480 likes | 1.01k Views
การใช้ยาและสารเคมีในการควบคุมโรคสัตว์น้ำ. อาจารย์ชนกันต์ จิตมนัส วท.บ. (วาริชศาสตร์) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ M.S. (Fisheries) Auburn University, AL, USA M.S. (Medical Microbiology) University of Georgia, GA, USA. การรักษาโรคสัตว์น้ำ.
E N D
การใช้ยาและสารเคมีในการควบคุมโรคสัตว์น้ำการใช้ยาและสารเคมีในการควบคุมโรคสัตว์น้ำ อาจารย์ชนกันต์ จิตมนัส วท.บ. (วาริชศาสตร์) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ M.S. (Fisheries) Auburn University, AL, USA M.S. (Medical Microbiology) University of Georgia, GA, USA
การรักษาโรคสัตว์น้ำ • เน้นการทำการแบบกลุ่ม (population basis) ไม่เหมือนในมนุษย์หรือสัตว์เลี้ยง ที่เน้น individual basis ยกเว้นในปลาพ่อแม่พันธุ์หรือปลาที่มีราคาแพงอาจทำได้ • เน้นการรักษาปลาที่เลี้ยง เพราะปลาในแหล่งน้ำธรรมชาติ ไม่คุ้มทั้งในแง่การปฏิบัติและทางเศรษฐกิจ • ยากที่จะกำจัดเชื้อโรคให้หมดไปจากปลาและแหล่งน้ำ • เป็นการลดระดับการติดเชื้อ หยุดหรือระงับการเพิ่มจำนวน เพื่อรอเวลาให้สัตว์น้ำมีการพัฒนาภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อสู้กับเชื้อนั้น ๆ
คำถามหลักที่จะต้องถามและตอบก่อนตัดสินใช้ยา (Wellborn 1985) • ทำนายอาการของโรค (prognosis) หากมีการใช้หรือไม่ใช้ยา • ประสิทธิภาพของยาเป็นอย่างไร • คุ้มค่าทางเศรษฐกิจหรือไม่ พิจารณาราคายาหรือสารเคมี แรงงานและราคาสัตว์น้ำ มีความเป็นพิษต่อผู้ใช้หรือผู้บริโภคหรือไม่ • ศึกษาความเป็นพิษต่อปลา ดูว่าปลาจะทนต่อการรักษาหรือไม่ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม • อัตราการสูญเสียหลังจากการให้ยา จะต้องทราบว่า สภาพการเลี้ยง คุณภาพน้ำเป็นอย่างไร สภาพปลา ขนาดปลา คุณสมบัติของยาหรือสารเคมี ลักษณะของโรค
ข้อมูลที่ต้องรู้ก่อนซื้อยาข้อมูลที่ต้องรู้ก่อนซื้อยา • ชื่อของยา ชื่อทางการค้า ต้องมีชื่อทางเคมีและองค์ประกอบยาอย่างครบถ้วน • ปริมาณของตัวยาหรือเปอร์เซ็นต์ของตัวยาในสินค้า • องค์ประกอบอื่น ๆ ทั้งในแง่ชนิดและปริมาณที่เป็นส่วนผสม • วันผลิตและหมดอายุ • คุณสมบัติของยาในแง่การรักษาและวิธีการใช้อย่างชัดเจน • ชื่อและที่อยู่ของบริษัทผู้ผลิต
ในการป้องกันการเกิดโรคจะเน้นการใช้สารเคมีเพื่อฆ่าเชื้อหรือปรับสภาพน้ำ ไม่นิยมใช้ยาปฏิชีวนะเนื่องจากอาจเป็นสาเหตุทำให้เชื้อแบคทีเรียพัฒนาสายพันธุ์ที่ดื้อยาได้ง่าย • การปนเปื้อนของยาปฏิชีวนะลงสู่แหล่งน้ำจากระบบระบายน้ำทิ้ง • มีการคำนวณการใช้ยาอย่างถูกต้อง • จดบันทึกการใช้ยาและสารเคมีอย่างละเอียด • ปัญหายาตกค้างในเนื้อกุ้ง ส่งผลให้รายได้จากการส่งออกกุ้งในต้นปี 2545 จาก 98,000 ล้านบาท ลดฮวบลงไปเหลือเพียง 15,000 ล้านบาท (ไทยรัฐ 23/9/45)
