1.61k likes | 3.12k Views
วิชาธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๑ ประวัติและวิวัฒนาการของการปฏิบัติกรรมฐาน วัตถุประสงค์การเรียนประจำบท บอกประวัติและวิวัฒนาการของการปฏิบัติกรรมฐานสมัยก่อนพุทธกาลได้ บอกการปฏิบัติกรรมฐานสมัยพุทธกาลและสมัยหลังพุทธกาลได้ บอกรูปแบบการปฏิบัติกรรมฐานในประเทศไทยปัจจุบันได้ กรรมฐานเป็นงานพัฒนาจิตให้เข้าถึงความสงบและให้เกิดปัญญาเป็นศาสตร์และศิลป์แห่งการดำเนินชีวิตและเป็นธุระสำคัญยิ่งในทางพระพุทธศาสนา กรรมฐานเป็นวิถีทางออกจากทุกข์ที่ดีที่สุด ซึ่งมีพัฒนาการสั่งสมสืบเนื่องกันมาเป็นระยะเวลายาวนานจากยุคก่อนพุทธกาลยุคพุทธกาลและหลังพุทธกาลมาจนถึงสมัยปัจจุบัน
E N D
กรรมฐานBuddhist Meditation โดย พระราชสิทธิมุนี
บทที่ ๑ ประวัติและวิวัฒนาการของการปฏิบัติกรรมฐาน
วัตถุประสงค์การเรียนประจำบทวัตถุประสงค์การเรียนประจำบท • บอกประวัติและวิวัฒนาการของการปฏิบัติกรรมฐานสมัยก่อนพุทธกาลได้ • บอกการปฏิบัติกรรมฐานสมัยพุทธกาลและสมัยหลังพุทธกาลได้ • บอกรูปแบบการปฏิบัติกรรมฐานในประเทศไทยปัจจุบันได้
ความนำ • กรรมฐานเป็นงานพัฒนาจิตให้เข้าถึงความสงบและให้เกิดปัญญาเป็นศาสตร์และศิลป์แห่งการดำเนินชีวิตและเป็นธุระสำคัญยิ่งในทางพระพุทธศาสนา • กรรมฐานเป็นวิถีทางออกจากทุกข์ที่ดีที่สุด ซึ่งมีพัฒนาการสั่งสมสืบเนื่องกันมาเป็นระยะเวลายาวนานจากยุคก่อนพุทธกาลยุคพุทธกาลและหลังพุทธกาลมาจนถึงสมัยปัจจุบัน
สมัยก่อนยุคพุทธกาล • การปฏิบัติกรรมฐานสมัยก่อนพุทธกาลมีปรากฏในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาจำนวนมากซึ่งได้กล่าวถึงฤาษีดาบสผู้บำเพ็ญพรตอยู่ในป่าหิมพานต์บรรลุฌานสมาบัติได้อภิญญา ๕ แสดงฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่าง ๆ ได้ การบรรลุฌานสมาบัติการได้อภิญญาของพวกฤาษีดาบสดังกล่าวนั้นจัดเป็นผลของการเจริญสมถกรรมฐานโดยตรง
สมัยพุทธกาล • เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกบรรพชาก็ทรงไปศึกษาลัทธิของ เจ้าสำนักต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้นทรงแสวงหาหนทางดับทุกข์โดยวิธีการลองผิดลองถูกมาหลากหลายวิธีโดยเฉพาะวิธีปฏิบัติแบบสมถ- กรรมฐานและวิธีทรมานตัวเองที่เรียกว่าอัตตกิลมถานุโยค
สมัยพุทธกาล • พระองค์ก็สรุปผลได้ว่าวิธีการเหล่านั้นไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ได้แท้จริงจึงทรงหันมาเลือกวิธีการบำเพ็ญเพียรทางจิตด้วยการเจริญสมกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน
สมัยพุทธกาล • พระพุทธองค์ทรงบรรลุถึงผลขั้นสูงสุดจนสามารถทำลายกิเลสได้หมดสิ้นก็ด้วยทรงยึดเอาการปฏิบัติสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานเป็นอุบายในการพัฒนาจิตโดยนำเอาสมถกรรมฐานมาสร้างพื้นฐานที่มั่นคงให้แก่จิตใจก่อนแล้วเพิ่มเติมต่อยอดด้วยการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
วิปัสสนากรรมฐานจึงถือว่าเป็นเอกลักณ์สำคัญทางพระพุทธศาสนาที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบแล้วนำมาเผยแผ่สั่งสอนพุทธบริษัทมีปรากฏเฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่านั้น ความจริงการปฏิบัติกรรมฐานในสมัยพุทธกาลปรากฏว่ามีแพร่หลายมากมายจะเห็นได้จากคัมภีร์พระไตรปิฎกที่ได้บันทึกเรื่องราวและคำสอนที่พระพุทธองค์ทรงสอนกรรมฐานไว้ เช่น มหาสติปัฏฐานสูตร อานาปานสติสูตร เป็นต้น
ในคัมภีร์อรรถกถาได้กล่าวถึงการปฏิบัติกรรมฐานในสมัยพุทธกาลไว้หลายแห่งพอสรุปความได้ว่าภิกษุผู้มีศรัทธาออกบวชประสงค์จะปฏิบัติกรรมฐานจะต้องบำเพ็ญธุระ ๒ อย่างในพระศาสนาคือ คันถธุระ วิปัสสนาธุระ
คันถธุระ • หมายถึงการศึกษาเล่าเรียนภาคทฤษฎีหรือปริยัติให้เข้าใจถึงกิจวัตรข้อปฏิบัติสำหรับพระภิกษุและคำสอนของพระพุทธเจ้า(พุทธพจน์)
วิปัสสนาธุระ • หมายถึงการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานด้วยยกรูปนามขึ้นพิจารณาโดยความเป็นสภาพไม่เที่ยง ไม่คงทน มิใช่ตัวตนจนเกิดผลคือสามารถทำลายกิเลสบรรลุมรรค ผล นิพพานได้ในที่สุด
สมัยหลังพุทธปรินิพพานสมัยหลังพุทธปรินิพพาน • หลังจากที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วเหล่าสาวกมีความแตกแยกทางความคิดมากขึ้น แต่ในส่วนที่เป็นการพัฒนาจิตเหล่าสาวกก็คงยึดถือการปฏิบัติสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐานสูตร อานาปานสติสูตร และสมถวิธีที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้จนถึงยุคพุทธศตวรรษที่ ๓
สมัยหลังพุทธปรินิพพานสมัยหลังพุทธปรินิพพาน • ในส่วนของการปฏิบัติกรรมฐานยุคนี้ปรากฏว่ามีพระเถระผู้ทรงคุณสมบัติทั้งทางด้านปริยัติและด้านการปฏิบัติหลายรูป เช่น พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ พระมหินทเถระ และคณะพระเถระที่ไปเป็นธรรมทูตเผยแผ่ในดินแดนต่าง ๆ นั้นล้วนเป็นพระอรหันต์ขีณาสพทั้งสิ้นเป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงความเจริญของการปฏิบัติกรรมฐาน
การส่งสมณทูต ๙ สาย สมัยพระเจ้าอโศก
โดยเฉพาะวิปัสสนากรรมฐานในยุคนี้ คณะพระโสณะและพระอุตตระที่นำพระพุทธศาสนามาเผยแผ่ในดินแดนสุวรรณภูมินับได้ว่าเป็นผู้วางรากฐานทางพระพุทธศาสนาในดินแดนแห่งนี้รวมถึงได้นำแนวการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่เชื่อว่ารับได้ถ่ายทอดมาจากพระโมคคัลลีบุตรติสสเถระมาเผยแผ่ในภูมิภาคนี้และมีผู้รักษาสืบต่อแนวการปฏิบัตินี้มาจนถึงปัจจุบัน
