สถานีตำรวจ นครบาลจรเข้ น้อย กองบังคับการตำรวจ นครบาล 3

1. “โครงการหน้าร้านเตือนภัย”“โครงการหน้าร้านเตือนภัย” สถานีตำรวจนครบาลจรเข้น้อยกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 โดย พ.ต.อ.อัศวยุทธ นุชพุ่ม ผกก.สน.จรเข้น้อย

2. คดีวิ่งราวทรัพย์ เหตุเกิดที่ร้านทองเจริญรัตน์ ภายในตลาดหัวตะเข้ เมื่อ 27 พฤษภาคม 2553 เวลา 11.30น.

3. วิเคราะห์ปัญหา เมื่อดูจากภาพจะพบว่า • ผู้เสียหายไม่สามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้ทันที (เนื่องจากภายในร้านติดตั้งลูกกรงสแตนเลสไว้) ผู้เสียหายกำลังเปิดประตูลูกกรง

4. ไม่มีผู้ใดทราบว่าในร้านเกิดเหตุอะไรขึ้นไม่มีผู้ใดทราบว่าในร้านเกิดเหตุอะไรขึ้น (คนร้ายวิ่งหลบหนีไปยังไม่มีใครทราบเรื่อง)

5. ประชาชนที่สัญจรไปมาไม่ทราบเหตุจึงไม่สามารถช่วยเหลือได้ทันประชาชนที่สัญจรไปมาไม่ทราบเหตุจึงไม่สามารถช่วยเหลือได้ทัน (ไม่มีใครรู้ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น)

6. กว่าจะโทรแจ้งตำรวจ เมื่อเกิดเหตุพนักงานในร้านใช้เวลาประมาณ 3 นาทีในการแจ้งเหตุให้ตำรวจสกัดจับ (ใช้เวลาในการให้ข้อมูลตำหนิรูปพรรณคนร้ายกับตำรวจนานเกินไป)

7. สามารถติดตามจับกุม นายเดชฤทธิ์ กิติวงศ์อิ่น อายุ 31ปีพร้อมด้วยของกลาง 1.สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 2 เส้น ราคา 76,000.- บาท 2.สร้อยข้อมือทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้น ราคา 19,000.- บาท การจับกุมถือเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ โชคดีที่จับได้

8. แนวคิดของโครงการ คือการนำประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม อย่างยั่งยืน วัตถุประสงค์ • เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมอย่างยั่งยืน • เพื่อให้ผู้ประกอบการร้านค้าทอง สามารถแจ้งเหตุได้ทันที่เมื่อเกิดเหตุ • เพื่อให้ประชาชนเมื่อพบเห็นและได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภัยหน้าร้านทอง สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที • เพื่อเสริมสร้างทักษะให้ประชาชนสามารถจดจำตำหนิรูปพรรณและยานพาหนะของคนร้ายที่มาก่อเหตุ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมคนร้าย • เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามจับกุมคนร้ายให้ทันต่อเหตุการณ์ • เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นในเขตพื้นที่ • เพื่อ “ทำคนน้อยให้เป็นคนมาก”

9. โครงการหน้าร้านเตือนภัย ประกอบด้วย 1.อุปกรณ์สัญญาณ • สัญญาณไฟวับวาบสีแดง • เสียงสัญญาณเตือนภัย

10. 2.ประชาชนผู้มีส่วนร่วม2.ประชาชนผู้มีส่วนร่วม ร้านค้าย่อยหน้าร้านค้าทอง ร้านค้าข้างเคียง ร้านค้าฝั่งตรงข้ามถนน ประชาชนที่สัญจรไปมา ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง เจ้าหน้าที่สายตรวจ

11. ขั้นตอนการดำเนินการ • กำหนดเป้าหมายที่เป็นจุดเสี่ยง (ร้านค้าทอง)

12. ประชุมชี้แจงและมอบหมายหน้าที่ในแต่ละฝ่ายประชุมชี้แจงและมอบหมายหน้าที่ในแต่ละฝ่าย

13. ชี้แจงผู้ประกอบการร้านค้าทอง ให้ทราบวัตถุประสงค์ และขอความร่วมมือร้านค้าทองติดตั้งอุปกรณ์สัญญาณเตือนภัย (ค่าใช้จ่ายประมาณ 3,000-3,500 บาท โดย ผกก.ฯควรชี้แจงด้วยตนเอง)

14. การติดตั้งอุปกรณ์สัญญาณเตือนภัย (ติดตั้งในระดับที่สังเกตุเห็นได้ง่ายตามสภาพร้าน แต่อย่าให้ต่ำเกินไปอาจถูกขโมย)

15. สวิตช์สัญญาณ ควรติดตั้งแยกออกจากกันหรือจะรวมกันเป็นสวิตช์เดียวกันก็ได้ แต่ต้องติดตั้งไว้หลายๆจุด หากคนร้ายมีอาวุธปืนหรืออาวุธร้ายแรง (ให้ใช้เฉพาะสัญญาณไฟอย่างเดียว เพื่อป้องกันอันตรายจากความตกใจ)

16. อบรมผู้ค้ารายย่อย วินรถจักรยานยนต์รับจ้างโดยใช้ระบบ “อบรมสัญจร” เกี่ยวกับการจดจำตำหนิรูปพรรณ,การใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิป/ภาพ,การใช้นกหวีด • แจกสติกเกอร์,แผ่นพับ,นกหวีด

17. ข้อสำคัญสำหรับผู้ประกอบการและพนักงานร้านค้าทองข้อสำคัญสำหรับผู้ประกอบการและพนักงานร้านค้าทอง • ร้านทองทั่วไป จะประกอบด้วยร้านที่มีกรงสแตนเลสและร้านที่ไม่มีกรงสแตนเลส เหตุที่เกิดจะแตกต่างกัน จำเป็นจะต้องกำชับเป็นกรณีพิเศษ คือ • เมื่อมีเหตุเกิดขึ้น หากเป็นคดี เช่น วิ่งราวทรัพย์หรืออื่นๆที่ไม่มีอาวุธร้ายแรง ให้กดสวิตช์สัญญาณไฟและสัญญาณเสียงเตือนภัยพร้อมกัน • หากคนร้ายใช้อาวุธร้ายแรง(อาวุธปืน)ให้กดเพียงสัญญาณไฟ เพื่อไม่ให้คนร้ายตกใจและใช้อาวุธปืนได้

18. ข้อสำคัญสำหรับผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อยและร้านข้างเคียงและผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างข้อสำคัญสำหรับผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อยและร้านข้างเคียงและผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง • หากเห็นสัญญาณไฟหมุนเพียงอย่างเดียว ให้ชี้แจงให้ทราบว่าเกิดเหตุร้ายภายในร้านทองและคนร้ายมีอาวุธร้ายแรง

19. หลังจากเริ่มโครงการฯ ได้ประมาณเดือนเศษ • เกิดเหตุวิ่งราวทรัพย์ตาม คดีอาญาที่ 471/ 2553 ลงวันที่ 19 ก.ค. 2553 เวลา 14.30 น. • เหตุเกิดที่ ร้านทองดีเยาวราช เลขที่ 18/33 ตลาดอุดมผล (ตลาดหัวตะเข้) • ผู้ต้องหา ชื่อนาย เทวฤทธิ์ ปาลัด อายุ 25 ปี • ของกลาง สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 5 เส้น ราคา 183,500 บาท

22. ภาพเหตุการณ์ขณะคนร้ายก่อเหตุ และพนักงานกดสัญญาณเตือนภัย ผู้เสียหายกดสัญญาณเตือนภัย

23. พลเมืองดี วิ่งติดตามคนร้าย ผู้เสียหายวิ่งติดตามคนร้าย ผู้เสียหายโทรศัพท์แจ้งตำรวจ

24. เจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชน ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง

25. จากคลิป เมื่อคนร้ายก่อเหตุพนักงานในร้านสามารถกดสัญญาณเตือนภัย ใช้เวลาประมาณ 9 วินาที • ขณะเกิดเหตุพนักงานกดสัญญาณเตือนภัยทันที • มีประชาชนวิ่งไล่ติดตามทันที (เนื่องจากเห็นสัญญาณ) • ร้านค้าฝั่งตรงข้ามมองเห็นสัญญาณ จึงแจ้ง สายตรวจเดินเท้าได้ทันที • ประชาชนบริเวณที่เกิดเหตุช่วยกันจับกุมคนร้าย หลังจากเกิดเหตุสามารถจับกุมคนร้ายได้ทันที เนื่องจากร้านทองดังกล่าว ได้เข้าร่วมโครงการ “หน้าร้านเตือนภัย” โดยได้มีการติดตั้งสัญญาณไฟวับวาบและเสียงสัญญาณเตือนภัยบริเวณหน้าร้าน และขณะเกิดเหตุ คนในร้านได้กดสัญญาณเตือนภัย ขึ้นเป็นเหตุให้แม่ค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาล (ล๊อตเตอร์รี่) ฝั่งตรงข้ามเห็นสัญญาณไฟและเสียงดังกล่าว จึงร้องเรียก เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเดินเท้าให้ทราบ อีกทั้งประชาชนบริเวณใกล้เคียงที่สัญจรไปมาช่วยวิ่งไล่ติดตามคนร้าย และสามารถจับกุมคนร้ายได้พร้อมของกลาง

26. ผลที่ได้รับจากโครงการผลที่ได้รับจากโครงการ • ผู้ประกอบการร้านค้าทอง สามารถแจ้งเหตุได้ทันท่วงทีเมื่อเกิดเหตุ • เมื่อพบเห็นสัญญาณเตือนภัยหน้าร้านทอง ประชาชนสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันเหตุการณ์

27. เพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามจับกุมคนร้ายให้ทันต่อเหตุการณ์เพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามจับกุมคนร้ายให้ทันต่อเหตุการณ์ • ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมจากภาคประชาชน

28. ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นในเขตพื้นที่รับผิดชอบป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นในเขตพื้นที่รับผิดชอบ • เสริมสร้างทักษะในการจดจำตำหนิรูปพรรณของผู้ต้องสงสัยหรือผู้ที่มาก่อเหตุในพื้นที่ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนสอบสวนนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้อย่างรวดเร็ว • นำความเป็นไทยกลับสู่สังคม

29. เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2553 พล.ต.ท.สัณฐาณ ชยนนท์ ผบช.น.และคณะ ได้ตรวจเยี่ยมโครงการฯ และร่วมนำผู้ต้องหาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ

30. ผบช.น.มีคำสั่ง ตามคำสั่ง บช.น.ที่ 0015.132/1258 ลงวันที่ 3 ส.ค.53 ให้แต่ละ สน.ดำเนินการ โครงการหน้าร้านเตือนภัย กับร้านค้าทอง-อัญญมณี โดยด่วน หลังจากนั้นให้ขยายโครงการสู่ร้านสะดวกซื้อในพื้นที่ต่อไป

31. www.chorakaenoi.metro.police.go.th โทรศัพท์ 02-326-9056 / 02-326-9991-3