380 likes | 827 Views
วิวัฒนการของมนุษย์. วิวัฒนาการของมนุษย์ เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลง พัฒนาหรือวิวัฒนาการ ที่ทำให้สิ่งมีชีวิต(สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทลิงใหญ่- Ape ) มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ กลายเป็นส ปี ชีส์ ใหม่ จนในที่สุดพัฒนาไปเป็นมนุษย์ปัจจุบัน . มนุษย์นีอันเดอร์ทัล.
E N D
วิวัฒนาการของมนุษย์ เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลง พัฒนาหรือวิวัฒนาการ ที่ทำให้สิ่งมีชีวิต(สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทลิงใหญ่- Ape) มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ กลายเป็นสปีชีส์ใหม่ จนในที่สุดพัฒนาไปเป็นมนุษย์ปัจจุบัน มนุษย์นีอันเดอร์ทัล
วิวัฒนาการ (อังกฤษ:Evolution) คือการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมในประชากรของสิ่งมีชีวิต จากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง วิวัฒนาการเกิดจากกระบวนการหลัก 3 กระบวนการ ได้แก่ ความแปรผัน การสืบพันธุ์ และการคัดเลือก โดยอาศัยยีนเป็นตัวกลางในการส่งผ่านลักษณะทางพันธุกรรม อันเป็นพื้นฐานของการเกิดวิวัฒนาการ
ลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นในประชากรเพื่อให้เกิดความแปรผันทางพันธุ์กรรมเมื่อสิ่งมีชีวิตให้ กำเนิดลูกหลานย่อมเกิดลักษณะใหม่ หรือเปลี่ยนแปลงลักษณะเดิม โดยลักษณะใหม่ที่เกิดขึ้นนี้มีสาเหตุสำคัญ 2 ประการ ประการหนึ่ง เกิดจากกระบวนการกลายพันธุ์ของยีน และอีกประการหนึ่ง เกิดจากการแลกเปลี่ยนยีนระหว่างประชากร และระหว่าง สปีชีส์ ในสิ่งมีชีวิตที่มีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ สิ่งมีชีวิตใหม่ที่เกิดขึ้นจะผ่านกระบวนการแลกเปลี่ยนยีน อันก่อให้เกิดความแปรผันทางพันธุกรรมที่หลากหลายในสิ่งมีชีวิต วิวัฒนาการเกิดขึ้นเมื่อความแตกต่างทางพันธุกรรมเกิดขึ้น จนเกิดความแตกต่างมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นลักษณะที่แตกต่างกัน
กลไกในการเกิดวิวัฒนาการแบ่งได้ 2 กลไก ได้แก่ -กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ (naturalselection) -กลไกที่การแปรผันทางพันธุกรรม (geneticdrift)
คำว่า 'มนุษย์' ในบริบทของการวิวัฒนาการของมนุษย์ หมายถึงจีนัส โฮโม (Homo) แต่การศึกษาวิวัฒนาการมนุษย์ก็มักจะรวมสมาชิกตระกูลมนุษย์ เรียกว่า โฮมินิด (hominidFamily Hominidae) อย่าง australopithecines เข้าไปด้วย
การศึกษามานุษยวิทยากายภาพ(Physical Anthropology, Paleoanthropology) ยุคใหม่ เริ่มขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 19 เมื่อมีการค้นพบซากมนุษย์นีแอนเดอร์ธาล(Neanderthal man) และหลักฐานต่างๆ ของมนุษย์ถ้ำ ความคิดที่ว่ามนุษย์มีความคล้ายคลึงกับลิงใหญ่มีมานานแล้ว แต่ความคิดเกี่ยวกับทฤษฏีวิวัฒนาการ ที่เป็นที่ยอมรับเริ่มขึ้น เมื่อ ชาร์ลส์ ดาร์วิน(Charles Darwin) ตีพิมพ์หนังสือ On the Origin of Species ในปี ค.ศ. 1859 และหนังสือเล่มถัดมาของเขา Descent of Man ตั้งแต่สมัยของ คาโรลัส ลินเนียส (Carolus Linnaeus) ได้จัดให้ ลิงใหญ่อยู่ในกลุ่ม ที่เป็นญาติใกล้ชิดมนุษย์ โดยดูจากลักษณะภายนอก ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 คาดกันว่า ลิงชิมแปนซีและลิงกอริลล่าเป็นญาติที่ใกล้ชิดที่สุดของมนุษย์ ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน
ไพรเมต อันดับลิง หรือ ไพรเมต (อังกฤษ: primate) เป็นกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่มีพัฒนาการสูงสุด อันได้แก่ สัตว์จำพวกลิงลม(lemurs) , ลิง(monkeys) และลิงไม่มีหาง(apes) ซึ่งรวมถึงมนุษย์ด้วย จึงกล่าวได้ว่าคุณสามารถพบไพรเมตได้ทั่วโลก โดยไพรเมตที่ไม่ใช่มนุษย์ ส่วนใหญ่จะอยู่ใน แอฟริกา, ตอนล่างของทวีปเอเชีย อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ แต่จะพบไพรเมตอยู่เพียงไม่กี่สายพันธุ์ ในแถบตอนเหนือของทวีปเอเชีย จนถึงตอนเหนือของญี่ปุ่น หรือตอนเหนือของอเมริกา และเม็กซิโก
เราสามารถสืบหาวิวัฒนาการของไพรเมตย้อนหลังไปได้ถึงประมาณ 60 ล้านปีก่อน ไพรเมตมีบรรพบุรุษร่วมกันกับสัตว์จำพวกค้างคาว ซึ่งอาจมีชีวิตอยู่ช่วงประมาณยุค ครีเทเชียส (ทันยุคท้ายๆของพวกไดโนเสาร์) ไพรเมต (เก่าแก่ที่สุดเท่าที่ทราบกัน) มาจากบริเวณอเมริกาเหนือ แพร่กระจายผ่าน ยุโรป เอเชีย และแอฟริกา ในยุค Paleocene และ Eocene เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงเป็นหนาวเย็นในต้นยุค Oligocene (ประมาณ 40 ล้านปีก่อน) ไพรเมตสูญพันธ์ไปเป็นจำนวนมาก เหลืออยู่เพียงบริเวณแอฟริกาและเอเชียใต้
บรรพบุรุษยุคแรกๆของโฮมินิด (ลิงใหญ่และมนุษย์) ออกจากแอฟริกาเข้าสู่ยุโรปและเอเชีย เมื่อประมาณ 17 ล้านปีก่อน ซึ่งต่อมาวิวัฒนาการไปเป็น บรรพบุรุษของลิงใหญ่ ลิงกอริลลา และลิงชิมแปนซี และก็มีสายพันธ์หนึ่ง วิวัฒนาการกลายเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์เมื่อประมาณ 6 ล้านปีก่อน แม้จะยังไม่ได้ข้อมูลจากฟอสซิล แต่การตรวจสอบทางโมเลกุล (ดีเอ็นเอ) ก็บอกให้เราทราบว่า บรรพบุรุษของมนุษย์ วิวัฒนาการแยกจากลิงกอริลลาเมื่อประมาณ 8 ล้านปีก่อน และแยกจากลิงชิมแปนซี เมื่อประมาณ 4 ล้านปีก่อน
ปัจจุบัน 1 ล้านปี 2 ล้านปี 3 ล้านปี 4 ล้านปี Human evolution Timeline
Homo sps. Cromayon Neanderthal man Australopithecines
Australopithecus มนุษย์วานร Australopithecus afarensis A.africanus A.robustus A.bosei
จากการค้นพบฟอสซิล พบบรรพบุรุษของมนุษย์ปรากฏขึ้นครั้งแรก สมัยไมโอซีน พบว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ African ape และเชื่อว่าวิวัฒนาการมาจากบรรพบุรุษเดียวกันเมื่อประมาณ 4-8 ล้านปีมาแล้ว มีการค้นพบฟอสซิลAustralopithecines4 สปีชีส์ คือ -Australopithecus afarensis -A.africanus -A.robustus -A.bosei
สปีชีส์แรก คือ Australopithecus afarensis ลักษณะสำคัญ มีขนาดใหญ่กว่าชิมแพนซีเล็กน้อย สูง 1-1.5 เมตร (3-5 ฟุต) น้ำหนักตัว 25-50 กิโลกรัม สมองมีขนาดเล็ก ประมาณ 380-450 ลบ.ซม. ช่วงแขนยาวกว่าช่วงขา มีการค้นพบฟอสซิลของA. afarensisในอัฟริกา มีลักษณะเป็นผู้หญิง ตั้งชื่อว่า “Lucy”
