260 likes | 688 Views
สารเคมีเป็นพิษ. สารเคมี เป็น พิษ หมายถึง สารที่เข้าไปในร่างกาย เมื่อมากพอจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย เราอาจถือได้ว่าสารเคมีทุกชนิดเป็นพิษต่อร่างกาย แต่ความรุนแรงของพิษนั้นแตกต่างกันออกไป บางครั้งการเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นน้อยมากจนดูไม่ออกหรือมองข้ามไป.
E N D
สารเคมีเป็นพิษ หมายถึง สารที่เข้าไปในร่างกาย เมื่อมากพอจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย เราอาจถือได้ว่าสารเคมีทุกชนิดเป็นพิษต่อร่างกาย แต่ความรุนแรงของพิษนั้นแตกต่างกันออกไป บางครั้งการเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นน้อยมากจนดูไม่ออกหรือมองข้ามไป
ความรุนแรงของพิษขึ้นอยู่กับตัวประกอบ5 ประการ 1.ปริมาณสารเป็นมิลลิกรัมต่อน้ำหนักร่างกายเป็นกิโลกรัม 2.อัตราการดูดซึมสารของร่างกาย 3.อัตราการขับถ่าย 4.คุณสมบัติของสาร 5.การตอบสนองของแต่ละบุคคล
สารเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง 1.ทางจมูก ด้วยการสูดดมไอของสาร ผงหรือละออง สารที่มีฤทธิ์กัดกร่อนจะทำให้เยื่อจมูกและหลอดลมอักเสบ สารที่ซึมผ่านเนื้อเยื่อเข้าสู่กระแสโลหิตได้จะเป็นพิษ 2.ทางปาก สารจะเข้าปากได้โดยไม่รู้ตัว อาจเปื้อนมืออยู่ แล้วใช้มือหยิบอาหารเข้าปาก อาจติดอยู่ที่บุหรี่หรือโดยอุบัติเหตุที่มีการหยิบของผิดพลาดใส่ปากสารที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เมื่อเข้าปากจะทำให้ปากคอไหม้ 3.ทางผิวหนัง นอกจากจะกัดผิวหนังให้ไหม้ พองเป็นแผลแล้ว สารบางชนิดสามารถซึมเข้าผิวหนังได้และเข้าไปทำปฏิกิริยาเกิดเป็นพิษแก่ร่างกาย
พิษของสารมีได้ 2 แบบ คือ แบบที่แสดงอาการทันทีคือพิษเฉียบพลัน หรืออาจมีการสะสมทีละน้อย จนถึงขนาดหนึ่งแล้วจึงแสดงอาการเป็นแบบพิษเรื้อรัง พิษเฉียบพลัน เป็นพิษที่คนกลัว เพราะมองเห็นทันตา แต่พิษเรื้อรังก็มีอันตรายน่ากลัว เช่นเดียวกัน
1.1สารระคายผิว เป็นสารที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบได้เมื่อสัมผัสบ่อยๆ เป็นเวลานานแบ่งเป็นกลุ่ม 1.พวกที่ละลายไขมัน ได้แก่ตัวทำละลายที่ใช้กันทั่วไป เช่น acetone,ether,ester 2.พวกที่ดึงน้ำออก เมื่อถูกผิวหนังจะดึงน้ำออกจากผิวหนัง เกิดความร้อน เช่น sulfur dioxide, sulfur trioxide,calcium oxide, calcium chloride
3.พวกที่ทำปฏิกิริยากับน้ำแล้วเกิดการแตกตัว น้ำจะทำให้สารหลายชนิด แตกตัวให้ ion เช่น น้ำกับphosphorus pentachlorideให้ ion และกรดhypochlorus 4.พวกที่ตกตะกอนโปรตีน เช่น เกลือของโลหะหนักต่างๆ 5.พวกoxidiserซึ่งจะไปรวมกับ hydrogen ปล่อย oxygen ออกมา เช่น chlorine,ferric chloride 6.พวก reducer ซึ่งจะไปดึงเอา oxygen ออกทำให้ผิวลอกหรือผิว ชั้นนอกหนาขึ้น 7.พวกที่ทำให้เป็นมะเร็ง โดยการไปกระตุ้นการเติบโตของผิวชั้นนอกแล้ว กลายเป็นเชลล์มะเร็ง เช่น สิ่งกลั่นจากถ่านหิน รังสี aniline
การใช้สารพิษอย่างไม่ถูกต้องมีอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมนี้การใช้สารพิษอย่างไม่ถูกต้องมีอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมนี้ 1.2 ผง ฝุ่น 1. ทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้โดยตรง ได้แก่ เกษตรกรผู้ประกอบอาชีพในโรงงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารพิษและ ประชาชนทั่ว ๆ ไป ทั้งนี้เนื่องมาจากขาดความรู้เข้าใจในการใช้และป้องกันอันตรายจากสารพิษอย่างถูกต้อง จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น สารพิษที่ใช้อาจถูกร่างกายของผู้ใช้หรือหายใจเอาก๊าซพิษที่รั่วสู่บรรยากาศเข้าไปทำให้เกิดอันตรายหรือเจ็บป่วยถึงชีวิตได้ในทันที หรือสะสมสารพิษในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้สุขภาพทรุดโทรม เกิดโรคภัยร้ายแรงขึ้นได้ภายหลัง 2. ทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพอนามัยของประชาชน และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับแหล่งที่มีการใช้สารพิษ ทั้งนี้เนื่องจากสารพิษที่ใช้หรือที่เกิดจากกระบวนการผลิตถูกปลดปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ในปริมาณสูงจนอาจเกิดอันตรายต่อผู้ที่อยู่อาศัยบริเวณรอบ ๆ ซึ่งต้องรับสารพิษเข้าไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คืออนุภาคที่เล็กๆของสาร ขนาด 150-0.5 ไมครอน เข้าสู่ร่างกายทางจมูก การทำงานในบรรยากาศที่มีฝุ่น ไม่เพียงแต่จะมีฝุ่นเข้าจมูกเท่านั้น ส่วนต่างๆ ของร่างกายก็มีฝุ่นปกคลุม ผม เปลือกตา ซอกเล็บ ส่วนที่ไม่ถูกปกปิดหรือ ปิดอย่างหลวมๆก็มีฝุ่นเกาะได้ ดังนั้นผลกระทบจึงมีได้หลายระดับ เช่น เกิดอาการคัน ระคาย อักเสบ เป็นแผลจนกระทั่งมีการอุดรูขุมขน
Lead(ตะกั่ว) • เมื่อผงฝุ่นเป็นสารประกอบตะกั่ว หรือไอตะกั่ว เข้าสู่ร่างกายทางจมูกหรือผิว จะซึมเข้าไปด้วยการละลาย หากได้รับสารประกอบตะกั่ววันละ 2 มิลลิกรัม จะมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นภายใน 2-3 ปี อาการของพิษตะกั่วคือ คลื่นไส้ อาเจียน เหน็บชา ไม่มีแรงทำให้ช่วยตัวเองไม่ได้ ท้องผูก อ่อนเพลีย ซีดเซียว น้ำหนักลด โลหิตจาง บางรายมีชัก การป้องกันทำได้โดย ไม่เผาตะกั่วหรือสิ่งที่มีตะกั่วผสมหรือตกค้างอยู่ เช่น เผาหม้อแบตเตอรี่ การบัดกรี
Mercury (ปรอท) • โลหะปรอทให้ไอออกมาได้มาก ไอเป็นพิษเมื่อสูดดมเข้าไป หรือซึมเข้าทางผิวหนัง อาการพิษแบบเฉียบพลันเมื่อกลืนกินเข้าไป จะรู้สึกปากคอไหม้ มีรสโลหะในปาก อาเจียนเป็นเลือด ชีพจรเต้นเร็วแต่อ่อนและไม่สม่ำเสมอ ส่วนพิษเรื้อรังนั้น อาการในระยะแรกจะไม่เด่นชัดว่าเป็นพิษปรอท เช่น รู้สึกปวดศีรษะ วิงเวียน ตกใจง่าย ตามัว มือสั่น ถึงระยะนี้พอจะสังเกตเห็นความผิดปกติได้
Manganese (แมงกานีส) • มักเกิดจากการเผาหรือเชื่อมเหล็กที่มีManganese หรือการสูดดมผงฝุ่นของแร่ Manganeseและผู้ใช้โลหะนี้ เช่น ในการทำถ่านไฟฉาย อาการของพิษ จะแสดงออกเร็วภายใน 3 เดือนหรืออาจจะถึง 2-3 ปี อาการระยะแรกคืออ่อนเพลีย มือแขนสั่น ตื่นเต้นง่าย ทำอะไรเร็ว เสียการทรงตัว เมื่อหยุดจะล้ม ช่วยตัวเองไม่ได้ พิการตลอดชีวิต
1.3 สารเคมีที่ให้ไอเป็นพิษ สารเคมีที่ให้ไอ ซึ่งเมื่อสูดดมเข้าไปทำให้เป็นพิษได้ ได้แก่ตัวทำละลายต่างๆ เช่น Benzene นอกจากจะไวไฟแล้ว ไอของ Benzene ยังเป็นพิษอีกด้วย เช่น ในการผสมสี ในการทำพลาสติก พวกช่างทาสีและพ่นสีรถ จะมีโอกาสได้รับ Benzene มาก
Carbon disulfide มีคุณสมบัติไวไฟ ไอของ Carbon disulfideหนักกว่าอากาศ มันจึงลอยอยู่เหนือพื้นในระดับที่คนจะสูบเข้าไปได้ ใช้เป็นตัวทำละลายในอุตสาหกรรมเส้นใย ทำยาง ไม้ขีด ละลายได้ดีในไขมัน จึงเป็นพิษ อาการแรกที่จะรู้สึกคือ หงุดหงิด รำคาญ ไม่พอใจ โกรธง่าย นอนไม่หลับ ความจำเสื่อม คนที่สูดดมเป็นประจำจะรู้สึกอ่อนเพลีย
Carbon tetrachloride • ใช้เป็นน้ำยาซักแห้ง น้ำยาดับไฟ ใช้ล้างไขมัน อันตรายมักเกิดจากการสูดดมไอของ Carbon tetrachloride อาการพิษของ Carbon tetrachlorideคือ รู้สึกคลื่นไส้ ปวดศีรษะ ซีด ชีพจรอ่อน ปวดท้อง มองเห็นไม่ชัด ตัวเหลือง เป็นพิษต่อเซลล์ของตับและไต
1.4 ก๊าซพิษ • ก๊าซพิษมีหลายชนิดที่ใช้ประโยชน์ในทางอุตสาหกรรม บางชนิดเกิดขึ้นในสภาวะบางอย่างที่ทำให้เป็นอันตรายเพราะมักจะเป็นเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ก๊าซบางชนิดที่มีอันตรายมาก และเราอาจมีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย คือ
Carbon monoxide • ก๊าซนี้เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ เพราะขาดอากาศ ในเมืองไทยมีหลายครั้งที่คนตายเพราะ Carbon monoxideเนื่องจากนอนหลับในรถที่ติดเครื่อง และเปิดเครื่องปรับอากาศทิ้งไว้ ไอเสียรถยนต์มี Carbon monoxide ประมาณร้อยละ4-7 ก๊าซนี้เป็นพิษ เพราะมันจะเข้าไปแทนที่ oxygen ในhaemoglobinของเลือด ทำให้ ร่างกายขาด oxygen จึงหมดสติ
Hydrogen sulfide • ในห้องปฏิบัติการจะมีเครื่องมือ สำหรับทำ Hydrogen sulfideหรือถังก๊าซ ใช้ในการวิเคราะห์สารอนินทรีย์ เก็บไว้ในตู้ควัน ถ้ามีการรั่วและรมอยู่ในตู้ควันที่ไม่ได้เปิดพัดลมดูดอากาศ อาจทำให้ผู้ที่ชะโงกหน้าเข้าไปในตู้ควันถึงกับสลบได้ ก๊าซมีกลิ่นเหม็นมาก มีชื่อเรียกว่าก๊าซไข่เน่า
1.5 ยาฆ่าแมลง เพื่อเป็นการเพิ่มผลผลิตทางเกษตร มนุษย์ได้คิดค้นและสังเคราะห์ สารเคมีขึ้นเพื่อกำจัดศัตรูพืช และได้มีการใช้อย่างแพร่หลาย โดยมิ คำนึงถึงผลเสียต่อสภาพแวดล้อม
ชนิดของวัตถุมีพิษที่ใช้ป้องกันและกำจักศัตรูพืช ศัตรูมนุษย์และสัตว์มี 1.ยากำจัดแมลง (insecticide) 2.ยากำจัดหนู (rodenticide) 3.ยากำจัดรา (fundicide) 4.ยากำจัดวัชพืช (herbicide) ผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา ทำให้เกิดการ อักเสบของผิวหนัง ผิวหนังที่เกิดจากการใช้ยากำจัดหนู
ยาฆ่าแมลงเป็นพิษต่อมนุษย์โดยตรง เพราะสามารถสะสมในร่างกายได้ ด้วยการบริโภค สูดดมหรือซึมเข้าผิวหนัง สารพวกนี้ละลายในไขมันได้ดี จึงซึมเข้าผิวหนังได้ง่ายและสะสมในไขมัน โดยเฉพาะสมอง อาการพิษทั่วไปของยาฆ่าแมลง คือ เมื่อถูกผิวหนังบ่อยๆ มีการอักเสบได้ นอกจากนั้นก็มีอาการทางประสาท ตื่นเต้นง่าย หนังตากระตุก สั่น บางชนิดทำให้กล้ามเนื้ออ่อนเพลียด้วย