การปฏิบัติกรรมฐานในประเทศไทยปัจจุบันการปฏิบัติกรรมฐานในประเทศไทยปัจจุบัน • แนวการปฏิบัติกรรมฐานในประเทศไทยปัจจุบันมีรูปแบบแนวการปฏิบัติที่หลากหลายตามแนวทางที่คณาจารย์ได้คิดค้นพัฒนาขึ้นให้เหมาะกับจริตนิสัยของตนเองโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำจิตให้สงบรำงับและเพื่อให้เกิดปัญญารู้เท่าทันตามความเป็นจริง ดังนั้น รูปแบบวิธีการปฏิบัติอาจดูต่างกันแต่ถ้าเป็นไปเพื่อเข้าถึงจุดมุ่งหมายอันเดียวกันคือความสงบระงับใจและให้เกิดสติปัญญาแล้ว ก็ถือว่าไม่ออกนอกจากจุดมุ่งหมายของการปฏิบัติกรรมฐานทางพระพุทธศาสนา
ในที่นี้จะขอยกรูปแบบแนวการปฏิบัติกรรมฐานซึ่งเป็นที่คุ้นเคยรู้จักกันมาสัก ๕ สายหลัก คือ • แนวการปฏิบัติสายบริกรรมภาวนาพุทโธ • แนวการปฏิบัติแบบพอง-ยุบ • แนวการปฏิบัติแบบเคลื่อนไหว • แนวการปฏิบัติแบบวิชชาธรรมกาย • แนวการปฏิบัติแบบอานาปานสติ
กรรมฐานสายบริกรรมภาวนาพุทโธกรรมฐานสายบริกรรมภาวนาพุทโธ • กรรมฐานสายบริกรรมภาวนาพุทโธมีปรากฏในประเทศไทยเป็นเวลานานซึ่งพระอาจารย์สำคัญผู้ที่ให้กำเนิดการปฏิบัติแนวนี้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายคือพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต
การปฏิบัติกรรมฐานตามแนวพระอาจารย์มั่นการปฏิบัติกรรมฐานตามแนวพระอาจารย์มั่น • นอกจากจะนำบทว่าพุทโธมาบริกรรมให้เกิดสมาธิแล้ว ยังได้นำการบริกรรมพุทโธไปประยุกต์ใช้กับอานาปานสติกรรมฐานด้วย กล่าวคือ เวลาหายใจเข้าบริกรรมว่า พุท เวลาหายใจออกบริกรรมว่า โธ คำว่า พุทโธ เป็นพระนามของพระพุทธเจ้าซึ่งแปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน การใช้คำว่าพุทโธมาบริกรรมขณะหายใจเข้าออกเป็นกุศโลบายในการรวมจิตเป็นหนึ่งเดียวได้ง่ายซึ่งเป็นการเจริญสมถกรรมฐานก่อนแล้วค่อยพัฒนาไปสู่วิปัสสนากรรมฐานในภายหลัง
กรรมฐานสายพอง-ยุบ • กรรมฐานสายนี้มีศูนย์กลางอยู่ที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ คณะ ๕ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพมหานคร การสอนกรรมฐานสายนี้เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายนับตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๙๖ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้โดยมีพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิป.ธ.๙) เป็นพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ซึ่งท่านได้ชื่อว่าเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่แนวการปฏิบัติกรรมฐานวิธีนี้
พระธรรมธีรราชมหามุนี(โชดก ญาณสิทฺธิป.ธ.๙) พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
วิธีการปฏิบัติ • วิธีการปฏิบัติในท่านั่ง เมื่อผู้ปฏิบัติอยู่ในอริยาบถนั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พึงสังเกตอาการยพองยุบของหน้าท้อง ขณะหายใจเข้า หน้าท้องจะพอง ให้มีสติกำหนดดูอาการพองพร้อมบริกรรมว่า “พองหนอ” ขณะหายใจออกหน้าท้องจะยุบ ให้มีสติกำหนดดูอาการยุบ พร้อมบริกรรมว่า “ยุบหนอ” ผู้ปฏิบัติให้มีสติกำหนดดูอาการพองและยุบของหน้าท้องอย่างนี้ไปเรื่อยๆ สิ่งสำคัญในการปฏิบัติคืออย่าตามลมหายใจเข้า หายใจออก ให้มีสติกับอาการพองยุบอย่างเดียว
กรรมฐานแบบเคลื่อนไหว • อาจารย์ผู้มีชื่อเสียงในสายนี้ที่รู้จักโดยมากคือหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
วิธีการปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียนวิธีการปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน • กล่าวถึงสาระสำคัญของการปฏิบัติกรรมฐานแบบเคลื่อนไหวว่า ความคิดเป็นต้นเหตุของความทุกข์ของมนุษย์ โทสะ โมหะ โลภะ กิเลส ตัณหา อุปาทาน ล้วนปรากฏขึ้นในรูปของความคิด • ดังนั้น ผู้ปฏิบัติจึงต้องมีความรู้สึกตัวในการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ให้สติอยู่กับอาการเคลื่อนไหวไม่ให้หลงเข้าไปปรุงแต่งกับความคิดที่เกิดขึ้นและต้องเห็นความคิดทุกครั้งที่ใจคิดด้วยการใช้สติกำหนดรู้อาการเคลื่อนไหวของกายอันจะนำไปสู่การพ้นทุกข์ พบกับความสะอาด สว่าง และสงบแห่งจิตใจต่อไป
กรรมฐานแนววิชชาธรรมกายกรรมฐานแนววิชชาธรรมกาย • ผู้ให้กำเนิดกรรมฐานสายนี้คือพระมงคลเทพมุนี(สด จนฺทสาโร)หรือหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ท่านนำกรรมฐานต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ร่วมกันกล่าวคือใช้อาโลกกสิณ อานาปานสติและพุทธานุสสติ
วิธีปฏิบัติ • วิธีปฏิบัติในขั้นสมถภาวนา คือ ให้กำหนดบริกรรมนิมิตเป็นเครื่องหมายดวงกลมใสขนาดเล็กประมาณเท่าดวงตาดำ(หรือขนาดเท่าที่พอนึกเห็นด้วยใจได้ชัดเจน) ให้ปรากฏขึ้นที่ปากช่องจมูก(หญิงซ้าย-ชายขวา)ให้ใจอยู่ในดวงกลมใสนั้น คือนึกให้เห็นจุดเล็กใสศูนย์กลางดวงกลมใสตั้งอยู่ที่ปากช่องจมูก(หญิงซ้าย-ชายขวา)พร้อมกับบริกรรมภาวนาตรงศูนย์กลางดวงกลมใสนั้นว่า “สัมมาอะระหัง ๆ ๆ”