ถ้าผู้เลี้ยงไม่ใช้ยาต้องห้าม • ก็ไม่ต้องเสียค่าตรวจ ประหยัดเงินได้ 2,000 ล้านบาท/ปี • ลดการสูญเสียเงินตราให้กับต่างประเทศ
อัตราส่วนของฟาร์มกุ้งทะเลที่ใช้สารเหล่านี้ (Graaslund et al. 2003)
วิธีการในการรักษาโรคปลาวิธีการในการรักษาโรคปลา • การจุ่ม (dip) ใช้สารเคมีความเข้มข้นสูงในเวลาอันสั้น 15-60 วินาที จะต้องมีการระมัดระวังอย่างมากเนื่องจากอาจจะทำอันตรายปลาได้ ควรจะมีการทดลองใช้กับปลาปริมาณน้อย ๆ ก่อน • ใช้กับปลาจำนวนน้อย ๆ ที่มีการติดเชื้อจากแบคทีเรียหรือปรสิตภายนอก • การจัดการพ่อแม่พันธุ์ปลาและกุ้งทะเล • การฆ่าเชื้อที่ปนเปื้อนอาร์ทีเมีย • การฆ่าเชื้อเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ
การให้น้ำผสมยาไหลผ่านตัวสัตว์น้ำ (Flush) โดยการใส่เคมีในปริมาณหนึ่งลงในแหล่งน้ำไหล โดยไม่มีการหยุดน้ำ อาจมีการให้ยานานถึง 1 ชั่วโมง ใช้กันเยอะในปลาแซลมอนและที่ฟักไข่ มักใช้กับการกำจัดเชื้อราที่จะเกาะไข่ ปรสิตภายนอกและการติดเชื้อแบคทีเรีย มักไม่ค่อยเจอในการเลี้ยง ปลาน้ำอุ่น • การแช่ระยะสั้น (Prolonged) การให้ยาและสารเคมีในเวลาอันสั้น ประมาณ 1 ชั่วโมง โดยไม่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำจนกว่าสิ้นสุดระยะเวลาที่กำหนด • ควรมีการสังเกตพฤติกรรมของปลาตลอดระยะเวลาให้ยา
Indefinite การให้ยาหรือสารเคมีในปริมาณความเข้มข้นน้อย โดยไม่ต้องสนใจกับระยะเวลา วิธีนี้มักจะปลอดภัยต่อสัตว์น้ำ เนื่องจากใช้ความเข้มข้นต่ำ ส่วนใหญ่ใช้กับบ่อหรือแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ต้องมีการผสมยาหรือสารเคมีให้เป็นเนื้อเดียวกัน • ให้กิน (Feeding หรือ Medicated feed)การรักษาปลาที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบหมุนเวียนโลหิตและปรสิตภายในจำเป็นต้องมีการผสมยาเข้าไปในอาหาร การให้ยาจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักปลาที่ป่วย อาจจะใช้ gelatin หรือ corn oil ช่วยให้ยาเกาะติดแน่น • การฉีด (Injection)มีการใช้ในพ่อแม่พันธุ์ อาจจะฉีดเข้าเส้นเลือดหรือกล้ามเนื้อ ข้อเสียคือทำให้ปลาเครียดมากขึ้น มักใช้กับการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย
สารเคมีและยาปฏิชีวนะ • Food and Drug Administration (FDA) • ควรจะใช้ตัวไหนในการรักษาเพื่อให้ได้ผลดี • ไม่ทำอันตรายต่อปลา • ไม่ตกค้างในเนื้อปลาและมีพิษต่อผู้บริโภคสัตว์น้ำนั้น ๆ • Herwig (1979) 275 ชนิดที่มีขายในท้องตลาด มากกว่า 600 ชื่อ และมีการตรวจสอบว่า หลายชนิดใช้ไม่ได้ผล ไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ และตกค้างในเนื้อปลาเป็นเวลานาน
