250 likes | 672 Views
ขนมไทย. จัดทำโดย ด.ช. ธนธรณ์ จริงดี ม.1/16 เลขที่ 23 ด.ช. รัฐพงศ์ กองศิลป์ ม.1/16 เลขที่ 43 เสนอ อ.ฐิตาพร ดวงเกตุ. วุ้นกะทิ. ส่วนผสม + ส่วนผสมตัววุ้น + * วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ * น้ำเปล่า 5 1/2 ถ้วยตวง * น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง
E N D
ขนมไทย จัดทำโดย ด.ช. ธนธรณ์ จริงดี ม.1/16 เลขที่ 23 ด.ช. รัฐพงศ์ กองศิลป์ ม.1/16 เลขที่ 43 เสนอ อ.ฐิตาพร ดวงเกตุ
วุ้นกะทิ • ส่วนผสม • + ส่วนผสมตัววุ้น + • * วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ • * น้ำเปล่า 5 1/2 ถ้วยตวง • * น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง • * น้ำใบเตย,น้ำกาแฟ หรือสีผสมอาหาร (จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้)
ส่วนผสมวุ้น 2 • + ส่วนผสมหน้าวุ้น + • * วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ • * น้ำมะพร้าว 2 1/2 ถ้วยตวง • * น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง • * หัวกะทิ 2 1/2 ถ้วยตวง • * แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ • * เกลือ 1 1/2 ช้อนชา • * แม่พิมพ์สำหรับใส่วุ้น (ถ้วยหรือชามเล็กๆ ก็สามารถใช้แทนกันได้)
วิธีทำ วุ้นกะทิ • 1. ทำตัววุ้นโดย ใส่ผงวุ้นและน้ำเปล่า ลงในกระทะทองเหลืองแล้วนำไปต้มจนผงวุ้นละลาย (หมายเหตุ : สามารถใส่น้ำใบเตยเพื่อทำวุ้นกะทิใบเตยหรือ น้ำกาแฟเพื่อทำวุ้นกะทิกาแฟ หรืออาจใส่ สีผสมอาหารเพื่อให้ได้สีที่ต้องการสำหรับตัววุ้น) • 2. ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนให้ละลายดีจึงหรี่ไฟเบาลง • 3. ตักส่วนผสมตัววุ้นลงไปในแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้ โดยหยอดให้ได้ประมาณ 3/4 ของแบบ และปล่อยไว้ให้วุ้นจับตัวพอตึง
กล้วยบวชชี • ส่วนผสม • * กล้วยน้ำว้า 8 ลูก (เลือกห่ามๆ ไม่สุกมาก) • * หัวกะทิ 450 มิลลิลิตร • * หางกะทิ 500 มิลลิลิตร • * ใบเตย 2 ใบ • * น้ำตาลปี๊บ 40 กรัม • * น้ำตาลทรายขาว 40 กรัม • * เกลือ
วีธีทำ กลล้วยบวชชี • 1. นำกล้วยไปนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 3-5 นาที หรือนึ่งจนกระทั่งผิวกล้วยเริ่มแตกออก จึงปิดไฟและนำออกมาปอกเปลือกและหั่นครึ่งลูก จากนั้นจึงหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ • 2. นำหางกะทิไปต้มในหม้อและใส่ใบเตยลงไปด้วย เมื่อเดือดแล้วจึงใส่กล้วยที่หั่นไว้แล้วลงไป ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ, น้ำตาลทรายขาวและเกลือนิดหน่อย • 3. เมื่อกะทิเริ่มเดือดอีกครั้งจึงใส่หัวกะทิลงไป และปล่อยทิ้งไว้ให้เดือดอีกประมาณ 3 นาที ถ้าต้องการให้น้ำข้นเหนียวก็ให้ใส่แป้งมันลงไปประมาณ 1 ช้อนชาและคนให้ละลายทั่ว • 4. อย่าต้มนานจนเกินไปเพราะจะทำให้กล้วยเละ กล้วยควรจะยังแข็งนิดหน่อย จากนั้นตักใส่จานและเสริฟทันที
