150 likes | 381 Views
การทอและเครื่องทอผ้า. ผ้าทอด้วยด้าย 2 เส้นหรือมากกว่าขัดเป็นมุมฉากซึ่งกันและกัน ด้ายยืนเรียกว่า warp yarn หรือ end ด้ายพุ่งเรียกว่า filling ,weft,pick ชื่อของผ้าขึ้นอยู่กับประโยชน์ใช้สอย เมืองที่ทอ บุคคลที่ทอ ตามลักษณะของผ้าเช่นผ้าโทแบคโค เป็นผ้าใช้บังแดดให้ต้นยาสูบ ผ้าชีสโคลท เป็นผ้าห่อเนย.
E N D
การทอและเครื่องทอผ้า • ผ้าทอด้วยด้าย 2 เส้นหรือมากกว่าขัดเป็นมุมฉากซึ่งกันและกัน • ด้ายยืนเรียกว่าwarp yarnหรือend • ด้ายพุ่งเรียกว่าfilling ,weft,pick • ชื่อของผ้าขึ้นอยู่กับประโยชน์ใช้สอย เมืองที่ทอ บุคคลที่ทอ ตามลักษณะของผ้าเช่นผ้าโทแบคโค เป็นผ้าใช้บังแดดให้ต้นยาสูบ ผ้าชีสโคลท เป็นผ้าห่อเนย
เครื่องทอผ้า ประกอบด้วย • แกนม้วนด้าย2อัน • ตะกอ(headles) • ฟันหวีหรือฟืม(reed or botten) • กระสวย
ขั้นตอนในการทอ • 1. ทำให้เป็นช่องว่าง • 2. สอดใส่เส้นด้ายพุ่ง • 3. กระทบด้ายพุ่ง • 4. ม้วนผ้าเก็บ
เครื่องทอผ้าแบบไร้กระสวยเครื่องทอผ้าแบบไร้กระสวย • เครื่องทอแบบพ่นน้ำ ใช้เครื่องพ่นน้ำที่มีความดันสูงนำด้ายพุ่งข้ามเส้นยืน ผ้าที่ทอต้องนำไปทำให้แห้ง แก้โดยการลงแป้งทนน้ำ สอดใส่ด้ายพุ่ง400-600ครั้ง/นาที เร็วกว่าเครื่องธรรมดา2-3เท่า • เครื่องทอผ้าแบบพ่นอากาศ ใช้กระแสลมนำเส้นด้ายพุ่ง ความกว้างของหน้าผ้ามีจำกัด แรงลมน้อยลง • เครื่องทอชนิดเรเบียร์(rapier type loom)ตัวนำเส้นด้ายพุ่งมีลักษณะเป็นแกนโลหะ อยู่2ข้างของเครื่องทอ จะวิ่งมารับเส้นพุ่งตรงกลาง • Triaxial loomใช้ด้ายยืน2ชุดด้ายพุ่ง1ชุดขัดเป็นรูปสามเหลี่ยมทำมุม60องศา
เครื่องประกอบที่ใช้กับเครื่องทอผ้าเครื่องประกอบที่ใช้กับเครื่องทอผ้า • Dobby attachment • Doup attachment • Swivel attachment • Jaquard loom
ลักษณะของผ้าทอ • 1.ด้าย ด้ายยืนและด้ายพุ่ง ด้ายยืนแข็งแรงกว่า จำนวนเกลียวสูงกว่า ขนานกับริมผ้า เล็กกว่าด้ายพุ่ง ด้ายตกแต่งมักเป็นด้ายพุ่ง • 2.ทิศทางด้ายไม่ตรง(off-grain) • 3.จำนวนเส้นด้ายต่อตารางนิ้ว:จำนวนเส้นด้ายยืนและด้ายพุ่งของผ้าที่ยังไม่ผ่านการตกแต่งต่อ1ตารางนิ้ว การเขียนเช่น80x76.156 • 4.ความสมดุลย์ของผ้าที่ดีควรเป็น1:1หรือแตกต่างกันไม่เกิน10 • 5.ริมผ้า(selvages) แบบธรรมดา แบบเทป แบบตัดแยก แบบเชื่อมติด • 6.ความกว้างของผ้า
การทอเบื้องต้น • 1. ทอลายขัด(Plain weave) • 2.ทอลายสอง(Twill weave) • 3.ทอลายต่วน(Satin weave)
ทอลายขัด • มีลักษณะเรียบเหมือนกันทั้ง2หน้าแต่ทำให้ดูน่าสนใจโดย ใช้ด้ายยืน ด้ายพุ่งมีจำนวนเกลียวต่างกัน ไม่เท่ากัน ใช้ด้ายต่างชนิด ด้ายพิเศษ ด้ายผิวสัมผัส ด้ายต่างสี ระยะการทอถี่ห่างไม่เท่ากัน ตกแต่งผิวหน้า • การทอลายขัดมี 3 ประเภทคือ • 1.ทอลายขัดแบบสมดุลย์ • 2.ทอลายขัดแบบไม่สมดุลย์หรือลูกฟูก • 3.ทอแบบสานตะกร้า
ผ้าทอลายขัดแบบสมดุลย์ มีทั้งผ้าเนื้อบางและเนื้อหนา • 1.ผ้าบาง(sheer fabrics) • ผ้าบางเนื้อน้อย มีจำนวนเส้นด้ายต่อตารางนิ้วต่ำ ช่องว่างมีมาก ผ้ารวนง่าย ไม่ทนทานเช่น guaze crinoline • ผ้าบางเนื้อมาก เนื้อบางเบา โปร่งแสง ด้ายเส้นเล็กเข้าเกลียวค่อนข้างสูงเช่น ผ้าorgandy lown batiste ด้ายยืนขนาด 70sด้ายพุ่งขนาด100s 88x80 ผ้าคุณภาพดีทำจากcombed cotton หรือ cotton ผสม polyester
Organdy (ผ้าแก้ว)ใช้เป็นผ้ารองในปก สาบ คอเสื้อ • Lawn [ผ้าสาลู] ใช้ตัดเสื้อเด็ก ผ้าเช็ดหน้า • Batiste(ผ้าสาลู)ใช้ทำเสื้อเด็กอ่อน ผ้าอ้อม ผ้าซับใน • Voile(ผ้าป่าน)บางเบา เนื้อละเอียด ทำจากฝ้าย ฝ้ายผสมโพลิเอสเตอร์ เย็นสบาย จับจีบได้ดี • Chiffon ด้ายเส้นเล็ก เข้าเกลียวสูง ผลิตจากใยยาว • ผ้าเนื้อบางมีปัญหาด้านการตัดเย็บ ตะเข็บย่นง่าย เห็นตะเข็บด้านใน ควรทำตะเข็บเล็ก พับชายให้เล็ก
ผ้าเนื้อบางปานกลาง • เป็นผ้ากลุ่มใหญ่ที่สุด ใช้ในชีวิตประจำวันมากที่สุด ใช้เส้นด้ายขนาดกลาง • Chintz ทอด้วยcombed cotton เรยองหรือฝ้ายผสมโพลิเอสเตอร์ • Percale ผ้าเนื้อละเอียด แน่น เข้าเกลียวสูง ทั่วไปทำจากcarded 80x80 ถ้าเป็นผ้าตัดเสื้อ ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนชนิดดีทำจากฝ้ายcombed180-200 • Muslin เป็นผ้ากลุ่มใหญ่ที่สุด มีตั้งแต่เนื้อบางถึงหนามาก เนื้อละเอียดจนถึงแน่น หนา
Linen เหมือนpercaleแต่ด้ายใหญ่กว่า เข้าเกลียวน้อยกว่า • Gingham ทอจากด้ายย้อมสีเป็นรูปสี่เหลี่ยมเล็ก ตาใหญ่ ทางยาว • Chambray ด้ายยืนด้ายพุ่งต่างสีกัน มักใช้ด้ายยืนสีเข้ม • Ratine ใช้ด้ายnoveltyเป็นปุ่มปมหรือห่วง ทอลายขัดหลวมๆ • Lame ทอด้วยโลหะเงิน ทอง • Tweed ทอจากด้ายที่นำมาปั่นผสมสี อาจทำจากขนสัตว์หรือเส้นใยเลียนแบบ
ผ้าเนื้อหนา • Crash เนื้อหยาบ ทอจากด้ายที่มีขนาดในเส้นไม่เท่ากัน • Duck,Canvas ใช้ด้ายคู่เข้าเกลียวสูง เนื้อแน่นมาก ทำผ้าใบ • Butcher rayon เป็นมัน ด้ายเส้นใหญ่ ใช้เรยองผสมอาซิเตด เรยองผสมโพลิเอสเตอร์