Acetic acid • ใช้สำหรับกำจัดปรสิตภายนอก • 500-1,000 ppm นาน 45-60 วินาที ไปจนถึง 30 นาที (dip, flush) • low toxicity to fish, FDA approved but efficacy is questionable • Acriflavin (ยาเหลือง) • ใช้สำหรับล้างไข่ ยับยั้งแบคทีเรียและฆ่าปรสิตภายนอก • 10 ppm สำหรับ 1 ชั่วโมง (prolong) หรือ 2 ppm (indefinite) • low toxicity to fish แต่ราคาค่อนข้างสูง จะใช้สำหรับการเพาะอนุบาลลูกปลา
ปูนขาว ป้องกันเชื้อโรคก้นบ่อ 60-100 กิโลกรัมต่อไร่ขึ้นอยู่กับ pH ของดินและน้ำ ฆ่าเชื้อก่อนปล่อยปลา กำจัดหอย ลดความเป็นพิษของก๊าซ H2S • Benzalkonium chloride (BKC) • ใช้ควบคุมปรสิต ลดปริมาณแพลงค์ตอนในบ่อ 0.6 - 1.0 ppm • ทำความสะอาดบ่อเพาะลูกกุ้ง และเครื่องมืออุปกรณ์ • กำจัดโปรโตซัวในเหงือกกุ้ง • ลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียในบ่อกุ้ง • Betadine • 100 - 200 ppm 10 นาที • ฆ่าเชื้อสำหรับไข่ปลา การติดเชื้อภายนอกจากแบคทีเรีย
สารประกอบคลอรีน • รูปที่เหมาะสมสำหรับบ่อกุ้ง คือ แคลเซียมไฮโปคลอไรด์ Ca(OCl2) และโซเดียมไฮโปคลอไรท์ NaOCl เป็นผงสีขาวละเอียดละลายน้ำได้ • คลอรีนทำหน้าที่ออกซิไดซ์สารอินทรีย์ ทำลายสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ เช่นไข่ปลา ไข่หอย โปรโตซัว เชื้อรา แบคทีเรีย • สำหรับการเตรียมน้ำในโรงเพาะฟักลูกกุ้ง จะใช้คลอรีนผง Ca(Ocl2) 60 มิลลิกรัมต่อน้ำ 1 ตัน • สำหรับการเตรียมน้ำในบ่อเลี้ยงและกำจัดพาหะโรคดวงขาวและหัวเหลือง จะใช้คลอรีน 30-50 กิโลกรัมต่อไร่ จากนั้นพักน้ำไว้ 7 วันก่อนปล่อยลูกกุ้ง • ทดสอบการตกค้างของคลอรีนในน้ำ • โปแตสเซียมไอโอไดด์ 2-3 เกล็ด ถ้ามีสีน้ำตาลหรือเหลืองอยู่ แสดงว่า ยังมีสารคลอรีนตกค้าง
CuSO4 • ลดสาหร่ายในบ่อเลี้ยง • ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (questionable) และโปรโตซัว (ดี) • กระตุ้นการลอกคราบ • ถ้า total alkality 0-49 ppm จะต้องทำ bioassay ก่อนใช้ • total alkality 50-99 ppm ใช้ 0.5-0.75 ppm • total alkality 100-149 ppm ใช้ 1-2 ppm • total alkality 150-200 ppm ใช้ 2-3 ppm • ถ้า total alkality มากกว่า 200 ppm CuSO4 ตกตะกอนรวดเร็ว อาจจะใช้ไม่ได้ผล
Dylox, Dipterex • สำหรับพยาธิภายนอก ปลิงใส เห็บปลาและหนอนสมอ • 0.5– 1.0 ppm แช่ตลอดไป • Enrofloxacin • ออกฤทธิ์กว้างทั้งแบคทีเรียแกรมบวกและแกรมลบ • สามารถละลายได้ดีในไขมัน ทำให้ยาซึมผ่านผนังเซลล์ได้ดี • ตัวยาจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและแพร่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ
Erythromycin • ยาปฏิชีวนะที่ได้จากเชื้อรา Streptomyces erythreus • เข้าไปเกาะส่วนไรโบโซม 50 s แล้วป้องกันการสร้างโปรตีน • ใช้สำหรับผสมอาหารและล้างไข่เพื่อควบคุมโรค bacterial kidney disease ที่เกิดจาก Renibacterium salmonicida ในปลา Pacific salmon • ผสมอาหาร 100 mg/kg fish weight / day 21 วัน • ใส่น้ำอัตรา 2 ppm ในระยะที่ไข่ปฏิสนธิ