ข้าวเหนียวมะม่วง • ส่วนผสม • * มะม่วงสุก 3 ลูก • * ข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม • * หัวกะทิ 450 กรัม • * เกลือป่น 3/4 ช้อนชา • * น้ำตาลทราย 550 กรัม • * ใบเตย 3-5 ใบ • * ถั่วทอง 5 ช้อนโต๊ะ • * หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำราด) • * เกลือป่น 1/4 ช้อนชา (สำหรับทำน้ำราด)
วิธีทำ ข้าวเหนียวมะม่วง • 1. นำข้าวเหนียวไปล้างและแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นนำไปสะเด็ดน้ำ • 2. นำผ้าขาวบางรองไว้ในซึ้งหรือหม้อนึ่ง แล้วจึงนำข้างเหนียววางลงบนผ้าขาวบาง จากนั้นนำไปนึ่งจนข้าวเหนียวสุก • 3. ในหม้อขนาดเล็ก ใส่น้ำตาล, เกลือป่น (3/4 ช้อนชา) และหัวกะทิ และนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นจึงใส่ใบเตยลงไป ทิ้งไว้สักพักจึงปิดไฟ • 4. ในชามขนาดกลาง ใส่ข้าวเหนียวที่นึ่งไว้จนสุกดีแล้วลงไป จากนั้นจึงใส่น้ำกะทิที่เคี่ยวไว้ในขั้นตอนที่สามตามลงไป คนจนส่วนผสมเข้ากันทั่ว และทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที • 5. ในระหว่างที่รอ เตรียมทำน้ำกะทิราดหน้าโดย ผสมหัวกะทิ (2 ถ้วยตวง) และเกลือป่น (1/4 ช้อนชา) ลงในหม้อขนาดเล็ก และนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนจนเกลือละลายทั่ว จึงปิดไฟ • 6. ปอกมะม่วงและจัดใส่จาน เวลาเสริฟ ตักข้าวเหนียวใส่จานจากนั้นโรยหน้าด้วยน้ำราดกะทิและถั่วทอง ควรเสริฟทันทีหลังจากปอกมะม่วงเสร็จใหม่ๆ
สังขยาใบเตย • ส่วนผสม • * ใบเตยซอยละเอียด 150 กรัม • * ไข่ 1 ฟอง • * นมข้นจึด 2 ถ้วยตวง • * น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง • * น้ำตาล 200 กรัม • * แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ • * ขนมปังหรือปาท่องโก๋ • (สำหรับทานกับสังขยา)
วิธีทำ สังขยาใบเตย • 1. นำใบเตยและน้ำเปล่าใส่ลงไปในเครื่องปั่นไฟฟ้า และปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นจึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง • 2. ใส่นมข้นจึด, น้ำตาล, แป้งข้าวโพด, ไข่ และน้ำใบเตย (ที่ทำในขั้นตอนที่หนึ่ง) ลงไปในเครื่องปั่นไฟฟ้าและปั่นจน ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
ทับทิมกรอบ • ส่วนผสม • * แห้ว 800 กรัม • (ล้าง, ปอกเปลือกและหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า) • * กะทิ 2 1/2 ถ้วยตวง • * เกลือป่น 2 ช้อนชา • * น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง • * น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง • * น้ำหวานแดง 1 1/2 ถ้วยตวง • * แป้งมัน 500 กรัม • * ขนุนฉีกเป็นฝอย, เมล็ดข้าวโพดสุก • (สำหรับโรยหน้า จะมีหรือไม่มีก็ได้)
วิธีทำ ทับทิมกรอบ • 1. นำแห้วที่หั่นเสร็จแล้วไปแช่ในน้ำแดงประมาณ 15 นาที จากนั้นจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ • 2. นำแห้วที่แช่ในน้ำแดงไปคลุกในแป้งมันให้ติดผิว ค่อยๆคลุกให้ติดทั่วผิวแห้วทั้งหมด จากนั้น จึงนำไปต้มในน้ำเดือดจนสุกจึงนำออกมาแช่น้ำเย็น (วิธีสังเกตุ : แห้วสุกแล้วจะลอยขึ้นเหนือน้ำ)
สังขยาฟักทอง • ส่วนผสม • * ฟักทอง 1 ลูก (น้ำหนักประมาณ 400 - 600 กรัม) • * ไข่ 4 ฟอง • * หัวกะทิ 3/4 ถ้วยตวง • * น้ำตาลปิ๊บ 1/4 ถ้วยตวง • * แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ • * เกลือป่น 1/4 ช้อนชา • * น้ำปูนใส
วิธีทำ สังขยาฟักทอง • 1. นำฟักทองมาตัดออกเป็นสี่เหลี่ยมบริเวณหัวขั้วจากนั้นจึงขวักเมล็ดข้างในออก จนกลวงเป็นช่องภายใน จากนั้นจึงนำไปน้ำปูนใสประมาณ 8 - 10 นาที แล้วจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ (เคล็ดลับ : แช่น้ำปูนใสเพื่อไม่ให้ฟักทองแตกเวลานึ่ง) • 2. ระหว่างรอฟักทองที่แช่ในน้ำปูนใส เตรียมทำสังขยาโดยผสมไข่ไก่, หัวกะทิ , แป้งข้าวเจ้า, น้ำตาลปิ๊บ และเกลือ คนจนส่วนผสมเข้ากันดี • 3. นำส่วนผสมสังขยาที่ทำในขั้นตอนที่สองเทลงในฟักทอง จากนั้นจึงนำไปนึ่งประมาณ 20 - 25 นาที กรณีเสริฟเป็นลูกฟักทอง ก็นำฝาที่ตัดออกไปนึ่งด้วย ถ้าแบ่งเสริฟก็หั่นเป็นชิ้นๆ เพื่อความสวยงามและน่ารับประทาน เวลาหั่นควรระวังไม่ให้สังขยาเละ
ขนมกล้วย • ส่วนผสม • * กล้วยน้ำว้า 8 - 10 ลูก (ปอกเปลือกและบดให้เละ) • * แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง • * แป้งมัน 1/4 ถ้วยตวง • * น้ำตาล 1 1/4 ถ้วยตวง • * เกลือป่น 1/2 ช้อนชา • * หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง • * เนื้อมะพร้าวขูด 2 ถ้วยตวง
วิธีทำ ขนมกล้วย • 1. นำกล้วย, แป้งข้าวเจ้า, แป้งมัน, น้ำตาล, เกลือ, หัวกะทิ และ เนื้อมะพร้าวขูด (ประมาณ 3/4 ส่วนของทั้งหมด) ผสมกัน จากนั้นนวดด้วยมือจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว • 2. ตักส่วนผสมในข้อหนึ่งลงในถ้วยหรือแบบที่ต้องการ หรือจะใช้ใบตองห่อก็ได้ แล้วแต่ความสะดวก เสร็จแล้วนำเนื้อมะพร้าวขูดที่เหลือโรยหน้า • 3. นำไปนึ่งประมาณ 30 นาที หรืออาจนำไปอบโดยใช้ความร้อนประมาณ 180 องศาเซลเซียส (360 องศาฟาเรนไฮต์) เป็นเวลา 30 นาทีเช่นกัน • 4. เมื่อขนมกล้วยสุกแล้ว ให้นำออกจากแบบ สามารถเสริฟได้ทั้งขณะร้อนหรือเย็นแล้ว
หม้อแกง • ส่วนผสม • * ถั่วเขียว 250 กรัม (เผือก, เม็ดบัว, อื่นๆ) • * น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง • * หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง • * น้ำตาลปี๊บ 250 กรัม • * เกลือป่น 1/4 ช้อนชา • * ไข่เป็ด 3 ฟอง • * หอมแดงซอยละเอียด 3 ลูก • * ใบเตย 3 ใบ
วิธีทำ หม้อแกง • 1. นำหอมแดงไปเจียวในน้ำมันจนเหลืองและกรอบ (ระวังไหม้ ควรเจียวด้วยไฟอ่อนๆ ) • 2. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกไปแช่ในน้ำและนำไปนึ่งจนสุก หรือถ้าใช้เผือกก็ปอกเปลือกและนำไปนึ่งจนสุก จากนั้นจึงนำเผือกไปยีให้เป็นชิ้นเล็กๆ • 3. ในชามขนาดกลาง, ผสมไข่ น้ำตาลปี๊บและเกลือ แล้วขยำโดยใช้ใบเตยให้เข้ากันดี น้ำตาลละลายหมด จากนั้นจึงใส่หัวกะทิลงไป ขยำต่ออีกจนส่วนผสมเข้ากันดี แล้วจึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อเอาสิ่งสกปรกออก
ข้าวเหนียวดำ • ส่วนผสม • * ข้าวเหนียวดำ 1/2 ถ้วยตวง • * เผือกหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 ถ้วยตวง • * น้ำเปล่า 3 1/2 ถ้วยตวง • * หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง • * น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง • (ปรับได้ตามความหวานที่ต้องการ)
วิธีทำ ข้าวเหนียวดำ • 1. นำข้าวเหนียวดำไปล้างทำความสะอาด แล้วจึงใส่หม้อและใส่น้ำเปล่าลงไป ต้มทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที คนเป็นระยะๆ จนข้าวเหนียวสุก • 2. ระหว่างรอข้าวเหนียวสุก นำเผือกมาปอกเปลือกและหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า แล้วนำไปนึ่งจนสุก ทิ้งไว้ให้เย็น • 3. เมื่อข้าวเหนียวสุก เติมหัวกะทิ (เหลือหัวกะทิไว้นิดหน่อยเพื่อราดหน้าตอนเสริฟ) น้ำตาลและเผือกนึ่ง ต้มต่อไปอีกประมาณ 5 นาที • 4. ตักใส่ถ้วย ราดหน้าด้วยน้ำกะทิ และเสริฟเป็นของว่างได้ทันทีขณะยังร้อน หรือเสริฟขณะเย็นแล้วก็ได้
กล้วยทอด • ส่วนผสม • * กล้วยน้ำว้าห่าม 1 หวี • * แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย • * แป้งสาลี 1/4 ถ้วย • * เกลือ 1/2 ช้อนชา • * ผงฟู 1 ช้อนชา • * งาขาวคั่ว (ปริมาณตามความชอบ) • * มะพร้าวขูดขาว 1/2 ถ้วย • * น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วยตวง • * หัวกะทิ 1/2 ถ้วย • * น้ำปูนใส 1/4 ถ้วย • * ใบเตย 3-5 ใบ • * น้ำมันสำหรับทอด
วิธีทำ กล้วยทอด • 1. นำกล้วยมาปอกเปลือกและหั่นตามยาวเป็นชิ้นบางๆ หนึ่งลูกควรหั่นให้ได้อย่างน้อย 3 ชิ้น • 2. นำแป้งข้าวเจ้า, แป้งสาลี, เกลือ, ผงฟู, น้ำตาลปี๊บ, งาขาว, มะพร้าวขูด, น้ำปูนใสและหัวกะทิ ผสมเข้าด้วยกันในชามขนาดใหญ๋ คนจนแป้งและน้ำตาลละลายดี ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันเป็นเนื้อเดียว • 3. ใส่น้ำมันลงในกระทะ และนำไปตั้งบนไฟค่อนข้างแรง รอจนน้ำมันเดือด จึงใส่ใบเตยลงไปทอดก่อนให้น้ำมันหอม • 4. นำกล้วยที่หั่นเตรียมไว้ในขั้นตอนที่หนึ่งชุบแป้งแล้วนำไปลงทอดจนเหลืองสุกและกรอบ จึงตักออกมาสะเด็ดน้ำมัน • 5. เรียงจัดใส่จาน และเสริฟเป็นของว่างทานเล่น