1 / 60

การเจรจา FTA กับการเกษตร

การเจรจา FTA กับการเกษตร. กรกฏาคม 2547. Outline. ภาค 1 ความเข้าใจเกี่ยวกับ FTA FTA คืออะไร ทำไมประเทศต่างๆ จึงสนใจทำ FTA กันมากขึ้น ทำไมไทยต้องทำ FTA ไทยได้อะไรจาก FTA ใครเป็นผู้ที่จะได้รับประโยชน์ ผลกระทบอื่นๆ กลุ่มสินค้าและบริการที่มีศักยภาพ การเลือกคู่เจรจาพิจารณาจากอะไรบ้าง

Download Presentation

การเจรจา FTA กับการเกษตร

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การเจรจา FTA กับการเกษตร กรกฏาคม 2547

  2. Outline ภาค 1 ความเข้าใจเกี่ยวกับ FTA • FTA คืออะไร • ทำไมประเทศต่างๆ จึงสนใจทำ FTA กันมากขึ้น • ทำไมไทยต้องทำ FTA • ไทยได้อะไรจาก FTA • ใครเป็นผู้ที่จะได้รับประโยชน์ • ผลกระทบอื่นๆ • กลุ่มสินค้าและบริการที่มีศักยภาพ • การเลือกคู่เจรจาพิจารณาจากอะไรบ้าง • ไทยได้มีการจัดทำ FTA กับประเทศใดบ้าง คืบหน้าอย่างไร • ไทยเร่งทำ FTA เร็วเกินไปหรือเปล่า • ภาครัฐมีการเตรียมการในเรื่อง FTA อย่างไรบ้าง • ความคาดหวัง:ภาครัฐมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ FTA • การเตรียมความพร้อมของภาคเอกชน ภาค 2 FTA กับการเกษตร • ความตกลงเกษตร กับ FTA • บทบาทของกระทรวงเกษตรฯ • การเตรียมความพร้อมและมาตรการรองรับ • กรณีตัวอย่าง จีน

  3. 1. FTA คืออะไร • เขตการค้าเสรี (Free Trade Area-FTA) ประกอบด้วย • สองประเทศขึ้นไป • ตกลงจะทำการค้ากัน • พยายามจะลดอุปสรรคทั้งด้านภาษีและไม่ใช่ภาษีให้เหลือน้อยที่สุด • ครอบคลุมทั้งสินค้า บริการและการลงทุน

  4. 2. ทำไมประเทศต่างๆ จึงสนใจทำ FTA กันมากขึ้น • การเปิดเจรจาการค้ารอบใหม่ของ WTO หยุดชะงัก • “มังกรตื่นจากหลับไหล” • จีนเข้าเป็นสมาชิกของ WTO ทำให้ประเทศต่างๆ เกิดความหวั่นเกรงต่อศักยภาพด้านการแข่งขันของจีน • ขยายอำนาจทางเศรษฐกิจในอนาคต • ความได้เปรียบจาก • ตลาดบริโภคขนาดใหญ่ • แรงงานราคาถูก รองรับการผลิต • มีศักยภาพในการส่งออกสูง

  5. 2. ทำไมประเทศต่างๆ จึงสนใจทำ FTA กันมากขึ้น • การทำเขตการค้าเสรีเป็นการให้แต้มต่อ ส่งผลกระทบต่อประเทศที่อยู่นอกกลุ่ม เกิดแรงกระตุ้นทั้งระบบ • ใช้ FTA เป็นวิธีในการ • หาเพื่อน - สร้างพันธมิตรด้านเศรษฐกิจและการเมือง • หาตลาด - ขยายการค้าและการลงทุนกับภูมิภาคอื่นๆ ที่อยู่ห่างไกล • ประเทศที่มีพื้นที่ขนาดเล็กแต่มีระบบเศรษฐกิจที่เปิดเสรีเต็มที่อยู่แล้ว เช่น สิงคโปร์ และชิลี ได้ใช้ยุทธวิธีนี้อย่างแข็งขัน

  6. แนวโน้มการทำเขตการค้าเสรีแนวโน้มการทำเขตการค้าเสรี โลกมีแนวโน้มทำเขตการค้าเสรีมากขึ้น 70% เป็น Bilateral FTAs Source : WTO

