1 / 31

อุทธรณ์

อุทธรณ์. -การยื่นอุทธรณ์. -ห้ามพิพากษาเพิ่มเติม โทษจำเลย. -การอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์. -การอุทธรณ์คำสั่งระหว่าง พิจารณา. -ข้อจำกัดในการอุทธรณ์. -การยื่นให้รับรองอุทธรณ์. -การพิจารณาคดดีในชั้นอุทธรณ์. ข้อจำกัดในการอุทธรณ์. หลัก : ห้ามโจทก์ จำเลยให้อุทธรณ์ใน ปัญหาข้อเท็จจริง.

Download Presentation

อุทธรณ์

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. อุทธรณ์ -การยื่นอุทธรณ์ -ห้ามพิพากษาเพิ่มเติม โทษจำเลย -การอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ -การอุทธรณ์คำสั่งระหว่าง พิจารณา -ข้อจำกัดในการอุทธรณ์ -การยื่นให้รับรองอุทธรณ์ -การพิจารณาคดดีในชั้นอุทธรณ์

  2. ข้อจำกัดในการอุทธรณ์ หลัก : ห้ามโจทก์ จำเลยให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ในคดีซึ่งอัตราโทษอย่างสูงตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุก ไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

  3. -อัตราโทษพิจารณาจาก ฐานความผิดที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษ จำเลยเป็นสำคัญ มิใช่พิจารณาจากความผิดที่ศาลฟังในชั้น พิจารณาคดี -กรณีที่ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ ผู้เสียหายจะมีสิทธิอุทธรณ์ได้เฉพาะข้อหาความผิดที่เป็นผู้เสียหาย ได้เท่านั้น

  4. -กรณีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดหลาย -กรณีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดหลาย กรรมต่างกัน การพิจารณาข้อห้ามอุทธรณ์ ให้พิจารณาเป็นราย กระทงความผิดไป แม้จะรวมทุกกระทงมาในฟ้องเดียวกันก็ตาม -กรณีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท การพิจารณาข้อห้ามอุทธรณ์ต้องพิจารณา อัตราโทษอย่างสูงตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับบทที่มีอัตราโทษ หนักสุดเท่านั้น หากบทหนักไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ ก็พลอยให้บทเบา ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ไปด้วย

  5. ยกเว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้ จำเลยสามารถอุทธรณ์ในปัญหา ข้อเท็จจริงได้ 1. จำเลยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก หรือลงโทษกักขัง แทนโทษจำคุก 2. จำเลยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก แต่ศาลรอการลง โทษไว้ 3. ศาลได้พิพากษาว่าจำเลยได้กระทำความผิด แต่รอการ กำหนดโทษไว้ 4. จำเลยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษปรับกว่า 1,000 บาท

  6. ปัญหา:จำเลยถูกลงโทษให้ริบทรัพย์สิน จำเลยอุทธรณ์ได้หรือไม่ ?

  7. หลัก : การอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย โจทก์จำเลยสามารถอุทธรณ์ ได้ ไม่มีข้อห้ามแต่อย่างใด แต่ปัญหาข้อกฎหมายนั้น ต้องได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาล ชั้นต้น ยกเว้นแต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบ หรือ การไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้

  8. ปัญหาข้อกฎหมาย คือ เป็นเรื่องการแปลความ หรือตีความ กฎหมาย ซึ่งศาลจะต้องวินิจฉัยชี้ขาดด้วยการนำข้อเท็จจริงที่รับฟัง ยุติแล้วไปปรับเข้ากับตัวบทกฎหมาย

  9. ตัวอย่างปัญหาข้อกฎหมายตัวอย่างปัญหาข้อกฎหมาย ปัญหาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ , ศาลพิพากษาเกิน คำขอหรือไม่ , ปัญหาเรื่องการบวกโทษ หรือเพิ่มเติมโทษจำเลยชอบ ด้วยกฎหมายหรือไม่ , สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับหรือไม่ ,

