350 likes | 477 Views
ผู้จัดทำ นางสาวชุติมน ตู้บรรเทิง ชั้นม. 5/1 เลขที่ 19. วิธีการเลือกซื้อโน้ตบุ๊ค .
E N D
ผู้จัดทำ นางสาวชุติมน ตู้บรรเทิง ชั้นม.5/1 เลขที่ 19
แนวทางในการเลือกรุ่นโน๊ตบุ๊คที่จะแนะนำสำหรับแต่ละสาขาด้านงานเอกสารทั่วๆไป ควรจะเน้นทางด้านขนาดตัวเครื่องที่พกพาได้สะดวกเป็นหลักที่สุด ส่วนเรื่องอื่นๆก็จะเป็นเรื่องรองมา และไม่สนใจในเรื่องของการ์ดจอที่ให้มา คือจะเป็นการ์ดจอออนบอร์ดส่วนในเรื่องของสเปคก็ไม่เน้นนัก เพราะว่าจะทำให้แบตหมดเร็ว และยังทำให้เครื่องร้อนเร็วอีก นอกจากนั้นจะดูทางด้านความทนทานเป็นส่วนสำคัญโดยลักษณะการใช้งานด้านนี้คือคนที่ทำงานด้านออฟฟิศเช่น ทำรายงาน, พรีเซนเตชั่น, เขียนเอกสารพวก Office หรือแม้แต่ในเรื่องของการวิเคราะห์ข้อมูลงานโปรแกรม สำหรับลักษณะการทำงานเช่นนี้จะ เน้นไปทางด้านสเปคแรม และซีพียูรุ่นสูงๆ ไว้ก่อน ส่วนตัวเครื่องก็จะไม่เน้นไปทางด้านพกพาเหมือนแบบแรกครับคือจะใหญ่ซักประมาณ 14” นี่กำลังดี ส่วนการ์ดจอก็ยังไม่เน้นมาก แต่ว่าถ้าเลือกได้ก็จะเน้นไปทางด้านการ์ดจอแยกไว้ให้ ลักษณะการใช้งานคือมีการใช้งานเขียนโปรแกรม หรือมีการใช้งานทางด้านการวิเคราะห์คำนวนเป็นหลัก มีการใช้ความสามารถของเครืองหลายๆด้านเช่น ทางด้านเนตเวอร์ค ทางด้านการประมวลผล เพราะฉะนั้นจะเน้นให้ตัวเครื่องมีลูกเล่นมากที่สุดน่ะครับคือมีเว็บแคม, ไมค์, บลูทูธ, PCMCIA และExpress Card งานทางด้านกราฟฟิคอันนี้แน่นอนว่าจะเน้นไปทางด้านการ์ดจอโดยถ้าเลือกได้ ควรพยายามเลือกให้เป็นการ์ดจอสำหรับงาน Workstation โดยเฉพาะ คือพวก NVIDIA Quadro NVS นั่นแหละครับ นอกจากนั้นหน้าจออย่างน้อยก็ควรเป็น 14” และเน้นด้านความละเอียดหน้าจอด้วยครับ เพราะมันจะมีผลทำให้เรามีพื้นที่ในการแสดงผลมากขึ้นซึ่งนับเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับการใช้งานทางด้านกราฟฟิค นอกจากนี้ก็ยังเน้นในเรื่องความจุของแรมด้วยลักษณะการใช้งานด้านนี้คือมีการใช้งานทางด้านการออกแบบทั้ง 2D และ 3D นอกจากนั้นยังรวมไปถึงการแก้ไขภาพถ่ายพวก Photoshop ก็ยังรองรับเช่นกันรวมถึงการใช้งานทางด้านแบบจำลองของสิ่งต่างๆด้วย
CPUคือหน่วยประมวลผลเปรียบเหมือนสมองกลของคอมพิวเตอร์ บางท่านอาจจะคิดว่ามันเป็นกล่องสี่เหลี่ยมรึเปล่า แต่ไม่ใช่อย่างนั้น CPU คือ Chip ขนาดประมาณ 1นิ้ว x 1 นิ้ว ใหญ่ว่า หรือ เล็กกว่า (แล้วแต่ Model) โดยในโน๊ตบุ๊กนั้นแม้จะไม่ค่อยนิยมเปลี่ยนซีพียูเองเท่าไรเพราะ หาซื้อยาก มีราคาสูง และอาจจะกระทบกับการรับประกันได้
Chipsetคือส่วนที่ค่อยควบคุม อุปกรณ์แทบทั้งหมดของเครื่อง หรือเรียกได้ว่าเป็นตัวประสานงานต่างๆขอบอุปกรณ์บนเมนบอร์ดก็ว่าได้ ตั้งแต่ซีพียู แรม .... ไปจนถึงพอร์ตต่างๆ ล้วนแต่พึ่งพา ชิปเซ็ตทั้งนั้น มีผู้ผลิตชิปเซ็ตก็มีทั้ง Intel ซึ่งจัดได้ว่าเป็นผู้ผลิตชิปเซ็ตรายใหญ่ที่สุด โดยจะผลิตชิปเซ็ตมารองรับซีพียูของตนเองเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว พอซีพียูรุ่นใหม่ออกก็จะผลิตชิปเซ็ตออกมารองรับทันทีทันใด แน่นอนว่าซีพียูเป็นของ Intel เกือบทั้งหมด ชิปเซตเอง Intel ก็กินส่วนแบ่งเกือบทั้งหมด แต่ก็มียี่ห้ออื่นๆที่หลุดๆมาบ้างทั้ง AMD ที่เหมือนๆกับ intelคือผลิตชิปเซ็ตให้ซีพียูตนเองเป็นหลัก นอกเหนือจากนั้นก็มีทั้ง NVIDIA, SIS, VIA