กรรมฐานสายอานาปานสติ • กรรมฐานสายอานาปานสตินี้มีปฏิบัติแพร่หลายกันมากอีกแนวหนึ่งในประเทศไทย เนื่องจากเป็นกรรมฐานที่ใช้อารมณ์หรืออุปกรณ์ที่มีอยู่ภายในตัวของแต่ละคนคือลมหายใจซึ่งก่อให้เกิดผลดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตอย่างยิ่ง อาจารย์ผู้สอนกรรมฐานที่มีชื่อเสียงในสายนี้มีหลายท่านซึ่งส่วนใหญ่มีวิธีการปฏิบัติเป็นไปในแนวเดียวกัน ในที่นี้จะยกเอาวิธีการปฏิบัติอานาปานสติของท่านพุทธทาสภิกขุแห่งสวนโมกขพลารามมากล่าว
วิธีการปฏิบัติ • (๑) รู้จักลมหายใจยาว คือ ตั้งสติคอยเฝ้าสังเกตลมหายใจยาวทุกครั้งที่หายใจเข้าและหายใจออกต่อเนื่องกันไปจนกว่าจะรู้สึกซึมซาบเข้าใจลมหายใจยาวเป็นอย่างดีว่าเป็นอย่างไร มีลักษณะอย่างไร และอิทธิพลแก่ร่างกายอย่างไร ลมหายใจยาวจึงเป็นสิ่งที่ผู้ปฏิบัติจะต้องทำความเข้าใจจนคุ้นเคยให้ดีเป็นลำดับแรก
(๒) รู้จักลมหายใจสั้น เมื่อทำความคุ้นเคยกับลมหายใจยาว จากนั้นให้ตั้งสติคอยเฝ้าสังเกตลมหายใจสั้นทุกครั้งที่หายใจเข้าและหายใจออกอย่างต่อแนื่องจนกว่าจะรู้สึกซึมซาบเข้าใจลมหายใจสั้นเป็นอย่างดีว่าเป็นอย่างไร มีลักษณะอย่างไร และอิทธิพลแก่ร่างกายอย่างไร
(๓) รู้จักลมที่ปรุงแต่งกายทั้งหมด คือ กำหนดรู้กายสังขาร หมายถึงลมหายใจที่คอยปรุงแต่งกายให้ขึ้นหรือลง ให้สงบระงับหรือให้กระวนกระวาย ในขั้นนี้ต้องกำหนดพิจารณาลมหายใจละเอียดขึ้นว่าปรุงแต่งร่างกายอย่างไร ร่างกายเนื่องอยู่กับลมหายใจอย่างไร จนสามารถมองเห็นวิธีการที่จะบังคับร่างกายได้ตามใจชอบโดยวิธีการบังคับผ่านทางลมหายใจ เพราะลมหายใจเป็นเครื่องปรุงแต่งร่างกาย
(๔) ทำลมหายใจให้ระงับลง ลมหายใจคือกายสังขารทำหน้าที่ปรุงแต่งร่างกาย ถ้าผู้ปฏิบัติทำลมหายใจให้ระงับลง ละเอียดลง ร่างกายก็จะสงบระงับลงด้วยเหมือนกัน
สรุปท้ายบท • จากการได้ศึกษาประวัติและวิวัฒนาการของการปฏิบัติกรรมฐานผู้ศึกษาจะมองเห็นพัฒนการการปฏิบัติกรรมฐานในยุคต่าง ๆ ตั้งแต่ก่อนพุทธกาลก็มีการปฏิบัติกรรมฐานเช่นกันโดยเฉพาะสมถกรรมฐานมีพัฒนาการเจริญก้าวหน้าจนถึงขั้นสูงสุดคือได้สมาบัติ ๘ ยังขาดแต่วิปัสสนากรรมฐานเท่านั้น
ต่อมาสมัยพุทธกาลเจ้าชายสิทธัตถะได้ออกแสวงหาทางหลุดพ้นจากทุกข์ก็ทรงผ่านการปฏิบัติสมถกรรมฐานมาทุกขั้นตอนรวมถึงการทรมานตนด้วยวิธีต่าง ๆ ในที่สุดก็ทรงค้นพบวิธีการตัดทำลายกิเลสได้เด็ดขาดคือวิปัสสนากรรมฐานและทรงทำการเผยแผ่ทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานด้วยทรงเห็นว่าการนำกรรมฐานทั้งสองมาปฏิบัติจะสนับสนุนเกื้อกูลกันดำเนินไปสู่ความดับทุกข์ได้เร็วขึ้นหลังจากพุทธปรินิพพานแล้วเหล่าสาวกได้สืบต่อวิธีการปฏิบัติกรรมฐานกันมาอย่างไม่ขาดสายจนถึงสมัยปัจจุบัน
ติดตามผลงานอื่นๆ ของเราได้ที่ www.padvee.com Education for all.