1 / 52

บทที่ 4 พฤติกรรมผู้บริโภค

บทที่ 4 พฤติกรรมผู้บริโภค. ทฤษฎีอรรถประโยชน์ ทฤษฎีความพอใจเท่ากัน ดุลยภาพของผู้บริโภค. ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ว่าด้วยพฤติกรรมผู้บริโภค. ทฤษฎีอรรถประโยชน์ (Utility theory) ทฤษฎีความพอใจเท่ากัน (Indifference preference theory). ทฤษฎีอรรถประโยชน์.

said
Download Presentation

บทที่ 4 พฤติกรรมผู้บริโภค

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. บทที่ 4 พฤติกรรมผู้บริโภค • ทฤษฎีอรรถประโยชน์ • ทฤษฎีความพอใจเท่ากัน • ดุลยภาพของผู้บริโภค

  2. ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ว่าด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ว่าด้วยพฤติกรรมผู้บริโภค • ทฤษฎีอรรถประโยชน์ (Utility theory) • ทฤษฎีความพอใจเท่ากัน • (Indifference preference theory)

  3. ทฤษฎีอรรถประโยชน์ • อรรถประโยชน์ (utility) หมายถึง ความพอใจที่ผู้บริโภคได้รับจากการบริโภคสินค้าหรือบริการชนิดใดชนิดหนึ่ง • พอใจ อรรถประโยชน์ • อรรถประโยชน์ แตกต่างจาก ประโยชน์

  4. ลักษณะของอรรถประโยชน์ลักษณะของอรรถประโยชน์ • อรรถประโยชน์เชิงนับ (cardinal utility) สามารถวัดเป็นหน่วยได้ • หน่วยของอรรถประโยชน์ เรียกว่า ยูทิล (util) • จุดหมายของทฤษฎีอรรถประโยชน์ คือ การแสดงให้เห็นว่าอรรถประโยชน์ หรือความพึงพอใจของผู้บริโภคที่ได้รับจากการบริโภคสินค้าหรือบริการมีลักษณะเช่นไร

  5. อรรถประโยชน์ตามทฤษฎีนี้แบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ • อรรถประโยชน์รวม (Total Utility : TU) จำนวนความพอใจทั้งหมดที่ผู้บริโภคได้รับจากการบริโภคสินค้าในปริมาณหนึ่ง • อรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม (Marginal Utility : MU) จำนวนความพอใจที่ผู้บริโภคได้รับอันเนื่องมากจากการบริโภคสินค้าหรือบริการเพิ่มขึ้น (ลดลง) 1 หน่วย

  6. TU Q MU = การหาค่าของอรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม (MU) MU คือ อรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม TU คือ ส่วนเปลี่ยนแปลงในอรรถประโยชน์รวม Q คือ ส่วนเปลี่ยนแปลงในจำนวนสินค้าที่บริโภค

  7. n TUn = MUi i = 1 ความสัมพันธ์ระหว่าง TU และ MU • ไม่สามารถแยกออกจากจากกันได้ • โดยสามารถเขียนสูตรในการหาค่า TU จาก MU ได้ ดังนี้ TUn คือ อรรถประโยชน์รวมในการบริโภคสินค้าจำนวน n หน่วย MUi คือ อรรถประโยชน์ส่วนเพิ่มของสินค้าตั้งแต่หน่วยที่ 1 ถึง n

  8. ตารางที่ 1 แสดงอรรถประโยชน์รวม และอรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม

  9. 15 10 5 0 1 2 3 4 5 6 7 รูป อรรถประโยชน์รวม (TU) TU X

  10. 15 10 5 0 1 2 3 4 5 รูป อรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม (MU) MU 6 7 X

  11. TU, MU TU สูงสุด 15 TU 5 MU= 0 จำนวนสินค้า X 0 1 2 3 4 5 6 7 ความสัมพันธ์ระหว่าง (TU) กับ (MU)

  12. สามารถสรุปความสัมพันธ์ระหว่าง TU และ MU ได้ดังนี้ • ตราบใดที่ MU มีค่าเป็น (+) TU จะมีค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ • เมื่อ MU มีค่าเป็นศูนย์ TU จะมีค่าสูงสุด • เมื่อ MU มีค่าติด (-) TU จะมีค่าลดลง

  13. กฎแห่งการลดน้อยถอยลงของอรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม (Law of diminishing marginal utility) กล่าวว่า ในช่วงเวลาหนึ่งๆ หากผู้บริโภคบริโภคสินค้าหรือบริการชนิดใดชนิดหนึ่ง ในจำนวนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง โดยที่การบริโภคสินค้าอื่นๆ ยังคงเดิม อรรถประโยชน์ส่วนเพิ่มจากการบริโภคสินค้าหรือบริการชนิดนั้นจะค่อยๆ ลดลงตามลำดับ

  14. *** กฎแห่งการลดน้อยถอยลงของ MU จะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่ออยู่ภายใต้ข้อสมมุติหรือเงื่อนไขที่ว่า • สินค้าหรือบริการนั้นแต่ละหน่วยต้องมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ และการบริโภคนั้นต้องกระทำในเวลาต่อเนื่องกัน

  15. *** จุดอิ่มตัว (อิ่มแปล้) saturation point คือ • การที่ผู้บริโภคบริโภคสินค้าหรือบริการชนิดใดชนิดหนึ่ง จนถึงหน่วยที่ทำให้ไม่ได้รับความพึงพอใจเพิ่มขึ้นอีกแล้ว (MU =0)

  16. ดุลยภาพของผู้บริโภค (Consumer’s Equilibrium) ** ภาวะที่การเลือกบริโภคสินค้าและบริการชนิดต่างๆ ในจำนวนที่ทำให้ผู้บริโภคได้รับอรรถประโยชน์หรือความพอใจสูงสุด ในหัวข้อนี้เราจะพิจารณาถึงดุลยภาพของผู้บริโภคโดยสมมุติให้สินค้าที่จะบริโภคมีเพียง 2 ชนิดคือ * สินค้า X * สินค้า Y

  17. ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กรณี คือ กรณีที่ 1 : ผู้บริโภคมีรายได้ไม่จำกัด กรณีที่ 2 : ผู้บริโภคมีรายได้จำกัดและสินค้าทั้งสองชนิดมี ราคาเท่ากัน กรณีที่ 3 : ผู้บริโภคมีรายได้จำกัดและสินค้าทั้งสองชนิดมี ราคาไม่เท่ากัน

  18. กรณีที่ 1 : ผู้บริโภคมีรายได้ไม่จำกัด • ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าทั้งสองชนิดได้ไม่จำกัดเท่าที่จะปรารถนา แต่ผู้บริโภคจะจะบริโภคสินค้าทั้งสองชนิดในระดับที่ทำให้ความพอใจของผู้บริโภคอยู่ในระดับสูงสุดเท่านั้น นั่นก็คือบริโภคจนถึง“จุดอิ่มแปล้” • ณ จุดดุลยภาพนี้จะได้ว่า MUx = MUy = 0

  19. ตารางที่ 2

  20. กรณีที่ 1 : (ต่อ) ดุลยภาพของผู้บริโภค คือ * บริโภค X จำนวน 6 หน่วย * บริโภค Y จำนวน 7 หน่วย

  21. กรณีที่ 2 : ผู้บริโภคมีรายได้จำกัดและสินค้าทั้งสองชนิดมีราคาเท่ากัน • ผู้บริโภคจะบริโภคสินค้าจำนวนมากน้อยเพียงไร ขึ้นอยู่กับจำนวนรายได้หรืองบประมาณที่ผู้บริโภคมีอยู่ และราคาของสินค้านั้นๆ • ผู้บริโภคจะซื้อสินค้าชนิดใด ผู้บริโภคจะพิจารณาจากค่า MU ที่จะได้จากสินค้าแต่ละชนิดมาเปรียบเทียบกัน

  22. กรณีที่ 2 : (ต่อ) ตัวอย่าง : สมมุติให้ราคาสินค้า X หน่วยละ 1 บาท ราคาสินค้า Y หน่วยละ 1 บาท จากตารางที่ 2 ผู้บริโภคจะต้องเลือกซื้อสินค้า X และ Y เป็นจำนวนอย่างละเท่าไร ถ้าผู้บริโภคมีเงินอยู่ 5 บาท เพื่อให้ได้รับความพอใจสูงสุด ตอบ บริโภคสินค้า X จำนวน 2 หน่วย บริโภคสินค้า Y จำนวน 3 หน่วย