Formalin ประกอบด้วย 37–40% formaldehyde • ใช้สำหรับปรสิตภายนอก ล้างไข่เพื่อควบคุมเชื้อรา • FDA approved • 25 ppm indefinite ในบ่อ ต้องให้อากาศขณะใช้ • 1000–2000ppm 15 นาที ควบคุมเชื้อราในไข่ • คัดลูกกุ้งอ่อนแอออกก่อนปล่อยกุ้ง ใช้ฟอร์มาลิน 200 ppm 30 นาที • ใช้ในการเตรียมน้ำเพื่อป้องกันโรคตัวแดงดวงขาว อัตรา 25-30 ppm • เก็บไว้ในที่มืดและอุณหภูมิต่ำกว่า 40 องศาเซลเซียส • Kanamycin • ห้ามใช้สำหรับสัตว์น้ำที่เป็นอาหาร เนื่องจากตกค้างในเนื้อปลาซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค • ละลายน้ำได้ดี ใช้ผสมอาหาร 50 มิลลิกรัมต่อปลาหนัก 1 กิโลกรัม กินติดต่อกัน 1 สัปดาห์
Malachite green • ใช้สำหรับกำจัดเชื้อราและปรสิต • ปรสิตภายนอก 0.15 ppm 1 ชั่วโมง หรือ 0.1 ppm indefinite • ไข่ 0.5 ppm 1 ชั่วโมง สำหรับควบคุมเชื้อรา • Ich : 0.1 ppm Malachite green + 25 ppm Formalin , indefinite • ระวังในการใช้ เป็นสารก่อเกิดมะเร็ง • คำนวณให้ถูกต้อง เนื่องจากเป็นพิษค่อนข้างสูง
ด้วยกระทรวงพาณิชย์และการประมง (Ministry of Maritime Affairs & Fisheries : MOMAF) สาธารณรัฐเกาหลีตรวจพบการตกค้างของ Malachite green ในสินค้ากุ้งและปลาน้ำจืดจากการเพาะเลี้ยงส่งออกจากประเทศไทยMOMAFจึงได้กำหนดใช้มาตรการเข้มงวดในการควบคุมคุณภาพสินค้าสัตว์น้ำจากการเพาะเลี้ยง ของประเทศไทยโดยให้มีการจัดทำบัญชีรายชื่อโรงงานที่สามารถส่งออกสินค้าสัตว์น้ำไปยังสาธารณรัฐเกาหลีพร้อมทั้งกำหนดสินค้าสัตว์น้ำจากการเพาะเลี้ยงทุกรุ่น ต้องมีใบรับรองสุขอนามัยที่แสดงการปลอดการตกค้างของ Malachite green ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549
Norfloxacin • ทำลายเชื้อแบคทีเรียทั้งแกรมบวกและแกรมลบ • ตัวยากระจายตัวในเนื้อเยื่อต่าง ๆ ได้ดี • นิยมใช้ในการป้องกันและรักษาโรคกุ้ง ปลาและตะพาบน้ำ
Oxolinic acid ผสมในอาหาร 3 มิลลิกรัมต่อปลาน้ำหนัก 1 กิโลกรัมต่อวัน ให้กินติดต่อกันนาน 5-15 วัน • สำหรับปลาติดเชื้อแบคทีเรีย • Oxytetracycline (terramycin) • ใช้กันอย่างแพร่หลายในการป้องกันรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย • ออกฤทธิ์กว้างทั้งแกรมบวกและแกรมลบ • ยับยั้ง tRNA ของแบคทีเรีย ไม่ให้สร้างโปรตีนขึ้นมา • FDA approved โดยกำหนดให้หยุดใช้ 21 วันก่อนจับ (withdrawal period) • ผสมอาหาร 50 mg/kg ปลา เป็นเวลา 10 วัน แต่ส่วนใหญ่มีการใช้ในอัตราที่สูงขึ้น เนื่องจากแบคทีเรียมีการพัฒนาสายพันธุ์ที่ดื้อยา • heat sensitive ทำให้ยากแก่การเตรียมยา สำหรับอาหารลอยน้ำจะใช้การฉีดเคลือบด้านนอก
