330 likes | 601 Views
ภาพรวมการประกอบวิชาชีพวิศวกรรม ในประเทศไทยและต่างประเทศ. วิทยากรบรรยายพิเศษ โดย รศ.สำรวจ อินแบน.
E N D
ภาพรวมการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมในประเทศไทยและต่างประเทศภาพรวมการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมในประเทศไทยและต่างประเทศ วิทยากรบรรยายพิเศษ โดย รศ.สำรวจ อินแบน
วิศวกรรมศาสตร์ เป็นศาสตร์ของการวิศวกรรม ซึ่งเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับ การประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เพื่อสนองความต้องการของมนุษย์ ด้วยการใช้องค์ความรู้ต่าง ๆ ทางคณิตศาสตร์และ ประสบการณ์ เพื่อออกแบบอุปกรณ์และกระบวนการต่าง ๆ ผู้ที่ประกอบวิชาชีพทางวิศวกรรมจะเรียกว่า วิศวกร • วิศวกร หมายถึงผู้ที่ประกอบอาชีพทางด้านวิศวกรรม มีหน้าที่ออกแบบ และควบคุมการผลิต อาทิ การก่อสร้างสิ่งก่อสร้าง การออกแบบและผลิตรถยนต์ การควบคุมเครื่องจักรกลโรงงานต่าง ๆ โดยวิศวกรยังแบ่งออกได้เป็นหลายสาขา เช่น วิศวกรเครื่องกลวิศวกรโยธาวิศวกรไฟฟ้าวิศวกรสิ่งแวดล้อม วิศวกรเคมี วิศวกรอุตสาหการ วิศวกรโทรคมนาคม วิศวกรเกษตร วิศวกรอากาศยาน วิศวกรโลหะการ วิศวกรคอมพิวเตอร์ วิศวกรเซรามิก วิศวกรเหมืองแร่ วิศวกรยานยนต์ วิศวกรธรณี ฯลฯ
เนื้อหาสำคัญของการเรียนด้านวิศวกรรมเนื้อหาสำคัญของการเรียนด้านวิศวกรรม นักศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์สามารถเลือกเรียนในสาขาความเชี่ยวชาญได้หลากหลาย สาขา นับแต่วิศวกรรมที่มีพื้นฐานมานานเช่นไฟฟ้า โยธา ไปจนถึงสาขาที่เริ่มคิดค้นและพัฒนาในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมาเช่น ทางด้านอากาศยานและอวกาศ พันธุวิศวกรรม อุปกรณ์สารกึ่งตัวนำ เป็นต้น การศึกษาในสาขาวิศวกรรมศาสตร์จะรู้สึกว่าได้มีอาชีพที่ท้าทายมีความภาคภูมิใจและโอกาสที่เปิดกว้างในด้านหน้าที่การงานและมีบทบาทในการกำหนดลักษณะชีวิตความเป็นอยู่และความเป็นไปของสังคม เช่น การออกแบบเครื่องใช้ที่อยู่รอบตัวทั้งในบ้านและสำนักงาน การออกแบบอุปกรณ์ที่ใช้ทางการแพทย์สิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน งานประดิษฐ์และออกแบบของวิศวกรเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดส่วนหนึ่งที่ใช้ในการขับเคลื่อนสังคมทั้งทางด้านความเป็นอยู่สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และความปลอดภัยในชีวิต
ระบบการศึกษาในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ระบบการศึกษาในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ การศึกษาในสาขาวิศวกรรมศาสตร์นั้น ผู้เรียนควรได้รับการปลูกฝังพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ที่เหมาะสมในแต่ละปีมีผู้เข้าศึกษาในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ทั่วโลกนับแสนคน แต่ละคนมีความเป้าหมายในอาชีพการงานแตกต่างกันออกไปการศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์ในประเทศไทยโดยทั่วไปจะใช้เวลาโดยเฉลี่ย 4 ปี โดยเริ่มต้นจากการศึกษาพื้นฐานต่างๆในปีที่ 1 ดังนี้พื้นฐานทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ เช่น จรรยาบรรณวิชาชีพวิศวกร เขียนแบบ คณิตศาสตร์ วิศวกรรมหลัก ความรู้ทั่วไปในสายสังคมศาสตร์และนิติศาสตร์ ซึ่งมีส่วนหล่อหลอมให้มีความเป็นวิศวกรที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ระบบการศึกษาในสาขาวิศวกรรมศาสตร์(ต่อ)ระบบการศึกษาในสาขาวิศวกรรมศาสตร์(ต่อ) หลังจากมีพื้นฐานที่จำเป็นทางวิศวกรรมศาสตร์ดังที่กล่าวมาแล้วจึงเริ่มเข้าศึกษาในส่วนที่เป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะสาขาในชั้นปีที่ 3 และ 4 ต่อไป ขั้นตอนสำคัญ 2 ขั้นที่ต้องกล่าวถึงสำหรับนักศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์คือ การฝึกงานจริงในหน่วยงานภายนอกสถานศึกษาและการทำโครงงานทางวิศวกรรมก่อนที่จะจบออกไปประกอบวิชาชีพ ทั้งสองส่วนนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญซึ่งทำให้นักศึกษาได้รับรู้ประสบการณ์ในการทำงานและการเรียนรู้ที่จะอยู่กับเพื่อนร่วมงานและสังคมภายนอก
ระบบการศึกษาในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ระบบการศึกษาในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ ปัจจุบันการแข่งขันในตำแหน่งงานมีสูงขึ้นมาก ประเทศไทยได้ทำสัญญากับสมาชิกในหมู่ประเทศ APEC (Asia-Pacific Economiจะต้องเปิดให้วิศวกรต่างชาติเข้ามามีโอกาสทำงานด้านวิศวกรรมในประเทศ และในทางกลับกัน วิศวกรไทยก็มีโอกาสที่จะหางานทำในประเทศที่เป็นสมาชิกด้วย ดังนั้นการเรียนในคณะวิศวกรรมศาสตร์จึงไม่ได้จบที่การแข่งขันในหมู่วิศวกรไทยอีกต่อไป นักศึกษาที่จบจากคณะวิศวกรรมศาสตร์จึงมีโอกาสที่จะออกไปทำงานซึ่งขึ้นกับความสามารถและความชำนาญที่มีในแต่ละตัวบุคคล
บทบาทของวิศวกรกับทิศทางอนาคตของประเทศบทบาทของวิศวกรกับทิศทางอนาคตของประเทศ เป็นที่ทราบกันดีว่าการวิจัยวิทยาศาสตร์พื้นฐานและการวิจัยทางเทคโนโลยีในระดับต่างๆนั้นมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ การพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์และวิศวกรรมการแพทย์มีผลให้อายุขัยของประชากรเพื่มขึ้นจาก 55 ปีในค.ศ. 1900 เป็น 80 ปีในปัจจุบัน เทคโนโลยีไม่เพียงส่งผลต่อความเป็นอยู่เท่านั้นแต่ยังส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในระดับชาติเช่น เทคโนโลยีในการป้องกันประเทศ การคมนาคม การสื่อสาร เป็นต้น
บทบาทของวิศวกรกับทิศทางอนาคตของประเทศ(ต่อ)บทบาทของวิศวกรกับทิศทางอนาคตของประเทศ(ต่อ) การคิดค้นนวัตกรรมส่งผลต่อความมั่งคั่งและมั่นคงต่อคนในประเทศเป็นอย่างยิ่งเมื่อมองให้ลึกลงไปจะเห็นว่างานวิจัยในแขนงต่างๆก็เป็นตัวขับเคลื่อนที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมนั่นเอง จะเห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของที่ควบคู่กันไปจะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้ ในประเทศไทยรัฐบาลไทยได้เล็งเห็นความจำเป็นจึงได้มีการก่อตั้งสถาบันต่างๆขึ้นเพื่อส่งเสริมให้เกิดงานวิจัยวิทยาศาสตร์พื้นฐานและนวัตกรรมใหม่ๆขึ้นทั้งของรัฐและเอกชน เช่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) และ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
วิศวกร อาชีพที่เป็นกุญแจสำคัญเบื้องหลังความสำเร็จ อาชีพวิศวกรเป็นอาชีพที่มักอยู่เบื้องหลังความสำเร็จอยู่เสมอ เนื่องจากผู้คนทั่วไปมักไม่เคยได้รับรู้ถึงงานและหน้าที่ของวิศวกรและมักสับสนระหว่างนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรอยู่เสมอทั้งนี้เนื่องจากประชาชนทั่วไปที่ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานมักคุ้นเคยกับการเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน แต่ในทางกลับกันผู้คนเหล่านั้นมักไม่เคยได้รับความรู้ว่างานของวิศวกรมีอะไรบ้างและยังสับสนกับความหมายของ “งานสร้างสรรค์”
ความรับผิดชอบและหน้าที่ของวิศวกรและการวิจัยความรับผิดชอบและหน้าที่ของวิศวกรและการวิจัย ในแต่ละสาขาของวิศวกรรมที่มีการเปิดสอนในประเทศไทย
วิศวกรรมการเกษตร(Agricultural Engineering) วิศวกรรมการเกษตรนั้นมีการพัฒนามาเริ่มต้นตั้งแต่สมัยที่มนุษย์เริ่มอาศัยรวมเป็นชุมชน งานของวิศวกรการเกษตรคือการออกแบบระบบฟาร์ม เครื่องมือที่ใช้ผลิตอาหาร สถานที่จัดเก็บเมล็ดพันธุ์พืช รวมไปจนถึงการออกแบบและการจัดการระบบของโรงเลี้ยงสัตว์ นอกจากนั้น วิศวกรการเกษตรยังสามารถทำงานที่เกี่ยวข้องด้านการพัฒนาเทคนิคในการเพาะพันธ์พืช เช่น การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน (Hydrophonics)
วิศวพันธุกรรมและวิศวกรรมชีวการแพทย์ (Bio/Biomedical Engineering) วิศวพันธุกรรมเป็นศาสตร์ที่รวมเอาความรู้ทางด้านชีววิทยาและความรู้ทาวิศวกรรมเข้าไว้ด้วยกัน บ่อยครั้งที่พบนักวิศวพันธุกรรมทำงานร่วมกับนักชีววิทยาและนักเภสัชศาสตร์เพื่อพัฒนาเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้วัดทางการแพทย์ อวัยวะเทียม อุปกรณ์ที่ใช้ในการศัลยกรรม ความรู้ทางวิศวกรรมชีวการแพทย์ยังสามารถใช้เพื่อการศึกษาและวิจัยในด้านที่มีความเกี่ยวพันระหว่างเทคโนโลยีกับชีวิตมนุษย์ เช่น ในการทำงานกับคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวันมีผลอย่างไรต่อสุขภาพเป็นต้น
วิศวกรรมเคมี(Chemical Engineering) งานทางวิศวกรรมเคมีคือการนำวัสดุตั้งต้นมาผ่านกระบวนการทางเคมีให้เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ใช้ในชีวิตประจำวันหรืออาจเป็นสารที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม วิศวกรเคมีคือหัวใจหลักในขบวนการผลิตสารเคมีที่อาจอยู่ในรูปแบบต่างๆเช่น เวชภัณฑ์ เครื่องดื่ม หรือแม้กระทั้งเครื่องสำอาง ในขณะเดียวกันวิศวกรเคมียังเข้าไปมีบทบาทที่สำคัญในขบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและพลาสติก นอกจากนี้วิศวกรเคมียังเกี่ยวข้องกับกระบวนการบางส่วนของวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและวิศวกรรมเครื่องกลโดยเฉพาะขบวนการควบคุมมลพิษ
วิศวกรรมโยธา(Civil Engineering) วิศวกรรมโยธาเป็นสาขาที่กว้างขวางและมีบทบาทต่อสังคมมากที่สุดสาขา หนึ่งของวิศวกรรมศาสตร์ งานของวิศวกรโยธาเกี่ยวพันกับการก่อสร้างอาคารสะพาน เขื่อน ถนนและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆอีกมากมาย วิศวกรโยธามีหน้าทีวางแผน ออกแบบ และควบคุมการก่อสร้างตั้งแต่งานขนาดเล็กไปจนถึงโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น ตึกระฟ้า ท่าอากาศยาน ศูนย์การผลิตและควบคุมบำบัดน้ำเสีย นอกจากนี้วิศวกรโยธายังมีบทบาทสำคัญในการคิดค้น และพัฒนาระบบขนส่งและระบบสาธารณูปโภคในอนาคต เช่น การออกแบบ ระบบรถไฟอนาคตซึ่งใช้แรงแม่เหล็กเพื่อออกแรงยกตัวและเคลื่อนที่ไปข้างหน้า (Magnetic levitation trains)
วิศวกรรมคอมพิวเตอร์และซอฟแวร์(Computer/software Engineering) วิศวกรคอมพิวเตอร์มีหน้าที่เกี่ยวข้องในทุกแง่มุมของระบบคอมพิวเตอร์เช่น การออกแบบ การติดตั้งและการควบคุมการทำงาน บางส่วนของวิศวกรคอมพิวเตอร์ต้องทำงานกับระบบดิจิตอลระบบปฏิบัติการ ระบบโครงข่ายคอมพิวเตอร์และซอฟแวร์ งานของวิศวกรคอมพิวเตอร์ยังครอบคลุมถึงการออกแบบซอฟแวร์เพื่อทำงานร่วมกับวิศวกรในสาขาอื่นๆ เช่น การควบคุมระบบวงจรทางกล สร้างหน่วยความจำให้กับอุปกรณ์
วิศวกรรมไฟฟ้า(Electrical Engineering) ในแง่ของจำนวนวิศวกรแล้ววิศวกรรมไฟฟ้าเป็นสาขาที่มีมากที่สุด ความรู้ในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าครอบคลุมตั้งแต่อุปกรณ์ไฟฟ้า ระบบ และการผลิตและใช้งานพลังงานไฟฟ้าตัวอย่างงานของวิศวกรไฟฟ้าคือ การควบคุมโรงไฟฟ้า ระบบคอมพิวเตอร์ และการออกแบบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ของระบบควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ ไปจนถึงระบบการทำงานของอวัยวะเทียมที่ฝังในร่างกายของมนุษย์
วิศวกรรมการบินและอวกาศยาน (Aerospace Engineering) จุดเริ่มต้นของวิศวกรรมการบินและอวกาศยานเริ่มจากสองพี่น้องตระกูลไรท์ที่ทำการคิดค้นเครื่องบินลำแรกของโลกที่มลรัฐนอร์ทแคโรไลน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา งานของวิศวกรการบินและอวกาศยานคือการออกแบบและพัฒนาเริ่มตั้งแต่เครื่องบินพาณิชย์ เครื่องบินที่ใช้ในการทหาร ไปจนถึงกล้องโทรทัศน์ที่ติดตั้งในอวกาศ ความรู้ทางวิศวกรรมการบินและอวกาศยานยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับงานที่ต้องอาศัยการวิเคราะห์ทางอากาศพลศาสตร์อีกด้วยเช่น การออกแบบรถยนต์ในสนามแข่งขัน หรือแม้กระทั่งการออกแบบลูกกอล์ฟ เป็นต้น
วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม(Environmental Engineering) วิศวกรสิ่งแวดล้อมมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการออกแบบระบบจำหน่ายน้ำประปา ระบบการนำน้ำเสียมาบำบัดและนำกลับมาใช้งาน การควบคุมและป้องกันมลพิษทางน้ำ ทางเสียงและทางอากาศ วิศวกรสิ่งแวดล้อมมีหน้าที่ค้นหาหนทางใหม่ๆในการลดและควบคุมมลภาวะที่เป็นพิษ
วิศวกรรมอุตสาหการ(Industrial Engineering) งานของวิศวกรอุตสาหการครอบคลุมตั้งแต่การจัดการทรัพยากรมนุษย์ การจัดการระบบข้อมูล การควบคุมการใช้พลังงาน กระบวนการผลิต วัสดุและเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต วิศวกรอุตสาหการต้องคำนึงถึงการออกแบบโรงงาน ปัจจัยจากมนุษย์ที่มีผลต่อกระบวนการผลิต การบริหารและควบคุมคุณภาพของผลผลิต ไปจนถึงการวางแผนเพื่อให้ได้สถานที่ตั้งของโรงงานใหม่ที่เหมาะสมที่สุดทั้งในแง่ปัจจัยการผลิต การขนส่งและแรงงาน เป็นต้น
วิศวกรรมเครื่องกล(Mechanical Engineering) งานของวิศวกรเครื่องกลเกี่ยวพันกันระหว่างสสารของแข็ง ของเหลวและกาซ ก่อให้เกิดพลังงานกับกลไกของเครื่องจักรกลและเชื้อเพลิง เช่น เครื่องยนต์ นอกจากนั้นวิศวกรรมเครื่องกลยังครอบคลุมถึงการออกแบบระบบปรับอากาศ ระบบทำความเย็น การออกแบบทางกล การออกแบบด้านความแข็งแรงอุปกรณ์ชิ้นส่วนทางกลและหุ่นยนต์ในขบวนการผลิต การควบคุมระบบอัตโนมัติ
วิศวกรรมโลหะและวัสดุ(Metallurgy and Materials Engineering) วิศวกรโลหะและวัสดุมีหน้าที่ในการสังเคราะห์ สร้างกระบวนการผลิต การกลั่นหรือทำให้บริสุทธิ์ และการประดิษฐ์คิดค้นวัสดุใหม่ที่มีคุณสมบัติทางกล ทางเคมี โดยใช้หลักวิชาด้านฟิสิกส์ เคมีประยุกต์
วิศวกรรมเหมืองแร่(Mineral and Mining Engineers) งานของวิศวกรเหมืองแร่ได้แก่การสำรวจ ขุดเจาะ และประเมินค่าแร่ธาตุที่พบบนพื้นโลก วิศวกรเหมืองแร่ต้องทำหน้าที่วางแผนการขุดเจาะและควบคุมการก่อสร้างงานในเหมือง ออกแบบระบบการขนส่งแร่ที่พบและการคืนสภาพสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบบริเวณเหมืองให้กลับสู่สภาพเดิมที่มีอยูก่อนการขุดเจาะ สิ่งนี้เองทำให้วิศวกรเหมืองแร่จำเป็นต้องเรียนรู้เทคนิคการขุดเจาะเพื่อให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนที่อาศัยโดยรอบน้อยที่สุด
วิศวกรรมนิวเคลียร์(Nuclear Engineering) วิศวกรนิวเคลียร์มีหน้าที่ในการออกแบบ พัฒนาและควบคุมโรงงานที่ใช้ในการผลิตพลังงานนิวเคลียร์เพื่อใช้เป็นทั้งเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าและการใช้งานเพื่อจุดประสงค์ทางการแพทย์ บางส่วนของวิศวกรนิวเคลียร์ทำงานในการพัฒนากระสวยอวกาศที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ในการขับเคลื่อนเพื่อเดินทางสำรวจอวกาศ
วิศวกรรมระบบขนส่ง(Transportation Engineering) หน้าที่ของวิศวกรระบบขนส่งได้แก่ การออกแบบถนน ทางด่วน และระบบการขนส่งเดินทางขนาดใหญ่สำหรับประชาชนและสินค้าโดยมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างงานของวิศวกรระบบขนส่ง เช่น ก่อนที่จะมีการก่อสร้างสนามบินและสนามกีฬาขนาดใหญ่ผู้รับผิดชอบในการอนุมัติการก่อสร้างซึ่งได้แก่รัฐบาลท้องถิ่นต้องได้รับความเห็นชอบโดยการพิจารณาร่วมจากวิศวกรระบบขนส่งเพื่อป้องกันปัญหาการจราจรที่อาจเกิดขึ้นตามมาหากไม่มีการวางแผนที่ดี
วิศวกรรมลอจีสติก(Logistic Engineering) งานหลักของวิศวกรลอจีสติกคือการควบคุม วางแผนระบบการจัดซื้อ การเก็บสิ้นค้าและจำนวนวัสดุที่ใช้ผลิตในคลัง การวางแผนระยะเวลาการผลิตและการจัดส่งสินค้าให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ วิศวกรลอจีสติกต้องมีอาศัยแบบจำลองทางคณิตศาสตร์เพื่อคำนวณความน่าจะเป็นที่จะเกิดการขัดข้องทางการผลิตและขนส่ง อีกทั้งคำนวณเวลาเฉลี่ยของความล้มเหลว (MTBF) เวลาเฉลี่ยของการซ่อม (MTTR) และเวลาเฉลี่ยระหว่างความล้มเหลว (MIBF)เป็นต้น
กุญแจสู่ความสำเร็จของการศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์กุญแจสู่ความสำเร็จของการศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ข้อแนะนำสำหรับนักศึกษาเพื่อความสำเร็จทั้งในระหว่างและหลังสำเร็จการศึกษา 1. ให้เน้นที่ความสามารถไม่ใช่เน้นที่ปริญญาบัตรที่ได้รับ คุณอาจเห็นว่ามีข้อแตกต่างอย่างมากระหว่างผู้สำเร็จการศึกษาด้านวรรณคดีกับผู้สำเร็จการศึกษาเป็นวิศวกรรมศาสตรบัณฑิตข้อสังเกตที่สำคัญคือไม่สำคัญที่จะได้ปริญญาทางด้านใด แต่สำคัญที่แต่ละบุคคลมีความสามารถที่เป็นที่ต้องการมากน้อยเพียงใด ดังนั้นจะดีอย่างยิ่งหากในระหว่างอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยคอยหมั่นฝึกฝนให้มีความสามารถให้ประยุกต์ใช้ความรู้ได้หลากหลาย
กุญแจสู่ความสำเร็จของการศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์(ต่อ)กุญแจสู่ความสำเร็จของการศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์(ต่อ) 2. อย่างเพียงมุ่งเน้นแต่ให้จบการศึกษาตามเวลาที่กำหนด การจบการศึกษาตามเวลาที่กำหนดนั้นเป็นสิ่งที่ดี อย่างไรก็ตามอย่าลืมที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์และวิชาการในรั้วมหาวิทยาลัยให้เต็มที่เพื่อให้มีความสามารถและความนึกคิดที่หลายหลายกว้างไกล 3. เรียนรู้ซอฟแวร์ที่ใช้ในการวิเคราะห์และจำลองแบบไว้มากๆ ในการทำงานจริงหรือการศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษานั้น ซอฟแวร์ที่จำเป็นใช้การการวิเคราะห์และจำลองแบบมีบทบาทสำคัญยิ่งต่ออาชีพการงาน
กุญแจสู่ความสำเร็จของการศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์(ต่อ)กุญแจสู่ความสำเร็จของการศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์(ต่อ) 4. ฝึกฝนทักษะการสื่อสารและการนำเสนอผลงาน นอกเหนือจากความรู้และความสามารถที่มีแล้วทักษะการสื่อสารและการนำเสนอผลงานก็เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งต่อหน้าที่การงาน 5. ฝึกงานในบริษัทหรือองค์กรระหว่างปิดภาคเรียน นอกจากจะเพิ่มโอกาสการได้งานแล้ว การฝึกงานในช่วงปิดภาคเรียนจะช่วยให้มีประสบการณ์จริงที่ศึกษาเฉพาะแต่ทฤษฎีในรั้วมหาวิทยาลัย
กุญแจสู่ความสำเร็จของการศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์(ต่อ)กุญแจสู่ความสำเร็จของการศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์(ต่อ) 6. ตั้งเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนและอย่าท้อแท้ เมื่อทำทุกอย่างที่กล่าวมาแล้วแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ตั้งความหวังไว้ ขอให้อย่าท้อแท้ในทางกลับกันให้หมั่นฝึกฝนตัวเองให้มีความสามารถเป็นที่ต้องการเพื่อรอโอกาสที่เหมาะสมในวันหน้า
บรรณาณุกรม [1] Anonymous, “Engineering: a stealth profession,” American Society for Engineering Education, 2006.Available at: http://www.discoverengineering.org/aboutengineers.asp [2] Anonymous, "What is engineering, anyway?," American Society for Engineering Education, 2004. [3] K. Collins, "Report seeks reality behind number of engineering graduates," in NTSA WebNews Digest, 2006. [4] J. C. Crowley, “Engineering’s role in the nation’s future,” Colloquium on Engineering Deans Council Public Policy, American Society for Engineering Education, 2005. Available at: http://www.asee.org/conferences [5]http://eng.bu.ac.th/2007/doc/engineer.pdf