1 / 20

วรรณกรรมสมัยสุโขทัย

วรรณกรรมสมัยสุโขทัย. วรรณกรรมในสมัยกรุงสุโขทัยมีอยู่หลายประเภท ส่วนใหญ่ออกมาในรูปของ การสดุดีวีรกรรม ศาสนา ปรัชญา โดยมีวรรณกรรม ที่สำคัญ ดังนี้ ศิลาจารึกหลักที่ 1 ไตรภูมิพระร่วง (เตภูมิกถา) สุภาษิตพระร่วง ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ มัง รายศาสตร์ ( วินิจฉัยมัง ราย). ศิลาจารึกหลักที่ 1.

roza
Download Presentation

วรรณกรรมสมัยสุโขทัย

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. วรรณกรรมสมัยสุโขทัย

  2. วรรณกรรมในสมัยกรุงสุโขทัยมีอยู่หลายประเภท ส่วนใหญ่ออกมาในรูปของ การสดุดีวีรกรรม ศาสนา ปรัชญา โดยมีวรรณกรรม ที่สำคัญ ดังนี้ • ศิลาจารึกหลักที่ 1 • ไตรภูมิพระร่วง (เตภูมิกถา) • สุภาษิตพระร่วง • ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ • มังรายศาสตร์ (วินิจฉัยมังราย)

  3. ศิลาจารึกหลักที่ 1 ศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง บางทีเรียกว่า จารึกหลักที่ 1 เป็นจารึกที่สำคัญและยกย่องว่าเป็นวรรณคดีเรื่องแรกของไทยที่บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ประโยคที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นภาษาพูดมากกว่าภาษาเขียน บางตอนมีเสียงของคำสัมผัส มีจุดมุ่งหมายเพื่อบันทึกเรื่องราวต่างๆ ในสมัยกรุงสุโขทัยลักษณะการปกครองชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร ตลอดจนบรรยายถึงความเจริญรุ่งเรืองของกรุงสุโขทัย

  4. ศิลาจารึกหลักที่ 1 ผู้แต่ง : สันนิษฐานว่าผู้แต่งอาจมีมากกว่า 1 คน หนึ่งในนั้นเป็นพ่อขุนรามคำแหงลักษณะการแต่ง : แต่งเป็นร้อยแก้วที่มีลักษณะเป็นภาษาไทยแท้เป็นประโยคสั้นๆกะทัดรัดบางตอนมีเสียงสัมผัสคล้องจองกันบ้างระหว่างวรรค

  5. ศิลาจารึกหลักที่ 1 เนื้อหาสาระ ตอนที่ 1 เป็นเรื่องราวของพ่อขุนรามคำแหงทรงเล่าประวัติของพระองค์ตั้งแต่ประสูติจนได้เสวยราชย์ ใช้คำแทนชื่อว่า "กู" เป็นพื้น จึงเป็นทำนองอัตชีวประวัติตอนที่ 2 เนื้อเรื่องเป็นการเล่าเหตุการณ์ต่างๆ และขนบธรรมเนียมของกรุงสุโขทัย การสร้างพระแทนมนังคศิลา การสร้างวัดมหาธาตุ เมืองศรีสัชนาลัย และการประดิษฐ์อักษรไทยตอนที่ 3 เนื้อเรื่องเป็นการกล่าวสรรเสริญและยอพระเกียรติพ่อขุนรามคำแหง และกล่าวถึงอาณาเขตของกรุงสุโขทัยที่แผ่กว้างออกไป

  6. ไตรภูมิพระร่วง (เตภูมิกถา) หนังสือไตรภูมิพระร่วงเป็นหนังสือสำคัญสมัยกรุงสุโขทัยที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน เป็นวรรณคดีทางศาสนาที่มีอิทธิพลต่อคนไทยมาก เดิมเรียกว่า "เตภูมิกถา หรือไตรภูมิกถา" ในการพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2455 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเปลี่ยนชื่อหนังสือเล่มนี้เป็น "ไตรภูมิพระร่วง" เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระร่วงเจ้าแห่งกรุงสุโขทัยให้คู่กับหนังสือสุภาษิตพระร่วง จุดมุ่งหมายของวรรณกรรมเรื่องนี้เพื่อสั่งสอนประชาชนให้มีคุณธรรมและช่วยกันดำรงพระพุทธศาสนาไว้ให้ยั่งยืน

  7. ไตรภูมิพระร่วง (เตภูมิกถา) ผู้แต่ง : พระมหาธรรมราชาที่ 1 (พระยาลิไท) ลักษณะการแต่ง : แต่งเป็นร้อยแก้ว

  8. ไตรภูมิพระร่วง (เตภูมิกถา) เนื้อหาสาระ เริ่มต้นด้วยคาถานมัสการเป็นภาษาบาลี ต่อไปมีบานแพนกบอกชื่อผู้แต่ง วันเดือนปีที่แต่ง บอกชื่อคัมภีร์ บอกความมุ่งหมายในการแต่ง แล้วจึงกล่าวถึงภูมิทั้ง 3 ว่า "อันว่าสัตว์ทั้งหลายย่อมจะเวียนวนไปมาและเกิดในภูมิ 3 อันนี้แล" คำว่า "ไตรภูมิ" แปลว่า สามแดน คือ กามภูมิรูปภูมิและอรูปภูมิ ทั้ง 3 ภูมิแบ่งออกเป็น 8 กันฑ์ คือ

  9. ไตรภูมิพระร่วง (เตภูมิกถา) 1. กามภูมิ มี 6 กัณฑ์ คือ1.1. นรกภูมิ เป็นแดนนรก1.2. ดิรัจฉานภูมิ เป็นแดนของสัตว์ที่เจริญตามขวาง1.3. เปตภูมิ เป็นแดนของเปรตที่เคยเป็นมนุษย์และทำความชั่วเกิดเป็นเปรต 1.4. อสุรกายภูมิ เป็นแดนของยักษ์มารหรือผีที่หลอกมนุษย์ให้ตกใจกลัว1.5. มนุสสภูมิ เป็นแดนของมนุษย์1.6. ฉกามาพจร เป็นแดนของเทวดาที่ยังเกี่ยวข้องในกาม มี 6 ชั้น คือ จาตุมหาราชิก , ดาวดึงส์ , ยามะ , ดุสิต , นิมมานรดี , ปรนิมมิตวสวดี

  10. ไตรภูมิพระร่วง (เตภูมิกถา) 2. รูปภูมิ มี 1 กัณฑ์ คือ รูปาวจรภูมิ เป็นแดนของพรหมที่มีรูป แบ่งเป็น 16 ชั้น ตามภูมิธรรม เรียกว่า โสฬสพรหม 3. อรูปภูมิ มี 1 กัณฑ์ คือ อรูปาวจรภูมิ เป็นแดนของพรหมไม่มีรูป มีแต่จิต แบ่งเป็น4ชั้น

  11. สุภาษิตพระร่วง สุภาษิตพระร่วงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "บัญญัติพระร่วง" เป็นสุภาษิตที่เก่าแก่ เพิ่งมาบันทึกไว้เป็นหลักฐานครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยกวีในสมัยนั้นได้รวบรวมและแต่งเติมเสริมต่อให้ครบถ้วนแล้วจารึกไว้ที่ผนังวิหารด้านในทางทิศเหนือหน้ามหาเจดีย์ในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราช เมื่อ พ.ศ. 2379 ต่อมาหอพระสมุดได้รวบรวมไว้ในหนังสือประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ

  12. สุภาษิตพระร่วง ผู้แต่ง : สันนิษฐานกันว่าพ่อขุนรามคำแหงเป็นผู้ พระราชนิพนธ์ ลักษณะการแต่ง : แต่งเป็นร่ายสุภาพ ตอนจบเป็นโคลงสี่สุภาพกระทู้ 1 บท เนื้อหาสาระ : เริ่มด้วยพระร่วงแห่งกรุงสุโขทัยทรงมุ่งหวังประโยชน์ในภายหน้าจึงทรงบัญญัติสุภาษิตเครื่องเตือนสติประชาชนมีสุภาษิต ทั้งหมด 158 บท

  13. ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ มีชื่อเรียกว่า นางนพมาศ หรือ เรวดีนพมาศ เป็นหนังสือที่ยังมีปัญหาเกี่ยวกับสมัยที่แต่ง นักวรรณคดีมีความเห็นตรงกันว่า ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์เป็นหนังสือที่แต่งเติมหรือแต่งใหม่ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ โดยใช้เค้าเรื่องเดิม ทั้งนี้เพราะมีเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เช่น การกล่าวถึงชนชาติ อเมริกัน การกล่าวถึงปืนใหญ่ซึ่งไม่มีในสมัยนั้น ถ้อยคำสำนวนเป็นถ้อยคำใหม่ มีคำกลอนซึ่งเกิด ขึ้นหลังสมัยกรุงสุโขทัยอยู่ด้วย

