2.29k likes | 5.85k Views
Thermodynamics. อุณหพลศาสตร์ ระบบทางเทอร์โมไดนามิกส์ งาน ความร้อน พลังงานภายใน. กฎข้อที่หนึ่งของเทอร์โมไดนามิกส์ สภาวะและสมดุล เอนทัลปี ความจุความร้อนจำเพาะ เอนโทรปี พลังงานกิบส์. By Assist. Dr. Wancheng Sittikijyothin. Thermodynamics. วัตถุประสงค์.
E N D
Thermodynamics • อุณหพลศาสตร์ • ระบบทางเทอร์โมไดนามิกส์ • งาน • ความร้อน • พลังงานภายใน • กฎข้อที่หนึ่งของเทอร์โมไดนามิกส์ • สภาวะและสมดุล • เอนทัลปี • ความจุความร้อนจำเพาะ • เอนโทรปี • พลังงานกิบส์ By Assist. Dr. Wancheng Sittikijyothin
Thermodynamics วัตถุประสงค์ • ให้นิสิตทราบถึงนิยามของเทอร์โมไดนามิกส์ ความร้อน • ให้นิสิตสามารถคำนวณหางานและพลังงานภายในได้จากกฎข้อที่หนึ่งทางเทอร์โมไดนามิกส์ • ให้นิสิตทราบถึงนิยามของเอนทัลปี และความจุความร้อน 2/63
Thermodynamics Thermodynamics อุณหพลศาสตร์ เป็นวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับพลังงาน งาน การเปลี่ยนแปลงพลังงาน เมื่อสสารเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้ง ทางกายภาพและทางเคมี ข้อมูลทางอุณหพลศาสตร์ จะใช้ในการทำนายว่าปฏิกิริยาเกิดขึ้นได้เองหรือไม่ แต่จะไม่สามารถบอกอัตราเร็วของปฏิกิริยาได้ 3/63
Thermodynamics ระบบทางเทอร์โมไดนามิกส์ เทอร์โมไดนามิกส์ เป็นวิชาที่เกี่ยวกับพลังงาน และมวลสารที่แน่นอนจำนวนหนึ่ง หรือปริมาตรที่แน่นอนบริเวณหนี่ง ซึ่งมวลสารที่แน่นอนจำนวนหนึ่งที่กำลังศึกษาถึง เรียกว่า “ระบบเทอร์โมไดนามิกส์” (Thermodynamic System) ส่วนสิ่งที่อยู่ภายนอกระบบทั้งหมดเรียกว่า “สิ่งแวดล้อม” (Surrounding) ระบบถูกแยกออกจากสิ่งแวดล้อมโดยขอบเขตของระบบ (Boundary) 4/63
Thermodynamics ระบบทางเทอร์โมไดนามิกส์ ขอบเขตอาจอยู่กับที่ (Fixed Boundary) หรือขอบเขตที่เคลื่อนที่ได้ (Moving Boundary) 5/63
Thermodynamics ระบบทางเทอร์โมไดนามิกส์ ยกตัวอย่าง สารละลายกรดไฮโดรคลอริก 1 M มีเนื้อกรดอยู่ 1 โมล ในสารละลาย 1 ลิตร สารละลาย 1 ลิตร (น้ำ 1 ลิตร ) = 55.5 โมล ระบบ = กรด 1 โมล สิ่งแวดล้อม = น้ำ 55.5 โมล ภาชนะ อากาศนอก-ในภาชนะ ฯลฯ 6/63
Thermodynamics ระบบทางเทอร์โมไดนามิกส์ • ระบบในทางเทอร์โมไดนามิกส์ แบ่งเป็น 3 ลักษณะ คือ • ระบบปิด (Closed System) คือ ระบบที่ไม่มีการถ่ายเทมวล แต่ยอมให้มีการถ่ายเทพลังงาน ผ่านขอบเขตของระบบ ซึ่งเป็นระบบที่มีมวลคงที่ บางครั้งเรียกว่าระบบที่มีมวลควบคุม (Control Mass) 7/63
Thermodynamics ระบบทางเทอร์โมไดนามิกส์ 2. ระบบเปิด (Open System) คือ ระบบที่ยอมให้มีการถ่ายเทมวล พลังงานผ่านขอบเขตของระบบ หรือเรียกว่า ปริมาตรควบคุม(Control Volume) 8/63
Thermodynamics ระบบทางเทอร์โมไดนามิกส์ 3. ระบบโดดเดี่ยว (Isolated system) คือ ระบบที่ไม่มีการถ่ายเทมวล และไม่มีการถ่ายเทพลังงานผ่านขอบเขตของระบบให้กับสิ่งแวดล้อมภายนอก 9/63
Thermodynamics สภาวะและสมดุล สภาวะ (State) คือการกำหนดสภาพที่แน่นอนของระบบ เช่น เมื่อเริ่มต้นการเกิดกระบวนการ มีค่าคุณสมบัติต่างๆ ได้แก่ มวล ปริมาตร อุณหภูมิ ความดันของระบบเป็นปริมาณเท่าไหร โดยแทนสภาวะเริ่มต้นด้วยตัวเลข 1 สำหรับที่สภาวะสุดท้ายของ การเกิดกระบวนการแทนด้วย ตัวเลขเช่นเดียวกัน 10/63
Thermodynamics สภาวะและสมดุล สมดุล (Equilibrium) คือการที่คุณสมบัติของสสารในระบบอยู่ในสาภาวะที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น สมดุลทางความร้อน (Thermal equilibrium) สมดุลทางสถานะ (Phase equilibrium) สมดุลทางเคมี (Chemical equilibrium) เป็นต้น 11/63
Thermodynamics พลังงาน • พลังงาน (Energy) ที่ถ่ายเทเข้า-ออกระบบทางเทอร์โมไดนามิกส์ได้ • มี 2 รูปแบบ คือ • ความร้อน (Heat) เกิดจากผลต่างของอุณหภูมิ • งาน (Work) เป็นการถ่ายเทพลังงานรูปอื่นๆ นอกเหนือจากสาเหตุ ของผลต่างของอุณหภูมิ คืองานทั้งสิ้น System surrounding Energy(Q, W) 12/63
Thermodynamics 1. ความร้อน หน่วยของความร้อน ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำหนึ่งหน่วยมวล ดังนั้น แคลลอรี (Calorie) เป็นปริมาณความร้อนซึ่งเมื่อถ่ายเทให้กับน้ำหนึ่งกรัม ทำให้น้ำมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส บริทิชเทอร์มอลยูนิต (British thermal unit) หรือ Btu เป็นปริมาณความร้อนซึ่งเมื่อถ่ายเทให้กับน้ำ 1 ปอนด์มวล ทำให้น้ำมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นหนึ่งองศาฟาเรนไฮต์ 13/63
Thermodynamics System T = 20oC Surrounding T = 90oC Q 1. ความร้อน ความร้อน (Heat, Q) คือ พลังงานที่ถ่ายเทข้ามขอบเขตของระบบกับสิ่งแวดล้อมที่มีอุณหภูมิแตกต่างกัน “ความร้อนไหลจากวัตถุที่มีอุณหภูมิสูงไปยังวัตถุที่มีอุณหภูมิต่ำเสมอ” เมื่อวัตถุที่ร้อนสัมผัสกับวัตถุที่เย็น วัตถุที่ร้อนจะเย็นลง วัตถุที่เย็นจะร้อนขึ้น เรียกว่า “มีการถ่ายเทความร้อน (Heat transfer)” 14/63
Thermodynamics Surrounding T = 20oC System T = 90oC - Q 1. ความร้อน ระบบสูญเสียความร้อน (Exothermic change) DT = T2- T1= เครื่องหมายเป็นลบ สภาวะที่ 1 Surrounding T = 20oC System T = 30oC สภาวะที่ 2 - Q DT = T2- T1= 30oC – 90oC = -60oC 15/63
Thermodynamics Surrounding T = 80oC System T = 10oC +Q 1. ความร้อน ระบบได้รับความร้อน (Endothermic change) DT = T2- T1= เครื่องหมายเป็นบวก สภาวะที่ 1 Surrounding T = 80oC System T = 30oC สภาวะที่ 2 +Q DT = T2- T1= 30oC – 10oC = 20oC “ถ้าไม่มีผลต่างอุณหภูมิ ก็ไม่มีการถ่ายเทความร้อน” Q = 0, DT = 0 16/63
“ถ้าระบบ A และ B อยู่ในภาวะสมดุลทางอุณหพลศาสตร์ และ ระบบ B และ C อยู่ในสภาวะสมดุลทางอุณหพลศาสตร์แล้ว ระบบ A และ C จะอยู่ในภาวะสมดุลทางอุณหพลศาสตร์ด้วยเช่นกัน” เราเรียกกฎนี้ว่า “กฎข้อที่ศูนย์ทางเทอร์โมไดนามิกส์” 17/63
Thermodynamics 2. งาน งาน (Work, W) เกิดจากแรงที่กระทำต่อวัตถุ จนวัตถุนั้นเคลื่อนที่ไปตามแนวแรง งาน = แรง x ระยะทางที่วัตถุเคลื่อนที่ไปตามแนวแรง งานมีหลายรูปแบบ เช่น งานกล งานจากไฟฟ้า และงานจากสนามแม่เหล็ก ในแง่ของเทอร์โมไดนามิกส์สนใจเฉพาะงานกล โดยเฉพาะระบบที่ศึกษาส่วนใหญ่เป็นแก๊ส งานกลที่เกิดขึ้นจึงเกี่ยวข้องกับการขยายตัวของแก๊ส (ปริมาตรของแก๊สเพิ่มขึ้น) 18/63
Thermodynamics 2. งาน งานในทางเทอร์โมไดนามิกส์ คือ “การเปลี่ยนแปลงปริมาตรของระบบภายใต้อิทธิพลของความดันภายนอก” W = Fx.dX 19/63
Thermodynamics 2. งาน ในกรณีที่เป็น free expanding คือ ก๊าซในระบบโดดเดี่ยว (Isolated system) เกิดการขยายตัวเองอย่างอิสระไปยังบริเวณที่เป็นสูญญากาศ และเป็นกระบวนการอุณหภูมิคงที่ (Isothermal process) W = 0 เนื่องจากไม่มีการเคลื่อนที่ของเส้นขอบเขต (boundaries) 20/63
Thermodynamics 2. งาน W = -PDV งาน คือ การเปลี่ยนแปลงปริมาตรภายใต้แรงดันภายนอกที่คงที่ เครื่องหมาย งานที่สิ่งแวดล้อมทำให้ระบบ มีค่าเป็นบวก เช่นงานที่ใส่ให้ปั๊ม ทำงาน งานที่ใส่ให้ใบพัดหมุน งานที่ระบบทำให้สิ่งแวดล้อม มีค่าเป็นลบ เช่นการขยายตัวของแก๊ส หน่วยของงาน: J หรือ N m หรือ kg m2/s2 21/63
work out (-W) (-Q) Work in (+W) (+Q) 2. งาน ตัวอย่าง เครื่องหมายและทิศทางการเข้า-ออก ของพลังงาน (ความร้อน และงาน) ผ่านระบบทางเทอร์โมไดนามิกส์ 22/63
Thermodynamics 2. งาน งานที่กระทำโดยระบบเทอร์โมไดนามิกส์ มีค่าเท่ากับพื้นที่ใต้กราฟ W = พื้นที่ใต้กราฟ = พื้นที่สามเหลี่ยม+ พื้นที่สี่เหลี่ยม (งานที่ได้มีเครื่องหมายเป็น + เนื่องจากเป็นงานที่สิ่งแวดล้อมทำให้ระบบ) แผนภาพแสดงค่าระหว่าง Pกับ V 23/63
Thermodynamics งาน ขึ้นอยู่กับระยะทางที่ใช้ V1, P1 V1, P1 P1 P2 V2, P2 V2, P2 V1 V2 V1 V2 กระบวนการ A กระบวนการ B 24/63
Thermodynamics ตัวอย่างที่ 1ในกระบอกสูบสภาวะเริ่มต้นมีปริมาตร 0.1 m3ความดันเท่ากับ 300 kPa จากนั้นเมื่อแก๊สภายในถูกเผาจนร้อนขึ้น จนกระทั่งปริมาตรเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ความดันสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 100 kPa จงหางานที่กระทำโดยแก๊ส วิธีทำ = พื้นที่ใต้กราฟ = 100 kPa (0.2-0.1)m3 + [(0.1m3 x 200kPa)/2] = - 20 kJ เป็นลบ เนื่องจากระบบทำงาน (แก๊สขยายตัว) 25/63
Thermodynamics พลังงานภายใน พลังงานภายใน (Internal Energy, U) ของสารใดๆ หมายถึงผลรวมของพลังงานจลน์ เนื่องจากการเคลื่อนที่ (Translation) การหมุน (Rotation) และการสั่น (Vibration) ของโมเลกุลในสาร พลังงานจลน์ เนื่องจาก การเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอน โปรตรอน และนิวตรอน พลังงานศักย์เนื่องจากมวลนิ่งของอนุภาคเหล่านั้นด้วย 26/63
Thermodynamics กฎข้อที่หนึ่งทางเทอร์โมไดนามิกส์ ความร้อนและงาน เป็นพลังงานรูปแบบหนึ่งซึ่งสามารถเปลี่ยนรูปได้ และผลรวมของพลังงานทั้งหมดมีค่าคงที่ หรือ เรียกว่า กฏการอนุรักษ์พลังงาน (Conservation of Energy) ซึ่งเป็น “กฎข้อที่หนึ่งทางเทอร์โมไดนามิกส์” 27/63
Thermodynamics กฎข้อที่หนึ่งทางเทอร์โมไดนามิกส์ D(Energy of the system) + D(Energy of surroundings) = 0 D(Energy of the system) = - D(Energy of surroundings) D(Energy of system) = นิยมใช้เครื่องหมายบวก เมื่อระบบได้รับพลังงานจากสิ่งแวดล้อม 28/63
Thermodynamics กฎข้อที่หนึ่งทางเทอร์โมไดนามิกส์ = D(Energy of surroundings) = D(Energy of the system) = สมการนี้หมายความว่า การเปลี่ยนแปลงพลังงานทั้งหมดในระบบปิด จะเท่ากับพลังงานสุทธิที่ถ่ายเทเข้าสู่ระบบในรูปความร้อน และงาน 29/63
Thermodynamics กฎข้อที่หนึ่งทางเทอร์โมไดนามิกส์ ในระบบปิด มวลของสารในระบบปิดจะมีค่าคงที่ ไม่มีสารไหลเข้าและออกจากระบบ จึงไม่มีการถ่ายเทพลังงานที่มาพร้อมกับสสารผ่านขอบเขตของระบบ ในระบบเปิด มีสสารผ่านขอบเขตของระบบ จึงมีการไหลของพลังงานมาพร้อมกัน 30/63
Thermodynamics กฎข้อที่หนึ่งทางเทอร์โมไดนามิกส์ สำหรับระบบปิดพลังงานที่เปลี่ยนแปลงในระบบจะเป็นการเปลี่ยนแปลงพลังงานภายใน ดังนั้น จะได้ว่า ค่า Utเป็นพลังงานภายในทั้งหมดของระบบ เมื่อเขียนในรูปอนุพันธ์ ค่า Ut, Q และW มีหน่วย J หรือ calorie (ft.lbf) และ Btu 31/63
Thermodynamics กฎข้อที่หนึ่งทางเทอร์โมไดนามิกส์ สำหรับระบบที่เป็นเนื้อเดียวกัน สามารถแสดงค่าพลังงานภายในรวมได้ สำหรับระบบที่มี nโมล จึงเขียนได้ดังนี้ เมื่อn = 1 และ 32/63
Thermodynamics • ตัวอย่างที่ 2ให้หาการเปลี่ยนแปลงของพลังงานภายในของระบบ เมื่อ • พลังงานความร้อนขนาด 1000 J ไหลเข้าสู่ระบบ ในขณะเดียวกันระบบทำงานขนาด 400 J • ระบบทำงานขนาด 800 J เมื่อมีการถ่ายเทพลังงานความร้อนออกจากระบบขนาด 500 J วิธีทำ ก) = 1000 J + (- 400 J) = 600 J ข) = -500 J + (-800 J) = -1300 J 33/63
Thermodynamics เอนทัลปี เอนทัลปี (Enthalpy, H) เป็นฟังก์ชันสภาวะ (State Function) คือเป็นคุณสมบัติที่ไม่ขึ้นกับวิถีทางของกระบวนการ แต่ขึ้นอยู่กับสภาวะปัจจุบัน ซึ่งสามารถเขียนได้ดังสมการ การเปลี่ยนแปลงเอนทัลปี (DH) คือ ปริมาณความร้อนที่ผ่านเข้า หรือออกจากระบบในกระบวนการที่ความดันคงที่ 34/63
Thermodynamics เอนทัลปี เนื่องจาก U, Pและ Vต่างก็เป็นฟังก์ชันสภาวะHจึงเป็นฟังก์ชันสภาวะเช่นกัน เมื่อเกิดปฏิกิริยาเคมี การเปลี่ยนแปลงเอนทัลปี คือ DH = DU +D(PV) = DU + PDV + VDP จากกฎข้อที่หนึ่งทางเทอร์โมไดนามิกส์ DU = Q+W = Q - PDV DH = Q – PDV + PDV + VDP = Q + VDP ถ้าปฏิกิริยาเกิดขึ้นที่ความดันคงที่ DP = 0 จะได้ DH = QP 35/63
Thermodynamics aA +bB cC + dD เอนทัลปี ถ้าระบบประกอบด้วยสารที่เป็นของแข็ง หรือของเหลว การเปลี่ยนแปลงความดัน และปริมาตรจะมีค่าน้อยมากจนถือได้ว่า D(PV)= 0และDH = DU สำหรับปฏิกิริยาซึ่งเกิดขึ้นดังสมการ โดยที่สาร A, B, C และ D มีเอนทัลปีต่อโมลเป็น HA, HB, HCและ HD 36/63
Thermodynamics aA +bB cC + dD เอนทัลปี โดยที่สาร A, B, C และ D มีเอนทัลปีต่อโมลเป็น HA, HB, HCและ HD การเปลี่ยนแปลงเอนทัลปี คือ DH = cHC + dHD – aHA - bHB = (cHC + dHD) – (aHA + bHB) และสำหรับปฏิกิริยาใดๆ จะเขียนได้ว่า คือผลรวมของเอนทัลปีของสารผลิต คือผลรวมของเอนทัลปีของสารตั้งต้น 37/63
Thermodynamics เอนทัลปี ในกรณีที่ Qมีค่าเป็นลบ หมายความว่า ในการเกิดปฏิกิริยานี้ ระบบคายความร้อนให้แก่สิ่งแวดล้อม DHก็จะมีค่าเป็นลบด้วย และปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น เรียกว่า “ปฏิกิริยาคายความร้อน (Exothermic reaction) ในทางตรงข้าม สำหรับ “ปฏิกิริยาดูดความร้อน (Endothermic reaction) Qและ DHมีค่าเป็นบวก และสารตั้งต้นมีเอนทัลปีต่ำกว่าผลิตผล 38/63
Thermodynamics ตัวอย่างที่ 3ในการทำให้น้ำแข็ง 1 mol ที่ 0oC หลอมเหลวที่อุณหภูมิคงที่และความดันคงที่เท่ากับ 1 atm ต้องให้ความร้อนแก่ระบบ 1,440 cal ถ้าปริมาตรต่อโมลของน้ำแข็ง และน้ำมีค่าเท่ากับ 0.0196 และ 0.018 l ตามลำดับ จงคำนวณหา DHและ DU DH = QP = 1,440 cal/mol = (1,440 cal/mol)(4.184 J/cal) = 6,025 J/mol วิธีทำ ที่ความดันคงที่ จากสมการ DH = DU +PDV (ความดันคงที่) DU = DH - PDV 39/63
Thermodynamics DU = DH - PDV DV = V(น้ำ)– V(น้ำแข็ง) = 0.018 – 0.0196 = -0.0016 l/mol PDV = - (1 atm)(0.0016 l/mol) = -0.0016 l atm/mol = -(0.0016 l atm/mol)(101.3 J/l atm) = - 0.162 J/mol DU = 6,025 – (-0.162) = 6,025.162 J/mol = 6.03 kJ/mol 40/63
Thermodynamics C3H8(g) + 5O2(g) 3CO2(g) + 4H2O(l) ตัวอย่างที่ 4เมื่อนำโพรเพน (C3H8) เผาในบรรยากาศของ O2ที่ 25oC, 1 atm มีการเปลี่ยนแปลงเอนทัลปีของปฏิกิริยาดังนี้ กำหนด DHo = -2,200 kJ จงคำนวณการเปลี่ยนแปลงพลังงานภายในของปฏิกิริยาดังกล่าวที่ 25o C, 1 atm วิธีทำ เมื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงสภาวะของแก๊ส จากสมการ DH = DU +DPV = DU + DnRT = DU + RTDn ฉะนั้น จะได้ว่าDU = DH – RTDn 41/63
