิ่มผลผลิต การเพิมการบริโภค ความมั่งคั่ง และการออมของนายทุน

More Related