  14. ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ผู้แต่ง : นางนพมาศ หรือ “ท้าวศรีจุฬาลักษณ์” เป็นธิดาของพระศรีมโหสถและนางเรวดี มีรูปสมบัติและคุณสมบัติที่งดงาม มีความรู้ทางอักษรศาสตร์ พุทธศาสนา ศาสนาพราหมณ์ การช่างของสตรี ตลอดจนการขับร้องดนตรี ถวายตัวเป็นสนมทำหน้าที่ขับร้องถวาย ได้เป็นพระสนมเอกของพระยาลิไท ตำแหน่งท้าวศรีจุฬาลักษณ์ความมุ่งหมาย : เพื่อแสดงถึงขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ และจริยธรรมของผู้รับราชการฝ่ายในลักษณะการแต่ง : แต่งเป็นร้อยแก้ว มีกลอนดอกสร้อยแทรกอยู่ 5 บท

  15. ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ เนื้อหาสาระ แบ่งออกได้เป็น 5 ตอน คือ1. กล่าวถึงชาติและภาษาต่างๆ2. ยอพระเกียรติพระร่วง เล่าชีวิตของชาวสุโขทัยและสถานที่บางแห่ง3. ประวัติของนางนพมาศเอง4. คุณธรรมและการปฏิบัติหน้าที่ของนางสนม5. พระราชพิธีต่างๆ เช่น พระราชพิธีจองเปรียงลอยพระประทีป (เดือนสิบสอง) , พระราชพิธีวิสาขะและพระราชพิธีจรดพระนังคัล (เดือนหก) , พระราชพิธีอาษาฒมาส (เดือนแปด) , พระราชพิธีอาสวยุช (เดือนสิบเอ็ด) เป็นต้น

  16. มังรายศาสตร์ (วินิจฉัยมังราย) มังรายศาสตร์เป็นหนังสือใบลานที่เก่าแก่ที่สุด ต้นฉบับเดิมเขียนเป็นภาษาไทยเหนือ มังรายศาสตร์เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วินิจฉัยมังราย หมายความว่าเป็นคำพิพากษาของ พระเจ้ามังราย

  17. มังรายศาสตร์ (วินิจฉัยมังราย) ผู้แต่ง : พระเจ้ามังรายหรือพระยามังราย กษัตริย์แห่งอาณาจักรลานนาไทยพระราชโอรสของพระเจ้าลาวเม็ง เจ้าแห่งวงศ์หิรัญนคร ผู้ครองนครเชียงใหม่ เมื่อเจริญวัย พระราชบิดามีรับสั่งให้ไปครองนครเชียงราย พระเจ้ามังรายก็ทรงทำหน้าที่ในการปกครองได้อย่างดีเยี่ยม ทรงตีเมืองหริภุญไชยที่อยู่ในการครอบครองของมอญได้สำเร็จ ขณะมีพระชนมายุได้ 43 พรรษา เมื่อขึ้นครองราชย์ปกครองอาณาจักรลานนา พระองค์ได้ทรงสร้างเมืองเชียงใหม่ให้เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรลานนาความมุ่งหมาย : เพื่อใช้ในการพิจารณาคดีความลักษณะการแต่ง :แต่งเป็นร้อยแก้ว

  18. มังรายศาสตร์ (วินิจฉัยมังราย) เนื้อหาสาระ :มังรายศาสตร์เป็นหนังสือกฎหมายที่ได้รวบรวมเรียบเรียงมาจากหนังสือธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นคัมภีร์กฎหมายเก่าแก่ของอินเดีย ที่ถูกมอญดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพของตนไปบ้างแล้ว ตอนแรก กล่าวถึงการสืบสันตติวงศ์ลานนาการสร้างเมืองเชียงใหม่และวัตถุประสงค์ในการแต่ง คำนำ ใช้คำว่าสิทธิสวัสดี กล่าวถึงกฎหมายที่ได้รู้มาแต่โบราณ เพื่อให้ท้าวพระยาทั้งหลายและเสนาอมาตย์ผู้ปกครองเมืองสืบไปได้รู้จักผิดรู้จักชอบ

  19. มังรายศาสตร์ (วินิจฉัยมังราย) ตอนที่สอง กล่าวถึงเรื่องระเบียบการกครอง ซึ่งสมัยนั้นได้มีการจัดการปกครองออกเป็นหมู่ๆ โดยมีหัวหน้าทำหน้าที่ในการปกครองในแต่ละหมู่ ตอนที่สาม กล่าวถึงเรื่องของตัวบทกฎหมาย ที่มีคำอธิบายพร้อมเหตุผลประกอบ มีจริยธรรมสอดแทรก และมีลักษณะของความยืดหยุ่นเพื่อความเหมาะสมอีกด้วย

  20. ที่มา • http://www.2-teen.com/community/forum.php?mod=viewthread&tid=25226 • http://th.wikipedia.org • http://www.school.net.th/library/create-web/10000/literature/10000-6434.html

More Related