C3H8(g) + 5O2(g) 3CO2(g) + 4H2O(l) จากสมการเคมีที่กำหนดให้ เมื่อn คือ จำนวนโมลของผลิตภัณฑ์ และสารตั้งต้นที่เป็นแก๊ส จะได้ว่า Dn = n (CO2 + H2O) – n (C3H8 + O2) = (3 mol + 0 mol) – (1 mol + 5 mol) = -3 mol จากสมการ DU = DH – RTDn แทนค่า จะได้DU = -2,220 x 103 J – (8.314 J/K.mol)(298.1K)(-3 mol) = -2,212.6 kJ 42/63
Thermodynamics ความจุความร้อนจำเพาะ ความจุความร้อน (Heat Capacity, C) คือพลังงานที่ให้กับสารจำนวนหนึ่งแล้วส่งผลให้อุณหภูมิของสารนั้นเพิ่มขึ้น 1 หน่วยอุณหภูมิ ความจุความร้อนจำเพาะ (Specific Heat Capacity, c) คือพลังงานที่ให้กับสารหนึ่งหน่วยมวล แล้วส่งผลให้อุณหภูมิของสารนั้นเพิ่มขึ้น 1 หน่วยอุณหภูมิ มีหน่วยเป็น kJ/kg.K เป็นสมบัติเฉพาะตัวของสารแต่ละชนิด ตัวอย่างเช่น การทำให้เหล็ก 1 kg มีอุณหภูมิเพิ่ม 1oC ต้องการพลังงานเพียง 0.45 kJ/kg 43/63
ความจุความร้อนจำเพาะ ตารางที่ 1ค่าความร้อนจำเพาะของสารบางชนิด 44/63
Thermodynamics ความจุความร้อนจำเพาะ ดังนั้น ถ้าต้องการทราบความร้อนจำเพาะของสาร มวลของสารและอุรหภูมิที่เปลี่ยนไป จะสามารถนำมาคำนวณหาปริมาณความร้อนที่ดูดเข้าไป หรือที่คายออกมาในกระบวนการหนึ่งๆ ได้ จากสมการ เมื่อ c = ความจุความร้อนจำเพาะ (J/goC) m = มวลของสาร (g) dT = อุณหภูมิที่เปลี่ยนไป (oC) 45/63
ตัวอย่างที่ 5 (ก) ถ้าต้องการทำให้น้ำ 100 g มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นจาก 30oC เป็น 50oC จะต้องใช้ความร้อนเท่าใด เมื่อ c = 4.184 J/g oC (ข) ถ้าให้ความร้อน 5 kJ แก่น้ำ 100 g ที่ 30oC ในข้อ (ก) จะทำให้อุณหภูมิใหม่ของน้ำเป็นเท่าใด วิธีทำ (ก) จากสมการ แทนค่า Q =4.184 J/g oC (100 g) (50-30)oC = 8,368 J 46/63
(ข) จากสมการข้างต้น สามารถหา DTได้ DT =5 x 103 J / (100 g)(4.184 J/g oC) = 11.95 oC = T2 – T1 T2 =11.95 oC + T1 = 11.95 oC + 30 oC = 41.95 oC 47/63
Thermodynamics ความจุความร้อน ความจุความร้อน แบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ 1. ความจุความร้อนโดยปริมาตรคงที่ (CV) หมายถึงพลังงานที่ให้กับสารหนึ่งมวลแล้วส่งผลให้อุณหภูมิของสารนั้นเพิ่มขึ้น 1 หน่วยอุณหภูมิ ตามกระบวนการปริมาตรคงที่ 2. ความจุความร้อนโดยความดันคงที่ (Cp) หมายถึงพลังงานที่ให้กับสารหนึ่งมวลแล้วส่งผลให้อุณหภูมิของสารนั้นเพิ่มขึ้น 1 หน่วยอุณหภูมิ ตามกระบวนการความดันคงที่ 48/63
Thermodynamics ความจุความร้อนจำเพาะ Cp: CV : ในทำนองเดียวกัน 49/63
Thermodynamics ความจุความร้อนจำเพาะ จากนิยามของเอนทัลปี H = U +PV สำหรับแก๊สสมบูรณ์แบบ 1 โมล PV = RT สำหรับของแข็งและของเหลว ถือได้ d(PV)/dTมีค่าต่ำมาก CP = CV 50/63