1 / 22

ทบทวนทฤษฎี แนวคิด และผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

ทบทวนทฤษฎี แนวคิด และผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง. ขั้นตอนการวิจัย. ส่วนประกอบของรายงานการวิจัยและประเมินผล.

parker
Download Presentation

ทบทวนทฤษฎี แนวคิด และผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ทบทวนทฤษฎี แนวคิด และผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนการวิจัย

  2. ส่วนประกอบของรายงานการวิจัยและประเมินผลส่วนประกอบของรายงานการวิจัยและประเมินผล การเขียนรายงานผลผลการวิจัยประกอบด้วยส่วนต่างๆ ที่สำคัญ3 ส่วน (สุโขทัยธรรมาธิราช, 2537 อ้างถึงใน ทิพย์พาพร มหาสินไพศาล, 2554) คือ ส่วนนำ (preliminary) ส่วนเนื้อเรื่อง (text) และส่วนอ้างอิง (reference) 1. ส่วนนำ ประกอบด้วย - ปก (title page) - คำอุทิศ (dedication) - บทคัดย่อ (abstract) - คำนำและ/หรือกิตติกรรมประกาศ (preface and acknowledgement) - สารบาญ (content)

  3. ส่วนประกอบของรายงานการวิจัยและประเมินผลส่วนประกอบของรายงานการวิจัยและประเมินผล 2. ส่วนเนื้อเรื่อง ประกอบด้วย 2.1 บทนำ (Introduction) จะกล่าวถึงหัวข้อต่างๆ ดังนี้ - ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา - วัตถุประสงค์ของการวิจัย - สมมติฐานในการวิจัย - ขอบเขตของการวิจัย - ประโยชน์ที่ได้จากการวิจัย - นิยามศัพท์ 2.2 วิธีการดำเนินการวิจัย จะกล่าวถึงแหล่งของข้อมูล วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล

  4. ส่วนประกอบของรายงานการวิจัยและประเมินผลส่วนประกอบของรายงานการวิจัยและประเมินผล 2.3 ผลการวิจัย จะกล่าวถึง วิธีที่ใช้ในการเสนอผลการวิเคราะห์การแปลความหรือตีความของข้อมูล และการอภิปรายผลการวิจัย 2.4 ข้อสรุปและข้อเสนอแนะ จะกล่าวถึงวิธีการดำเนินการวิจัย ผลการวิจัย และข้อเสนอแนะ 3. ส่วนอ้างอิง ประกอบด้วย เชิงอรรถ บรรณานุกรม อัญประกาศ ภาคผนวก ดัชนี ประวัติผู้ทำการวิจัย

  5. ส่วนประกอบของรายงานการวิจัยและประเมินผล (สำหรับรายวิชา PCC3801 การวิจัยและประเมินผลฯ) • บทคัดย่อ (abstract) บทคัดย่อไม่ควรเกิน 1-2 หน้า A4 เป็นการสรุปประเด็นสำคัญของการวิจัย ผู้อ่านส่วนใหญ่อ่านบทคัดย่อเพื่อตัดสินใจว่าต้องการที่จะอ่านส่วนที่เหลือของรายงานหรือไม่ • สารบาญหรือสารบัญ (content) • บทที่ 1 บทนำ 1ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา5ขอบเขตของการวิจัย 2วัตถุประสงค์ในการวิจัย 6คำจำกัดความที่ใช้ในการวิจัย 3ปัญหานำวิจัย 7ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 4สมมติฐานในการวิจัย

  6. ส่วนประกอบของรายงานการวิจัยและประเมินผล (สำหรับรายวิชา PCC3801 การวิจัยและประเมินผลฯ) • บทที่ 2 แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง (Review of the Literature) หาแนวคิดทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ศึกษาเพื่อใช้เป็นแนวทางในการศึกษาและใช้สำหรับอ้างอิงและสรุปผลการวิจัย • บทที่ 3 ระเบียบวิธีวิจัย (Methodology) - ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง - ตัวแปรในการวิจัย - เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย - การเก็บรวบรวมข้อมูล - การวิเคราะห์ข้อมูล

  7. ส่วนประกอบของรายงานการวิจัยและประเมินผล (สำหรับรายวิชา PCC3801 การวิจัยและประเมินผลฯ) • บทที่ 4 ผลการวิจัย (Results) - การวิเคราะห์ข้อมูล ให้ระบุว่าจะใช้สถิติอะไรในการวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น - การบรรยายข้อค้นพบ ควรชี้ประเด็นที่โยงสมมติฐานและคำถามในการวิจัยว่าเป็นอย่างไร - ตาราง แผนภูมิ กราฟ ฯลฯ ควรนำเสนออย่างย่นย่อ

  8. ส่วนประกอบของรายงานการวิจัยและประเมินผล (สำหรับรายวิชา PCC3801 การวิจัยและประเมินผลฯ) • บทที่ 5 สรุปผลการวิจัย อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ (Summary) - สรุปผลการวิจัย - อภิปรายผลการวิจัย โดยเปรียบเทียบทฤษฎีหรืองานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับผลการวิจัยครั้งนี้ เป็นไปตามทฤษฎีหรืองานวิจัยที่เกี่ยวข้องนั้นๆหรือไม่ อย่างไร - ข้อจำกัด - ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไป • รายการอ้างอิง (Reference) • ภาคผนวก (Appendix) ได้แก่ แบบสอบถาม จดหมายติดต่อ หรือสำเนาเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้อง

  9. การตั้งชื่อหัวข้อการวิจัย (Research Topic) • ควรตั้งชื่อเรื่องให้สั้น กะทัดรัด และชัดเจน • ควรตั้งชื่อให้ตรงประเด็นกับที่ต้องการศึกษา • ควรตั้งชื่อเรื่องโดยสามารถบอกให้ทราบถึงประเภทของการวิจัยซึ่งจะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจได้ทันทีว่าเป็นงานวิจัยประเภทใด เช่น การสำรวจทัศนคติของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครที่มีต่อการโฆษณาสินค้าแฝงในละครโทรทัศน์ การวิเคราะห์แผนการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของกองทัพอากาศ

  10. การตั้งชื่อหัวข้อการวิจัย (Research Topic) • ควรระบุประชากรเป้าหมายหรือสถานที่ เช่น ภาพลักษณ์ของตำรวจจราจรในเขตสถานีตำรวจนครบาลยานนาวาในความคิดเห็นของชาวยานนาวา ภาพลักษณ์ของครูประถมศึกษา / สังกัดสำนักงานการประถมศึกษากิ่งอำเภอนิคมพัฒนา สำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดระยอง / ตามทัศนะของผู้นำชุมชนและผู้ปกครอง

  11. การตั้งชื่อหัวข้อการวิจัย (Research Topic) • ควรบอกถึงตัวแปรหรือสิ่งที่ต้องการวิจัยให้ชัดเจนว่าต้องการศึกษาเรื่องอะไร เช่น การแสวงหาข่าวสาร ทัศนคติและพฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพ  • ต้องเป็นประโยคบอกเล่าที่เรียบเรียงข้อความอย่างสละสลวย ทราบทันทีว่าหัวข้อวิจัยเกี่ยวกับเรื่องอะไร ที่ไหน อย่างไร • ต้องไม่ซ้ำซ้อนกับงานวิจัยผู้อื่น แม้ว่าประเด็นที่ศึกษาจะคล้ายกัน

  12. การเขียนความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา(Rationale/ Problem Statement) ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหาเป็นส่วนที่ผู้วิจัยต้องกล่าวถึงที่มาของปัญหาที่จะศึกษาว่าเพราะเหตุใดจึงต้องมีการทำการวิจัยเรื่องนี้ขึ้น เป็นการชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องทำการวิจัย โดยชี้ให้เห็นว่าหากทำวิจัยนี้แล้ว จะได้ประโยชน์อย่างไรและจะนำไปสนองความต้องการหรือแก้ไขปัญหานั้นๆ ได้อย่างไร ในการเขียนที่มาและความสำคัญของปัญหาอาจอ้างทฤษฎี กฎเกณฑ์ หรือคำกล่าวที่น่าเชื่อถือของบุคคลอื่นเพื่อให้มีน้ำหนักความสมบูรณ์ โดยเขียนในลักษณะกว้างๆ ก่อน แล้วค่อยๆ แคบลง เข้าไปสู่จุดสำคัญหรือประเด็นปัญหาที่ต้องการวิจัย

  13. อิทธิพลของโฆษณาในโรง-ภาพยนตร์ที่มีต่อทัศนคติและพฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการของวัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานครอิทธิพลของโฆษณาในโรง-ภาพยนตร์ที่มีต่อทัศนคติและพฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการของวัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร

  14. ขอบเขตของการวิจัย (Scope of the Study) คือ การกำหนดกรอบของเรื่องที่จะศึกษาโดยคำนึงถึงว่าครอบคลุมถึงเรื่องอะไรบ้าง ขอบเขตของการวิจัยมักเขียนครอบคลุมองค์ประกอบ ดังต่อไปนี้ • ประชากรเป้าหมายและพื้นที่ในการเก็บรวบรวมข้อมูล • ระยะเวลาที่ทำการวิจัย • ขอบเขตเนื้อหาของการวิจัย

  15. ตัวอย่าง หัวข้อวิจัย: การเปิดรับข่าวสาร การใช้ประโยชน์ และความพึงพอใจรายการข่าว ภาคเช้าทางโทรทัศน์ของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร ขอบเขตของการวิจัย: 1. การวิจัยนี้มุ่งศึกษารายการข่าวภาคเช้าที่เสนอทาง สถานีโทรทัศน์ทั้ง 6 ช่อง คือ ช่อง 3, ช่อง 5, ช่อง 7, ช่อง 9, ช่อง 11 และ ช่อง ITV ที่ออกอากาศตั้งแต่ในรอบปีที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2547 ในช่วงเวลา 05.30 – 09.30 น. ซึ่งรวมถึงข่าวทุกประเภท 2. กลุ่มประชากรที่ศึกษา คือ ประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครที่เปิดรับชม รายการข่าวภาคเช้าทางโทรทัศน์เท่านั้น เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของสื่อมวลชน ประชาชนสามารถเข้าถึงสื่อโทรทัศน์ได้อย่างกว้างขวางและทั่วถึง ตลอดจนพื้นที่ใน กทม. ประกอบด้วยประชาชนหลายกลุ่ม หลายอาชีพ หลายระดับการศึกษา และมี ฐานะความเป็นอยู่แตกต่างกัน

  16. คำจำกัดความที่ใช้ในการวิจัย เป็นการอธิบายหรือการให้ความหมายตัวแปรหรือคำศัพท์ที่ใช้ในการวิจัย เพื่อให้ผู้อ่าน มีความเข้าใจตรงกับผู้วิจัย เช่น รายการข่าวภาคเช้า หมายถึง รายการข่าวภาคเช้าทางโทรทัศน์ทั้ง 6 ช่อง ได้แก่ช่อง 3, ช่อง 5, ช่อง 7, ช่อง 9, ช่อง 11 และช่อง ITV การเปิดรับข่าวสาร หมายถึง ความบ่อยครั้งในการเปิดรับชมรายการข่าวภาคเช้าในแต่ละสัปดาห์ และระยะเวลาที่ชมข่าวภาคเช้าในแต่ละครั้ง การใช้ประโยชน์จากรายการ หมายถึง การนำข้อมูลข่าวสารที่ได้รับชมจากรายการข่าวภาคเช้าไปใช้ประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งตามความต้องการของแต่ละบุคคลในด้านต่าง ๆ ลักษณะทางประชากร หมายถึง เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้โดยเฉลี่ยต่อเดือน

  17. ประโยชน์ของการทบทวนวรรณกรรมประโยชน์ของการทบทวนวรรณกรรม 1. ทำให้ผู้วิจัยทราบว่าในแต่ละประเด็นที่ผู้วิจัยต้องการศึกษานั้น มีผู้ใดเคยศึกษามาก่อนแล้วบ้าง ผลการศึกษานั้นเป็นอย่างไร ตลอดจนปัญหา ข้อสรุปและข้อเสนอแนะเพื่อใช้เป็นแนวทางในการศึกษาวิจัยต่อไป 2. ทำให้ผู้วิจัยคาดเดาทิศทางได้ถูกต้องแม่นยำว่าจะศึกษาตัวแปรใดบ้างและตัวแปรน่าจะมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการสร้างกรอบแนวคิดงานวิจัยและการตั้งสมมติฐาน 3. ทำให้ผู้วิจัยสามารถนิยามตัวแปรในเชิงปฏิบัติการที่เชื่อมโยงไปยังความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆ ได้ดีขึ้น 4. เป็นการเตรียมป้องกันความคลาดเคลื่อนของตัวแปรแทรกซ้อนและตัวแปรสอดแทรกต่างๆ 5. ทำให้ผู้วิจัยกำหนดกรอบ แนวทาง ขอบเขตของการวิจัยได้ดีขึ้น 6. ช่วยให้ผู้วิจัยมีความรอบรู้ในเรื่องที่จะกระทำการศึกษามากยิ่งขึ้น 7. สามารถนำแนวคิด ทฤษฏี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาอ้างอิงในการอภิปรายผลงานวิจัยให้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

  18. แหล่งข้อมูล • หนังสือ • วารสาร • วิทยานิพนธ์ • รายงานการวิจัย • หนังสือพิมพ์ • เอกสารทางราชการ • บทคัดย่อ (Abstracts), บทวิจารณ์ (Reviews) • การสืบค้นจากแหล่งข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต • ฐานข้อมูลต่าง ๆ และห้องสมุด

  19. การใช้ทฤษฎีอ้างอิงและกำหนดตัวแปรในการวิจัยการใช้ทฤษฎีอ้างอิงและกำหนดตัวแปรในการวิจัย การวิจัย เป็นการดำเนินงานตามกระบวนการของศาสตร์เพื่อมุ่งหาคำตอบ หรือข้อเท็จจริงซึ่งสิ่งนั้นต้องสามารถสังเกตหรือพิสูจน์ความถูกต้อง ดังนั้นจึงต้องอาศัยกฎเกณฑ์หรือทฤษฎีประกอบในการดำเนินการวิจัย หรือบางครั้งข้อเท็จจริงที่ค้นพบโดยกระบวนการวิจัยก็สามารถนำมาสรุปเป็นทฤษฎีได้เช่นกัน ทฤษฎี คือ ชุดของข้อความที่ระบุถึงความสัมพันธ์ของข้อเท็จจริง (Fact) ปัจจัย (Factors) หรือตัวแปร (Variables) ต่าง ๆ ในทางที่เป็นเหตุเป็นผลกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดระเบียบและเชื่อมโยงข้อเท็จจริงต่าง ๆ ให้เป็นระบบและง่ายต่อการเข้าใจ เพื่อใช้ในการอธิบายปรากฏการณ์ว่าเมื่อเกิดสิ่งหนึ่งขึ้นสิ่งใดจะตามมา หรือเมื่อเกิดสิ่งนี้ขึ้นจะมีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หรือสามารถนำไปใช้ในการสร้างหลักการทั่วไป (Generalization) จึงสามารถนำทฤษฎีมาตั้งเป็นกฎ (Law) หรือใช้ในการทำนาย (Prediction) เหตุการณ์บางเหตุการณ์ล่วงหน้าได้

  20. ทฤษฎีได้มาจากการรวบรวมข้อมูลหลายชนิดโดยการสำรวจ การจดบันทึกอย่างมีหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ และเสนอในรูปของข้อสรุปของความจริงหรือข้อเท็จจริง เพื่อวางเป็นกฎทั่วไปที่จะใช้ในการทำนายปรากฏการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนั้น ทฤษฎีและการวิจัยจึงมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดมาก กล่าวคือ ข้อสรุปจากทฤษฎีสามารถนำมาใช้อ้างอิงหรือเป็นแนวทางในการดำเนินการวิจัย หรือในบางกรณีผลจากการวิจัยก็สามารถนำไปสรุปเป็นทฤษฎีได้ ดังภาพ ทฤษฎี การวิจัย

  21. ประโยชน์ของทฤษฎีที่มีต่อการวิจัยประโยชน์ของทฤษฎีที่มีต่อการวิจัย ประโยชน์ของทฤษฎีที่มีต่องานวิจัยนั้นมีหลายประเด็น เนื่องจากเป็นส่วนสำคัญที่สนับสนุนให้ดำเนินการวิจัยได้อย่างมีทิศทาง ทฤษฎีเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินการวิจัย คือ ทฤษฎีช่วยสร้างปัญหาของการวิจัยเป็นแนวทางในการกำหนดสมมติฐาน เป็นแนวทางในการศึกษา เก็บรวบรวมข้อมูล ตลอดจนช่วยให้ผู้วิจัยคาดคะเนผลลัพธ์ของการวิจัยได้แม่นยำ และช่วยให้ผู้วิจัยมั่นใจในผลลัพธ์ตลอดจนผลสำเร็จของการวิจัย การวิจัยสามารถให้ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่เป็นส่วนประกอบในการสร้างทฤษฎีใหม่ และช่วยพิสูจน์ข้อเท็จจริงของทฤษฎีว่าข้อเท็จจริงใดถูกหรือผิด ในสถานการณ์ที่ต่างออกไป นอกจากนี้การวิจัยยังช่วยให้หลักทั่วไป (Generalization) ของทฤษฎีมีขอบเขตที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

  22. ลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์(Maslow's hierarchy of needs) เป็นทฤษฎีทางจิตวิทยาที่เสนอโดย อับราฮัม มาสโลว์

More Related