450 likes | 957 Views
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 กับความเชื่อมโยงสู่เมืองเกษตรสีเขียว. นายสุรชัย คุ้มสิน ผู้อำนวยการ สำนักวางแผนการเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการ พัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ วันที่ 19 กันยายน 255 7 โรงแรมโกลด์เมาท์เท่น วังน้ำเขียวรีสอร์ท จ.นครราชสีมา.
E N D
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11กับความเชื่อมโยงสู่เมืองเกษตรสีเขียว นายสุรชัย คุ้มสิน ผู้อำนวยการสำนักวางแผนการเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ วันที่ 19 กันยายน 2557โรงแรมโกลด์เมาท์เท่น วังน้ำเขียวรีสอร์ท จ.นครราชสีมา
ประเด็นนำเสนอ • ประเด็นท้าทายต่อการพัฒนาภาคเกษตร • ทิศทางของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 • แผนฯ 11 กับการปรับตัวสู่การเติบโตสีเขียว • แนวทางการพัฒนาภาคเกษตรสู่เมืองเกษตรสีเขียว
1. ประเด็นท้าทายต่อการพัฒนาภาคเกษตร บริบทการเปลี่ยนแปลง กฎกติกาใหม่ของโลก ประชาคมอาเซียน ปัจจัยภายนอก ผลต่อภาคเกษตรในอนาคต ประเทศสมาชิกมีการค้าขายระหว่างกันมากขึ้น ทำให้มีการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้าน • กฎ กติกาใหม่ของโลกในการบริหารจัดการด้านเศรษฐกิจและสังคมโลก เช่น การค้า การลงทุน การเงิน สิ่งแวดล้อม และสิทธิมนุษยชน ความสามารถในการแข่งขัน ความอ่อนแอในภาคเกษตร สังคมสูงอายุ ความมั่นคงอาหารและพลังงาน ปัจจัยภายใน • สุขภาพเกษตรกรมีความเสี่ยงและไม่ปลอดภัยจากสารเคมี • โครงสร้างพื้นฐานไม่เพียงพอ • ต้นทุนการผลิตสูง • พึ่งพาต่างประเทศมาก • การแย่งใช้ทรัพยากรจากภาคการผลิตอื่น • การแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้าน โครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ มีผลต่อแรงงานภาคเกษตร และผลิตภาพในการผลิต ความมั่นคงในอาชีพเกษตรกรรม พฤติกรรมการบริโภค ฐานทรัพยากร คุณภาพชีวิตเกษตรกร ให้ความสำคัญกับสุขภาพและอาหารปลอดภัยมากขึ้น ใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง/ไม่มีประสิทธิภาพ และขาดการบำรุงรักษาเกิดความเสื่อมโทรมโดยเฉพาะปัญหาดินเสื่อมสภาพ กว่า 190 ล้านไร่ หรือร้อยละ 60 ของพื้นที่ประเทศ Climate Change การใช้พลังงานที่ผลิตจากพืช มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ทั้งอุทกภัย/ภัยแล้ง/ศัตรูพืช มีผลต่อผลผลิตการเกษตร แนวโน้มราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทนจากพืชมากขึ้น
ปัจจัยภายใน: ความสามารถในการแข่งขันต่ำกว่าคู่แข่ง ผลิตภาพการผลิตรวม (TFP)รายสาขาการผลิต ในแต่ละช่วงแผนพัฒนาฯ ของประเทศ ในช่วง 26 ปี ภาคเกษตร มีผลิตภาพการผลิตรวม อยู่ในระดับต่ำเฉลี่ยลดลง ร้อยละ 0.6 ที่มา : สศช. ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผลิตภาพการผลิตรวมของภาคเกษตร (TFP) • ทรัพยากรดินมีจำกัดและเสื่อมโทรมมากขึ้นเช่น ดินกรด ดินตื้น ดินดาน ดินเค็ม ดินทรายจัด ดินเปรี้ยวจัด เป็นต้น ประมาณ 202 ล้านไร่ • ปัญหาภัยธรรมชาติภาคเกษตรได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติและโรคศัตรูพืชระบาดมาโดยตลอด เช่น มหาอุทกภัย ปี 2554 ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นพื้นที่กว่า 11.2 ล้านไร่ ปัญหาภัยแล้ง ปี 2555 มีจังหวัดประกาศเป็นพื้นที่ภัยแล้งมากถึง 50 จังหวัด เป็นต้น • โลจิสติกส์สินค้าเกษตรมีต้นทุนสูงกว่าร้อยละ 21 ของ GDP เนื่องจากสินค้าเกษตรมีขนาดใหญ่ ช่วงอายุสั้น อัตราการสูญเสียสูง และระบบการจัดการโลจิสติกส์ยังขาดการพัฒนา ส่วนใหญ่ขนส่งทางถนน 38% มีวิ่งเที่ยวเปล่าสูง และระยะทางไกลทำให้ต้นทุนเชื้อเพลิงสูง • ประสิทธิภาพการผลิตภาคเกษตรของไทยยังต่ำกว่าประเทศคู่แข่งขันเช่น ข้าว มีผลผลิตเฉลี่ย 451 กิโลกรัมต่อไร่ ในปี 2556 ซึ่งน้อยกว่าประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามที่มีผลผลิตเฉลี่ย 902 กิโลกรัมต่อไร่ • ราคาสินค้าเกษตรมีความผันผวน เป็นวัฎจักรกระทบรายได้เกษตรกร เกิดความยากจน ปี 2550 คนยากจน 5.4 ล้านคน และครึ่งหนึ่งเป็นเกษตรกร