Graphic Chipหน่วยที่ประมวลผลด้านภาพออกมาแสดงทางจอ มีด้วยกัน 2 ประเภทคือ Onboard ที่จะรวมภาคประมวลผลภาพของการจอลงในชิปเซ็ตของเครื่องด้วย และแน่นอนว่ายังคงเป็นของ Intel เสียส่วนใหญ่ ความสามารถนั้นก็ถือว่าเป็นในระดับล่าง ใช้งานทั่วไป ดูหนัง เล่นเกมส์ที่ความละเอียดไม่สูงมากได้บ้างอีกชนิดหนึ่งคือแยกชิปเซ็ตแยกจากชิปเซ็ตหลัก มีทั้งแบบเป็นการ์ด และแบบที่เป็นชิปเซ็ตฝังบนเมนบอร์ดเลย โดยมีบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ 2 ราย คือ ATI และ NVIDIA ความสามารถต่างๆ นาๆ นั้นก็จะขึ้นอยู่กับราคา ยิ่งแพงการประมวลผลด้านภาพก็จะยิ่งดี ยิ่งเล่นเกมส์ ดูหนัง Hi-Def ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Displayส่วนที่เป็นจอภาพ โดยจอภาพนั้น จะมีขนาดเล็กๆตั้งแต่ 7 นิ้ว ไปจนถึง 18 – 20 นิ้วกันเลยทีเดียว ตามความต้องการเช่นใครต้องการพกพาสะดวกก็ดูรุ่นที่จอเล็กๆหน่อย แต่ถ้าใครซื้อไปเป็นเครื่อง PC สำหรับดูหนังเล่นเกมส์แบบว่าไม่ค่อยได้ยกไปไหนมาไหน จะซื้อรุ่นที่จอใหญ่ๆก็ตามชอบเลยครับ และอีกสิ่งที่เป็นข้อสังเกตุคือ Resolution ยิ่งมีค่าสูงจอภาพก็จะมีความละเอียดมาก เช่น จอที่ไว้ดูหนัง Hi-Def โดยเฉพาะ จะอยู่ที่ 1920x1080 ซึ่งจะพบได้ใน Notebook ระดับ Hi-End ราคาสูง
Memoryเป็นหน่วยความจำชั่วคราวสำหรับเป็นที่พักข้อมูลยิ่งมีความจุสูงก็จะยิ่งทำให้ Notebook สามารถทำงานได้ลื่นไหลมากขึ้น และความเร็วของแรมเช่น 667 800 MHz นั้นยิ่งมากก็จะยิ่งทำให้เครื่องทำงานได้ไวสอดคล้องกับซีพียูมากขึ้น ส่วนมากของโน๊ตบุ๊กในปัจจุบันใช้ RAM DDR2 ที่มีราคาถูก แต่ล่าสุดก็ได้มี RAM DDR3 แล้วซึ่งจะทำงานเร็วกว่าเดิมถึง 2 เท่า แต่ยังไม่นิยมเพราะยังมีราคาแพงกว่า DDR2 อีกทั้งชิบเซตที่รองรับก็ยังมาน้อย ตอนนี้ที่เห็นชัดเจนก็แค่ชิปเซ็ตของอินเทลเซนทริโน 2 เท่านั้น โดยการเลือกใช้นั้นด้วยราคาแรมในปัจจุบันที่ถูกลงมามาก แรมก็ไม่ควรต่ำกว่า 2 GB เป็นอย่างน้อย เพราะในระดับนี้จะทำอะไร เล่นเกมส์ ดูหนัง ฟังเพลง ทำงาน ในเครื่องสามารถใช้งานได้สบายๆแล้ว
Hard Diskเป็นหน่วยความจำหลักที่จะบรรจุซอฟแวร์ต่างๆไว้ในนี้ ถ้า Hard Disk มีความจุมากก็จะทำให้มีพื้นที่ในการเก็บข้อมูลต่างๆเช่น หนัง เพลง มาก จนไม่ต้องกลัวว่าจะเต็มๆ ในเครื่องปัจจุบันที่ขายกันทั่วๆไปต่ำๆก็จะมีมาให้ 160 GB เพียงพอสำหรับเก็บข้อมูลได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ๆเป็นประจำ ก็ไม่ควรน้อยกว่า 250 GB อีกทั้งยังมาฮาร์ดดิสค์อีกประเภทที่กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นคือชนิด Sloid-State Drives (SSD) เป็นฮาร์ดดิสค์ที่ใช้ IC Chip มาบันทึกข้อมูลแทน แบบจานหมุนในฮาร์ดดิสค์ทั่วไป ซึ่งทั้งเร็วและมีความคงทนสูงกว่าฮาร์ดดิสค์แบบธรรมดาที่เราใช้กันอยู่ แต่ก็มีราคาสูงตามไปด้วย เริ่มนิยมใช้กันแพร่หลายมากขึ้นตั้งแต่ความจุน้อยๆเช่น 8 GB ใน Aspire ONE ไปจนถึงเครื่องระกับ Hi End เลยทีเดียว
Driveมีหลายชนิดมากมายเลยครับ ที่นิยมนำมาลง Notebook มากที่สุดตอนนี้ก็คงเป็นDVD Writer (Dual Layer Support) ที่สามารถ อ่าน-เขียนแผ่น DVD ก็จะมีตั้งแต่เขียนได้ 8X 16X 20X ครับ ส่วน Drive ที่มาแรงคงหนีไม่พ้น Blu-Ray ที่มีขนาดบรรจุถึง 27 G อัตราการโอนถ่ายข้อมูลเร็วถึง 36 Mbps แต่ติดที่ยังราคาแพงอยู่ แต่ในอนาคตไดร์ฟและแผ่นแบบ Blu-Ray จะเข้ามาเป็นมาตฐานใหม่แทน DVD ในไม่ช้านี้แน่นอน