  23. กรณีที่ 3 : ผู้บริโภคมีรายได้จำกัดและสินค้าทั้งสองชนิดมีราคาไม่เท่ากัน • ผู้บริโภคจะบริโภคสินค้าจำนวนมากน้อยเพียงไร ขึ้นอยู่กับจำนวนรายได้หรืองบประมาณที่ผู้บริโภคมีอยู่ และราคาของสินค้านั้นๆ (เหมือนกับกรณีที่ 2) • *** แต่แตกต่างจากกรณีที่ 2 คือ ราคาสินค้าทั้ง 2 ชนิดไม่เท่ากัน

  24. กรณีที่ 3 : (ต่อ) ตัวอย่าง: สมมุติให้ราคาสินค้า X หน่วยละ 1 บาท ราคาสินค้า Y หน่วยละ 2 บาท จากตารางที่ 2 ผู้บริโภคจะต้องเลือกซื้อสินค้า X และ Y เป็นจำนวนอย่างละเท่าไร ถ้าผู้บริโภคมีเงินอยู่ 5 บาท เพื่อให้ได้รับความพอใจสูงสุด ตอบ บริโภคสินค้า X จำนวน 3 หน่วย บริโภคสินค้า Y จำนวน 1 หน่วย

  25. *** แต่ข้อสรุปของกรณีที่ 2 และ 3 เหมือนกันดังนี้ คือ • ผู้บริโภคจะเลือกบริโภคสินค้าทั้งสองชนิดจนกระทั่งทำให้อัตราส่วนระหว่างอรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม (MU) ของสินค้าทั้งสองชนิดเท่ากับอัตราส่วนของราคาสินค้าทั้งสองชนิดนั้นพอดี • หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าอรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม (MU)ของเงิน 1 บาท ที่จะได้สินค้าแต่ละชนิดมีค่าเท่ากัน

  26. MUy Py MUx Px Px Py MUx MUy = = หรือ ** ซึ่งอาจเขียนเป็นสมการ ของกรณีที่ 2 และ 3 ได้ดังนี้ # สินค้ามีเพียง 2 ชนิด #

  27. # สินค้าหลายชนิด # ** ดุลยภาพของผู้บริโภคจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่ออรรถประโยชน์ส่วนเพิ่มของเงิน 1 บาท จากการซื้อสินค้าทุกชนิดมีค่าเท่ากัน สามารถเขียนเป็นสมการได้ดังนี้ MU1 P1 MU2 P2 MU3 P3 MUn Pn = = = = ………

  28. จุดอ่อนของทฤษฎีอรรถประโยชน์จุดอ่อนของทฤษฎีอรรถประโยชน์ • สมมุติให้อรรถประโยชน์หรือความพอใจสามารถวัดเป็นหน่วยๆ ได้ • อรรถประโยชน์ของการบริโภคสินค้าแต่ละชนิดเป็นอิสระต่อกัน แต่ในความเป็นจริงปริมาณการบริโภคสินค้าชนิดหนึ่งย่อมกระทบต่ออรรถประโยชน์ในการบริโภคสินค้าอีกชนิดหนึ่ง ดังนั้นอรรถประโยชน์ทั้งหมดจึงไม่อาจหาได้จากผลรวมของอรรถประโยชน์รวมของสินค้าแต่ละชนิด ตามทฤษฎีอรรถประโยชน์

  29. ทฤษฎีเส้นความพอใจเท่ากัน (Indifference Curve : IC) ** ไม่สามารถวัดออกมาเป็นหน่วยได้เหมือนกับทฤษฎีอรรถประโยชน์ เพียงแต่บอกให้รู้ว่าผู้บริโภคได้รับความพอใจของสินค้าแต่ละชนิดอันไหนมากกว่า น้อยกว่า หรือเท่ากัน

  30. เส้นความพอใจเท่ากันที่นำมาใช้วิเคราะห์ในทฤษฎีนี้ มีข้อสมมุติที่สำคัญ ดังต่อไปนี้ 1. ผู้บริโภคเป็นเศรษฐมนุษย์ (economic man) ที่มีความคิดความอ่านอันสมบูรณ์ (completeness) คือ ผู้บริโภคเป็นมนุษย์ที่มีเหตุผล (rationality) มีความสามารถในการเปรียบเทียบ (comparison)

  31. 2. ผู้บริโภคจะต้องเป็นบุคคลที่มีความคงเส้นคงวา (consistency) หมายถึง ระดับความพอใจของผู้บริโภคในสินค้าหรือบริการชนิดใดชนิดหนึ่งจะไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเปรียบเทียบกับจำนวนใด เรียกคุณสมบัตินี้ว่า “ความสามารถในการถ่ายทอด (transitivity)”

  32. 3. สินค้าที่บริโภคทุกชนิดเป็นสินค้าดี (goods) ตามข้อสมมุตินี้หากไม่คำนึงถึงราคาและรายได้แล้ว การบริโภคในจำนวนมากย่อมสร้างความพอใจในระดับที่สูงกว่าการบริโภคจำนวนน้อยๆ 4. การบริโภคอยู่ภายใต้กฎแห่งการลดน้อยถอยลงของอัตราการทดแทนส่วนเพิ่ม (Law of diminishing marginal rate of substitution)

  33. เส้นความพอใจเท่ากัน (Indifference Curve : IC) ** เป็นเส้นที่แสดงจำนวนต่างๆ ของสินค้า 2 ชนิด ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้รับความพอใจเท่ากัน หรือเส้นที่แสดงการเลือกบริโภคสินค้า 2 ชนิด ณ อัตราส่วนแตกต่างกัน โดยได้รับความพอใจเท่ากัน พิจารณาได้ดังตารางต่อไปนี้

  34. รูปที่ 3 จำนวนต่างๆ ของสินค้า X และ Y ที่ให้ความพอใจเท่ากัน

  35. สินค้า Y 15 A B 10 6 C 3 D 1 E F สินค้า X 0 1 2 3 4 5 รูปที่ 4

  36. ** จากรูปที่ 3 แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเลือกแผนการซื้อใดก็ตาม ผู้บริโภคจะได้รับความพอใจเท่ากันหมด โดยสามารถนำไปแสดงได้ ดังรูปที่ 4 ** รูปที่ 4จะแสดงถึงเส้นความพอใจเท่ากัน ของจุด ABCDE และ F ซึ่งคือ แผนการซื้อสินค้าต่างๆ ที่จะทำให้ผู้บริโภคได้รับความพอใจเท่ากัน

  37. ** เนื่องจากเส้น IC ของผู้บริโภคคนหนึ่งๆ ย่อมมีหลายเส้น เพราะความพอใจของผู้บริโภคมีได้หลายระดับ ** แต่ละเส้นก็จะแสดงความพอใจระดับหนึ่ง ** เส้น IC ที่แสดงความพอใจระดับสูงกว่าจะอยู่ทางขวามือของเส้นที่แสดงความพอใจในระดับต่ำกว่า แต่จะเป็นไปได้แค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับระดับรายได้เป็นสำคัญ

  38. สินค้า Y IC3 IC2 IC1 สินค้า X 0 รูปที่ 5 แผนภาพเส้นความพอใจเท่ากัน (Indifference Map)

  39. คุณสมบัติของเส้นความพอใจเท่ากันคุณสมบัติของเส้นความพอใจเท่ากัน ** ภายใต้ข้อสมมุติเบื้องต้น 4 ประการ สามารถสรุปคุณสมบัติที่สำคัญได้ดังนี้ • เป็นเส้นที่ทอดลงจากซ้ายไปขวา หรือมีความชันเป็น (-) กล่าวคือ เมื่อผู้บริโภคต้องการบริโภคสินค้า X เพิ่มขึ้น ก็ต้องลดการบริโภคสินค้า Y ลง

  40. 2. เป็นเส้นที่มีลักษณะโค้งเว้าเข้าหาจุดกำเนิด (convex to the original) 3. เส้นความพอใจเท่ากัน (IC) แต่ละเส้นจะตัดกันไม่ได้ 4. เส้นความพอใจเท่ากัน (IC) นี้เป็นเส้นติดต่อกันโดยไม่ขาดช่วง

  41. อัตราส่วนเพิ่มของการทดแทนกันของสินค้า 2 ชนิด (Marginal Rate of Substitution : MRS) ** การลดลงของสินค้า Y (X) เมื่อบริโภคสินค้า X (Y) เพิ่มขึ้น 1 หน่วย โดยรักษาระดับความพอใจให้คงเดิม ** MRSx for y หรือ MRSxy ** MRSy for x หรือ MRSyx

  42. เราสามารถหาค่า MRS ระหว่างสินค้า 2 ชนิด ได้จากสมการต่อไปนี้ Y X MRSxy = ค่า slope ของเส้น IC X Y MRSyx = คือ ส่วนเปลี่ยนแปลงในจำนวนสินค้า Y Y X คือ ส่วนเปลี่ยนแปลงในจำนวนสินค้า X

  43. Qy ต่อเดือน A 12 10 -5 8 B 1 6 C 4 D E 2 IC1 0 1 2 3 4 5 6 Qx ต่อเดือน รูป อัตราการทดแทนส่วนเพิ่มระหว่างสินค้า

  44. ** จากรูป เมื่อผู้บริโภคเพิ่มการบริโภคสินค้า X เพิ่มขึ้นทีละหน่วย ผู้บริโภคจะยินยอมเสียสละสินค้า Y เพื่อแลกกับการได้มาซึ่งสินค้า X ในจำนวนที่น้อยลงเรื่อยๆ จาก 5 หน่วย จนถึง 1 หน่วย ** จำนวนสินค้า Y ที่ลดลงเมื่อเพิ่มการบริโภคสินค้า X จำนวน 1 หน่วย โดยที่ความพอใจของผู้บริโภคยังคงเท่าเดิมนี้ เรียกว่า “อัตราการทดแทนส่วนเพิ่ม” (MRS) = Y/ X= ความชันของเส้นความพอใจเท่ากัน

  45. เนื้อหมู (กก.) เนื้อหมู (กก.) 4 3 2 1 4 3 2 1 ปลา (กก.) ปลา (กก.) 1 2 1 2 ชอบทานปลามากกว่า นายดำ นายแดง รูป รสนิยมของผู้บริโภคกับลักษณะเส้นความพอใจเท่ากัน

  46. ระดับความสามารถในการทดแทนกันระหว่างสินค้าระดับความสามารถในการทดแทนกันระหว่างสินค้า เนื้อหมู IC2 IC1 ปลา 0 แสดงเส้นความพอใจเท่ากันกรณีสินค้าทดแทนกันได้แต่ไม่สมบูรณ์

  47. สบู่ลักส์ IC2 IC1 สบู่ปาล์มโอลีฟ 0 แสดงเส้นความพอใจเท่ากันกรณี สินค้าทดแทนกันได้สมบูรณ์

  48. รองเท้าข้างซ้าย IC2 IC1 รองเท้าข้างขวา 0 แสดงเส้นความพอใจเท่ากันกรณี สินค้าใช้ประกอบกันได้สมบูรณ์

  49. ข้อควรเข้าใจเพิ่มเติมข้อควรเข้าใจเพิ่มเติม 1. ความสามารถในการทดแทนนี้ หมายถึง ความสามารถในการทดแทนความพึงพอใจของผู้บริโภคที่ได้รับสินค้าอีกชนิดหนึ่งน้อยลง 2. สินค้าที่นำมายกตัวอย่างถึงระดับความสามารถในการทดแทนกันนั้นเป็นตัวอย่างจากพฤติกรรมของผู้บริโภคโดยทั่วๆ ไป ไม่ใช่สำหรับทุกคน

  50. ดุลยภาพของผู้บริโภค ดุลยภาพของผู้บริโภคตามทฤษฎีความพอใจเท่ากันนี้ หมายถึงภาวะที่ทำให้ผู้บริโภคได้รับอรรถประโยชน์หรือความพอใจสูงสุดภายใต้ข้อจำกัดแห่งงบประมาณที่มีอยู่ นั่นก็คือ ผู้บริโภคจะต้องตัดสินใจเลือกบริโภคสินค้าแต่ละชนิดในส่วนผสมใดด้วยเงินรายได้ที่ผู้บริโภคมีอยู่เพื่อให้บรรลุซึ่งดุลยภาพของผู้บริโภค

More Related