  10. ปัญหาข้อเท็จจริง คือ 1. ปัญหาที่คู่ความมีการโต้เถียงว่าได้มีการกระทำ หรือ เหตุการณ์ หรือพฤติการณ์อย่างหนึ่งอย่างใดเกิดขึ้น หรือมีอยู่จริง ดังที่คู่ความกล่าวอ้างหรือโต้เถียงกันหรือไม่ ซึ่งเป็นปัญหาที่ศาล จะต้องฟังให้ได้เป็นที่ยุติ โดยวินิจฉัยชี้ขาดจากพยานหลักฐานที่ คู่ความนำสืบต่อศาล หรือ 2. ปัญหาเกี่ยวกับการโต้แย้งดุลยพินิจในการรับฟัง พยานหลักฐานของศาล หรือ 3. ปัญหาเกี่ยวกับการโต้แย้งดุลยพินิจในการมีคำสั่งชี้ขาด ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

  11. การพิจารณาในชั้นอุทธรณ์การพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ มาตรา 194 คดีที่มีการอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย คดีที่อุทธรณ์แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ ต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยาน หลักฐานในสำนวน

  12. ศาลอุทธรณ์มีอำนาจหยิบยกเอาปัญหาข้อกฎหมายเองได้ ม.195 ว.2 ศาลอุทธรณ์มีอำนาจหยิบยกเอาปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่ เคยว่ากล่าวกันมาในศาลล่างถ้าเข้าเหตุประการหนึ่งประการใด ตามมาตรา 195 วรรค 2 1. ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบ เช่น ปัญหาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ 2. ข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตาม ป.วิ.อ. อันว่า ด้วยการอุทธรณ์ เช่น มิได้ยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนด 1 เดือน ตามมาตรา 198 วรรค 1

  13. มาตรา 208 อำนาจของศาลอุทธรณ์ มาตรา 208 (1) เมื่อศาลเห็นว่าควรสืบพยานเพิ่มเติมให้ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจเรียกพยานมาสืบเอง หรือสั่งศาลชั้นต้นให้ สืบพยานให้ เมื่อศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วก็ให้ส่งสำนวนให้ศาล อุทธรณ์ทำคำวินิจฉัย มาตรา 208 (2) ถ้าศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตาม กระบวนพิจารณา ศาลอุทธรณ์จึงจะย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้น พิจารณาพิพากษาใหม่

  14. ห้ามมิให้ศาลอุทธรณ์เพิ่มเติมโทษจำเลย ม. 212 ห้ามมิให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย เว้นแต่ โจทก์ได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษจำเลย

  15. ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาเป็นคุณแก่จำเลยได้ ม.213 ศาลอุทธรณ์พิพากษามีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยอื่นที่ มิได้อุทธรณ์ 1. ต้องเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยหลาย คนในความผิดฐานเดียวกันหรือต่อเนื่องกัน “ในความผิดฐานเดียวกัน” โดยอาจจะร่วมกระทำความผิด ด้วยกันโดยร่วมกันเป็นตัวการ,หรือเป็นผู้ใช้, หรือผู้สนับสนุน “การกระทำความผิดต่อเนื่องกัน” เช่น ความผิดฐานรับของโจร

  16. 2. มีจำเลยบางคนอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาล ชั้นต้นขึ้นมา แต่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ยังหมายถึงกรณีที่โจทก์อุทธรณ์ฝ่าย เดียวเฉพาะจำเลยบางคนที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องด้วย

  17. ม.196 ห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา จนกว่าจะมี คำพิพากษาศาลชั้นต้น -แม้เป็นคำสั่งไม่รับ หรือคืนคำคู่ความก็ตาม ก็ห้ามอุทธรณ์ -การอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาในคดีอาญา ผู้อุทธรณ์ ไม่ต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ก่อนเหมือนคดีแพ่ง -การจะอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาได้ต้องมีการอุทธรณ์ คำสั่งหรือคำพิพากษาในประเด็นสำคัญแห่งคดีด้วย จะอุทธรณ์ เพียงคำสั่งระหว่างพิจารณาเหมือนดังคดีแพ่งไม่ได้

  18. การยื่นให้รับรองให้อุทธรณ์ ม.193 ตรี คดีซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม ป.วิ.อ. ม.193 ทวิ โจทก์ จำเลย อาจยื่นคำร้องให้บุคคลดังต่อไปนี้ ให้รับรองให้อุทธรณ์ได้ เห็นว่าข้อความที่ตัดสิน นั้นเป็นปัญหาสำคัญอัน ควรสู่ศาลอุทธรณ์ และ อนุญาตให้อุทธรณ์ • -ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดี • -ผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษา • ผู้พิพากษาซึ่งทำความเห็นแย้ง • อัยการสูงสุด หรือ • ผู้ซึ่งอัยการสูงสุดมอบหมาย ลงลายมือชื่อรับรองใน อุทธรณ์ ว่ามีเหตุสมควร ที่ศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัย

  19. ฎีกา -การยื่นฎีกา -ห้ามพิพากษาเพิ่มเติม โทษจำเลย เว้นแต่โจทก์ จะได้ฎีกาเพิ่มเติมโทษ -การอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฎีกา -ข้อจำกัดในการฎีกา -การยื่นให้รับรองฎีกา -การพิจารณาคดีในชั้นฎีกา

  20. การยื่นฎีกา และการอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา ม.223 และ 224 -การยื่นฎีกา ยื่นต่อศาลชั้นต้นที่ตัดสินคดีนั้น และเป็นหน้าที่ ของศาลชั้นต้นในการตรวจรับฎีกา ม.223 -ถ้าศาลชั้นต้นไม่รับฎีกา ผู้ฎีกาสามารถอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับ ฎีกานั้นได้ภายในกำหนด 15 วัน ม.224

  21. ข้อจำกัดสิทธิในการฎีกาข้อจำกัดสิทธิในการฎีกา ปัญหา ข้อเท็จจริง และ หลัก คู่ความมีสิทธิฎีกาได้ทั้งใน ปัญหา ข้อกฎหมาย ข้อยกเว้น เว้นแต่จะถูกจำกัดสิทธิโดยกฎหมาย

  22. ข้อห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ม.218 ยืน หรือ เงื่อนไข ถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษา แก้ไขเล็กน้อย ให้ลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ห้ามมิให้คู่ความ ฎีกาในปัญหาข้อเท็จ จริง ตาม ม.218 วรรคแรก ให้ลงโทษจำคุกเกิน 5 ปี ห้ามโจทก์ ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ม.218 วรรคสอง

  23. -ถ้าศาลอุทธรณ์แก้ไขมาก หรือพิพากษากลับ ย่อมไม่ต้อง ห้ามอุทธรณ์ -มาตรา 218 ทั้งสองวรรค ไม่คำนึกถึงโทษที่ศาลชั้นต้นลง โทษแก่จำเลยไว้ (อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่า 5 ปีก็ได้)

  24. มาตรา 219 ข้อห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี • ศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปี หรือปรับ • ไม่เกิน 40,000 บาท เงื่อนไข 2. ศาลอุทธรณ์ ยังคงลงโทษจำเลยไม่เกินกำหนดที่ว่ามานี้ หลัก ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ผล (ข้อยกเว้น) แต่ไม่ห้ามจำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แก้ไขมาก และ ถ้าศาลอุทธรณ์ เพิ่มเติมโทษจำเลย

  25. -ถ้าศาลอุทธรณ์แก้ไขมาก หรือพิพากษากลับ ย่อมไม่ต้อง ห้ามฎีกา -มาตรา 219 คำนึกถึงโทษที่ศาลชั้นต้นลงโทษแก่จำเลยไว้ต้องไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท และศาลอุทธรณ์ก็ลงไม่เกินกว่านี้

  26. มาตรา 220 ข้อห้ามในการฎีกา กรณีที่ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง 1. ห้ามคู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย หากศาลล่างทั้งสองศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ -แม้ว่าศาลล่างทั้งสองศาลจะยกฟ้องคนละเหตุผลก็ตาม

  27. 2. กรณีความผิดตามฟ้องรวมการกระทำหลายอย่าง หาก ทั้งสองศาลลงโทษจำเลยเฉพาะบทเบาตามมาตรา 192 วรรคท้าย ต้องถือว่าบทหนักตามฟ้องทั้งสองศาลได้พิพากษายกฟ้องแล้ว ต้อง ห้ามฎีกาตามมาตรา 220

  28. การพิจารณา และพิพากษา และคำสั่งชั้นฎีกา -ถ้ามีฎีกาเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องฟังข้อ เท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉันมาแล้วจากหลักฐานในสำนวน ม.222 -ห้ามศาลพิพากษาลงโทษจำเลยเว้นแต่ โจทก์จะฎีกาของให้ เพิ่มโทษจำเลย ม.212 และ 225 -ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยอื่นที่มิได้ฎีกาได้ ม.213 ประกอบกับ ม.225

More Related