ฟอสซิลAustralopithecus afarensisชื่อลูซี “Lucy” ที่พบจำนวน 13ฟอสซิล ทางตอนเหนือของทะเลทรายในเอธิโอเปียน ปี1974 โดย Donald Johanson ฟอสซิลมีอายุมากกว่า 3 ล้านปี โครงกระดูกเป็นลักษณะผู้หญิง เดินตัวตรง
สปีชีส์ที่ 2 คือ Australopithecus africanus • นักมนุษย์วิทยาเชื่อว่า • africanusวิวัฒนาการมาจาก • A. afarensisขนาดสมองอยู่ระหว่าง • 494-600 ลบ.ซม.มีความสูงประมาณ 1.4 เมตร • ส่วนหน้ามีลักษณะแบน ฟันหน้า (incisor) • มีขนาดเล็ก พบฟอสซิลของA. africanus ในประเทศและเอธิโอเปีย มีอายุประมาณ 3 ล้านปีแทนซาเนีย
สปีชีส์ที่ 3 คือ Australopithecus robustus มีการดำรงชีวิตเมื่อประมาณ 2.3-1.3 ล้านปีมาแล้ว มีลักษณะแตกต่างไปจาก 2สปีชีส์แรก คือ สมองมีขนาดประมาณ 500-600 ลบ.ซม. มีความสูงประมาณ 1.5 เมตร น้ำหนักตัวประมาณ 45 กิโลกรัม มีหลักฐานพบว่า A. robustus มีการวิวัฒนาการแตกสายออกไป แล้วสูญพันธุ์
สปีชีส์สุดท้าย คือ Australopithecus boisei นักมนุษย์วิทยามีหลักฐานพบว่า มนุษย์วานร สปีชีส์นี้ วิวัฒนาการแตกสายแยกออกมาจาก A. afarensis สมองมีลักษณะคล้าย A. robustus มี Jaw ขนาดใหญ่ และมีความกว้างของฟันมากกว่า มีการดำรงชีวิตอยู่ทางตะวันออกของทวีปอัฟริกา ในช่วงระหว่าง 2.5-1.2 ล้านปีมาแล้ว
Human Species Homo sapiens Homo habilis Homo erectus
มนุษย์ มี 1 สกุล คือ สกุล Homo ประกอบด้วย 3 สปีชีส์ ได้แก่ -Homo habilis -Homo erectus -Homo sapiens H. habilis และ H. erectus จัดเป็นมนุษย์โบราณ ที่สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว
(1) Homo habilis มนุษย์โบราณ ที่มีการดำรงชีพ เมื่อประมาณ 3-2 ล้านปีมาแล้ว มีความสูงประมาณ 1.5 เมตร สมองมีขนาดใหญ่ประมาณ 700 ลบ.ซม. ส่งผลทำให้ส่วนหน้ามีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย แต่ขนาดของฟันหน้าและเขี้ยวกลับเล็กลง สามารถสร้างเครื่องมือหาอาหารสำหรับใช้ล่าสัตว์เล็กได้ มีการดำรงชีวิตแบบเร่ร่อน
ในปี 1960 นักมนุษย์วิทยาชื่อ Leaky ค้นพบฟอสซิลของ H. habilisที่เมือง Olduvai Gorge อยู่ทางตอนใต้ของทวีปอัฟริกา ฟอสซิลมีอายุประมาณ1.75 ล้านปี มีลักษณะเป็นผู้หญิง ตั้งชื่อฟอสซิลว่า “Twiggy”ยังมีการค้นพบฟอสซิลของ H. habilis อีกเป็นจำนวนมากในทะเลสาบ Turkana ที่อยู่ทางตอนเหนือ ของทวีปแอฟริกา บริเวณที่ค้นพบฟอสซิลH. habilis ปรากฏว่าพบหลักฐานการประดิษฐ์เครื่องมือล่าสัตว์ ที่ทำมาจากหินแบบง่ายๆ แสดงให้เห็นว่ามนุษย์สปีชีส์นี้มีการพัฒนาทางสมอง มีความสามารถในการควบคุมสภาพแวดล้อมได้
(2) Homo erectus เป็นมนุษย์กลุ่มแรก ที่อพยพย้ายถิ่นฐาน ออกจากทวีปอัฟริกา ไปยังทวีปเอเชียและทวีปยุโรป มีการดำรงชีพ เมื่อประมาณ 1.5 ล้านปีมาแล้ว -มีความสูงประมาณ 1.6-1.8 เมตร (6 ฟุต) -มีน้ำหนักตัวประมาณ 48 กิโลกรัม -มีขนาดสมองประมาณ 800-1250 ลบ.ซม. สามารถสร้างเครื่องมือล่าสัตว์ใหญ่ได้ มีการสร้างที่อยู่อาศัย แต่ยังคงดำรงชีวิตแบบเร่ร่อน มีเครื่องนุ่งห่ม เริ่มรู้จักใช้ไฟ