Potassium permanganate (KMnO4) ด่างทับทิม • ใช้สำหรับกำจัดโปรโตซัวภายนอก เชื้อรา แบคทีเรียภายนอก โดยเฉพาะ columnaris • 2–4ppm indefinite ขึ้นอยู่กับปริมาณ organic matter • โพวิโดนไอโอดีน ผลึกผงสีน้ำตาลแดงละลายน้ำได้ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียในน้ำและอุปกรณ์เครื่องใช้ ในอัตราส่วน 1-2 ppm
Romet-30 (sulphoamide; sulphadimethoxine + ormetoprim, 5:1) • FDA approved (salmonids with furunculosis and catfish with enteric septicemia) • ยับยั้งการสร้างสารที่จำเป็นต่อการสร้างดีเอ็นเอ • ผสมอาหาร 50 mg/kg feed per day for 5 days • withdrawal time สำหรับปลา trout คือ 6 อาทิตย์ สำหรับปลากดอเมริกัน คือ 3 วัน • heat stable ดังนั้นสามารถใส่ในอาหารลอยน้ำได้ • NaCl • FDA approved • ใช้กำจัดโปรโตซัวภายนอก ปลิงใส ป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราเมื่อมีการ handling ปลา ลดความเครียด • 0.5 - 1% indefinite หรือ 3% ไม่เกิน 30 นาที
Treflan หรือ Trifluralin ป้องกันการติดเชื้อรา เป็นสารที่มีลักษณะเป็นเกล็ดสีเหลืองอมส้ม ละลายน้ำได้ดี ใช้กำจัดวัชพืชในพืชไร่พืชสวนทั่วไป สำหรับโรงเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ ใช้ความเข้มข้น 0.06 – 0.1 ppm
ยาสงวนไว้สำหรับมนุษย์ยาสงวนไว้สำหรับมนุษย์ • Chloramphenicol • แต่เดิมแยกมาจากเชื้อรา ปัจจุบันตัวยาได้มาจากการสังเคราะห์ทางเคมี • ตัวยามีความทนต่อความร้อนสูง ทนต่อกรดและด่าง ละลายน้ำดี • ออกฤทธิ์โดยการขัดขวางการสร้างโปรตีนของแบคทีเรีย โดยการรวมตัวกับส่วน 50S Subunit ของไรโบโซมแบคทีเรียและไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ เปปติทรานส์เฟอเรสทำให้การสร้างสายเปปไทด์ใหม่ในขบวนการสร้างโปรตีนถูกขัดขวาง • อาจมีผลทำให้ผู้บริโภคเป็นมะเร็งในเม็ดเลือด ขาดภูมิคุ้มกันโรค อันตรายต่อทารก • จากการศึกษาวิจัย พบว่า แบคทีเรียสามารถถ่ายยีนดื้อยาคลอแรมฟินิคอลในระดับสูงขึ้นทุกปี • ใช้สงวนไว้ในการรักษาโรคในคน
ยาต้องห้าม • ไนโตรฟูแรน Nitrofurans รวมไปถึงอนุพันธ์ ได้แก่ ฟูราโซลิโดน ไนโตรฟูราโซน ไนโตรฟูแรนโตอิน ไนเฟอร์ฟิรินอลและไนเฟอร์ไตริเนท • เป็นสารก่อให้เกิดมะเร็ง • สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปห้ามใช้ Nitrofurazone และ Furazolidone ในการเพาะเลี้ยงสัตว์ที่นำมาเป็นอาหารมนุษย์
หลักการใช้ยาและสารเคมีในการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล (Bell 1992) • การใช้ยาและสารเคมีในอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล ยังมีน้อยกว่าตัวยาที่ใช้ในสัตว์บก • การพัฒนาของฟาร์มเพาะเลี้ยงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว • การใช้ยาและสารเคมีที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้นมากมาย • Oxytetracycline (Terramycin) และ Sulfmerazine (Romet) เป็นยาปฏิชีวนะที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงาน FDA, USA • MS–222 อนุญาตให้ใช้เป็นยาสลบปลา • Formalin ให้ใช้สำหรับยาฆ่าปรสิตและเชื้อรา
ไวรัสก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากในการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล แต่ยังไม่มีสารเคมีตัวใดที่จะช่วยในการแก้ปัญหาโรคกุ้งที่เกิดจากไวรัส • มีการใช้สารเคมีทำความสะอาดบ่อเพื่อลดการแพร่กระจายของไวรัส • อาจใช้คลอรีนทำลายเชื้อเพื่อตัดวงจร • ก่อนใช้ต้องรู้ว่า กุ้งเป็นโรคที่สามารถรักษาได้ คุ้มค่ากับการใช้ยา • การตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดโรคกุ้งทะเลยังเป็นเรื่องยาก
ปัญหาสารปฏิชีวนะกับการเพาะเลี้ยงกุ้งปัญหาสารปฏิชีวนะกับการเพาะเลี้ยงกุ้ง • หน่วยงานที่รับผิดชอบไม่สามารถควบคุมดูแลอย่างทั่วถึง • โฆษณาสินค้าเกินความจริง • ฉลากระบุส่วนผสมและปริมาณสารออกฤทธิ์ • ระบุวันผลิตและวันหมดอายุสินค้า • ต้องมีการใช้ยาถูกวิธี • ไม่มีสารเหลือตกค้างในเนื้อสัตว์เกินกว่ามาตรฐานที่กำหนด
ค่า MRL (Maximum Residue Limit) • Oxolinic acid • 0.05 ppm (ค่าของญี่ปุ่น) • 0.00 ppm หรือไม่ให้มีเลย(ค่าของสหภาพยุโรป) • Oxytetracycline • 0.05 ppm (ค่าของญี่ปุ่น) • 0.01 ppm (ค่าของสหภาพยุโรป)
งานวิจัยที่จำเป็น • ศึกษาทางด้านการดื้อยาของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคสัตว์น้ำ • ขบวนการเภสัชจลศาสตร์ของยาที่ใช้ในสัตว์น้ำ • การพัฒนาสายพันธุ์กุ้งที่แข็งแรง โตเร็ว ต้านทานโรค • แนวทางในการสร้างภูมิคุ้มกันโรค การตรวจวินิจฉัยโรค • วิจัยด้านโภชนศาสตร์ของกุ้งกุลาดำ
การแก้ไขปัญหา • ไม่อนุญาตนำเข้าและใช้คลอแรมฟินิคอล • ตรวจสอบยาคลอแรมฟินิคอลในเนื้อกุ้ง • ประชาสัมพันธ์ข้อเท็จจริง • จัดหาเครื่องมืออุปกรณ์ตรวจสอบประจำศูนย์ประมง • การควบคุมคุณภาพพ่อแม่พันธุ์กุ้ง • ส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงกุ้งระบบชีวภาพตามแนวทาง code of conduct เพื่อให้ได้กุ้งคุณภาพ ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การแก้ไขปัญหา • พัฒนาเทคนิคการเลี้ยง • ลดการใช้ยาและสารเคมี
สรุป • มีการใช้ยาและสารเคมีมากมายหลายชนิดในสัตว์น้ำ แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับรองโดย FDA หรือ อย. • การควบคุมและป้องกันโรคเป็นศาสตร์ที่ซับซ้อน ต้องใช้ทั้งความรู้และประสบการณ์ ผู้ทำการเพาะเลี้ยงควรที่จะมีการจัดการที่ดีเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดโรค