570 likes | 859 Views
แนวทางการใช้ยาปฏิชีวนะอย่าง สมเหตุผลในโรคติดเชื้อทางเดิน หายใจส่วนบน / ท้องเสีย / บาดแผลฉีกขาด. ยาปฏิชีวนะเป็นยาอันตราย. ยาอันตราย คำเตือน 1. ห้ามใช้ในผู้ป่วยแพ้ยานี้ 2. ยานี้อาจทำให้เกิดอาการแพ้และเป็นอันตรายถึงตายได้ 3. หากเกิดอาการผื่นแดง ระคายเคืองหรือบวมให้หยุดยาและปรึกษาแพทย์.
E N D
แนวทางการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างแนวทางการใช้ยาปฏิชีวนะอย่าง สมเหตุผลในโรคติดเชื้อทางเดิน หายใจส่วนบน/ท้องเสีย/บาดแผลฉีกขาด
ยาปฏิชีวนะเป็นยาอันตรายยาปฏิชีวนะเป็นยาอันตราย • ยาอันตราย คำเตือน 1.ห้ามใช้ในผู้ป่วยแพ้ยานี้ 2.ยานี้อาจทำให้เกิดอาการแพ้และเป็นอันตรายถึงตายได้ 3.หากเกิดอาการผื่นแดง ระคายเคืองหรือบวมให้หยุดยาและปรึกษาแพทย์
Antibiotic associated colitis (AAC) • เกิดจาก Clostridium difficle toxin • อาการ: ท้องเสีย,ปวดท้อง • สาเหตุ:overgrowth ของเชื้อ Clostridium difficle • ยาที่เกิด: ampicillin,clindamycin,cephalosporin • การรักษา: Vancomycin
Stevens-Johnson syndrome • เกิดจากการแพ้ยา • ยาที่พบบ่อย: penicillin, sulfonamides • มีผื่นแดงทั่วร่างกายร่วมกับการอักเสบของเยื่อบุในช่องปาก,ตา • ทำให้ตาบอดได้
Toxic-epidermal necrolysis • มีการหลุดลอกของผิวหนังเป็นตุ่มพองน้ำ • ยาที่พบบ่อย: penicillin, sulfonamides • เสียชีวิตจากภาวะติดเชื้อแทรกซ้อน
ANAPHYLAXIS • Rash, angioedema • Bronchospasm • Shock
การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างพร่ำเพรื่อการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างพร่ำเพรื่อ ทำให้เชื้อดื้อยาอย่างรวดเร็ว • การดื้อยาทำให้ประชาชนทุกคนอยู่ในอันตราย
Methicillin-Resistant Staphylococus aureus( MRSA ) • Penicillin-Resistant Streptococus pneumoniae ( PRSP ) • Vancomycin-Resistant Enterococci (VRE) • Extended Spectrum Beta-lactamase producing bacteria ( ESBL ) • Multidrug Resistant (MDR) Acinetobacter and Klebsiella
National Antimicrobial Resistance Surveillance, Thailand ( NARST ) • Acinetobacter • 1998 : 98% susceptible to imipenem • 2006 : only 43%susceptible to imipenem • E.coli • 1999 : 90% susceptible to ceftriaxone • 2006 :only 68% susceptible to ceftriaxone • Pseudomonas aeroginosa • 1998 : 77%susceptible to ceftazidime • 2006 :only 70% susceptible to ceftazidime
แนวทางการใช้ยาปฏิชีวนะในบาดแผลฉีกขาดแนวทางการใช้ยาปฏิชีวนะในบาดแผลฉีกขาด
บาดแผลฉีกขาด • บาดแผลฉีกขาดที่ผิวหนังที่มาถึงหน่วยบริการภายใน 6 ชั่วโมง และไม่ได้เกิดจากการผ่าตัดหรือสัตว์กัด
บาดแผลสะอาด(ไม่ให้ antibiotic) • บาดแผลเปิดที่มีขอบเรียบสามารถล้างทำความสะอาดได้ง่าย • บาดแผลที่ไม่มีเนื้อตาย • บาดแผลที่ไม่มีสิ่งสกปรกติดอยู่ภายในเช่น เศษดิน หากมีก็สามารถล้างออกได้โดยง่าย • บาดแผลที่ไม่ปนเปื้อนกับสิ่งที่มีแบคทีเรียจำนวนมากเช่น อุจจาระ, มูลสัตว์, น้ำครำ • ไม่ใช่บาดแผลที่มีสิ่งปนเปื้อน
บาดแผลที่มีโอกาสติดเชื้อได้มากกว่าปกติ(ให้ antibiotic) • บาดแผลที่มีสิ่งปนเปื้อน • บาดแผลจากการบดอัด เช่น โดนประตูหนีบอย่างแรง • แผลที่เท้า • แผลที่มีขอบหยึกหยัก • บาดแผลในผู้ป่วยเบาหวาน, ผู้ป่วยโรคพิษสุราเรื้อรัง, ผู้ป่วยหลอดเลือดส่วนปลายตีบ, ผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ รวมถึงผู้ป่วยที่ทานยากดภูมิต้านทานเช่น ยา steroid
บาดแผลที่มีสิ่งปนเปื้อนบาดแผลที่มีสิ่งปนเปื้อน • บาดแผลถูกวัตถุทิ่มเป็นรูซึ่งยากต่อการทำความสะอาดได้ทั่วถึง • บาดแผลซึ่งมีเนื้อตายเป็นบริเวณกว้าง • บาดแผลซึ่งมีสิ่งสกปรกติดอยู่ในบาดแผล เช่น เศษดิน • บาดแผลที่ปนเปื้อนกับสิ่งที่มีแบคทีเรียจำนวนมากเช่น อุจจาระ, มูลสัตว์, น้ำครำ • ให้ Antibiotic= Amoxicillin/clavulonic acid
หลักการให้ยาปฏิชีวนะในการป้องกันการติดเชื้อของบาดแผลฉีกขาดหลักการให้ยาปฏิชีวนะในการป้องกันการติดเชื้อของบาดแผลฉีกขาด • การให้ยาปฏิชีวนะในกรณีนี้เป็นการให้ยาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ จึงให้ยานานแค่ 48 ชั่วโมง • เมื่อครบ 48 ชั่วโมง หากบาดแผลมีการอักเสบให้ยาต่อไปได้
ให้ยาปฏิชีวนะในบาดแผลสะอาดเมื่อให้ยาปฏิชีวนะในบาดแผลสะอาดเมื่อ • แผลที่เท้า • แผลที่มีขอบหยึกหยัก • บาดแผลจากการบดอัด • บาดแผลในผู้ป่วยเบาหวาน, ผู้ป่วยโรคพิษสุราเรื้อรัง, ผู้ป่วยหลอดเลือดส่วนปลายตีบ, ผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ รวมถึงผู้ป่วยที่ทานยากดภูมิต้านทานเช่น ยา steroid • ยาที่ใช้คือ Dicloxacillin Dose : 250 mg qid ac × 2 วัน เด็ก : 125 mg qid ac or 25-50 mg/kg/day × 2 วัน
บาดแผลที่มีสิ่งปนเปื้อนบาดแผลที่มีสิ่งปนเปื้อน • ให้ยาปฏิชีวนะแก่ผู้ป่วยทุกราย Amoxicillin/clavulonic acid (Augmentin) : 375 mg tid pc or 625 mg bid pc × 2 วัน เด็ก: 156 mg tid pc × 2 วัน
แนวทางการใช้ยาปฏิชีวนะในโรคท้องร่วงเฉียบพลันแนวทางการใช้ยาปฏิชีวนะในโรคท้องร่วงเฉียบพลัน
โรคท้องร่วงเฉียบพลันที่สามารถเพาะเชื้อแบคทีเรียได้จากอุจจาระมีเพียง 5.6 % • ยาปฏิชีวนะมีประโยชน์อย่างชัดเจนเฉพาะกรณีการติดเชื้อ Campylobacter jejuni และ Shigella เท่านั้น • ให้ยาปฏิชีวนะในผู้ป่วยที่มีอาการต่อไปนี้ • ไข้ 38ºC ขึ้นไป และ • อุจจาระมีเลือดปนเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรือตรวจพบเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวในอุจจาระ
ยาปฏิชีวนะที่ควรให้คือยาปฏิชีวนะที่ควรให้คือ • Norfloxacin 400 mg bid ac × 5 วัน ในเด็กให้ขนาด 15-20 mg/kg/day bid ac 5 วัน • ยาปฏิชีวนะอื่นๆเช่น Co-trimoxazole และ tetracycline มีความไวแค่ 10 % เท่านั้นจึงห้ามใช้ • ยาอื่นๆที่ใช้ได้ เช่น Activated charcoal ชนิดเม็ดทานครั้งละ 1-2 เม็ด วันละ 4 ครั้ง
แนวทางการใช้ยาปฏิชีวนะในโรคระบบทางเดินหายใจส่วนบนแนวทางการใช้ยาปฏิชีวนะในโรคระบบทางเดินหายใจส่วนบน
กรณีที่ไม่ต้องให้ยาปฏิชีวนะกรณีที่ไม่ต้องให้ยาปฏิชีวนะ • ไม่มีไข้ ไม่เจ็บคอ มีน้ำมูกมาก จามบ่อย เสียงแหบ ตาแดง มีผื่นตามตัว มีแผลในช่องปาก ถ่ายเหลว ไอมาก • โรคหวัดในระยะใกล้หายจะมีน้ำมูกเป็นสีเขียวเหลือง
กรณีที่ควรให้ยาปฏิชีวนะกรณีที่ควรให้ยาปฏิชีวนะ • มีไข้สูงร่วมกับอาการเจ็บคอมาก มีจุดขาวที่ต่อมทอนซิล มีต่อมน้ำเหลืองใต้คอโต ลิ้นไก่บวมแดง มีจุดเลือดออกที่เพดานปาก • เกิดจากการติดเชื้อ Group A Beta hemolytic Streptococcus