มีการค้นพบฟอสซิลมนุษย์โบราณ Homo erectus โดยพบกะโหลกศีรษะ ในทะเลสาบ Turkana ฟอสซิล มีอายุมากกว่า 1.5 ล้านปี มีลักษณะค่อนมาทางมนุษย์ปัจจุบันฟอสซิลมีลักษณะคล้ายมนุษย์ชวา และ มนุษย์ปักกิ่ง
(3)Homo sapiens มนุษย์ปัจจุบัน มีเพียง 1 สปีชีส์ แบ่งออกเป็น -มนุษย์ปัจจุบันสมัยแรก Homo sapiens Neanderthal -มนุษย์ปัจจุบันสมัยสุดท้าย Homo sapiens sapiens
มนุษย์ปัจจุบันสมัยแรก Homo sapiens neanderthalensis ดำรงชีพ เมื่อประมาณ 4 แสนปีมาแล้ว สมองมีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์ปัจจุบันเล็กน้อย ขนาดสมองประมาณ 1,400 ลบ.ซม. พบฟอสซิลที่บริเวณNeanderthal valley
มนุษย์นีอัลเดอร์ทัล โครงร่างมีลักษณะเตี้ย มีกล้ามเนื้อ มากกว่ามนุษย์ปัจจุบันจมูกมีลักษณะแบน และ รูจมูกกว้าง ทั้งนี้ เนื่องจากมีการดำรงชีพอยู่ในเขตหนาวทำให้นักมนุษย์วิทยามีข้อสันนิษฐานว่า การที่มีโครงร่างและลักษณะในแบบนี้อาจมีผลเนื่องจากต้องมีการปรับตัวเพื่อให้สามารถดำรงชีพในเขตหนาวได้ดีขึ้น
ความแตกต่างของกระโหลกศีรษะความแตกต่างของกระโหลกศีรษะ ระหว่างมนุษย์ปัจจุบันและมนุษย์นีอัลเดอร์ทัล ลักษณะทั่วไปจะคล้ายคลึงกัน มีเพียงบางลักษณะ ที่แตกต่างกันเห็นได้ชัดคือ นีอัลเดอร์ทัล หน้าผากลาดแคบ มีสันคิ้วใหญ่หนา คางแคบหดไปทางด้านหลัง
มนุษย์ปัจจุบันสมัยสุดท้าย Homo sapiens sapiens ดำรงชีพเมื่อ ประมาณ 3 หมื่น ถึง 1 แสนปี มาแล้ว ลักษณะสมอง มีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์ปัจจุบันเล็กน้อย ประมาณ 1,350 ลบ.ซม.
วิวัฒนาการด้านอารยธรรมวิวัฒนาการด้านอารยธรรม (Cultural evolution)
สาเหตุที่ทำให้มนุษย์มีวิวัฒนาการด้านอารยธรรม เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ 2 ประการ คือ 1) การเดินตัวตรงของมนุษย์ ส่งผลให้กระโหลกศีรษะ มีการเปลี่ยนแปลง มีสมองใหญ่ขึ้น มีความคิดมากขึ้น ทำให้มนุษย์มีวิวัฒนาการด้านวัฒนธรรมและอารยธรรม 2) พ่อแม่ดูแลลูกเป็นระยะเวลานาน ส่งผลทำให้ ลูกมีโอกาสได้เรียนรู้สิ่งต่างๆจากพ่อแม่มากขึ้น ได้แก่ Knowledge, Customs, belief, Arts, etc
วิวัฒนาการทางอารยธรรมของมนุษย์ แบ่งออกเป็น 3 ช่วง Scavenging-gathering- Hunting เป็นช่วงแรกของ Homo habilis, H. erectus, Neanderthal (Modern man) Agriculture The machine age
Cultural evolution เป็นสิ่งสำคัญ ที่ส่งผลทำให้มนุษย์ สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมของโลกให้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าปกติ Cultural evolution ที่เกิดขึ้นจากเปรียบเทียบการเจริญด้านวัฒนธรรมและอารยธรรม และจากลักษณะที่แตกต่างทางพันธุกรรมได้แก่ สีผิว สีผม สีตา และ รูปร่างที่แตกต่างกันไปตามถิ่นที่อยู่อาศัยดั้งเดิม ส่งผลให้เกิดการแบ่ง เผ่าพันธุ์ (Races)
คอเคซอยด์ (Caucasoid) การแบ่ง เผ่าพันธุ์มนุษย์ (Races)แบ่งออกเป็น -คอเคซอยด์ (Caucasoid) -มองโกลอยด์ (Mongoloid) -นีกรอยด์(Negroid) -ออสเตรลอยด์ (Australoid)
อ้างอิง th.wikipedia.org/wiki/วิวัฒนาการของมนุษย์