  7. 3. ทำไมไทยต้องทำ FTA • อยู่นิ่ง เท่ากับ ถดถอย • ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ เช่น สหรัฐ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ต่างทำFTA • การค้าระหว่างประเทศ มีผลมากต่อระบบเศรษฐกิจไทย • คิดเป็นร้อยละ 56.4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (2546) • สถานการณ์แข่งขันการค้าโลกรุนแรงและรวดเร็วมากขึ้น • ไทยเสียสิทธิทางภาษีที่เคยได้ เช่น GSP ในขณะที่แอฟริกา และอเมริกาใต้ยังได้อยู่ ไทยเสียเปรียบ และเสียส่วนแบ่งตลาด • “รุก” ในส่วนที่ทำได้ ดีกว่ารอรับอย่างเดียว

  8. เป้าหมายด้านเศรษฐกิจของไทย Trade and Investment Hub in Asia Top 20 World Exporter Top 5 Investment Destination in Asia สร้างฐานเศรษฐกิจที่เข้มแข็งโดย Dual track policies

  9. 4. ไทยได้อะไรจาก FTA • ขยายการค้าสู่ตลาดใหญ่ • จีน – 1,300 ล้านคน • อินเดีย – 1,000 ล้านคน • เปิดประตูไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ แทนตลาดเดิมที่เริ่มอิ่มตัว • ตะวันออกกลาง - บาร์เรน • อเมริกาใต้ – เปรู

  10. 4. ไทยได้อะไรจาก FTA • ยกระดับความสามารถการแข่งขันทางการผลิตของไทย • วัตถุดิบถูกลง • ได้เทคโนโลยีใหม่ๆ • นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น • การลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้าสู่ไทย • สร้างพันธมิตรที่จะเกื้อกูลกันทางเศรษฐกิจ • เพิ่มอำนาจต่อรองของไทยในเวทีโลก

  11. เป้าหมายการเจรจา • ผลิตภัณฑ์เกษตร • แฟชั่น • ยานยนต์และชิ้นส่วน • อิเล็กทรอนิกส์และอุปโภคบริโภค • เฟอร์นิเจอร์ • สินค้า Electronic Commerce • NTBs • SPS • AD / CVD • RO • TBT • Environment • Others • ท่องเที่ยวและภัตตาคาร • สุขภาพ • ความงาม • บริการธุรกิจ • ขนส่ง / Logistics • ก่อสร้างและออกแบบ • การศึกษา • บริการ • อุตสาหกรรมเกษตร • อุตสาหกรรมแฟชั่น • อุตสาหกรรมยานยนต์ • ICT • บริการ • การลงทุน

  12. 5. ใครเป็นผู้ที่จะได้รับประโยชน์ • ผู้ผลิต • นำเข้าวัตถุดิบราคาถูก • ต้นทุนการผลิตลดลง • เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน • ผู้ส่งออก • การขยายตลาดและเพิ่มศักยภาพในการส่งออกสินค้าและบริการ

  13. 5. ใครเป็นผู้ที่จะได้รับประโยชน์ • ผู้นำเข้า • นำเข้าวัตถุดิบราคาถูก • สามารถนำเข้าจากแหล่งนำเข้าจากหลายประเทศ • ผู้บริโภค • ซื้อสินค้าได้ในราคาที่ถูกลง • เลือกซื้อสินค้าได้หลากหลายมากขึ้น

  14. 6. ผลกระทบอื่นๆ • ใครเป็นผู้ที่จะเสียประโยชน์ • ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมเกิดใหม่ที่ต้องการการปกป้องจากรัฐบาล • ผู้ผลิตที่มีประสิทธิภาพการผลิตต่ำ และแข่งขันกับต่างประเทศในระดับต่ำ • อย่างไรก็ตาม การเปิดเสรีไม่ได้ทำในคราวเดียว ผู้ผลิตยังมีเวลาปรับตัว เช่น เรื่องหางนมกับออสเตรเลีย กว่าจะลดภาษีเหลือ 0% ใช้เวลาถึง 20 ปี • มาตรการรองรับปรับตัว

  15. 7. กลุ่มสินค้าและบริการที่มีศักยภาพ • การปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไทยไปสู่สาขาที่ไทยมีความพร้อม และได้เปรียบ • ออกจากธุรกิจที่ไม่มีประสิทธิภาพในการแข่งขันและส่งผลกระทบต่อคนส่วนน้อย หากจำเป็น----รัฐต้องมีมาตรการรองรับที่ชัดเจน • สินค้า • อาหาร (แช่เย็น แช่แข็ง และสำเร็จรูป) • แฟชั่น • เสื้อผ้า อัญมณี เครื่องประดับ เครื่องหนัง • รถยนต์และชิ้นส่วน

  16. 7. กลุ่มสินค้าและบริการที่มีศักยภาพ • บริการ • การท่องเที่ยว • ภัตตาคาร โรงแรม การบิน ขนส่งทางอากาศ • การบริการสุขภาพ และ Life Science • โรงพยาบาล การตรวจสุขภาพ การดูแลผู้สูงอายุ สปา การบริการ Long-stay • หมอ พยาบาล ทันตแพทย์ • การวิจัยและพัฒนายา • การก่อสร้าง และออกแบบตกแต่ง • ก่อสร้าง วิศวกรรม สถาปัตยกรรม ออกแบบตกแต่งภายใน ออกแบบเครื่องแต่งกายเครื่องประดับ

  17. 8. การเลือกคู่เจรจาพิจารณาจากอะไรบ้าง • ประเทศที่เป็นตลาดดั้งเดิมของไทย • สหรัฐฯ และญี่ปุ่น : ตลาดส่งออกอันดับหนึ่งและสอง • การขยายตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ • จีน อินเดีย : จำนวนประชากร , แหล่งวัตถุดิบราคาถูก • ประเทศที่เป็นประตูการค้าและการลงทุน สู่ภูมิภาคต่างๆ • บาร์เรน (ตะวันออกกลาง) • เปรู (อเมริกาใต้)

  18. 9. ไทยได้มีการจัดทำ FTA กับประเทศใดบ้าง คืบหน้าอย่างไร • คู่เจรจาของไทย • 8 ประเทศ + 1 กลุ่มเศรษฐกิจ (จีน อินเดีย บาห์เรน ออสเตรเลีย สหรัฐฯ ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เปรู และ BIMST-EC) • เจรจาเสร็จแล้ว 1 ประเทศ : ออสเตรเลีย • เริ่มเจรจา ภายในปี 2547 • สหรัฐฯ • ญี่ปุ่น • นิวซีแลนด์ • ลงนามในกรอบความตกลงฯแล้ว อยู่ระหว่างเจรจารายละเอียด • 5 ประเทศ • จีน • บาห์เรน • อินเดีย • เปรู • BIMST-EC (บังคลาเทศ อินเดีย พม่า ศรีลังกา ไทย เนปาล และ ภูฎาน)

  19. 8+1 FTA China USA India Japan Bahrain BIMST-EC Peru Australia New Zealand • Total trade with Thailand 43.8% • Include AFTA 62.5%

  20. FTA Work Plan Jan 04 Apr 04 July 04 Oct 04 Jan 05 Apr 05 July 05 Oct 05 Jan 06 Australia มีผลใช้บังคับ 1 มกราคม 2005 China July 04 (goods) 2005 (services) Bahrain Oct 04 New Zealand Nov 04 05-06 USA Japan Dec 04 Peru Nov 04 BIMST-EC Dec 05 India Jan 06

  21. 10. ไทยเร่งทำ FTA เร็วเกินไปหรือเปล่า • เร่งมือเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป • กระแสลมของการเปลี่ยนแปลงพัดแรงขึ้นทุกวัน • ไม่เร็วเกินไป เมื่อดูจากกระแสการเปลี่ยนแปลง ของเศรษฐกิจโลกยุค “ฟ้าบ่กั้น” (Globalization) ที่มีการจับคู่เศรษฐกิจการค้า และการรวมกลุ่มการค้า เช่น FTAA EU • ถ้ารอช้ากว่านี้ อาจจะเสียมากกว่าได้: จีนกำลังเจรจากับออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ จะเจรจากับจีน อินเดีย

  22. 10. ไทยเร่งทำ FTA เร็วเกินไปหรือเปล่า • ถ้ารอให้พร้อม เมือไหร่คือพร้อม ธุรกิจโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและรวดเร็ว ไทยและทุกประเทศไม่มีใครพร้อม 100% และไม่มีวันพร้อมถ้าไม่ลงไปเรียนรู้จากการเข้าไปทำจริง ซึ่งไทยมีความสามารถสูงในการปรับตัว ให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

  23. 10. ไทยเร่งทำ FTA เร็วเกินไปหรือเปล่า • การทำ FTA ครอบคลุมทุกสินค้า แต่ไม่ได้หมายถึงต้องเปิดพร้อมกันทุกรายการสินค้า • กลุ่มที่พร้อมก็เปิดก่อน • กลุ่มที่ไม่พร้อมก็เก็บไว้ • อะไรง่ายทำก่อน อะไรยากทำทีหลัง • ปรับโครงสร้างการผลิต เตรียมความพร้อมกลุ่มที่ยาก ในระหว่างนั้น

  24. 11. ภาครัฐมีการเตรียมความพร้อมในเรื่อง FTA อย่างไร

  25. ทีม FTA คณะรัฐมนตรี กนศ. คณะเจรจา คณะทำงาน ประสานยุทธศาสตร์ และนโยบายการ เจรจาการค้า ระหว่างประเทศ (ที่ปรึกษารองนายกฯ) (สมพล เกียรติไพบูลย์) คณะทำงาน ติดตามผลการเจรจา (ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี) Australia&NZ การุณ กิตติสถาพร อภิรดี ตันตราภรณ์ Bahrain China สมพล เกียรติไพบูลย์ India & BIMSTEC ปานปรีย์ พหิทธานุกร Japan พิศาล มาณวพัฒน์ Peru กันตธีร์ ศุภมงคล US นิตย์ พิบูลสงคราม

  26. คณะทำงานประสานงานยุทธศาสตร์และนโยบายการเจรจาการค้าระหว่างประเทศคณะทำงานประสานงานยุทธศาสตร์และนโยบายการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ การเปิดตลาดสินค้า กระทรวงพาณิชย์ แหล่งกำเนิดสินค้า กระทรวงการคลัง การลด/เลิกอุปสรรคทางการค้า - มาตรฐานสุขอนามัย - มาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงอุตสาหกรรม การค้าบริการ กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การลงทุน BOI ทรัพย์สินทางปัญญา กรมทรัพย์สินทางปัญญา E-commerce กระทรวง ICT

  27. การหารือโดยกรมเจรจาฯ สำหรับทุกFTA กรมเจรจาฯ+ หน่วยงาน สภาอุต+สภาหอ+สมาคม ภาคเอกชน+จัดสภาอุต+สภาหอ+ ประมงและผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม เกษตร เกษตร เครื่องใช้ไฟฟ้าและอีเล็กทอนิกส์ อัญญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ สิ่งทอ + ยานยนต์+ชิ้นส่วน ข้าวและผลิตภัณฑ์ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม รองเท้า เครื่องหนัง เครื่องใช้เดินทาง หินอ่อน+แกรนิต ใบยาสูบ เครื่องนุ่งห่ม ชิ้นส่วนยานยนต์และอาหลั่ย เยื่อกระดาษ น้ำตาลและกากน้ำตาล เหล็ก+ผลิตภัณฑ์ เครื่องหนัง ยางพารา เครื่องจักรและโลหะการ อัญญมณี+เครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์ เซรามิค มันสำประหลัง แก้วและกระจก เคมีภัณฑ์และพลาสติก(รวมยา) ปศุสัตว์ การพิมพ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารทะเล อิเล็คทรอนิกส์ อุตสาหกรรม พลาสติก ชา กาแฟ ปิโตเคมี ไหม เคมีภัณฑ์ ไม้ดอก ไม้ประดับ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ของเล่น

  28. การรองรับผลการเจรจา (Implementation) คณะทำงานรองรับผลการเจรจา ปรับโครงสร้าง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อรองรับการเปิดเสรี ด้านการผลิต ด้านการตลาด ด้านเทคโนโลยี • พัฒนาตลาดเชิงรุก • Thailand Market Place • พัฒนาระบบข้อมูลการตลาด • Marketing Survey • พัฒนาบุคลากร • Inter-trader • พัฒนาสินค้า • Brand image • พัฒนาระบบการค้าอิเล็กทรอนิกส์ • ช่วยเหลือผู้ผลิตที่ได้รับผลกระทบ • กระทรวงเกษตร • กระทรวงอุตสาหกรรม • กระทรวงสาธารณสุข ฯลฯ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเพื่อการผลิต การบริหาร จัดการ

  29. 12. ความคาดหวัง : ภาครัฐมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ FTA • เร่งดำเนินมาตรการด้านการเงินและการคลัง • ปรับปรุงโครงสร้างภาษี • สร้างเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยน • ปรับปรุงระบบและลดขั้นตอนการให้บริการของภาครัฐ • พิธีทางศุลกากร • การคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม • มีระบบควบคุม • มาตรฐานสินค้านำเข้า • มาตรฐานด้านสุขอนามัยของสินค้าเกษตร • มาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรม

  30. 12. ความคาดหวัง :ภาครัฐมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ FTA • มีระบบเตือนภัย • ป้องกันผลกระทบอย่างฉับพลันและรุนแรงต่อภาคเกษตรและอุตสาหกรรม • เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน • การขนส่งทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ • มีมาตรการส่งเสริมการลงทุนของไทยในต่างประเทศ • ปฏิรูปการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ • สอดคล้องกับความต้องการของภาคการผลิตและสาขาบริการที่ไทยมีศักยภาพ

  31. 12. ความคาดหวัง :ภาครัฐมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ FTA • สนับสนุนการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้เข้มแข็ง • เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน • การเข้าตลาดประเทศที่ร่วมทำเขตการค้าเสรี • สร้างกลไกประสานความร่วมมือกับภาคเอกชน • ติดตามความคืบหน้าของการเจรจา • เป็นเวทีให้ภาคเอกชนพิจารณาใช้ประโยชน์จากการดำเนินมาตรการเชิงรุก ในการเปิดตลาด สินค้ากับประเทศต่างๆ

  32. 13. ภาคเอกชนต้องมีการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับ FTA อย่างไรบ้าง • พัฒนาบุคลากร • โดยเฉพาะแรงงานฝีมือ และช่างเทคนิค • สอดคล้องกับความต้องการของภาคเอกชนและระดับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป • พัฒนาและขยายตลาดเชิงรุก • ใช้การตลาดเป็นตัวนำ • ผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด • ขยายช่องทางการตลาดในการเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงมากขึ้น • มีกระบวนการผลิตและการส่งมอบสินค้าอย่างรวดเร็ว • พัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างภาคเอกชนไทยกับภาคเอกชนของประเทศที่ร่วมทำเขตการค้าเสรี • การจัดตั้งสภาธุรกิจ

  33. เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การจัดการ และการดำเนินธุรกิจ • แนะนำการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ • การใช้ระบบ supply chain management • E - commerce • พัฒนารูปแบบและคุณภาพสินค้า • ยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้าให้สูงขึ้นเพื่อเข้าสู่ตลาดระดับบน • ลดการแข่งขันในสินค้าระดับล่าง • สร้าง Brand Nameสินค้าของไทยสู่ตลาดโลก • วิจัยและพัฒนา (R&D) • พัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตให้สูงขึ้น 35

  34. ภาค 2.FTA กับการเกษตร2.1 ความตกลง FTA ที่เกี่ยวกับ การเกษตร2.2 บทบาทของกระทรวงเกษตร2.3 การเตรียมความพร้อมและ มาตรการรองรับ2.4 กรณีตัวอย่าง จีน ออสเตรเลีย

  35. 2.1 ความตกลง FTA ที่เกี่ยวกับ การเกษตร- การเปิดตลาด มาตรการปกป้องพิเศษ- มาตรการ SPS- เรื่องอื่นๆ - สิ่งแวดล้อม - GMOs - ทรัพย์สินทางปัญญา - พ.ร.บ. พันธุ์พืช

  36. 2.1 การเปิดตลาด 1.ลดภาษีลงเหลือ 0% ภายในเวลาที่ตกลงกัน2. วิธีการ : แบ่งสินค้าออกเป็น 3-4 กลุ่ม * สินค้าลดภาษีกลุ่มแรก * สินค้าลดปกติ (Normal Track) /สินค้าที่ต้องเจรจา แลกเปลี่ยน * สินค้าอ่อนไหว (Sensitive Track) ใช้เวลาในการ ปรับตัวนาน มีโควตาภาษี * สินค้าที่อ่อนไหวมาก มีมาตรการปกป้องพิเศษ ใช้เวลา ปรับตัวนานมาก

  37. ปศุสัตว์ X ปลา กุ้ง นม ผัก ผลไม้ แพร์ เชอรี่ ส้ม องุ่น แอปเปิ้ล ส้ม ลูกนัต องุ่น แป้งข้าว สาลี สินค้า ออส เตรเลีย สหรัฐฯ บาห์เรน อินเดีย ญี่ปุ่น จีน

  38. ผลิตภัณฑ์ ประมง ปศุสัตว์ แปรรูป X ผัก ผลไม้แปรรูป น้ำส้ม/องุ่น/ แอปเปิ้ล/ สับปะรด น้ำส้ม/องุ่น/ แอปเปิ้ล/ สับปะรด เคมีภัณฑ์ ยา สินค้า ออส เตรเลีย สหรัฐฯ บาห์เรน อินเดีย ญี่ปุ่น จีน

  39. ตัวอย่างผลการเจรจาการลดภาษีสินค้า ไทย-ออสเตรเลีย จำนวนรายการสินค้าที่มีภาษีเป็นศูนย์ในแต่ละปี (เป็นร้อยละ) พ.ศ. ประเทศ

  40. สินค้านมและผลิตภัณฑ์นม (HS0401-0406) สินค้านมที่มีโควตาภาษี

  41. 15,000 TAFTA TAFTA TAFTA 3,523 3,011 2,200 2,547 TAFTA WTO WTO WTO WTO WTO การเปิดตลาดนมผงของไทย

  42. สินค้านมที่ไม่มีโควตาภาษีสินค้านมที่ไม่มีโควตาภาษี

  43. สินค้าลดภาษีกลุ่มแรก (Early Harvest) ไทย - จีน • ลงนามความตกลง มีผลบังคับใช้ 1 ตค. 2003 • สินค้าผัก – ผลไม้ (พิกัด 07-08) การจัดทำเขตการค้าเสรี อาเซียน - จีน

  44. สินค้าลดปกติ (Normal Track) • รูปแบบการลดภาษีสินค้าปกติ การจัดทำเขตการค้าเสรี อาเซียน – จีน

  45. สินค้าอ่อนไหว (Sensitive Track) • การกำหนดวันสิ้นสุด (end date) และ • การกำหนดอัตราภาษีสุดท้าย (end rate) • สินค้าอ่อนไหว: 20% ภายในปี 2012 • 0-10% ภายในปี 2015 • 0-5% ไม่เกิน 2018 • (โดยจะทบทวนปีสิ้นสุดอีกครั้งในปี 2008) • สินค้าอ่อนไหวสูง: 50% (อาเซียน) • 40% (จีน)ภายในปี2015 การจัดทำเขตการค้าเสรี อาเซียน – จีน

  46. สินค้าอ่อนไหว (Sensitive Track) • สินค้าที่มีโควตา (Tariff Rate Quota) • - อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะนำภาษีนอกโควตา • มาลดในรายการสินค้าอ่อนไหว หรือสินค้า • อ่อนไหวสูง • - สินค้าเกษตร 23 รายการ ได้แก่ นม หอมหัวใหญ่ • กระเทียม ลำไย กาแฟ ชาเขียว ข้าว มะพร้าวแห้ง • น้ำตาล ใบยาสูบ ไหมดิบ เป็นต้น การจัดทำเขตการค้าเสรี อาเซียน – จีน

  47. มาตรการ SPS • อิงหลัก WTO • พัฒนาระบบมาตรฐาน SPS ในประเทศ • กำหนดมาตรฐานนำเข้า • เจรจาความร่วมมือ : MRA, Equivalency, Expert Group

  48. กรณีตัวอย่าง ไทย-ออสเตรเลีย มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช • จัดตั้งExpert Group on SPS and Food Standardsเพื่อแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ให้มีผลลุล่วงใน 2 ปี • สินค้าสำคัญลำดับแรกของไทย มี 9 รายการ คือ มังคุด ลิ้นจี่ ลำไย ทุเรียน สับปะรด เนื้อไก่ กุ้ง มะม่วงและปลาสวยงาม • สินค้าสำคัญลำดับแรกของออสเตรเลีย มี 5 รายการ ได้แก่ ส้มในตระกูลซิตรัส (นาเวล, แมนดาริน, แทงโก้, ส้มโอ)หน่อไม้ฝรั่งมันฝรั่งโคกระบือมีชีวิตและอาหารสัตว์เลี้ยง

  49. มาตรการอื่นๆ • นโยบาย GMOs • พ.ร.บ. พันธ์พืช • ความหลากหลายทางชีวภาพ

  50. 2.2. บทบาทของกระทรวงเกษตร • เจรจาเปิดตลาดสินค้าเกษตร • การลดภาษี • มาตรการอุดหนุน • มาตรการด้าน SPS • มาตรฐานด้านสุขอนามัยของสินค้าเกษตร/ มาตรฐานสินค้านำเข้า • Recognition • เรื่องอื่นๆ • IP : การคุ้มครองพันธุ์พืช--การคุ้มครองพืช/สัตว์ • นโยบาย GMOs

More Related