1 / 29

โครงงานคอมพิวเตอร์

โครงงานคอมพิวเตอร์. เรื่อง การพัฒนาระบบการจัดการฐานข้อมูลคลินิกรักษาโรคกรณีศึกษาคลินิก ต.ห้วย พระ. บทที่ 1. แนวคิด ที่มา และ ความสำคัญ.

Download Presentation

โครงงานคอมพิวเตอร์

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง การพัฒนาระบบการจัดการฐานข้อมูลคลินิกรักษาโรคกรณีศึกษาคลินิก ต.ห้วยพระ

  2. บทที่ 1

  3. แนวคิด ที่มา และความสำคัญ ระบบฐานข้อมูลเป็นการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ทำให้สามารถใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องในระบบงานต่าง ๆ ร่วมกันได้ โดยที่ไม่เกิดความซ้ำซ้อนของข้อมูล คอมพิวเตอร์จึงถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการจัดเก็บและ ประมวนผลข้อมูล ซึ่งทำให้ระบบการจัดเก็บข้อมูลเป็นไปได้สะดวก ฐานข้อมูลจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะระบบงานต่าง ๆ ที่ใช้คอมพิวเตอร์ การออกแบบและพัฒนาระบบฐานข้อมูล จึงต้องคำนึงถึงการควบคุมการจัดการความถูกต้องและประสิทธิภาพในการเรียกใช้ข้อมูล เนื่องจากทางบ้านของสมาชิกในกลุ่มข้าพเจ้า มีญาติที่มีอาชีพเป็นบุคลากรในคลินิกใน ต.ห้วยพระ และมีการจัดเก็บข้อมูล แฟ้มข้อมูล และกระดาษทำให้ข้อมูลอาจสูญหายได้ ทำให้กลุ่มของข้าพเจ้ามีการคิดที่จะจัดเก็บเป็นตารางในฐานข้อมูล เพื่อที่จะได้สะดวกต่อการเลือกดู และข้อมูลมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น กลุ่มของข้าพเจ้าจึงได้เลือกใช้โปรแกรม Microsoft Access 2007 ในการสร้างฐานข้อมูลเพื่อให้ข้อมูลมีความเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้นและสะดวกต่อการใช้งานและการเรียกใช้ต่อไป

  4. วัตถุประสงค์ และ หลักการและทฤษฏี วัตถุประสงค์ 1.เพื่อศึกษาระบบงานปัจจุบันที่มีการเก็บข้อมูลโดยใช้การจดบันทึกทั่วไป 2. เพื่อพัฒนาระบบการจัดเก็บข้อมูลให้มีความน่าเชื่อถือและมีระเบียบมากขึ้น 3. เพื่อประเมินผลการพัฒนาการจัดเก็บข้อมูลเป็นระบบฐานข้อมูล หลักการและทฤษฏี 1.การสร้างและพัฒนาระบบการจัดการฐานข้อมูล 2.การวิเคราะห์ฐานข้อมูลเดิม 3.การออกแบบฐานข้อมูล 4.การใช้งานโปรแกรม Microsoft Access 2007 5.ระบบตารางการจัดการฐานข้อมูลการจ่ายยาและรักษา

  5. ขั้นตอนการดำเนินงาน 1. ฮาร์ดแวร์ ซอฟแวร์ และเครื่องมือที่ใช้ - ฮาร์ดแวร์ Processor : Intel(R) Core(TM) i3-2100 CPU @ 3.10GHz Memory : 2048MB RAM - ซอฟแวร์ Microsoft Access 2007 Microsoft PowerPoint 2007  2. ขั้นตอนการพัฒนาโครงงาน 1.การศึกษาและวิเคราะห์ระบบ 2.การออกแบบระบบ 3.การสร้างระบบ 4.การทดสอบและแก้ไขระบบ 5.การนำระบบไปใช้งาน 6.การบำรุงรักษาระบบ

  6. แผนการปฏิบัติงาน

  7. ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1. ได้รับความรู้จากการศึกษาระการจัดการข้อมูลทั้งในแบบเดิมที่มีแต่การจดบันทึกมาเป็นแบบระบบฐานข้อมูล 2. ข้อมูลมีความถูกต้อง เป็นระเบียบ มีความปลอดภัยมากขึ้นและสามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ 3. สามารถนำองค์ความรู้เหล่านี่ไปพัฒนาต่อยอดได้ให้มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น

  8. บทที่ 2

  9. ระบบงานปัจจุบัน ในปัจจุบันการจัดการข้อมูลที่เกี่ยวกับการรักษาจากคลินิกนั้นยังเป็นการจดบันทึกด้วยมือจากเจ้าของโดยเจ้าของคลินิกจะบันทึกรายละเอียดการจ่ายยา,ข้อมูลผู้ป่วยลงในกระดาษบันทึกข้อมูล การรักษาของร้าน จึงทำให้บางครั้งเกิดปัญหาการสูญหาย เกิดการทับซ้อนของข้อมูล ข้อมูลมีความผิดพลาดซึ่งยุ่งยากต่อการแก้ไขและตรวจสอบ ซึ่งระบบงานใหม่ที่จะพัฒนาขึ้นมานี้เกี่ยวข้องกับคลินิก เพื่อที่จะได้นำระบบใหม่มาใช้เพื่อป้องกันการทับซ้อนของข้อมูล ข้อมูลผิดพลาด หรือข้อมูลสูญหาย ใช้ได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว

  10. องค์ความรู้ใหม่ที่ใช้ในการทำโครงงานองค์ความรู้ใหม่ที่ใช้ในการทำโครงงาน • การวิเคราะห์และออกแบบระบบ 1. ระบบการจัดการฐานข้อมูล ระบบจัดการฐานข้อมูล (Database Management System) หรือที่เรียกว่า ดีบีเอ็มเอส (DBMS) เป็นกลุ่มโปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในระบบติดต่อระหว่างผู้ใช้กับฐานข้อมูล เพื่อจัดการและควบคุมความถูกต้อง ความซ้ำซ้อน และความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลต่างๆ ภายในฐานข้อมูล หน้าที่ของระบบจัดการฐานข้อมูล - แปลงคำสั่งที่ใช้จัดการกับข้อมูลภายในฐานข้อมูล ให้อยู่ในรูปแบบที่ฐานข้อมูลเข้าใจ นำคำสั่งต่าง ๆ ซึ่งได้รับการแปลแล้ว ไปสั่งให้ฐานข้อมูลทำงาน - ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับข้อมูลภายในฐานข้อมูล โดยจะคอยตรวจสอบว่าคำสั่งใดที่สามารถทำงานได้ และคำสั่งใดที่ไม่สามารถทำงานได้

  11. โครงสร้างการทำงานของระบบจัดการฐานข้อมูล           - ระดับที่ 1 ระดับภายใน (Internal Level) จะแสดงรายละเอียดของการจัดเก็บในตัวกลางและวิธีการเรียกใช้ ฐานข้อมูล           - ระดับที่ 2 ระดับแนวคิด (Conceptual Level) แสดงโครงสร้างรวมของฐานข้อมูลให้กับผู้ใช้ทุกประเภท โดยโครงสร้างแนวคิดจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูล                (Metadata) เท่านั้น เช่น ตัวข้อมูล ชนิดของข้อมูล และข้อกำหนดข้อมูล           - ระดับที่ 3 ระดับภายนอก (External Level) ประกอบด้วยโครงสร้างภายนอก หรือมโนภาพของผู้ใช้ (user views) หลายๆตัว ด้วยกัน แต่ละตัวจะใช้แสดงมโนภาพของผู้ใช้เฉพาะกลุ่มเท่านั้น • ส่วนประกอบของระบบจัดการฐานข้อมูล          1) ส่วนจัดการฐานข้อมูล (Database manager) ประสานระหว่างข้อมูลที่จัดเก็บในฐานข้อมูล โปรแกรมประยุกต์ และส่วนคำร้องขอ โดยกำหนดการกระทำต่างๆ ผ่านส่วนจัดการแฟ้มข้อมูล (File manager) เพื่อไปกระทำและจัดการกับข้อมูลที่เก็บอยู่ในฐานข้อมูลระดับ กายภาพ          2) ส่วนประมวลผลสอบถาม (Query processor) แปลงประโยคคำสั่งภาษาสอบถามให้อยู่ในรูปแบบของคำสั่งที่ส่วนจัดการฐานข้อมูลเข้าใจ

  12. 3) ส่วนแปลงภาษาจัดการข้อมูล (data manipulation language precompiler) : แปลงประโยคคำสั่งภาษา DML ให้อยู่ในรูปแบบที่ส่วนรหัสออบเจกต์ของโปรแกรมประยุกต์สามารถเข้าใจได้ เพื่อส่งต่อรหัสคำสั่งนั้นไปยังส่วนจัดการฐานข้อมูล          4) ส่วนแปลภาษานิยามข้อมูล (data definition language precompiler ) : แปลงประโยคคำสั่งภาษา DLL ให้อยู่ในรูปแบบของ metadata ซึ่งเก็บรายละเอียดของโครงสร้างต่างๆ ของข้อมูล โดยเก็บไว้ใน data dictionary 5) ส่วนรหัสออบเจกต์ของโปรแกรมประยุกต์ (application program object code) : ทำหน้าที่แปลงคำสั่งต่างๆ ของโปรแกรมประยุกต์ และแปลงคำสั่งภาษา DML ที่ส่งต่อมาจากส่วนแปลภาษาจัดการข้อมูลให้ อยู่ในรูป object code ซึ่งจะส่งต่อให้ส่วนจัดการฐานข้อมูลเพื่อจัดการกับข้อมูลในฐานข้อมูลต่อไป

  13. การออกแบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์การออกแบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ คือ ฐานข้อมูลที่ได้รับการใช้มากที่สุด โดยขึ้นกับพื้นฐานทางทฤษฎีที่เข้มแข็ง ด้านพีชคณิตเชิงสัมพันธ์ ไม่มีความจำเป็นในการทำความเข้าใจทางทฤษฎีความสัมพันธ์ในการใช้ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ แต่จำเป็นต้องเข้าใจแนวคิดฐานข้อมูลพื้นฐานบางประการ ประเภทของความสัมพันธ์ 1.ความสัมพันธ์หลัก (Base Relation) ความสัมพันธ์ที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อเก็บข้อมูลไว้ในฐานข้อมูล และนำข้อมูลนั้นไปใช้งานต่อ ซึ่งจะเป็นตารางที่มีการจัดเก็บข้อมูลจริงไว้ในฐานข้อมูล 2.วิว (View) ความสัมพันธ์ที่ถูกสร้างขึ้นตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน เพราะผู้ใช้แต่ละคนอาจจะมีความต้องการใช้ข้อมูลในลักษณะที่แตกต่างกัน ความสัมพันธ์นี้จะไม่มีการเก็บข้อมูลจริงๆ ในระบบ แต่จะเป็นตารางสมมติ

  14. กฎที่ใช้จัดเก็บข้อมูลในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์กฎที่ใช้จัดเก็บข้อมูลในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ ในการจัดเก็บข้อมูลในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์นั้น มีข้อกำหนดเพื่อสร้างความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูล (Integrity) ในฐานข้อมูล ดังนี้ - กฎข้อที่ 1 ทุกตารางต้องมีหนึ่งคีย์หลัก (Primary key) - กฎข้อที่ 2 ในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตาราง 2 ตารางในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ สามารถกำหนดด้วยคีย์นอก (Foreign key) ซึ่งอาจมีค่าเป็น NULL (ไม่มีค่าข้อมูล) หรือมีค่าตรงกับข้อมูลของคีย์หลักในอีกตารางหนึ่งที่มีความสัมพันธ์กันด้วยSQL

  15. โปรแกรม Microsoft Access 2007 Microsoft Office Access เป็นโปรแกรมฐานข้อมูลที่นิยมใช้กันอ่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นโปรแกรมฐานข้อมูลที่มีความสามารถในหลายๆ Microsoft Access สามารถช่วยทำอะไรได้บ้าง 1. สามารถสร้างระบบฐานข้อมูลใช้งานต่าง ๆ เช่น โปรแกรมบัญชี โปรแกรมควบคุมสินค้า, โปรแกรมฐานข้อมูลอื่นๆ เป็นต้น 2. สามารถสร้างรายงานเพื่อแสดงข้อมูลที่ต้องการ 3. สามารถสร้างระบบฐานข้อมูล เพื่อนำไปใช้ร่วมกับฐานข้อมูลอื่น ๆ 4. สามารถนำเสนอข้อมูลออกสู่ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

  16. บทที่ 3

  17. อุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้อุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ - ฮาร์ดแวร์ Operating System : Windows 8 Release Preview 32-bit Processor : Intel(R) Core(TM) i3-2100 CPU @ 3.10GHz Memory : 2048MB RAM - ซอฟแวร์ Micorsoft Access 2007 Micorsoftpowerpoint 2007 

  18. วิธีการดำเนินการตามขั้นตอนที่วางแผนไว้วิธีการดำเนินการตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ 1 การศึกษาและวิเคราะห์ปัญหา เนื่องจากทางคลินิก ต.ห้วยพระใช้การจดบันทึกข้อมูลต่าง ๆลงบนแผ่นกระดาษ ทางคณะผู้จัดทำจึงต้องการที่จะสร้างระบบการจัดการฐานข้อมูล เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการเก็บข้อมูลมากยิ่งขึ้น ระบบงานสามารถแบ่งได้ดังนี้ 1. ข้อมูลผู้ป่วย เกี่ยวกับ รหัสผู้ป่วย, คำนำหน้าชื่อ, ชื่อ, นามสกุล,อายุ,เพศ,บ้านเลขที่,ตำบล,อำเภอ,จังหวัด,เบอร์โทรศัพท์,โรคประจำตัว,การแพ้ยา,อาการ 2. ข้อมูลการรักษา เกี่ยวกับ รหัสผู้ป่วย,ชื่อ – นามสกุลผู้ป่วย,ครั้งที่รักษา 3. ข้อมูลรายละเอียดการรักษา เกี่ยวกับ,รหัสผู้ป่วยอาการ,ยาที่ได้รับ,เวลานัด,ผู้ตรวจ 4. ข้อมูลข้อมูลยา เกี่ยวกับ รหัสยา,ชื่อยา,ชนิดยา,วันผลิต,วันหมดอายุ,ข้อระวังการ,วิธีใช้,ผลข้างเคียง,สมบัติยา 5. ข้อมูลประเภทยา เกี่ยวกับ รหัสยา,ชื่อยา,ประเภทยา 2) การกำหนดความต้องการของระบบ พัฒนาระบบฐานข้อมูลโดยนำโปรแกรม Microsoft office Access 2007 มาประยุกต์ใช้ในระบบงาน โดยสร้างระบบให้มีข้อมูลที่สอดคล้องกับระบบงานเดิม สามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง ค้นหารายชื่อ หรือจัดทำรายงานต่างๆ ได้

  19. การออกแบบโปรแกรม 1 การออกแบบส่วนนำเข้า (Input Form) การออกแบบส่วนนำเข้า คือ การออกแบบฟอร์ม ซึ่งจะออกแบบทั้งหมด 4 ฟอร์ม ดังนี้ - ฟอร์มข้อมูลผู้ป่วย คือ ฟอร์มที่กรอกข้อมูล รหัสผู้ป่วย, คำนำหน้าชื่อ, ชื่อ, นามสกุล,อายุ,เพศ,บ้านเลขที่,ตำบล,อำเภอ,จังหวัด,เบอร์โทรศัพท์,โรคประจำตัว,การแพ้ยา,อาการ - ฟอร์มข้อมูลการรักษา คือฟอร์มที่กรอกข้อมูล รหัสผู้ป่วย,ชื่อ – นามสกุลผู้ป่วย,ครั้งที่รักษา - ฟอร์มข้อมูลรายละเอียดการรักษา คือ ฟอร์มที่กรอกข้อมูล รหัสผู้ป่วย,อาการ,ยาที่ได้รับ,เวลานัด,ผู้ตรวจ - ฟอร์มข้อมูลยา คือ ฟอร์มที่กรอกข้อมูล รหัสยา,ชื่อยา,ชนิดยา,วันผลิต,วันหมดอายุ,ข้อระวังการ,วิธีใช้,ผลข้างเคียง,สมบัติยา 2 การออกแบบรายงาน(Output Form) การออกแบบรายงาน คือ การนำข้อมูลส่วนนำเข้ามาประมวลผล และแยกประเภทของรายงาน ซึ่งจะออกแบบทั้งหมด 4 รายงาน ดังนี้ - รายงานข้อมูลผู้ป่วย แสดงข้อมูล รหัสผู้ป่วย, คำนำหน้าชื่อ, ชื่อ, นามสกุล,เบอร์โทรศัพท์ - รายงานข้อมูลยา แสดงข้อมูล รหัสยา,ชื่อยา,ชนิดยา,วันผลิต,วันหมดอายุ,ข้อระวังการ,วิธีใช้,ผลข้างเคียง,สมบัติยา - รายงานข้อมูลการรักษา แสดงข้อมูล รหัสผู้ป่วย,อาการ,ยาที่ได้รับ,เวลานัด,ผู้ตรวจ,อาการ,ยาที่ได้รับ,เวลานัด,ผู้ตรวจ

  20. 3 การออกแบบความสัมพันธ์ระหว่างตารางฐานข้อมูล (E-R Diagram) ออกแบบโดยใช้ แทน เอนทิตี ออกแบบโดยใช้ แทน แอตทริบิวต์ ออกแบบโดยใช้ แทน ความสัมพันธ์ 4 การออกแบบตารางฐานข้อมูล (Database) การออกแบบตารางฐานข้อมูล คือ การออกแบบตารางการเก็บข้อมูล โดยในที่นี้จะเก็บข้อมูลผู้ป่วย, ข้อมูลยา, ข้อมูลการจ่ายยา, ข้อมูลรายละเอียดการรักษา, ข้อมูลการรักษาและข้อมูลประเภทยา

  21. การพัฒนาโปรแกรม 1 ศึกษาข้อมูลเอกสารจากการสอบถาม และสังเกตการณ์ทำงานของระบบงานของคลินิก 2 การใช้โปรแกรม Microsoft Access 2007 ในการพัฒนา ในส่วนนี้คณะผู้จัดทำใช้โปรแกรม Microsoft Access 2007 ในการพัฒนาฐานข้อมูลในส่วนนำเข้า และรายงานต่างๆ รวมทั้งจัดเก็บข้อมูลให้เป็นระเบียบ สามารถค้นหาย้อนหลังได้ 3 วิเคราะห์การใช้งาน ส่วนของผู้ดูแลระบบ : วิเคราะห์ความต้องการข้อมูลของผู้ดูแลระบบ เพื่อสะดวกต่อการนำไปใช้และสามารถต่อยอดได้ ส่วนของผู้ใช้ระบบ : วิเคราะห์ความต้องการของผู้ป่วยว่า ส่วนใหญ่มีการรักษาเป็นอย่างไร มีการใช้ยาชนิดไหนเป้นอย่างไร

  22. การทดสอบและแก้ไขโปรแกรมการทดสอบและแก้ไขโปรแกรม ดำเนินการทดสอบระบบว่าสามารถทำงานได้ตามเป้าหมายที่กำหนดหรือไม่ โดยตรวจสอบความถูกต้องของการกำหนดโครงสร้างของฐานข้อมูล หากมีข้อผิดพลาดให้ดำเนินการแก้ไข เพื่อให้เกิดความสะดวกต่อการนำไปใช้งานเมื่อใช้งานไปสักระยะหนึ่ง อาจพบว่ายังมีบางส่วนที่ไม่ถูกต้อง จึงดำเนินทำการแก้ไขระบบที่ได้พัฒนาให้สามารถทำงานได้ถูกต้อง

  23. จัดทำรายงานและคู่มือการใช้โปรแกรม และ นำเสนอโครงงาน - จัดทำรายงานแนะนำการใช้งาน เตรียมการต่างๆให้พร้อม และถูกตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ดำเนินการย้ายข้อมูลจากระบบงานปัจจุบันไปใช้ในระบบงานใหม่ เพื่อไม่ให้ข้อมูลเกิดการซ้ำซ้อนกัน - นำเสนอโครงงาน เมื่อโครงงานเสร็จสมบูรณ์ทุกขั้นตอนแล้วก็จะนำมาเสนอ

  24. แผนภาพ ER-Diagram

  25. ส่วนการออกแบบรายงานของระบบงานที่นักเรียนศึกษาส่วนการออกแบบรายงานของระบบงานที่นักเรียนศึกษา ตารางข้อมูลยา

  26. ตารางข้อมูลยา ตารางข้อมูลประเภทของยา

  27. ตารางข้อมูลการรักษา ตารางข้อมูลรายละเอียดการรักษา

  28. ความสัมพันธ์ของตาราง M 1 มี ผู้ป่วย กรรักษา 1 M มี การรักษา รายละเอียดการรักษา 1 M มี รายละเอียดการรักษา ข้อมูลยา 1 M มี ข้อมูลยา ประเภทยา

  29. ผู้จัดทำ 1. นาย พนัตถ์ เขมะศิริเวทิน เลขที่ 52. นาย เฉลิมชัย โพธิ์เอก เลขที่ 8 3. นาย ปิติพงษ์ ช้างโก เลขที่ 12 4. นายศิลา เซี่ยงฉิน เลขที่ 14

More Related