ปัจจัยภายใน: ความสามารถในการแข่งขันต่ำกว่าคู่แข่ง ผลผลิตต่อไร่ของพืชเศรษฐกิจไทย ปี 2552-2554 ยางพารา ข้าว มันสำปะหลัง ผลผลิตต่อไร่ของพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้าว ยางพารา และมันสำปะหลัง มีแนวโน้มลดลง เมื่อเทียบกับประเทศผู้ผลิตรายสำคัญอื่นๆ ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2556
ปัจจัยภายใน: ความอ่อนแอของภาคเกษตร/เกษตรกรรายย่อย • การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในสังคมเกษตรที่ต่างคนต่างอยู่มากขึ้น • ปัญหาสุขภาพของเกษตรกร มีแนวโน้มความเสี่ยงและไม่ปลอดภัยจากพิษภัยของสารเคมีเพิ่มสูงขึ้น • โครงสร้างพื้นฐานด้านเกษตรไม่เพียงพอต่อการเพิ่มผลิตภาพ โดยเฉพาะพื้นที่ชลประทานที่มีเพียง 28 ล้านไร่ หรือร้อยละ 22 ของพื้นที่เกษตร • ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ทั้งปัจจัยการผลิตและขนส่งตามราคาพลังงาน • พึ่งพาต่างประเทศมาก เช่น การนำเข้าปุ๋ยและสารเคมีประมาณปีละ 80,000 ล้านบาท • ทรัพยากรถูกแย่งชิงจากภาคการผลิตอื่น ทั้งที่ดินและน้ำ • การเปิดเขตการค้าเสรีมีผลต่อความสามารถในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน
ปัจจัยภายใน: ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงมาก ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2556
ปัจจัยภายใน: สัดส่วนแรงงานเกษตรลดลงและอายุมากขึ้น ที่มา : สำนักงานสถิติแห่งชาติ, 2555
ทรัพยากรธรรมชาติถูกใช้เกินระดับที่จะฟื้นคืนตัวได้ ตามธรรมชาติ • วิกฤตการขาดแคลนน้ำ • วิกฤตพลังงาน-อาหาร • การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก • การกีดกันทางการค้าด้วยมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม • การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ปัจจัยภายนอก: กฎ กติการใหม่ของโลก การปรับเปลี่ยนกฎ กติกาใหม่ที่เกิดขึ้นในโลก มีผลต่อการผลิต การค้าและการลงทุนของประเทศ เช่น มาตรการด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช มาตรการด้านสิ่งแวดล้อม มาตรการทางการค้าที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาโลกร้อน สังคมสีเขียว/คาร์บอนต่ำ ปัจจัยภายในประเทศ ปัจจัยภายนอกประเทศ • มลพิษส่งผลกระทบต่อสุขภาพชุมชน • ความขัดแย้งระหว่างรัฐ เอกชน ชุมชนเพิ่มขึ้น • การใช้พื้นที่ไม่เหมาะสมตามผังเมือง สร้างปัญหาจราจรแออัด ของเสียมากเกินความสามารถในการกำจัด • การใช้พลังงานเพิ่มสูงขึ้น • กระแสคัดค้านการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่
ปัจจัยภายนอก: การเข้าร่วมประชาคมอาเซียน ข้อผูกภันภายใต้ AEC (สินค้าเกษตร) • ภาษีระหว่างกันเป็น 0 ภายในปี 2558 • ยกเว้น sensitive list (<5%), • highly sensitive list (ลดภาษีลงในระดับที่ตกลงกัน) • คุณภาพ ความปลอดภัย และความมั่นคงทางอาหาร • HCCP, GAP, GAHP, GHP, GMP, มาตรฐานสุขอนามัย สารพิษตกค้าง • การวิจัยและการถ่ายโอนเทคโนโลยี • พันธมิตรสหกรณ์การเกษตร SMEs และวิสาหกิจชุมชน
2. ทิศทางของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ด้วยความเสมอภาค เป็นธรรมและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย • สร้างสังคมเป็นธรรม ทุกชีวิตมั่นคง ความขัดแย้งระหว่างรัฐกับประชาชนลดลง การทุจริตคอรัปชั่นลดลง • พัฒนาคนไทยให้มีคุณธรรม ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ลดลง สิ่งแวดล้อมอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เศรษฐกิจเติบโต คนไทยอยู่เย็นเป็นสุขเพิ่มขึ้น เรียนรู้ตลอดชีวิต ปรับตัวเท่าทันการ เปลี่ยนแปลง เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง สุขภาวะดีขึ้น สังคมสงบสุข • พัฒนาการผลิตและบริการ บนฐานความรู้และการสร้างสรรค์ พร้อมทั้งปรับโครงสร้างการผลิตและบริโภคให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพิ่มขีดความสามารถการประกอบธุรกิจ รักษาปริมาณการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารให้พอต่อความต้องการบริโภค • สร้างความมั่นคงด้านอาหาร พลังงาน ฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพิ่มประสิทธิภาพการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มีระบบเตือนภัยรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และพื้นที่ป่าไม้เพิ่มขึ้น รวมทั้งสร้างภูมิคุ้มกันรองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สังคม อยู่ร่วมกันอย่าง มีความสุข เสมอภาค เป็นธรรม มีภูมิคุ้มกันต่อ การเปลี่ยนแปลง ยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 ยุทธศาสตร์ สร้างความเป็นธรรมในสังคม ยุทธศาสตร์ จัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืน ยุทธศาสตร์ พัฒนาคนสู่สังคมแห่ง การเรียนรู้ตลอดชีวิต อย่างยั่งยืน ยุทธศาสตร์ สร้างความเชื่อมโยง กับประเทศในภูมิภาค เพื่อความมั่นคงทาง เศรษฐกิจและสังคม 1 2 4 5 6 3 4 ยุทธศาสตร์ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพ และยั่งยืน ยุทธศาสตร์ ความเข้มแข็งภาคเกษตร ความมั่นคงของอาหาร และพลังงาน
3 3 5) ยุทธศาสตร์การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน สอดคล้อง วัตถุประสงค์1.เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติให้อุดม สมบูรณ์ เอื้อต่อภาคการผลิต และเป็นฐานการ ดำรงชีวิตของประชาชนได้อย่างมีความสุข สามารถ เข้าถึงทรัพยากรได้อย่างเสมอภาคและเป็นธรรม 2.เพื่อขับเคลื่อนการผลิต/บริโภคไปสู่สังคมเป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม3.เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน/เตรียมพร้อมในการรองรับและ ปรับตัวต่อผลจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ เป้าหมาย 1.เพิ่มความสมบูรณ์ของฐานทรัพยากรและความ หลากหลายทางชีวภาพให้เพียงพอกับการรักษา ระบบนิเวศและการใช้ประโยชน์อย่างสมดุล 2.เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและใช้ ประโยชน์อย่างคุ้มค่าและเป็นธรรม3.สร้างขีดความสามารถในการปรับตัวเพื่อรับมือ และลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ปกป้อง และลดการสูญเสียพื้นที่เสี่ยงภัย ป ร ะ เ มิ น จ า ก 8 1. พื้นที่ป่าไม้และพื้นที่อนุรักษ์ที่ได้รับการฟื้นฟู 2. จำนวนชนิดพันธุ์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ 3. สัดส่วนมูลค่าของสินค้าที่เป็นมิตรกับ สวล. ต่อสินค้าทั่วไป 4. สัดส่วนการใช้พลังงานต่อมูลค่ารวมของผลผลิตมวลรวมในประเทศ 5. ระบบฐานข้อมูลที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ ดัชนีชี้วัด 6.จำนวนชุมชนที่มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ สวล. 7.ปริมาณน้ำท่าและน้ำต้นทุน/มูลค่าความเสียหายจากพิบัติภัยธรรมชาติ 8.มีฐานข้อมูล/แผนที่แสดงพื้นที่เสี่ยงภัยจากภาวะโลกร้อน
5) ยุทธศาสตร์การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน (ต่อ) 6 แนวทางการพัฒนา การอนุรักษ์ ฟื้นฟูและสร้างความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การปรับกระบวนทัศน์การพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การเป็นเศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำ การยกระดับขีดความสามารถในการรับมือและปรับตัวต่อการเปลี่ยน แปลงสภาพภูมิอากาศ การเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ การสร้างภูมิคุ้มกันด้านการค้าจากเงื่อนไขด้านสิ่งแวดล้อมและวิกฤตจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเพิ่มบทบาทประเทศไทยในเวทีประชาคมโลกที่เกี่ยวข้องกับกรอบความตกลงและพันธกรณีด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ การควบคุมและลดมลพิษ การพัฒนาระบบการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใสและเป็นธรรมอย่างบูรณาการ
3) ยุทธศาสตร์ความเข้มแข็งภาคเกษตร ความมั่นคงของอาหารและพลังงาน 4 5 สอดคล้อง เป้าหมาย 1. เพิ่มมูลค่าผลผลิตภาคเกษตรไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ 2. ปริมาณผลผลิตการเกษตรเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับความต้องการ และมีคุณภาพตามมาตรฐานสากล 3. เกษตรกรมีอาชีพและรายได้มั่นคงจากการผลิตทางการเกษตร 4. เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตภาคเกษตรและพลังงานทดแทน 5. สร้างความสมดุล มั่นคงด้านพลังงาน และความหลากหลายของพลังงานทางเลือก วัตถุประสงค์ 1. เพื่อสร้างฐานภาคเกษตรให้เข้มแข็ง สามารถผลิตอาหารที่มีคุณภาพและมีปริมาณเพียงพอสำหรับผู้บริโภคทุกคนภายในประเทศ มีราคาที่เหมาะสม และสนับสนุนความเข้มแข็งของชุมชนในชนบท 2. เพื่อให้ภาคเกษตรเป็นฐานการผลิตที่ทำให้เกิดความมั่นคงในอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรกร 3. เพื่อสร้างความสมดุลและมั่นคงของการใช้ผลิตผลการเกษตรเพื่อเป็นอาหารและพลังงาน 4. เพื่อจัดหาพลังงานให้มีความมั่นคงเพียงพอกับความต้องการใช้ในประเทศ ป ร ะ เ มิ น จ า ก 6 ดัชนีชี้วัด 4. ปริมาณการนำเข้าปุ๋ยเคมีและสารเคมีทางการเกษตร 5. รายได้สุทธิทางการเกษตร และความสามารถในการชำระหนี้สินของเกษตรกร 6. สัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนรูปแบบต่างๆ และความสามารถในการพึ่งพาตัวเองด้านพลังงาน 1. สัดส่วนมูลค่าผลิตผลภาคเกษตรต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ 2. ปริมาณสินค้าเกษตรอาหารที่ได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานสากล 3. ผลผลิตต่อพื้นที่ของพืชอาหารและพืชพลังงาน และสัดส่วนพลังงานที่ผลิตได้จากพืชต่อพืชพลังงานที่ใช้เป็นเชื้อเพลิง
กรอบการพัฒนาการเกษตร ภายใต้แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 พัฒนาฐานทรัพยากร 1. การพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นฐานการผลิตภาคเกษตรให้เข้มแข็งและยั่งยืน ยกระดับความสามารถการแข่งขัน 2. การเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพการผลิตภาคเกษตร 3. การสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรตลอดห่วงโซ่การผลิต 4. การสร้างความมั่นคงในอาชีพและรายได้ให้แก่เกษตรกร สร้างความมั่นคงให้กับเกษตรกร 5. การสร้างความมั่นคงด้านอาหาร และพัฒนาพลังงานชีวภาพในระดับครัวเรือน และชุมชน 6. การสร้างความมั่นคงด้านพลังงานชีวภาพเพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศ และความเข้มแข็งภาคเกษตร 7. การปรับระบบการบริหารจัดการภาครัฐเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน บริหารจัดการ
แนวทางการพัฒนา พัฒนาฐานทรัพยากร • คุ้มครองพื้นที่ที่มีศักยภาพทางการเกษตรและสนับสนุนให้เกษตรกรรายย่อยมีที่ดินเป็นของตนเอง ที่ดินทำกิน • ฟื้นฟูคุณภาพทรัพยากรดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ • บริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำภาคการเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติ ยกระดับความสามารถการแข่งขัน R & D • สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ รวมทั้งสนับสนุนการบริหารจัดการและการสร้างนวัตกรรมตลอดห่วงโซ่การผลิตสินค้าเกษตร • ปรับปรุงบริการขั้นพื้นฐานเพื่อการผลิตให้ทั่วถึง เช่น ศูนย์เครื่องจักรกลการเกษตรหรือศูนย์เรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตในชุมชน โครงสร้างพื้นฐาน • สนับสนุนการผลิตทางการเกษตรที่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ • สนับสนุนการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพระบบการบริหารจัดการโลจิสติกส์ของภาคเกษตรที่เชื่อมโยงตลอดห่วงโซ่อุปทาน บริหารจัดการห่วงโซ่การผลิต
แนวทางการพัฒนา (ต่อ) ยกระดับความสามารถการแข่งขัน(ต่อ) พัฒนาคุณภาพมาตรฐาน และสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้า • สนับสนุนการยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร รวมทั้งพัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับ • สร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรในการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารตามมาตรฐานที่กำหนด • ส่งเสริมระบบตลาดกลางสินค้าเกษตรและตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าให้เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ • ส่งเสริมภาคเอกชนและองค์กรชุมชนเข้ามามีบทบาทในการบริหารจัดการระบบสินค้าเกษตร การเพิ่มมูลค่า และการจัดการด้านการตลาด ร่วมกับสถาบันเกษตรกร ระบบตลาด สร้างความมั่นคงให้กับเกษตรกร • เร่งพัฒนาระบบประกันภัยพืชผลการเกษตร • ส่งเสริมระบบการทำการเกษตรแบบมีพันธะสัญญาที่สร้างความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ด้านรายได้ ด้านอาชีพ • สร้างแรงจูงใจให้เยาวชนหรือเกษตรกรรุ่นใหม่เข้าสู่อาชีพเกษตรกร • พัฒนาสถาบันเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนให้เป็นกลไกสนับสนุนการพึ่งตนเอง
แนวทางการพัฒนา (ต่อ) สร้างความมั่นคงให้กับเกษตรกร (ต่อ) • ส่งเสริมให้เกษตรกรทำการเกษตรกรรมที่ยั่งยืน • ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการจัดการและเผยแพร่องค์ความรู้และการพัฒนาด้านอาหารศึกษาทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง • สนับสนุนการสร้างเครือข่ายการผลิตและการบริโภคที่เกื้อกูลกันในระดับชุมชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน ด้านความมั่นคงอาหาร • ส่งเสริมการนำวัตถุดิบเหลือใช้จากการเกษตรมาผลิตเป็นพลังงานทดแทน • วิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพลังงานจากพืชพลังงาน • จัดให้มีระบบการบริหารจัดการสินค้าเกษตรที่ใช้เป็นทั้งอาหารและพลังงาน • เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการใช้พลังงานชีวภาพที่เกี่ยวเนื่อง ด้านความมั่นคงพลังงานในชุมชน
ผลการดำเนินงานพัฒนาภาคเกษตร ตามแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11
ยุทธศาสตร์ประเทศ: สร้างฐานเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน
ประเด็นยุทธศาสตร์ประเทศประเด็นยุทธศาสตร์ประเทศ
ทิศทางการพัฒนาในระยะต่อไปทิศทางการพัฒนาในระยะต่อไป คสช. มีนโยบายที่สำคัญ ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ การส่งเสริมให้มีตลาดกลางผลิตผลการเกษตร เพื่อลดการผูกขาดหรือระบบนายทุนที่ไม่เป็นธรรม โดยใช้แนวทางเดียวกับระบบสหกรณ์ ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของภาคประชาชนไปพร้อม ๆ กัน ทั้งในระดับหมู่บ้าน ท้องถิ่น และประเทศชาติอย่างยั่งยืน การพัฒนาอาชีพและรายได้ ให้มีการยกระดับ/พัฒนาในทุกกลุ่ม มีเงินทุนสนับสนุนทั้งจากรัฐบาล ภาคเอกชน ธุรกิจทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ต้องได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง เพื่อให้มีการกระจายรายได้ในทุกระดับ และลดความเหลื่อมล้ำของสังคม
ทิศทางการพัฒนาในระยะต่อไป(ต่อ)ทิศทางการพัฒนาในระยะต่อไป(ต่อ) ด้านการวิจัยและพัฒนา จัดสรรงบประมาณให้เพียงพอ และเน้นการปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยพัฒนาต่อยอดจากสิ่งที่ต้องซื้อจากต่างประเทศเป็นหลัก เพื่อให้เกิดงานในประเทศ มีสินค้าส่งออก โดยใช้วัตถุดิบภายในประเทศ เพื่อเพิ่มมูลค่ารายได้ต่อเกษตรกร เช่น ปาล์ม ยาง พืชพลังงาน ฯลฯ นอกเหนือจากการปลูกข้าว หรือผลิตผลพืชหลักอื่นๆ ส่งเสริมให้มีการร่วมลงทุนจากต่างประเทศทั้งในการวิจัยและพัฒนา การผลิตภายในประเทศเป็นหลัก ในลักษณะการร่วมลงทุนในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวิจัยพัฒนา สู่กระบวนการผลิตและจำหน่าย เป็นสินค้าส่งออกของประเทศไทย ให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ในสินค้าทุกประเภทที่มีความจำเป็น เตรียมการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ปี 2558 สนับสนุนการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน รวมทั้งการส่งเสริมอัตลักษณ์ของรัฐสมาชิก ให้ความสำคัญกับการรักษาพื้นที่ป่า โดยเฉพาะตามแนวชายแดนของประเทศที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย
3. แผนฯ 11 กับการปรับตัวสู่ การเติบโตสีเขียว การปรับโครงสร้างภาคเกษตรไปสู่การผลิตที่ยั่งยืน การปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมสู่การผลิตแบบ Green/Low Carbonและใช้พลังงานทดแทน การปรับโครงสร้างภาคเกษตรไปสู่การผลิตที่ยั่งยืน การปรับโครงสร้างภาคเกษตรไปสู่การผลิตที่ยั่งยืน เศรษฐกิจสร้างสรรค์และเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Creative and Green Economy) การเปลี่ยนแปลงนโยบายพลังงานและขนส่ง ไปสู่การใช้พลังงานสะอาดและ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการบริการด้านสุขภาพ การปรับโครงสร้างภาคเกษตรไปสู่การผลิตที่ยั่งยืน การฟื้นฟู ดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรม การพัฒนาตลาดคาร์บอนเครดิต และการใช้ประโยชน์จาก CDM การใช้ประโยชน์จากมาตรการ สร้างรายได้จากการอนุรักษ์: REDD, PES, Biodiversity Offsets การปรับโครงสร้างภาคเกษตรไปสู่การผลิตที่ยั่งยืน การใช้ประโยชน์จากการเป็นภาคีในประชาคมอาเซียน
การขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเติบโตสีเขียวที่ผ่านมาการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเติบโตสีเขียวที่ผ่านมา
แนวทางการขับเคลื่อนภาคเกษตรสู่การเติบโตสีเขียวแนวทางการขับเคลื่อนภาคเกษตรสู่การเติบโตสีเขียว ศึกษาวิจัยและทดลองตามขั้นตอน ระบบ GAP เพื่อสร้างความเข้าใจอย่างง่ายเกี่ยวกับการดำเนินงาน/ประโยชน์ของGAP สนับสนุนเครือข่ายที่มีอยู่ให้เป็นศูนย์รวมทุกด้านเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ตามวิถีพื้นบ้าน พัฒนาแหล่งน้ำ/จัดสรรที่ดินให้เพียงพอ และสร้างกลไกรักษาระดับราคาเพื่อสนับสนุนเชิงพาณิชย์ สนับสนุนการรวมกลุ่มเครือข่ายการผลิต/ตลาด ช่วยเหลือด้านการลงทุน ฝึกอบรมกระบวนการผลิต และการตรวจสอบรับรอง สนับสนุนเอกชนให้จัดตลาดนัดสีเขียวในชุมชน และการทำธุรกิจบนเว็บไซต์ เร่งขยายตลาดต่างประเทศควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ ประชาสัมพันธ์ ร่วมกับขยายช่องทางการตลาดที่ชัดเจนและกระจายสู่ตลาดทั่วไปมากขึ้น พัฒนาระบบขอรับรองมาตรฐานทุกประเภทไว้ด้วยกัน ผลักดันร่าง พ.ร.บ. มาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. 2551 ฉบับปรับปรุง สนับสนุนการจัดระบบตรวจรับรองและระบบตรวจสอบย้อนกลับสินค้าให้มีประสิทธิภาพ ร่วมกับให้เกษตรกรร่วมรับภาระค่าใช้ในการตรวจรับรองบางส่วน เพื่อรองรับการถ่ายโอนภารกิจให้เอกชนในอนาคต สนับสนุนการวิจัยพัฒนาร่วมกับปราชญ์ชาวบ้าน องค์กรพัฒนาเอกชน และรวบรวมองค์ความรู้ให้เป็นระบบ เข้าถึงง่าย ผ่านกลไกการดำเนินงานที่มีอยู่ ร่วมกับพัฒนาและเตรียมบุคลากร ให้มีความรู้/เข้าใจเกี่ยวกับการผลิต ช่องทางการตลาด และการตรวจรับรอง ผลักดันผ่านคณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ และคณะทำงานบูรณาการเกษตรอินทรีย์จังหวัด
แนวทางการขับเคลื่อนการจัดการแบบไร้ของเสีย (Zero Waste) สร้างตลาดสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เมือง การพัฒนาเมืองสีเขียวคาร์บอนต่ำ เสริมสร้างระบบหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ บริหารจัดการของเสีย สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อปรับปรุงอุปกรณ์ เพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง พัฒนาเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่สะอาด/CSR เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ พัฒนาระบบการใช้ผลผลิตระหว่างภาคการเกษตร อุตสาหกรรมแปรรูปและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เกษตร นำของเสียและวัสดุเหลือใช้จากการเกษตรมาผลิตเป็นพลังงาน ส่งเสริมการทำเกษตรปลอดการเผา นำเทคโนโลยีที่เหมาะสมและภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้เพื่อลดปริมาณเศษพืชและวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร พัฒนากลไกและเครื่องมือในการบริหารจัดการ ท่องเที่ยว ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีในภาคบริการการท่องเที่ยว ส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวและการบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างจิตสำนึก ความรู้ และทักษะด้านการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
แนวทางการพัฒนาเมือง ในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 • เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ • พัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อุตสาหกรรมหลักของประเทศอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมให้เอกชน ชุมชน สถาบันศึกษาและภาครัฐร่วมกันกำหนดกรอบการพัฒนา มาตรฐานขององค์ประกอบที่จำเป็นของอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ พัฒนาพื้นที่แต่ละแห่งให้เหมาะกับขนาดของชุมชน • ทบทวน ปรับปรุงและตรากฎหมาย และสิทธิประโยชน์ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเมือง เขต และนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ • สนับสนุนการอยู่ร่วมกันของอุตสาหกรรมและชุมชนอย่างยั่งยืนในลักษณะเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ที่มีการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน • เมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม • พัฒนาเมืองแบบกระชับ ที่ใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ความสำคัญกับการเพิ่มพื้นที่สีเขียว และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานด้วยการใช้เทคโนโลยีการออกแบบโครงสร้างพื้นฐาน ระบบขนส่งและอาคารที่อยู่อาศัยที่ประหยัดพลังงาน • กำกับการใช้ประโยชน์ที่ดินตามผังเมืองอย่างจริงจัง ทั้งในและนอกเขตเมือง กำหนดมาตรการควบคุมการขยายตัวของเมืองและพื้นที่ชุมชนในเขตชลประทาน • จัดการสิ่งแวดล้อมเมืองอย่างบูรณาการด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม ทั้งน้ำเสียและขยะมูลฝอย ภายใต้หลักการ 3R และส่งเสริมศักยภาพท้องถิ่นให้สามารถบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน • สร้างแรงจูงใจและสนับสนุนด้านภาษี เพื่อส่งเสริมการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีหรืออุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ใช้พลังงานทดแทนควบคู่กับการปรับปรุงกฎระเบียบให้มีการประหยัดพลังงานในอาคาร
เมืองน่าอยู่ • สนับสนุนการจัดหาที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยและเข้าถึงระบบสาธารณูปโภค โดยกำหนดเป็นนโยบายที่อยู่อาศัยแห่งชาติและเมืองน่าอยู่ พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแก้ปัญหาชุมชนแออัดในเมือง แนวทางการพัฒนาเมือง ในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 (ต่อ) • เมืองสร้างสรรค์ • ส่งเสริมการพัฒนาเมืองสร้างสรรค์ โดยพัฒนาปัจจัยแวดล้อมด้านต่างๆ ของพื้นที่ทั้งด้านกายภาพ กฎ ระเบียบต่างๆ ที่เอื้อต่อการพัฒนาวิสาหกิจของธุรกิจสร้างสรรค์
4. แนวคิด: เมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม/เมืองที่ปล่อยคาร์บอนสู่สิ่งแวดล้อมต่ำ
แนวทางการพัฒนาภาคเกษตรสู่เมืองเกษตรสีเขียวแนวทางการพัฒนาภาคเกษตรสู่เมืองเกษตรสีเขียว • มีความอุดมสมบูรณ์ / ลดความเสื่อมโทรม • บริหารจัดการด้านการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ ฐานทรัพยากรมีความยั่งยืน • เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต / ลดต้นทุนการผลิต • บริหารจัดการผลผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการ • วิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ / สร้างมูลค่าเพิ่มตลอดห่วงโซ่ • พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน รวมทั้งระบบโลจิสติกส์ • การสร้างเครือข่าย / การรวมกลุ่ม / การพัฒนาเชิงพื้นที่ (Area base) • การพัฒนาภาคเกษตรอย่างยั่งยืน ความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น • มีความมั่นคงด้านอาหาร • มีที่ดินทำกิน • มีรายได้ในระดับที่เพียงพอต่อการประกอบอาชีพการเกษตร • ไม่มีหนี้สิน เกษตรกรเข้มแข็งมีคุณภาพชีวิตที่ดี
1) ปฏิรูปฐานการผลิตภาคเกษตรให้เข้มแข็งและยั่งยืน การเข้าถึงและมีส่วนร่วมของเกษตรกรและชุมชนในการจัดการฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งที่ดิน แหล่งน้ำ ความหลากหลายทางชีวภาพ การแก้ปัญหาขาดแคลนที่ดินทำกิน การสร้างระบบการวิจัยพัฒนาแบบมีส่วนร่วม ทั้งพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ การจัดการพันธุกรรมพืชและสัตว์ในท้องถิ่น และเทคโนโลยีการผลิตเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสอดคล้องกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีแปรรูปการเกษตรในเชิงประยุกต์ที่สามารถนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ การจัดการองค์ความรู้แบบบูรณาการ ข้อมูลข่าวสาร กระบวนการเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและการตลาดที่เหมาะสมแก่เกษตรกรอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง ผ่านแหล่งเรียนรู้ในพื้นที่เช่น ศูนย์ปราชญ์ชาวบ้านในพื้นที่ที่เป็นต้นแบบความสำเร็จในการประกอบอาชีพการเกษตร ศูนย์ศึกษาฯ ต่างๆ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน • การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีความจำเป็นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เช่น เครื่องจักรกลการเกษตร ศูนย์ข้าวชุมชน โรงสี/โรงงานแปรรูป แหล่งน้ำ และระบบข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศครัวเรือนเกษตรกรรายแปลง • การจัดระบบสวัสดิการให้ครอบคลุมเกษตรกรในทุกสาขาอาชีพ และสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
2) ปฏิรูปการผลิตและตลาดที่เป็นธรรมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม • การจัดระบบการผลิตให้สอดคล้องกับศักยภาพพื้นที่และความต้องการของตลาด ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ • การสร้างความเข้มแข็งขององค์กรเกษตรกรและเครือข่ายให้มีอำนาจต่อรองการผลิตและตลาด รวมทั้ง การเข้าถึงแหล่งทุนที่เป็นธรรม • การผลักดันการผลิตและแปรรูปสินค้าให้เข้าสู่ระบบมาตรฐานความปลอดภัยอาหารและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งผลิตภัณฑ์แปรรูปที่มีมูลค่าเพิ่ม • การสร้างหลักประกันรายได้เกษตรกรและดูแลระบบเกษตรพันธะสัญญาและการค้าให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยไม่เกิดการเอารัดเอาเปรียบ • สร้างและขยายระบบประกันความเสี่ยงด้านการผลิตและการตลาดสินค้าเกษตรให้ทั่วถึง ทั้งภัยธรรมชาติและความเสี่ยงจากความผันผวนราคาสินค้าเกษตร ที่จะส่งผลต่อรายได้เกษตรกร • การเร่งขยายผลแนวคิดการทำการเกษตรตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและระบบเกษตรกรรมยั่งยืนสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันการเปลี่ยนแปลงจากบริบทต่างๆ รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเกษตรกร สามารถพึ่งตนเองและสร้างความมั่นคงทางอาหาร
ขอบคุณ www.nesdb.go.th
ปัจจัยภายนอก: การเข้าร่วมประชาคมอาเซียน เป้าหมาย เพื่อให้ประชาชนของประเทศสมาชิกมีการค้าขายระหว่างกันมากขึ้น มีการเดินทางระหว่างกันได้อย่างสะดวก และมีศักยภาพในการแข่งขันกับโลกภายนอกได้ โดย 1 2 • เสริมสร้างขีดความสามารถแข่งขัน • e-ASEAN • นโยบายภาษี • นโยบายการแข่งขัน • สิทธิทรัพย์สินทางปัญญา • การคุ้มครองผู้บริโภค • พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน • เป็นตลาดและฐานการ ผลิตร่วม • เคลื่อนย้ายสินค้าเสรี • เคลื่อนย้ายบริการเสรี • เคลื่อนย้ายการลงทุนเสรี • เคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือเสรี • เคลื่อนย้ายเงินทุนเสรี AEC ปี 2015 4 3 • การพัฒนาเศรษฐกิจ อย่างเสมอภาค • ลดช่องว่างการพัฒนา ระหว่างสมาชิกเก่า-ใหม่ • สนับสนุนการพัฒนา SMEs • การบูรณาการเข้ากับเศรษฐกิจโลก • ปรับประสานนโยบายเศรษฐกิจ • สร้างเครือข่ายการผลิต จำหน่าย • จัดทำ FTA กับประเทศนอกภูมิภาค
ปัจจัยภายใน: ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ พื้นที่ป่าไม้ ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำถูกบุกรุกทำลายและลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 171 ล้านไร่ ในปี 2504 (ร้อยละ 53) ของพื้นที่ประเทศ) เหลือ 107.6 ล้านไร่ ในปี 2552 (ร้อยละ 33.6) มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติสิ้นเปลือง/ไม่มีประสิทธิภาพ และขาดการบำรุงรักษา เกิดความเสื่อมโทรมโดยเฉพาะปัญหาดินเสื่อมสภาพ จำนวน 190 ล้านไร่ หรือร้อยละ 60 ของพื้นที่ประเทศ
ปัจจัยภายใน: การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ • อุทกภัย ปี 54 เกิดความเสียหายกว่า 64 จังหวัด มีเกษตรกรได้รับผลกระทบประมาณ 1.2 ล้านราย เป็นพื้นที่เสียหายกว่า 11.2 ล้านไร่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปลูกข้าวประมาณ 9.2 ล้านไร่ พืชไร่ 1.5 ล้านไร่ และพืชสวน/อื่นๆ 0.5 ล้านไร่ ด้านประมง มีชาวประมงได้รับผลกระทบกว่า 1.2 แสนราย ด้านปศุสัตว์ มีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 2.1 แสนราย • ภัยแล้ง ปี 55 มีจังหวัดประกาศเป็นพื้นที่ภัยแล้งถึง 50 จังหวัด 497 อำเภอ 3,417 ตำบล 36,388 หมู่บ้าน แบ่งเป็นภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 7 จังหวัด และภาคตะวันออก 6 จังหวัด และภาคใต้ 1 จังหวัด