USBคงไม่มีใครไม่รู้จัก USB น่ะครับ เป็น Port ที่ส่งถ่ายข้อมูลแบบอนุกรม ที่ได้รับความนิยมสูงสุดมีใช้ในอุปกรณ์ต่อเชื่อมแทบทุกชนิด ตั้งแต่แฟลตไดร์ฟ ยังจอภาพ LCD เลยทีเดียว ด้วยความสามารถเด็ดคือ Plug & Play คือสามารถใช้งานได้ทันทีไม่ต้องรีสตราทเครื่องหรือบางอยางเช่นแฟลชไดร์ฟไม่ ต้องลงไดร์วเวอร์ก็สามารถใช้งานๆได้ทันที ในปัจจุบันใช้ USB 2.0 เป็นหลัก ซึ่งจะมีความเร็วอยู่ที่ 480 MB/s และอีกไม่นาน USB 3.0 ก็จะเข้ามาแล้ว ซึ่งจะมีความเร็วมากว่า 2.0 ถึง 10 เท่า
Firewireหรือ ที่นิยมเรียกกันว่า IEEE 1394 เป็น Port มีลักษณะดังในภาพ คล้ายรูปสี่เหลี่ยมคางหมู หรืออีกรูปแบบนึงซึ่งจะมีขนาดเล็กกว่า ใช้โอนถ่ายข้อมูลเป็นหลักคล้ายๆกับ USB โดยมีความเร็วอยู่ที่ 400 MB/s อาจจะดูด้อยกว่า USB 2.0 เล็กน้อยแต่ก็แลกมาด้วยความนิ่งของสัญญาณที่ไม่แกว่งเหมือน USB นิยมใช้ในกล้องวีดีโอความละเอียดสูง แต่อีกไม่นานเมื่อ USB เข่าสู่เวอร์ชั่น3 เมื่อไรพอร์ตนี้คงจะเริ่มหายจากไปเหลือเพียงใช้งานในบางกลุ่มเท่านั้น
DVIเป็น Port ที่ส่งสัญญาณภาพเข้าสู้จอ LCD Notebook ที่มี Port นี้มีค่อนข้างน้อยมากครับ ส่วนใหญ่จะอยู่ใน Notebook รุ่นที่มีราคาสูงๆ โดยจะเป็นส่งสัญญาณแบบดิจิตอล ซึ่งให้คุณภาพในการแสดงผลที่ดีกว่าแบบอนาล็อก แบบในพอร์ต D-SUB ที่นิยมใช้กันในโน๊ตบุ๊กทั่วๆไป
D-SUBหรือที่เรียกกันอีกแบบว่า VGA port เป็น Port ที่ส่งสัญญาณภาพเข้าสู้อุปกรณ์แสดงภาพภายนอกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เรียกได้ว่ามีในโน๊ตบุ๊กแบบทุกเครื่องเลย ถึงแม้คุณภาพของภาพที่เป็นระบบสัญญาณอนาล็อกจะด้อยกว่า DVI แต่ด้วยมีอุปกรณ์รองรับมากที่สุดทำให้เป็นพอร์ตสำหรับต่อแสดงผลที่ได้รับ ความนิยมสูงสุด (แต่ในอนาคตคาดว่าจHDMI จะมาแทนในไม่ช้า) รองรับทั้งจอแบบ LCD CRT รวมถึงเครื่องโปรเจ็คเตอร์ด้วย
S-videoเป็น Port ที่ส่งสัญญาณภาพเข้าสู้จอ TV โน้ตบุ๊กกรุ่นเก่าๆหน่อยจะมีพอร์ตนี้กันเยอะ แต่ในรุ่นใหม่ๆก็แทบไม่มีแล้วเพราะมีพอร์ตอื่นๆเข้ามาแทนที่ เช่น HDMI
e-SATAเป็น Port ที่เอาไว้ต่อกับ External Hard disk หรือ Hard disk ธรรมดาก็ได้ โดยพอร์ต e-SATA นั้นจะมีความเร็วมีหลักการทำงานเช่นเดียวกับพอร์ต SATA บนเมนบอร์ดเลย ด้วยความเร็วสูงถึง 300 Mbit/s แต่ในพอร์ต e-SATA จะมีแปลงหัวต่อให้สามารถใช้งานเป็นพอร์ต USB ได้ด้วย
HDMIหรือย่อมาจาก High-Definition Multimedia Interface ตามที่ชื่อบอกเลยครับว่ารองรับงานมัลติมีเดียเต็มที่ ด้วย Port ที่เชื่อมต่อกับเครื่องเล่น HDMI ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวก LCD TV หรือ เครื่องเสียง โดยในสาย HDMI จะรวบร่วมสัญญาณดิจิตอลทั้งภาพและเสียงที่ส่งไปในสาย HDMI เส้นเดียว ทำให้มีความสะดวกเพราะไม่ต้องต่อสายหลายสายให้วุ้นวาย โดยในโน้ตบุ๊กสมัยใหม่ที่รองรับก็จะติดตั้งพอร์ต HDMI มาให้ใช้งานได้เลย โดยสาย HDMI รองรับการส่งข้อมูลสูงสุดประมาณภาพยนตร์ HD 1080p เลยทีเดียว
Card Readerคือ Port ที่เอาไว้ใส่ การ์ดอ่านการ์ดต่างๆ MMC , MSD , CF และอื่นๆ แล้วแต่ผู้ผลิตว่าจะติดตั้งเครื่องอ่านการ์ดชนิดใดมาบางส่งใหญ่ที่นิยมกันก็ เช่น SD MMC
Express Slotคือ Port อีกชนิดหนึ่งที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากบนเมนบอร์ด ซึ่งเอาไว้ ต่อกับการ์ดต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องให้สูงขึ้นสามารถทำงานได้หลายอย่างมากขึ้นเช่น Air Card , Sound Card หรือแม้กระทั่ง เพิ่มพอร์ต USB LANโดยจะแบ่งกันเป็น 3 แบบหลักตามขนาดโดยในแต่ละเครื่องจะแตกต่างกันไป แต่ที่นิยมในปัจจุบันมากที่สุดจะเป็น Express Card 54
Finger Printหรือที่สแกนลายนิ้วมือ ที่สามารถใช้ลายนิ้วมือของตัวเองตั้งเป็นรหัสเพื่อเข้าเปิดเครื่อง หรือเข้าถึงข้อมูลสำคัญ ถือว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เหมาะสมกับนักธุรกิจ นักศึกษา
Wireless Lanหรือ WiFiใช้ในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้สาย ทำให้เราสามารถนำโน๊ตบุ๊กไปเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ได้ทุกที่ทุกเวลาในที่มีสัญญาณ WiFiโดยไม่ต้องเชื่อมต่อสายแต่อย่างใด ทำให้เป็นที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบันด้วยความสะดวกสะบายนี้ และด้วยระบบ IEEE 802.11 นั้นมี 2 มาตรฐาน หลักๆที่นิยมใช้ในโน๊ตบุ๊กคือN รองรับการเชื่อต่อที่ความเร็ว 36-54 Mbps และ N รองรับการเชื่อมต่อที่ความเร็ว 74 Mbps และสูงสุดที่ 248 Mbps โดยในโน๊ตบุ๊กยังมีจำนวนน้อยที่รองรับมาตรฐานนี้ส่วนใหญ่จะเป็น รุ่นในแพลตฟอร์มเซนทริโน 2 เป็นหลักที่รองรับ
Bluetoothคือคอนเน็ตเตอร์ไร้สายอีกประเภทที่รู้จักเป็นอย่างดีเพราะในโทรศัพท์มือถือ นั้นได้นำเทคโนโลยีนี้มาใช้กันอย่างกว้างขวาง และในโน๊ตบุ๊กเองก็มีการนำมาใช้ทั้งเชื่อมต่อเผื่อโอนถ่ายข้อมูลระหว่าง เครื่อง ไปจนถึงเชื่อต่อกับโทรศัพท์เพื่อเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วย แต่ข้อเสียก็คือ ส่งข้อมูลได้ช้าเพราะมีความเร็วแค่เพียง 100kb/sec และไม่สามารถเชื่อมต่อได้ไกลมากนัก ประมาณ 10 เมตร จึงทำให้ความนิยมลดน้อยลงไป
LANหรือ RJ-45 เป็นคอนเน็ตเตอร์ในการเชื่อมต่อสู่ระบบเครือข่ายซึ่งเป็นที่นิยมสูงมาก ตั้งแต่ตามบ้านเรือน จนถึงองค์กรณ์ใหญ่ๆด้วยความเร็วสูงที่การเชื่อมต่อรูปแบบอื่นๆไม่สามารถทัด เทียมได้ยาก ด้วยความเร็วตั้งแต่ 10,100 MB/s จนไปถึงระดับ 1 GB/s (1,000 MB/s) ในโน๊ตบุ๊กรุ่นใหม่ๆก็อยู่ในระดับ 1 GB/s แทบทั้งนั้นเลย ด้วยความเร็วสูงขนาดนี้จึงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายและยังเป็นที่นิยมต่อไป
Modemหรือที่เรียกว่า RJ-11 ตามชนิดของหัวต่อ เป็นคอนเน็ตเตอร์รุ่นแรกๆของโลกเลยก็ว่าได้ สำหรับเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตในสมัยก่อน ที่ความเร็ว 56 K (ในสมัยนี้ก็ยังมีใช้กันอยู่แต่น้อยลงไปเยอะ) โดย Notebook รุ่นใหม่ๆ ไม่มีแล้ว เพราะมีระบบ Hi Speed อินเตอร์เน็ตเข้ามา ซึ่งนิยมใช้เป็นพอร์ต LAN หรือ WiFiมากกว่า เพราะเร็วกว่าเยอะ
Batteryเป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งของ Notebook เพราะคุณจะใช้งานนอกสถานที่ได้ดีแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับแบตเตอรี่ โดยปัจจุบัน Li-Ion ได้รับความนิยมมากสุด นอกจากจะชาร์จได้ตามต้องการแล้ว มันยังใช้งานได้นานพอสมควร ยิ่งจำนวน Cell มากเท่าไรยิ่งสามารถใช้งานได้มากขึ้น
เลือกซื้ออย่างไรให้คุ้มค่า?เลือกซื้ออย่างไรให้คุ้มค่า?
ความเร็วในการทำงานถ้ามาว่ากันถึงเรื่องของเร็ว ก็ต้องเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นยิ่งนักครับ เพราะความเร็วของเครื่องแบบเดสก์ท็อปยิ่งมีความเร็วมากขึ้นเท่าไร ก็จะส่งผลให้เครื่อง คอมพิวเตอร์แบบ " Notebook (โน้ตบุ๊ก) " เร็วขึ้นตามไปด้วย และในปัจจุบันมันก็มีความเร็วใกล้ระดับ 3GHz เข้าไปทุกทีแล้ว ซึ่งล่าสุดนั้นมีความเร็วอยู่ที่ระดับ 2.8GHz ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเป็นซีพียูจากอินเทลเป็นแน่แท้ ซึ่งในบ้านเราก็ค่อนข้างที่จะหาซื้อได้ยากสักหน่อย แต่ส่วนหนึ่งที่ได้กลับมานั้นก็คือเรื่องของประสิทธิภาพที่ เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และก็สามารถที่จะทำงานได้เท่าๆ กับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบเดสก์ท็อปอย่างสบายๆ เลยทีเดียว และระดับความเร็วของซีพียูก็จะ เป็นส่วน หนึ่งที่จะเป็นตัวกำหนดราคาของ Notebook (โน้ตบุ๊ก)รุ่นนั้นๆ ด้วย และอีกตัวหนึ่งที่จะมาเป็นตัวกำหนดก็คือในส่วนของออปชันต่างๆ ที่ Notebook (โน้ตบุ๊ก)รุ่นนั้นๆ จะพึงมีมาให้ครับ ถ้ามีทุนทรัพย์ที่เพียงพอและพอเพียงก็น่าจะมองๆ ไปที่ระดับความเร็วที่ 2GHz ไปเลยก็น่าที่จะเป็นเรื่องที่ดีอยู่มิใช่น้อยเลยทีเดียวเชียวครับ แต่ถ้าทุนน้อยก็ ไม่เป็นไรครับ แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรจะต่ำกว่า 1.6GHz นะครับ ซึ่งโดยรวมๆ แล้วนั้นก็จะขึ้นอยู่กับลักษณะของการนำไปใช้งาน
หน่วยความจำ Notebook (โน้ตบุ๊ก)ในยุคปัจจุบันได้ถูกพัฒนาขีดความสามารถให้รองรับและสนับสนุนการอัปเกรดได้พอสมควร ต่างกับ Notebook (โน้ตบุ๊ก)ยุคเก่า ที่กว่าจะเข้าไปทำการเพิ่มเติม หรือเปลี่ยนตัวหน่วยความจำนั้น จะทำได้ค่อนข้างยุ่งยากและลำบา รวมทั้งจะติดกับเรื่องของเงื่อนไขในการรับประกัน แต่ในปัจจุบันปัญหาตรงนั้นได้หมดสินไป แล้ว ซึ่งในสมัยนี้ถ้าคุณต้องการจะเพิ่มเติมในส่วนของหน่วยความจำก็สามารถที่จะทำได้ง่ายดายกว่าแต่ก่อนมาก เพียงแต่คุณต้องดูก่อนว่า Notebook (โน้ตบุ๊ก)รุ่นนั้นๆ มีจำนวนของช่องสำหรับเสียบหน่วยความจำมาให้ทั้งหมดจำนวนกี่ช่อง และในแต่ละช่องสามารถที่จะรองรับขนาดของหน่วยความจำได้มากที่สุดเท่าไร ในตอนนี้ส่วนใหญ่แล้ว Notebook (โน้ตบุ๊ก)จะติดตั้งหน่วยความจำมาให้อย่างน้อยก็ 128MB ซึ่งในบางรุ่นบางยี่ห้อก็จะให้มามากถึง 512MB กันเลยทีเดียว แต่ก็แน่นอน ว่าราคาค่าตัวของรุ่นนั้นๆ ก็จะสูงตามไปด้วย และในส่วนของตัวหน่วยความจำก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะ Notebook (โน้ตบุ๊ก)ในรุ่นที่ไม่มีกราฟิกแยกออกมาต่างหาก จะต้องมีการแชร์หน่วยความจำหลักเพื่อไปใช้งานส่วนหนึ่งด้วย เพื่อมิให้ประสิทธิภาพโดยรวมของระบบนั้นด้อยลงไปมากนัก ก็ควรที่จะเล็งๆ ไปที่ระดับ 256MB ก็จะดีอยู่มากๆ เลยทีเดียว และสำหรับในรุ่นที่มีกราฟิกชิปต่างหากนั้น มีให้เพียง 128MB ก็เพียงพอแล้ว
จอภาพวิวัฒนาการของจอภาพแบบแอลซีดีได้ถูกพัฒนาไปมากกว่าแต่ก่อน จึงทำให้เราได้เห็นคุณภาพของแอลซีดีที่มีมุมมองได้ในทุกๆ ด้าน ในการเลือกนั้น คุณควรจะมองหา Notebook (โน้ตบุ๊ก)ที่มีจอภาพเป็นแบบ Active Matrix Display ซึ่งด้วยเทคโนโลยีที่ว่านี้จะทำให้ได้ภาพที่คมชัดและสว่างกว่าแบบ Passive Matrix และก็อีกเช่นเคยครับ ราคาของมันก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย แต่จะว่าไปแล้วนั้น มันเป็นส่วนหนึ่งของ Notebook (โน้ตบุ๊ก)ที่มีความเปราะบางและแพงที่สุดเลยทีเดียว ดังนั้นจึงต้องจำไว้ว่า คุณไม่ควรที่จะจับหน้าจอของคุณหรือของใครเลย ถ้าต้องการที่จะทำความสะอาดมันแล้วล่ะก็ เพียงเช็ดเบาๆ ด้วยผ้าที่สะอาดและนุ่ม และ ก็ไม่ควรใช้ของเหลวใดๆ เช็ดเลย ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาทำความสะอาดก็ตามที ผู้ผลิตบางรายได้พัฒนาระบบ Passive Matrix แล้ว เพื่อไม่ให้ราคาของ Notebook (โน้ตบุ๊ก)นั้นสูงจนเกินไป จอแบบ Passive Matrix ที่ได้ถูกพัฒนาแล้วหรือเป็นจอแอลซีดีแบบ HPA (High Performance Addressing) จะสว่างกว่า และจะ แสดงผลได้ละเอียดกว่าจอแบบ Passive Matrix แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ทางทีมงานก็ขอแนะนำให้คุณๆ ได้เลือกใช้จอภาพแบบ Active Matrix Display จะดีกว่า เพื่อความคมชัดในทุกมุมมองครับ ส่วนในเรื่องขนาดของจอภาพนั้น แน่นอนว่าจอภาพยิ่งใหญ่เท่าไร ราคาของมันก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น Notebook (โน้ตบุ๊ก)บางยี่ห้อ ทำสเปคออกมาทุกอย่างเหมือนกันหมด แต่จะทำออกมาสองรุ่นโดยจะมีความต่างกันที่ขนาดของจอภาพ ถ้าจะให้เลือกขนาดของจอภาพก็น่าจะดูที่ระดับขนาด 14" เพราะจะให้ความสบายกว่าจอขนาดเล็ก แต่ถ้าต้องการความยิ่งใหญ่ ก็ต้องมองๆ ไปที่ระดับ 17" ซึ่งคุณก็จะต้องจ่ายแพงกว่าตามไปด้วย
อุปกรณ์สื่อสารข้อมูลอุปกรณ์ในการสื่อสารข้อมูลของเครื่องคอมพิวเตอร์แบบ " Notebook (โน้ตบุ๊ก) " ถือว่าเป็นมาตรฐานเลยก็ได้ครับสำหรับอุปกรณ์พวกนี้ ไม่ว่าจะเป็น Modem หรือว่า LAN เพราะถือว่าการติดตั้งมาให้ด้วยนั้นเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและดีที่สุด เพราะถ้าจะต้องไปซื้อหามาเพิ่มเติม ก็จะต้องลงทุนด้วยราคานับพันบาท ซึ่งจะ ต้องมาเสียบเข้ากับช่อง PCMCIA และ Notebook (โน้ตบุ๊ก)รุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันนั้น ก็ล้วนแล้วแต่จะติดตั้งมาให้แล้วแทบทั้งนั้น อีกทั้งในบางรุ่นก็จะเป็นแบบ Wireless LAN เสียด้วยซ้ำไปครับ ในการเลือกดูนั้นก็คงไม่มีอะไรมาก เพียงแค่ดูช่องเสียบว่ามันอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมหรือไม่ และเมื่อเสียบสายเข้าไปแล้วนั้น มันจะ ต้องไม่หลุดกันง่ายๆ เพราะมิเช่นนั้นแล้วการสื่อสารจะต้องไม่ราบลื่นและจะทำให้เกิดอาการเสียอารมณ์อย่างที่ไม่น่าจะเกิด และในส่วนของ LAN นั้นมาตรฐาน ของมันก็ควรจะอยู่ที่ 10/100Base แต่สำหรับบางท่านก็อาจจะคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้ หรือบางท่านก็อาจจะซื้อหามา ติดตั้งเพิ่มเติมในภายหลังด้วยตนเอง มากกว่า คุณก็ลองถามตัวคุณเองดูซิว่า คุณต้องการที่จะใช้มันหรือเปล่า หรือว่าต้องการใช้งานในแบบใด
ระบบเสียงเสียงเพลงบรรเลงอารมณ์ Sound Build in ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้การดูหนัง ฟังเพลงนั้นสามารถที่จะเติมเต็มให้กับอรรถรสในการรับชมและ รับฟัง หลายๆ ท่านก็คงจะพอรู้กันอยู่แล้วว่า ระบบเสียงจาก Notebook (โน้ตบุ๊ก)ไม่ค่อยจะสุนทรีซักเท่าไร มันไม่ได้เกี่ยวกับการ์ดเสียงของNotebook (โน้ตบุ๊ก)หรอกครับ แต่มันเป็นที่ ลำโพงที่ทำออกมาไม่ค่อนจะสู้ดีนัก โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ผลิตไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับส่วนนี้มากนัก แต่ก็หวังว่าควรจะมีมาตรฐานขั้นต่ำไว้บ้างก็ น่าจะเป็นเรื่อง ที่ดี Notebook (โน้ตบุ๊ก)ในตลาดหลายๆ รุ่น หลายๆ ยี่ห้อ ได้มีการพัฒนาตรงจุดนี้ให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นมา เพื่อให้มีความเหมาะสมทั้งในเรื่องของคุณภาพและราคา รวมทั้ง ตำแหน่งของลำโพงด้วย การที่วางตำแหน่งของลำโพงไว้ตรงที่พักมือของ Notebook (โน้ตบุ๊ก)อาจจะทำให้เสียงนั้นถูกบังได้ในเวลาที่ใช้คีย์บอร์ด ซึ่งจะทำให้เสียงที่จำกัด อยู่แล้วยิ่งถูกจำกัดเข้าไปกันใหญ่เลย ส่วนลำโพงที่อยู่ด้านข้างจองจอภาพก็จะโอเคตรงที่ไม่โดนบังและส่งเสียงสู่ผู้ใช้ได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าเป็นในกรณีที่ Notebook (โน้ตบุ๊ก)ของคุณสามารถที่จะเปิดแผ่นซีดีได้โดยไม่ต้องบูตเครื่อง คุณก็จะต้องเปิดฝาของ Notebook (โน้ตบุ๊ก)ไว้ตลอดเวลา ทางที่ดีที่สุดคือ คุณจะต้องหา Notebook (โน้ตบุ๊ก)ที่มีลำโพงอยู่ใน ตำแหน่งที่ไม่โดนมือของคุณบังไว้ ซึ่งคุณควรจะทอลองใช้งานดูก่อนที่จะซื้อ
คีย์บอร์ดคีย์บอร์ดเป็นอีกหนึ่งส่วนที่คุณไม่ควรที่จะมองข้าม เพราะในบางครั้งเรามัวแต่ให้ความสำคัญกับส่วนประกอบอื่นๆ มากจนเกินไป จนลืมนึกถึงเรื่องของ สิ่งที่เราจะต้องสัมผัสกับมันมากที่สุดในระหว่างการทำงาน คีย์บอร์ด ที่มีการออกแบบมาเป็นอย่างดีจะช่วยให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว แม้ว่าจะ ไม่มีความเร็วสูงๆ แต่ถ้า Notebook (โน้ตบุ๊ก)มีความเร็วแต่ออกแบบคีย์บอร์ดได้ไม่ดีเท่าที่ควร ใช้งานได้อย่างติดๆ ขัดๆ ปุ่มที่ควรจะอยู่ใกล้ก็ดันไปอยู่ซะไกล แบบนี้ต่อให้ เครื่องเร็วแค่ไหนก็ทำงานได้ช้าอยู่ดี เพราะว่าเราต้องมาคอยจดๆ จ้องๆ ว่าปุ่มที่ต้องการมันอยู่ไหน โดยเฉพาะกับคนที่พิมพ์ดีดแบบสัมผัส ในการใช้คีย์บอร์ด ของ Notebook (โน้ตบุ๊ก)จะไม่มีอะไรหลายๆ อย่างที่เหมือนการใช้งานคีย์บอร์ดของเครื่องคอมพิวเตอร์แบบเดสก์ท็อป แต่ผู้ผลิต Notebook (โน้ตบุ๊ก)ก็ไม่ลืมที่จะใส่ความจำเป็นต่างๆ ไว้อย่างครบครัน สิ่งหนึ่งที่ควรจะมองหาในคำแนะนำอีกอย่างหนึ่งเวลาเลือกซื้อ Notebook (โน้ตบุ๊ก)คือพยายามหาคีย์บอร์ดที่คุณคิดว่าจะใช้เวลาในการเรียนรู้ไม่นาน อย่างคีย์บอร์ดที่มีลักษณะคล้ายกับเครื่องของเดสก์ท็อป มองหาคีย์บอร์ดที่มีปุ่มวินโดวส์ในตำแหน่งที่เหมาะสม และปุ่มที่ใช้งานบ่อยๆ อย่าง Insert, Delete กับ Home ซึ่งควรจะอยู่ในตำแหน่งที่ด้านขวาบนของคีย์แพดของ Notebook (โน้ตบุ๊ก)ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายๆ กับคีย์บอร์ดของเดสก์ท็อปทั่วๆ ไปด้วย และควรจะเช็คด้วยว่า ปุ่มฟังก์ชันการทำงานนั้น สามารถทำงานไดตามชื่อที่มันระบุไว้ด้วย เอาเป็นว่าก่อนซื้อคุณก็ลองวางมือแล้วพิมพ์ข้อความต่างๆ ดูว่า มันใช้งานได้คล่องถนัดมือ หรือไม่อย่างไร แต่ถ้าคุณมีทางเลือกไม่มากนัก บางครั้งก็อาจจะต้องมองข้ามประเด็นนี้ไป แล้วอาศัยเวลาทำความคุ้นเคยกับมัน ของอย่างนี้เป็นความถนัดและ ความชอบของแต่ละบุคคล
อุปกรณ์ชี้ตำแหน่งสำหรับ Notebook (โน้ตบุ๊ก)อุปกรณ์ชี้ตำแหน่งมันก็คือส่วนที่จะทำหน้าที่แทนเมาส์นั่นเอง ซึ่งโดยปกติแล้วนั้น คอมพิวเตอร์แบบ Notebook (โน้ตบุ๊ก)จะมีอุปกรณ์ชี้ตำแหน่งติดตั้ง มาให้เลย โดยจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดสองสามแบบ ในแบบแรกก็จะเป็นเหมือนแทร็กบอล โดยจะมีลูกกลิ้งโผล่ขึ้นมาตรงกลางที่วางมือของคุณ เพื่อให้คุณได้ใช้ นิ้วหัวแม่มือกลิ้งไปกลิ้งมา เพื่อทำการควบคุมตำแหน่งของเคอร์เซอร์ แบบที่สองก็จะเป็นแบบที่นิยมใช้กันมากที่สุด ซึ่งก็คือ ทัชเพด ส่วนมากจะถูกวาง ว้ใน ตำแหน่งตรงกลางเยื่องไปทางซ้ายของด้านล่างของคีย์บอร์ด ซึ่งจะเป็นแผ่นเรียบๆ ที่ให้เราใช้นิ้วมือ โดยมาจะเป็นนิ้วชี้ บางคนก็จะใช้นิ้วหัวแม่มือ ลากไปลากมา บนแผ่นทัชเพด ซึ่งก็สามารถที่จะควบคุมตำแหน่งของเคอร์เซอร์ได้เช่นกัน และอีกแบบที่ค่อนข้างจะไม่ได้เห็นกันมากเหมือนเมื่อก่อนแล้วก็คือ "พอยน์เตอร์สติ๊ก" มันจะมีลักษณะเป็นแท่งเล็กๆ เหมือนจอยสติ๊กที่ใช้โยกไปมา แต่ว่ามันจะมีขนาดที่เล็กมากๆ ตำแหน่งที่อยู่ของมันก็ไม่เป็นที่เปิดเผยมากนัก ก็คือมันจะอยู่ตรงกลาง คีย์บอร์ดของ Notebook (โน้ตบุ๊ก)วิธีการใช้งานก็คือใช้นิ้วดันมันไปในทิศทางต่างๆ ที่ต้องการ ซึ่งบางคนก็ว่าเป็นอุปกรณ์การชี้ตำแหน่งที่ใช้งานยากที่สุด คือควบคุมไม่ค่อย ได้ดังใจ ซึ่งจะต้องทำความคุ้นเคยมากกว่าอุปกรณ์ชี้ตำแหน่งแบบอื่นๆ ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับความชอบและความถนัดของแต่ละบุคคลอีกนั่นแหละครับ แต่ถ้าให้ ผมเลือก ผมเลือกใช้เมาส์เสียบเข้ากับพอร์ต USB ครับ เพื่อความถูกต้องและแม่นยำ รวมทั้งยังมีความรวดเร็วมากกว่าด้วย โดยเฉพาะเมื่อมีพื้นที่ในการวางที่พอ สำหรับการใช้งาน
อายุการใช้งานของแบตเตอรี่แบตเตอรี่เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เป็นปัจจัยหลักในการทำงานของ Notebook (โน้ตบุ๊ก)เพราะการที่แบตเตอรี่หมดกลางคัน ถือว่าเป็นเรื่องที่คนใช้Notebook (โน้ตบุ๊ก)ไม่พึงประสงค์เป็น อย่างมากเลยทีเดียว ยิ่งตอนกำลังจะเซฟงานที่มีความสำคัญๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องของผลประโยชน์ที่เป็นตัวเงินด้วยแล้ว ยิ่งต้องเน้นในเรื่องนี้ให้จงหนักเลยครับ วิธีการที่จะหลีกเลี่ยงสถานการณ์อันเลวร้ายเช่นนี้ได้อย่างหนึ่งก็คือ การตรวจสอบ Power Supply หรือทรัพยากรพลังงานของคุณอยู่เป็นประจำ ซึ่งคุณ สามารถทำได้โดยใช้เกวัดแบตเตอรี่ที่อยู่แถวๆ ทาส์กบาร์ของวินโดวส์นั่นแหละครับ ต้องดูกันบ้างอย่าทำงานจนเพลิน เพราะ Notebook (โน้ตบุ๊ก)บางรุ่นไม่มีเสียงเตือนเมื่อ แบตเตอรี่กำลังจะหมด มันจะดับไปเฉยๆ และปล่อยให้คุณโวยวายเพียงฝ่ายเดียว แต่เจ้า Notebook (โน้ตบุ๊ก)ของคุณจะไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรด้วยเลยแม้แต่น้อย ได้แต่ ทำหน้ามืด (จอดับ) ให้คุณดูเท่านั้น ถ้าไม่เป็นเรื่องที่หนักหนาจนเกินไปนัก และคุณมีความจำเป็นที่จะต้องใช้งานในสถานที่ที่ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง หรือไม่สามารถ ที่จะเสียบปลั๊กได้ ก็ควรที่จะซื้อแบตเตอรี่สำรองไว้อีกสักก้อน ถึงแม้ว่าราคาค่าตัวของมันจะไม่ธรรมดาก็ตามที "เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย"