1 / 31

electronics1

electronics1. Zener Diode / LED. ซี เนอร์ ไดโอด ( Zener Diode )

neona
Download Presentation

electronics1

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. electronics1 Zener Diode / LED

  2. ซีเนอร์ไดโอด (Zener Diode) ซีเนอร์ไดโอด เป็นไดโอดชนิดหนึ่ง มีโครงสร้างเหมือนไดโอดธรรมดา คือ ประกอบด้วยสารกึ่งตัวนำ 2 ตอนต่อชนกัน มีสารชนิด P ต่อขาออกมาเป็นขาแอโนด (A) และมีสารชนิด N ต่อขาออกมาเป็นขาแคโถด (K) แต่การใช้งานของซีเนอร์ไดโอดแตกต่างไปจากไดโอดธรรมดา โดยซีเนอร์ไดโอดนิยมนำคุณสมบัติในช่วงไบอัสกลับที่ค่าเบรกดาวน์ ซึ่งเรียกว่าซีเนอร์เบรกดาวน์ (Zener Breakdown) มาใช้งาน

  3. โครงสร้างสัญลักษณ์และรูปร่างของซีเนอร์ไดโอดโครงสร้างสัญลักษณ์และรูปร่างของซีเนอร์ไดโอด

  4. การทำงานของซีเนอร์ไดโอด ทำหน้าที่เป็นตัวกำหนดแรงดันให้ออกเอาต์พุตคงที่ค่าหนึ่งตลอดเวลา แรงดันคงที่ดังกล่าวมีค่าเท่าไรขึ้นอยู่กับตัวซีเนอร์ไดโอดว่าจะมีค่าแรงดันซีเนอร์ (Zener Voltage) หรือ Vzค่าเท่าใด ด้วยคุณสมบัติการทำงานของซีเนอร์ไดโอด จึงสามารถเขียนวงจรสมมูล (Equivalent Circuit) ของซีเนอร์ไดโอดออกมาได้ในรูปสัญลักษณ์ของแบตเตอรี่

  5. กราฟคุณลักษณะของซีเนอร์ไดโอดกราฟคุณลักษณะของซีเนอร์ไดโอด กราฟคุณลักษณะของซีเนอร์ไดโอด (Zener Diode Characteristic Graph) มีลักษณะคล้ายกับกราฟคุณลักษณะของไดโอด คือในช่วงไบอัสตรงจะทำงานเหมือนไดโอดธรรมดาส่วนในช่วงไบอัสกลับซีเนอร์ไดโอดไม่นำกระแส จนกว่าแรงดันไบอัสกลับที่จ่ายถึงค่าแรงดันซีเนอร์ (Vz) ซีเนอร์ไดโอดจึงนำกระแส

  6. การเลือกซีเนอร์ไดโอดมาใช้งานการเลือกซีเนอร์ไดโอดมาใช้งาน การนำซีเนอร์ไดโอดไปใช้งานมีความแตกต่างจากไดโอดธรรมดามาก โดยซีเนอร์ไดโอดถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ทำงานเป็นตัวกำหนดแรงดันไฟตรงคงที่จ่ายออกไปใช้งาน สิ่งที่ต้องคำนึงเมื่อเลือกใช้ซีเนอร์ไดโอด 1. ค่าแรงดันซีเนอร์ (VZ) 2. ค่ากระแสสูงที่ซีเนอร์ไดโอดทนได้ (IZM)

  7. การตรวจเช็คซีเนอร์ไดโอดด้วยโอห์มมิเตอร์การตรวจเช็คซีเนอร์ไดโอดด้วยโอห์มมิเตอร์ การวัดซีเนอร์ไดโอด จะสามารถวัดได้เช่นเดียวกับไดโอดธรรมดาคือใช้โอห์มมิเตอร์ตั้งย่าน Rx1 หรือ Rx10 ซีเนอร์ไดโอดในสภาวะปกติ จะวัดได้เหมือนไดโอดธรรมดา คือ เข็มมิเตอร์ขึ้นในขณะจ่ายไบแอสตรง และเข็มมิเตอร์ไม่ขึ้นในขณะจ่ายไบแอสกลับ หรือกล่าวได้ว่าซีเนอร์ไดโอดปกติ โอห์มมิเตอร์จะวัดขึ้นครั้งหนึ่ง และไม่ขึ้นครั้งหนึ่ง

  8. การวัดหาขาของซีเนอร์ไดโอดการวัดหาขาของซีเนอร์ไดโอด จากขั้นตอนวัดซีเนอร์ไดโอดในสภาวะปกติ สามารถนำมาใช้ในการตรวจหาขาของซีเนอร์ไดโอดได้ โดยใช้สภาวะการจ่ายไบแอสตรงให้ซีเนอร์ไดโอด คือสภาวะที่เข็มมิเตอร์ขึ้น ในการวิเคราะห์ จะสรุปได้ว่าขาที่ขั้วบวกของแบตเตอรี่ภายในโอห์มมิเตอร์วัดอยู่ ขานั้นคือขาแอโนด (A ) และขาที่ขั้วลบของแบตเตอรี่ภายในโอห์มมิเตอร์วัดอยู่ ขานั้นคือขาแคโทด(K )

  9. การวัดการขาดและการชอร์ตของซีเนอร์ไดโอดการวัดการขาดและการชอร์ตของซีเนอร์ไดโอด ไดโอดสภาวะปกติเมื่อตั้งย่านวัดโอห์มมิเตอร์ที่ Rx1 หรือ Rx10 จะขึ้นครั้งหนึ่ง และไม่ขึ้นครั้งหนึ่ง ถ้าหากการวัดซีเนอร์ไดโอดโดยการสลับสายวัดทั้งสองครั้งเข็มมิเตอร์ไม่ขึ้น ชี้ที่อินฟินิตี้ ทั้งสองครั้ง แสดงว่าซีเนอร์ไดโอดขาด ถ้าการวัดซีเนอร์ไดโอด โดยการสลับสายวัดทั้งสองครั้ง เข็มมิเตอร์ขึ้นชี้ 0Ω ทั้งสองครั้งแสดงว่าซีเนอร์ไดโอดชอร์ต

  10. ค่าความต้านทานของซีเนอร์ไดโอดเป็นอัตราส่วนของแรงดันย้อนกลับช่วงแรงดันเบรกดาวน์กับกระแสขณะนั้น ถ้าเป็นซีเนอร์ไดโอดในอุดมคติจะมีค่าความต้านทาน เท่ากับศูนย์แต่ในทางปฏิบัติจะมีค่าความต้านทานตั้งแต่ 10 โอห์มไปจนถึงเป็น 100 โอห์ม • ค่าสัมประสิทธิ์ทางอุณหภูมิของซีเนอร์ไดโอดจะเปลี่ยนแปลงตามแรงดันซีเนอร์ มีหน่วยเป็นมิลลิโวลต์ต่อองศาเซลเซียสดูได้จากข้อมูล

  11. การคำนวณกระแสไฟฟ้าของซีเนอร์ไดโอดการคำนวณกระแสไฟฟ้าของซีเนอร์ไดโอด กำลังซีเนอร์           =  ซีเนอร์โวลเต็จ   x  กระแสซีเนอร์ Pz                    =   Vz   x    Iz Iz                    =   Pz /  Vz ถ้ากำหนดให้ Pz(max)  จะได้ Iz(max)                =   Pz(max) / Vz

  12. การนำซีเนอร์ไดโอดไปใช้งานการนำซีเนอร์ไดโอดไปใช้งาน วงจรการใช้งาน การใช้งานซีเนอร์ไดโอดต้องต่อตัวต้านทานอนุกรมกับซีเนอร์ไดโอด เพื่อจำกัดกระแสให้กับซีเนอร์ไดโอด ป้องกันซีเนอร์ไดโอดเสียหาย

  13. สามารถหาค่าความต้านทานอนุกรม (Rs) ได้จาก คำนวณหาอัตราทนกำลังไฟฟ้าของ Rs ได้จาก

  14. คำนวณหาอัตราทนกำลังไฟฟ้าของซีเนอร์ไดโอดจากคำนวณหาอัตราทนกำลังไฟฟ้าของซีเนอร์ไดโอดจาก

  15. LED : light-emitting diode ไดโอดเปล่งแสง (LED) เป็นอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำอย่างหนึ่ง จัดอยู่ในจำพวกไดโอด ที่สามารถเปล่งแสงได้ เมื่อถูกไบอัสทางไฟฟ้า สีของแสงที่เปล่งออกมานั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบทางเคมีของวัสดุกึ่งตัวนำที่ใช้ และเปล่งแสงได้ใกล้ช่วงอัลตราไวโอเลต ช่วงแสงที่มองเห็น และช่วงอินฟราเรด ผู้พัฒนาไดโอดเปล่งแสงขึ้นเป็นคนแรก คือ นิกโฮโลยัก (Nick Holonyak Jr.) แห่งบริษัทเจเนรัลอิเล็กทริก (General Electric Company) โดยได้พัฒนาไดโอดเปล่งแสงในช่วงแสงที่มองเห็น และสามารถใช้งานได้ในเชิงปฏิบัติเป็นครั้งแรก เมื่อ ค.ศ. 1962

  16. โครงสร้างและสัญลักษณ์ของ LED

  17. ชนิดของสารกึ่งตัวนำที่ใช้ผลิต LED

  18. ไดโอดให้แสงได้อย่างไรไดโอดให้แสงได้อย่างไร ขณะที่อิเล็กตรอนเคลื่อนที่ผ่านรอยต่อไปที่โฮลของสาร  P  อิเล็กตรอนจะตกจากวงโคจรสูง หรือแถบนำไฟฟ้าไปสู่วงโคจรต่ำหรือแถบวาเลนซ์มันจะปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปของโฟตรอนปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นกับไดโอดทุกชนิดแต่สามารถเห็นแสงได้ก็ต่อเมื่อความถี่ของพลังงานอยู่ในช่วงความถี่ที่ตามองเห็นได้

  19. เมื่อไดโอดให้แสงออกมาแล้วถ้าไม่ควบคุมทิศทาง แสงจะกระจัดกระจายและวิ่งออกมาอย่างไม่เป็นระเบียบทำให้ความเข้มของแสงน้อยลง ดังนั้นในหลอด LED  เราจะใช้พลาสติกหุ้มและเอียงให้แสงสามารถสะท้อนออกไปยังตำแหน่งที่ต้องการได้

  20. ความยาวคลื่นของแอลอีดีสีต่างๆความยาวคลื่นของแอลอีดีสีต่างๆ • สีฟ้า จะมีความยาวคลื่น ประมาณ 468nm • สีขาว จะมีความยาวคลื่น ประมาณ 462nm • สีเหลือง จะมีความยาวคลื่น ประมาณ 468nm • สีเขียว จะมีความยาวคลื่น ประมาณ 565nm • สีแดง จะมีความยาวคลื่น ประมาณ 630nm

  21. แอลอีดีสามารถแบ่งได้ 2 แบบตามลักษณะ packet • แบบ Lamp Typeเป็นแอลอีดีชนิดที่ขายกันทั่วไป มีขายื่นออกมาจากตัวอีพล็อกซี่ 2 ขาหรือมากว่า ถ้าตามภาษาช่างเราจะเรียกแอลอีดีชนิดนี้ว่า แอลอีดีแบบทลูโฮล แอลอีดีแบบ Lamp Type นี้จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 3 mm. ขึ้นไป

  22. 2.แบบ Surface Mount Typeมีลักษณะ packet เป็นตัวบางๆ เวลาประกอบต้องใช้เครื่องมีชนิดพิเศษในการประกอบแอลอีดีSMTนี้ มีขนาดการขับกระแสตั้งแต่ 20 mA – มากกว่า 1A แอลอีดีแบบ SMT ถ้าสามารถขับกระแสตั้งแต่ 300mA ขึ้นไปเราจะเรียกว่า power LED และจะบอกหน่วยเป็นวัตต์

  23. ข้อได้เปรียบ • หลอด LED  ได้เปรียบหลอดมีไส้อย่างแรกคือมันไม่ต้องใช้การเผาไหม้ของไส้หลอดจึงมีอายุใช้งานนานกว่าการใช้พลาสติกหุ้มช่วยให้มีความทนทานและง่ายต่อการประกอบลงในแผ่นวงจรไฟฟ้า • ข้อได้เปรียบสูงสุดคือ ประสิทธิภาพที่สูงในหลอดมีไส้แสงที่ได้ออกมาเกิดจากการเผาไส้หลอดให้ร้อนจนแดงแน่นอนพลังงานที่สูญเสียจากการเผาไหม้นั้นมากมาย ส่วนหลอด  LED   แทบไม่มีความร้อนเกิดขึ้นออกมาเลยพลังงานส่วนใหญ่เปลี่ยนไปเป็นแสงทั้งหมด

  24. การใช้งานไดโอดเปล่งแสงการใช้งานไดโอดเปล่งแสง LED ต้องการแรงดันไบอัสตรงประมาณ 2 V และยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ไม่เกิน 40 mAแต่ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่เหมาะสมคือ 10-20 mAดังนั้นในการใช้งาน LED จึงต้องมีตัวต้านทานจำกัดกระแสต่ออนุกรมอยู่ด้วย

  25. การหาค่าของตัวต้านทานที่ใช้ในการจำกัดกระแสให้ LED ทำได้โดยใช้สูตร • โดย Vcc = แหล่งจ่าย • VF = แรงดันไบอัสตรงที่คร่อม LED • IF = กระแสที่ไหลผ่าน LED เมื่อไบอัสตรง

  26. เกร็ดไดโอดเปล่งแสง - ข้อควรระวังอย่างหนึ่งในการใช้งานไดโอดเปล่งแสงก็คือ แรงดันย้อนกลับจะต้องมีค่า ไม่เกิน 5 โวลต์- สำหรับการใช้งานบางอย่างที่ใช้กับแบตเตอรี่นั้น จะต้องดูจำนวนของไดโอดเปล่งแสง ที่ใช้ด้วย ถ้าต้องการให้ใช้ได้นานๆ ปกติจะกำหนดให้ไดโอดเปล่งแสงดวงหนึ่งกินกระแสเพียง 5 มิลลิแอมป์- สำหรับไดโอดเปล่งแสงสีเหลืองและสีเขียวโดยปกติจะให้ความสว่างน้อยกว่าไดโอด เปล่งแสงสีแดงที่ระดับกระแสเท่ากัน ถ้าต้องการให้ระดับความสว่างออกมาเท่ากัน ในกรณีที่ใช้ไดโอดเปล่งแสงสีแตกต่างกัน จะต้องเปลี่ยนค่าตัวต้านทานจำกัด กระแสที่อนุกรม โดยคำนวณหาได้ตามสูตรปกติ จากนั้นลดค่าที่คำนวณได้ลงไปอีก 10-15 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ควรระวังปริมาณกระแสไฟฟ้าต้องไม่ให้เกินค่าทนได้สูงสุดที่กำหนดไว้ด้วย

  27. การนำไดโอดเปล่งแสงมาใช้กับไฟสลับแรงดันต่ำการนำไดโอดเปล่งแสงมาใช้กับไฟสลับแรงดันต่ำ

  28. การใช้โอห์มมิเตอร์วัดหาตำแหน่งขาของ LED ปกติโอห์มมิเตอร์จะรวมอยู่ในมัลติมิเตอร์ หากเป็นโอห์มมิเตอร์ที่ผู้ผลิตอยู่ในทวีปเอเซีย ส่วนใหญ่ขั้วบวกของแบตเตอรี่จะต่อกับสายวัดที่เป็น Common หรือ ขั้วลบ ซึ่งเป็นสายสีดำ หลักการของโอห์มมิเตอร์ในลักษณะนี้ก็คือกระแสไฟฟ้าจะไหลออกจากมิเตอร์ทางสายลบหรือสายสีดำ และไหลเข้าตัวมิเตอร์ทางสายบวก หรือสายสีแดง

  29. 1. ตั้งโอห์มมิเตอร์ไว้ที่ย่าน (range) คูณ 10 2. นำสายดำแตะที่ขา หนึ่ง และสายแดงแตะที่ขา สอง LED สว่างหรือไม่ เข็มเบนหรือไม่ • ถ้าสว่างและเข็มเบน แสดงว่า ขาที่สายสีดำแตะอยู่นั้นเป็นขา Anode และขาที่สายสีแดงแตะอยู่นั้นเป็นขา Cathode • ถ้าเข็มไม่เบนและ LED ไม่สว่าง ให้กลับสายมิเตอร์

  30. สรุป ผลจากการวัดเป็นดังนี้ • หากวัดตามวิธีการแล้วพบว่า เข็มเบน และ LED สว่าง แสดงว่า LED นั้นใช้ได้ ขาที่สายสีดำ (สายลบ) แตะอยู่จะเป็นขา ANODE หรือขาที่ปล่อยให้กระแสไฟฟ้าไหลเข้า ขาที่เหลือเป็น CATHODE หรือขานี้ให้กระแสไฟฟ้าไหลออก • หากวัดแล้วเข็มเบนแต่ไม่สว่างและกลับสายวัดแล้ว เข็มยังเบนอีก แสดงว่าลัดวงจรใช้ไม่ได้ • หากวัดแล้ว เข็มยังไม่เบนทั้งสองข้างแสดงว่าขาด ชำรุดแล้วใช้ไม่ได้เช่นเดียวกัน

More Related