1 / 38

ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา

ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา. กฎหมายครอบครัว. ผลของการสมรสที่สมบูรณ์.

nuncio
Download Presentation

ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา กฎหมายครอบครัว

  2. ผลของการสมรสที่สมบูรณ์ผลของการสมรสที่สมบูรณ์ • การสมรสที่กระทำผ่านเงื่อนไขการสมรส และชายหญิงจดทะเบียนสมรสกัน จะเป็นการสมรสที่มีผลสมบูรณ์ ซึ่งจะนำไปสู่(ความสัมพันธ์)ระหว่างสามีภริยาด้านส่วนตัว ด้านทรัพย์สิน และด้านการเป็นทายาทต่อกัน นอกจากนี้ยังมีผลทำให้บุตรที่เกิดมานั้น มีฐานะเป็นบุตรที่เกิดระหว่างสมรสซึ่งเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายประเภทหนึ่งด้วย

  3. ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาด้านส่วนตัวความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาด้านส่วนตัว ป.พ.พ. มาตรา ๑๔๖๑ “สามีภริยาต้องอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา สามีภริยาต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกันตามความสามารถและฐานะของตน” • มาตรานี้กำหนดมาตราฐานความประพฤติและและการกระทำให้แก่สามีภริยาว่าจะต้องมีหน้าที่ระหว่างกันอย่างไร • อยู่กันด้วยกันฉันสามีภริยา • ช่วยเหลือ • อุปการะเลี้ยงดู

  4. ถ้าไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ก็ขอแยกกันอยู่ได้ถ้าไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ก็ขอแยกกันอยู่ได้ • เหตุที่จะร้องขอให้ศาลสั่งให้แยกกันอยู่ มาตรา ๑๔๖๒ • สามีภริยาไม่สามารถที่จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยปกติสุขได้ หรือ • การอยู่ร่วมกันจะเป็นอันตรายแก่กาย หรือ • การอยู่ร่วมกันจะเป็นอันตรายต่อจิตใจ หรือ • การอยู่ร่วมกันจะทำลายความผาสุกอย่างมาก • สามีหรือภริยาอาจร้องต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งอนุญาตให้ตนอยู่ต่างหากในระหว่างที่เหตุนั้น ๆ ยังมีอยู่ก็ได้ • ศาลจะกำหนดจำนวนค่าอุปการะเลี้ยงดูให้ฝ่ายหนึ่งจ่ายให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งตามควรแก่พฤติการณ์ก็ได้

  5. มาตรา ๑๔๖๒ “ในกรณีที่สามีภริยาไม่สามารถที่จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยปกติสุขได้ หรือถ้าการอยู่ร่วมกันจะเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจหรือทำลายความผาสุกอย่างมาก สามีหรือภริยาฝ่ายที่ไม่สามารถที่จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยปกติสุขได้หรือฝ่ายที่จะต้องรับอันตรายหรือถูกทำลายความผาสุก อาจร้องต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งอนุญาตให้ตนอยู่ต่างหากในระหว่างที่เหตุนั้น ๆ ยังมีอยู่ก็ได้ ในกรณีเช่นนี้ศาลจะกำหนดจำนวนค่าอุปการะเลี้ยงดูให้ฝ่ายหนึ่งจ่ายให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งตามควรแก่พฤติการณ์ก็ได้”

  6. คู่สมรสมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายเมื่อตกเป็นคนวิกลจริตคู่สมรสมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายเมื่อตกเป็นคนวิกลจริต • คู่สมรสมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดู เมื่ออีกฝ่ายตกเป็นคนวิกลจริต • หน้าที่การเป็นผู้อนุบาล หรอืผู้พิทักษ์ม.1463 • กรณีที่คู่สมรสฝ่ายหนึ่งตกเป็นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ เป็นคนวิกลจริต ภริยาหรือสามีย่อมเป็นผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ ยกเว้นแต่มีเหตุสำคัญ ศาลจะตั้งผู้อื่นก็ได้ • คู่สมรสมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดู ฝ่ายที่วิกลจริตนั้น

  7. การเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูกรณีไม่อุปการะคู่สมรสซึ่งวิกลจริตการเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูกรณีไม่อุปการะคู่สมรสซึ่งวิกลจริต • ไม่ว่าศาลจะได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือไม่ ถ้าคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง • ไม่อุปการะเลี้ยงดูหรือ • กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด อันเป็นเหตุให้ฝ่ายที่วิกลจริตอยู่ในภาวะอันน่าจะเกิดอันตรายแก่กาย • กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด อันเป็นเหตุให้ฝ่ายที่วิกลจริตอยู่ในภาวะอันน่าจะเกิดอันตรายแก่จิตใจ หรือ • ตกอยู่ในภาวะอันน่าจะเกิดความเสียหายทางทรัพย์สินถึงขนาด • บุคคลตามที่ระบุไว้ในมาตรา 28 หรือผู้อนุบาลอาจฟ้องคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง • เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูให้แก่ฝ่ายที่วิกลจริต หรือ • ขอให้ศาลมีคำสั่งใด ๆ เพื่อคุ้มครองฝ่ายที่วิกลจริต

  8. ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาด้านทรัพย์สินความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาด้านทรัพย์สิน

  9. ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาด้านทรัพย์สินความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาด้านทรัพย์สิน • ลำดับหัวข้อในความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาด้านทรัพย์สิน • สินส่วนตัว สินส่วนตัว • หนี้ส่วนตัว หนี้ร่วม • สัญญาก่อนสมรส สัญญาระหว่างสมรส • การแยกการจัดสารสินสมรส • ทรัพย์สินระหว่างสามีภริยา แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ • สินส่วนตัว • สินสมรส

  10. ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาด้านทรัพย์สินความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาด้านทรัพย์สิน • ทรัพย์สินระหว่างสามีภริยา แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ • สินส่วนตัว • สินสมรส

  11. สินส่วนตัว มาตร1471 • ได้แก่ทรัพย์สินดังต่อไปนี้ • ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอยู่ก่อนสมรส • ที่เป็นเครื่องใช้สอยส่วนตัว เครื่องแต่งกาย หรือเครื่องประดับกายตามควรแก่ฐานะ • เครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นในการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพของคู่สมรส ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง • ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยการรับมรดกหรือโดยการให้โดยเสน่หา • ที่เป็นของหมั้น

  12. การจัดการสินส่วนตัว • สินส่วนตัวของฝ่ายใด ฝ่ายนั้นมีอำนาจจัดการโดยลำพัง ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสอีกฝ่าย ป.พ.พ. มาตรา ๑๔๗๓ “สินส่วนตัวของคู่สมรสฝ่ายใดให้ฝ่ายนั้นเป็นผู้จัดการ”

  13. สินสมรส ได้แก่ • ทรัพย์สินที่คู่สมรสได้มาระหว่างการสมรส • ฝ่ายใดเป็นผู้ได้มาก็ได้ • ไม่จำกัดวิธีการได้มา เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส เงินรางวัล เงินบำนาญ • ยกเว้นแต่เป็นทรัพย์สินที่เปลี่ยนมาจากสินส่วนตัว • มาตรา ๑๔๗๒ สินส่วนตัวนั้น ถ้าได้แลกเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินอื่นก็ดี ซื้อทรัพย์สินอื่นมาก็ดี หรือขายได้เป็นเงินมาก็ดี ทรัพย์สินอื่นหรือเงินที่ได้มานั้นเป็นสินส่วนตัว • สินส่วนตัวที่ถูกทำลายไปทั้งหมดหรือแต่บางส่วน แต่ได้ทรัพย์สินอื่นหรือเงินมาทดแทน ทรัพย์สินอื่นหรือเงินที่ได้มานั้นเป็นสินส่วนตัว

  14. ทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างการสมรสโดยพินัยกรรม หรือโดยการให้ และมีข้อความในพินัยกรรมหรือหนังสือยกให้ ระบุอย่างแจ้งชัดว่าให้ทรัพย์สินนั้นเป็นสินสมรส • ทรัพย์สินที่เป็นดอกผลของสินส่วนตัว • ดอกเบี้ย ค่าเช่า เงินปันผล • ดอกเบี้ย จากเงินฝากที่เป็นสินส่วนตัว • ค่าเช่า จากทรัพย์สินที่เป็นสินส่วนตัว • เงินปันผล จากหุ้นที่เป็นสินส่วนตัว

  15. การจัดการสินสมรส • การจัดการสินสมรสโดยปกติคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถจัดการได้โดยลำพัง อีกฝ่ายหนึ่งไม่ต้องร่วมจัดการ หรือให้ความยินยอม ตาม ม.1476 ว. 2 • การจัดการสินสมรส เช่น การจำหน่ายจ่ายโอน ซ่อมแซม บำรุงรักษา เป็นต้น • ยกเว้นแต่ การจัดการสินสมรสในเรื่องที่บัญญัติตาม ม. 1476 ว. 1สามีภริยาต้องจัดการร่วมกัน หรือต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่งก่อนจัดการ • การจัดการร่วมกัน หมายถึง ตัดสินใจร่วมกัน • เช่น ถ้าทำนิติกรรมที่เกี่ยวข้องสินสมรส ก็ต้องมีการลงลายมือชื่อร่วมกัน หรือให้ความยินยอม

  16. การจัดการตาม ม.1476 • การให้ความยินยอม ได้แก่ การที่คู่สมรสฝ่ายหนึ่งให้อำนาจแก่คู่สมรสอีกฝ่ายไปจัดการโดยลำพัง • การให้ความยินยอมจะกระทำโดยวาจาก็ได้ • เว้นแต่นิติกรรมที่จะให้ความยินยอมนั้นมีกฎหมายกำหนดไว้ให้ทำเป็นหนังสือหรือให้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ในกรณีเช่นนี้ความยินยอมก็ต้องทำเป็นหนังสือด้วย

  17. มาตรา ๑๔๗๖ “สามีและภริยาต้องจัดการสินสมรสร่วมกันหรือได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่งในกรณีดังต่อไปนี้ (๑) ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง หรือโอนสิทธิจำนอง ซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่อาจจำนองได้ (๒) ก่อตั้งหรือกระทำให้สุดสิ้นลงทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน หรือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์ (๓) ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินสามปี (๔) ให้กู้ยืมเงิน (๕) ให้โดยเสน่หา เว้นแต่การให้ที่พอควรแก่ฐานานุรูปของครอบครัวเพื่อการกุศล เพื่อการสังคม หรือตามหน้าที่ธรรมจรรยา (๖) ประนีประนอมยอมความ (๗) มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย (๘) นำทรัพย์สินไปเป็นประกันหรือหลักประกันต่อเจ้าพนักงานหรือศาล การจัดการสินสมรสนอกจากกรณีที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง สามีหรือภริยาจัดการได้โดยมิต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง”

  18. การจัดการสินสมรสตาม ม.1467 • ขายแลกเปลี่ยนขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง หรือโอนสิทธิจำนอง ซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่อาจจำนองได้ • การซื้อ เช่าซื้อ การเช่า สามารถจัดการได้โดยลำพัง • ก่อตั้งหรือกระทำให้สุดสิ้นลงทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน หรือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์ • เช่น สามีอนุญาตให้เพื่อนบ้านใช้ที่ดินสินสมรสเป็นภาระจำยอม • เช่น ภริยาก่อสิทธิเก็บกินให้แก่น้องสาวบนที่ดินอันเป็นสินสมรส

  19. ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินสามปีให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินสามปี • เฉพาะการนำสินสมรสไปให้เช่าเท่านั้น ส่วนการไปเช่าทรัพย์สินผู้อื่น จัดการได้โดยลำพัง • เฉพาะการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ที่มีระยะเวลาการเช่าเกิน 3 ปี เท่านั้น ถ้านำสังหาริมทรัพย์ไปให้เช่า หรือระยะเวลาการเช่าไม่เกิน 1 ปี จัดการได้โดยลำพัง • เช่น ภริยานำที่นาอันเป็นสินสมรสไปให้บุคคลอื่นเช่าทำนา

  20. ให้กู้ยืมเงิน • เฉพาะการนำเงินอันเป็นสินสมรสไปให้บุคคลอื่นกู้ยืมเท่านั้น(เป็นเจ้าหนี้) • ส่วนการไปกู้ยืมเงินจากบุคคลอื่น (เป็นลูกหนี้) สามารถจัดการได้โดยลำพัง

  21. ให้โดยเสน่หา เว้นแต่การให้ที่พอควรแก่ฐานานุรูปของครอบครัวเพื่อการกุศล เพื่อการสังคม หรือตามหน้าที่ธรรมจรรยา • การนำสินสมรสให้บุคคลอื่นสามีภริยาต้องจัดการร่วมกันหรือได้รับความยินยอมจากคู่สมรสอีกฝ่าย • ยกเว้น ให้เพื่อการกุศล เช่น บริจาคเงินช่วยเฮติ • ยกเว้น ให้เพื่อการสังคม เช่น ให้เงินวันแต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ • ยกเว้น ให้ตามหน้าที่ธรรมจรรยา เช่น ให้เงิน บุตร พ่อแม่ ญาติที่กำลังลำบาก • ทั้ง3 ประการต้องเหมาะสมแก่ฐานะของครอบครัว

  22. ประนีประนอมยอมความ • ได้แก่ การทำสัญญาระงับข้อพิพาทอันเกี่ยวกับสินสมรสกับบุคคลภายนอก • เช่น สามีตกลงกับผู้ขายรถยนต์ที่มีปัญหา ว่าให้ฝ่ายสามีคืนรถให้แก่ผู้ขาย และผู้ขายก็จะคืนเงินค่ารถให้บางส่วน( 80 %) • มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย • เช่น สามีกับเจ้าของบ้านจัดสรร มีปัญหาเกี่ยวกับสัญญาก่อสร้างบ้าน จึงตกลงกันให้คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ชี้ขาดว่าบ้านซึ่งเป็นสินสมรสก่อสร้างเป็นไปตามข้อสัญญาหรือไม่

  23. นำทรัพย์สินไปเป็นประกันหรือหลักประกันต่อเจ้าพนักงานหรือศาล • เช่น การประกันตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยต่อตำรวจ หรือศาล การวางหลักทรัพย์เพื่อขอคุ้มครองชั่วคราวในคดีแพ่ง • การนำไปเป็นประกัน หรือหลักประกันต่อบุคคลอื่น สามีภริยาจัดการได้โดยลำพัง

  24. ผลของการจัดการโดยลำพังผลของการจัดการโดยลำพัง • ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำนิติกรรมไปแต่เพียงฝ่ายเดียวหรือโดยไม่ได้รับความยินยอมจากคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งนั้นอาจฟ้องให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมนั้นได้ โดยมีอายุความในการขอให้ศาลเพิกถอนนั้นมีอายุความ 1 ปี นับตั้งแต่รู้หรือภายใน 10 ปีนับจากวันทำนิติกรรมนั้น • แต่ในกรณีต่อไปนี้จะร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนไม่ได้เลย • คู่สมรสอีกฝ่ายได้ให้สัตยาบัน หรือ • บุคคลภายนอกซึ่งเป็นคู่สัญญา ได้ทำการนั้นโดยสุจริต และเสียค่าตอบแทน

  25. สามีนำที่ดินซึ่งเป็นสินสมรส แต่มีชื่อสามีเพียงผู้เดียวไปจำนองค้ำประกันสัญญากู้เงินให้น้องชายต่อธนาคาร หรือขายที่ดินนั้นแก่ผู้อื่น โดยที่ภริยาไม่รู้ เช่นนี้ • ภริยาจะฟ้องเพิกถอนการจำนองหรือการขายไม่ได้ เพราะถ้าธนาคารกระทำการโดยสุจริต และเสียค่าตอบแทน • แต่ถ้าสามียกที่ดินให้น้องชาย หรือผู้หญิงอื่น • ภริยาสามารถฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนการให้ได้ แม้ว่าน้องชาย หรือผู้หญิงอื่นจะไม่ทราบว่าเป็นสินสมรสก็ตาม เพราะน้องชายหรือหญิงอื่นไม่ได้เสียค่าตอบแทน

  26. ข้อสังเกต • ทรัพย์สินใดเป็นสินส่วนตัว หรือสินสมรส ย่อมเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ได้อธิบายไป ส่วนชื่อในเอกสารทะเบียนทรัพย์สินไม่ใช่สิ่งที่จะบ่งบอกว่าทรัพย์สินนั้นเป็นสินส่วนตัวหรือสินสมรสได้อย่างถูกต้อง แต่การมีชื่อคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงลำพัง อาจนำมาสู่ผลเสียได้ในภายหลัง คือ บุคคลภายนอกไม่ทราบ และเข้าใจว่าคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สามารถจัดการได้โดยลำพัง กฎหมายจะถือว่าบุคคลภายนอกสุจริต

  27. จากการที่ทรัพย์สินมีชื่อคู่สมรสแต่เพียงฝ่ายเดียวอาจทำให้บุคคลภายนอกเข้าใจว่าทรัพย์สินนั้นเป็นสินส่วนตัว มีผลทำให้บุคคลภายนอกอ้างได้ว่าตนสุจริต ซึ่งอาจทำให้คู่สมรสที่มิได้มีชื่อไม่สามารถร้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมได้ ดังนั้น กฎหมายจึงให้คู่สมรสฝ่ายที่ยังไม่มีชื่อในเอกสาร ป้องกันความเสียหายของตนได้โดยให้คู่สมรสฝ่ายที่ไม่มีชื่อสามารถร้องขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของรวมในเอกสารนั้นได้ ถ้าสินสมรสนั้นเป็น ทรัพย์สินจำพวกที่ระบุไว้ในมาตรา 456 คือ • อสังหาริมทรัพย์ • สัตว์พาหนะ • เรื่อที่มีระวางตั้งแต่ 5 ตันขึ้นไป ทรัพย์สินที่มีเอกสารเป็นสำคัญ • เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เครื่องจักรขนาดใหญ่ เป็นต้น

  28. มาตรา ๑๔๗๕ ถ้าสินสมรสใดเป็นจำพวกที่ระบุไว้ในมาตรา ๔๕๖ แห่งประมวลกฎหมายนี้ หรือที่มีเอกสารเป็นสำคัญ สามีหรือภริยาจะร้องขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของรวมกันในเอกสารนั้นก็ได้

  29. ตัวอย่างปัญหาเกี่ยวกับการจัดการสินสมรสตัวอย่างปัญหาเกี่ยวกับการจัดการสินสมรส • Q1: สามีทำสัญญาค้ำประกันน้องชายเข้าทำงาน ต้องได้รับความยินยอมจากภริยา หรือไม่ • เป็นการจัดการสินสมรส หรือไม่ • A: ไม่ต้องได้รับความยินยอม เพราะมิใช่การจัดการสินสมรส • Q 2: ถ้าต่อมาสามีถูกบริษัทฟ้องให้รับผิดแทนน้องชาย ตามสัญญาค้ำประกัน ภริยาต้องร่วมรับผิดหรือไม่ • ดูต่อเรื่องหนี้ร่วม

  30. ความรับผิดระหว่างสามีภริยาด้านหนี้สินความรับผิดระหว่างสามีภริยาด้านหนี้สิน • กฎหมายแบ่งหนี้สินที่สามีภริยาจะต้องรับผิดชอบเป็น 2 ประเภท • หนี้ส่วนตัว • หนี้ส่วนเป็นหนี้ที่สามี ภริยาแต่ละฝ่ายต้องรับผิดชอบในหนี้ของตนเอง อีกฝ่ายหนึ่งไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายต้องร่วมรับผิดด้วย • หนี้ส่วนตัว ให้ชำระหนี้นั้นด้วยสินส่วนตัวของฝ่ายนั้นก่อนเป็นลำดับแรก เมื่อไม่พอจึงให้ชำระด้วยกึ่งหนึ่งของสินสมรสที่เป็นของฝ่ายนั้น • หนี้ร่วม • หนี้ร่วมเป็นหนี้ที่สามีภริยาต้องรับผิดชอบร่วมกันต่อเจ้าหนี้

  31. หนี้ส่วนตัว • ได้แก่หนี้ที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ • หนี้ที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก่อขึ้นก่อนสมรส • หนี้ที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก่อขึ้นก่อนสมรส ย่อมไม่ใช่หนี้ร่วมระหว่างสามีภริยา เพราะขณะนั้นการสมรสยังไม่เกิดขึ้น • ในกรณีที่คู่สมรส ไปก่อหนี้ร่วมกันก่อนสมรส ถือว่าเป็นหนี้ร่วมเพราะเป็นการก่อหนี้ขึ้นร่วมกัน • หนี้ที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก่อขึ้นเพื่อประโยชน์ส่วนตัวระหว่างสมรส และไม่ต้องด้วยกรณีที่กฎหมายให้ถือว่าเป็นหนี้ร่วม • ในกรณีที่เป็นหนี้ที่ก่อขึ้นประโยชน์ส่วนตัว แต่อีกต้องด้วยกรณีที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหนี้ร่วม หนี้นั้นก็ไม่ใช่หนี้ร่วม(ดูต่อในเรื่องหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยา)

  32. ผลของหนี้ส่วนตัว มาตรา ๑๔๘๘ “ถ้าสามีหรือภริยาต้องรับผิดเป็นส่วนตัวเพื่อชำระหนี้ที่ก่อไว้ก่อนหรือระหว่างสมรส ให้ชำระหนี้นั้นด้วยสินส่วนตัวของฝ่ายนั้นก่อน เมื่อไม่พอจึงให้ชำระด้วยสินสมรสที่เป็นส่วนของฝ่ายนั้น” • หนี้ส่วนตัวกฎหมายให้เจ้าหนี้บังคับจากสิ้นส่วนตัวของฝ่ายนั้นก่อน ถ้าไม่พอจึงจะให้ชำระหนี้ด้วนสินสมรสของฝ่ายนั้น(กึ่งหนึ่งของสินสมรส)

  33. ผลของการเป็นหนี้ส่วนตัวผลของการเป็นหนี้ส่วนตัว เจ้าหนี้ 1 2 สินส่วนตัว สินสมรส สินส่วนตัว สามี ภริยา

  34. หนี้ร่วมระหว่างสามีภริยาหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยา • ได้แก่หนี้ที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ • หนี้ที่สามี ภริยาได้ร่วมกันก่อขึ้น • หนี้ที่สามีภรยาไปร่วมกันก่อขึ้น อาจก่อขึ้นก่อนหรือระหว่างการเป็นสามีภริยาก็ได้ ความสำคัญคือเป็นหนี้ที่ร่วมกันก่อขึ้น • หนี้ที่ร่วมกันก่อขึ้น • ไปทำสัญญาร่วมกัน • สามี หรือภริยาไปก่อขึ้นโดยลำพัง โดยที่อีกฝ่ายให้ความยินยอม

  35. หนี้ที่สามี หรือภริยาได้ก่อขึ้นแต่ฝ่ายเดียว แต่เป็นหนี้สินในเรื่องดังต่อไปนี้ • หนี้เกี่ยวกับการจัดการบ้านเรือนและจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับครอบครัว • หนี้เกี่ยวกับการอุปการะเลี้ยงดู และการรักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัว • หนี้เกี่ยวกับการศึกษาของบุตรตามสมควรแก่อัตภาพ • หนี้ที่เกี่ยวข้องกับสินสมรส

  36. หนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการงานซึ่งสามีภริยาทำด้วยกันหนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการงานซึ่งสามีภริยาทำด้วยกัน • หนี้ที่สามี หรือภริยาก่อขึ้นเพื่อประโยชน์ตนฝายเดียวแต่อีกฝ่ายหนึ่งได้ให้สัตยาบัน • หนี้อันเกิดแต่การฟ้อง ต่อสู้ หรือดำเนินคดีเกี่ยวกับการสงวนบำรุงรักษาสินสมรสหรือเพื่อประโยชน์แก่สินสมรส คำพิพากษาฎีกาที่ 397-398/2523 สามีกู้เงินไปสร้างตึกแถวขาย เป็นการประกอบกิจการงานหาเลี้ยงครอบครัวจึงเป็นหนี้ร่วม

  37. มาตรา ๑๔๘๙ “ถ้าสามีภริยาเป็นลูกหนี้ร่วมกัน ให้ชำระหนี้นั้นจากสินสมรสและสินส่วนตัวของทั้งสองฝ่าย มาตรา ๑๔๙๐ หนี้ที่สามีภริยาเป็นลูกหนี้ร่วมกันนั้นให้รวมถึงหนี้ที่สามีหรือภริยาก่อให้เกิดขึ้นในระหว่างสมรสดังต่อไปนี้ (๑)หนี้เกี่ยวแก่การจัดการบ้านเรือนและจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับครอบครัว การอุปการะเลี้ยงดูตลอดถึงการรักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัวและการศึกษาของบุตรตามสมควรแก่อัตภาพ (๒) หนี้ที่เกี่ยวข้องกับสินสมรส (๓) หนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการงานซึ่งสามีภริยาทำด้วยกัน (๔) หนี้ที่สามีหรือภริยาก่อขึ้นเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียวแต่อีกฝ่ายหนึ่งได้ให้สัตยาบัน”

  38. ผลของการเป็นหนี้ร่วม • กฎหมายให้ชำระหนี้สินนั้นจากสินสมรส และสินส่วนตัว ของทั้งสองฝ่าย เจ้าหนี้ สินส่วนตัว สินสมรส สินส่วนตัว สามี ภริยา

More Related