1 / 133

อุณหพลศาสตร์ (Themodynamics)

อุณหพลศาสตร์ (Themodynamics). อุณหภูมิและความร้อน. อุณหภูมิเป็นสมบัติที่ใช้ในการบอก “ ความร้อน ” หรือ “ ความเย็น ” ของวัตถุ ในการวัดอุณหภูมิของวัตถุ ต้องสร้างเครื่องวัดอุณหภูมิ ที่เรียกว่า เทอร์โมมิเตอร์ (thermometer) มาสัมผัสกับวัตถุนั้น

merrill
Download Presentation

อุณหพลศาสตร์ (Themodynamics)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. อุณหพลศาสตร์ (Themodynamics)

  2. อุณหภูมิและความร้อน • อุณหภูมิเป็นสมบัติที่ใช้ในการบอก “ความร้อน”หรือ “ความเย็น”ของวัตถุ • ในการวัดอุณหภูมิของวัตถุ ต้องสร้างเครื่องวัดอุณหภูมิ ที่เรียกว่า เทอร์โมมิเตอร์(thermometer) มาสัมผัสกับวัตถุนั้น • ทั้งเทอร์โมมิเตอร์และวัตถุอยู่ในสภาวะที่สมดุลกัน(equilibrium condition) • สมดุลความร้อน (thermal equilibrium)

  3. อุณหภูมิและความร้อน(Temperature and Heat) • สมดุลความร้อน(thermal equilibrium) • กฎข้อที่ศูนย์ของเทอร์โมไดนามิกส์(The Zeroth Law of Thermodynamics) • “ ถ้าวัตถุ A และวัตถุ B ต่างก็อยู่ในสมดุลความร้อนกับวัตถุ C แล้ววัตถุ A และวัตถุ B จะอยู่ในสมดุลความร้อนซึ่งกันและกันด้วย ”

  4. อุณหภูมิและความร้อน(Temperature and Heat) • เทอร์โมมิเตอร์(thermometer) • Liquid – in – Glass tube thermometer

  5. อุณหภูมิและความร้อน(Temperature and Heat) • เทอร์โมมิเตอร์(thermometer) • ขีดสเกลบนท่อ แบ่งเป็น 100 ช่วงเท่า ๆ กัน • จุดเยือกแข็งของน้ำบริสุทธิ์อยู่ที่ศูนย์ และ ระดับที่อุณหภูมิ ณ จุดเดือดของน้ำบริสุทธิ์อยู่ที่ 100 • แต่ละช่วงเรียกว่า องศา(degree) • สเกลนี้เรียกว่า สเกลเซลเซียส (Celsius temperature scale) • หน่วยที่ใช้บอกอุณหภูมิคือ องศาเซลเซียส

  6. อุณหภูมิและความร้อน(Temperature and Heat) • เทอร์โมมิเตอร์(thermometer) • สเกลฟาเรนไฮต์(Fahrenheit Temperature Scale) • จุดเยือกแข็งของน้ำอยู่ที่ 32 องศาฟาเรนไฮต์ • จุดเดือดของน้ำอยู่ที่ 212 องศาฟาเรนไฮต์ • จุดเยือกแข็งและจุดเดือดของน้ำจะอยู่ห่างกัน 180 องศาฟาเรนไฮต์ • จะได้ความสัมพันธ์ระหว่างสเกลฟาเรนไฮต์กับสเกลเซลเซียส คือ

  7. อุณหภูมิและความร้อน(Temperature and Heat) • อุณหภูมิในสเกลเคลวินหรือสเกลสัมบูรณ์(Kelvin or Absolute Temperature Scale ) • ถ้าเปลี่ยนชนิดของของเหลวจะต้องเปลี่ยนสเกล บนท่อด้วยทำให้มีความต้องการสเกลของอุณหภูมิที่ไม่ขึ้นอยู่กับชนิดของสสาร • จึงใช้เทอร์โมมิเตอร์แบบใช้ก๊าซ(gas thermometer)

  8. อุณหภูมิและความร้อน(Temperature and Heat) • อุณหภูมิในสเกลเคลวินหรือสเกลสัมบูรณ์(Kelvin or Absolute Temperature Scale ) • วัดความดันที่ 0 องศาเซลเซียส และ ที่ 100 องศาเซลเซียส • ความดันเป็น 0 ที่ - 273.15 องศาเซลเซียส

  9. อุณหภูมิและความร้อน(Temperature and Heat) • อุณหภูมิในสเกลเคลวินหรือสเกลสัมบูรณ์(Kelvin or Absolute Temperature Scale ) • ใช้ก๊าซต่างชนิดกัน ก็จะพบว่าความดันเป็นศูนย์ที่อุณหภูมิ - 273.15 องศาเซลเซียส

  10. อุณหภูมิและความร้อน(Temperature and Heat) • อุณหภูมิในสเกลเคลวินหรือสเกลสัมบูรณ์(Kelvin or Absolute Temperature Scale ) • อุณหภูมิเป็น 0 K ที่ความดันเป็น 0 • เรียกสเกลนี้ว่า สเกลเคลวิน หรือ สเกลสัมบูรณ์ (Absolute scale) • 0 K = -273.15 องศาเซลเซียส นั่นคือ

  11. Example 1 Converting Temperatures • On a day when the temperature reaches 50 °F, what is the temperature in degrees Celsius and in kelvins? • Solution

  12. Example 2 Converting Temperatures • A pan of water is heated from 25 °C to 80 °C. What is the change in its temperature on the Kelvin scale and on the Fahrenheit scale? • Solution

  13. แบบฝึกหัด • จงแปลงอุณหภูมิต่อไปนี้ให้อยู่ในสเกลเซลเซียส • 32 ฟาเรนไฮต์ • 98.6 ฟาเรนไฮต์ • -40 ฟาเรนไฮต์

  14. การขยายตัวตามอุณหภูมิหรือความร้อน(Thermal Expansion) • การขยายตัวเชิงเส้น(Linear Expansion) • การขยายตัวเชิงพื้นที่ (Area Expansion) • การขยายตัวเชิงปริมาตร(Volume Expansion)

  15. การขยายตัวเชิงเส้น(Linear Expansion) • ความยาวที่เปลี่ยนไปของวัตถุ( )จะแปรผันตรงกับอุณหภูมิที่เปลี่ยนไป( )และความยาวตั้งต้น( ) เมื่อ • หรือ • โดยที่ คือสัมประสิทธ์การขยายตัวเชิงเส้น • มีหน่วยเป็น

  16. ตารางแสดงตัวอย่างสัมประสิทธิ์การขยายตัวเชิงเส้นตารางแสดงตัวอย่างสัมประสิทธิ์การขยายตัวเชิงเส้น

  17. การขยายตัวเชิงพื้นที่ (Area Expansion) • พื้นที่ที่เปลี่ยนไปของวัตถุจะแปรผันตรงกับอุณหภูมิที่เปลี่ยนไปและพื้นที่ตั้งต้น • วงแหวนเหล็กถูกเผาไฟ • รัศมีของรูจะเพิ่มขึ้นในทุกทิศทุกทาง

  18. การขยายตัวเชิงปริมาตร(Volume Expansion) • ปริมาตรที่เปลี่ยนไปของวัตถุ( ) จะแปรผันตรงกับอุณหภูมิที่เปลี่ยนไป( )และปริมาตรตั้งต้น( ) • คือสัมประสิทธิ์การขยายตัวเชิงปริมาตร • โดยที่

  19. การขยายตัวเชิงปริมาตร(Volume Expansion) • การหาค่า • เมื่อ จะได้

  20. ประโยชน์ : การขยายตัวตามอุณหภูมิหรือความร้อน

  21. ประโยชน์ : การขยายตัวตามอุณหภูมิหรือความร้อน • Bimetallic Strip

  22. ตัวอย่าง • รางรถไฟทำด้วยเหล็กแต่ละท่อนยาว 30.0 เมตร ในขณะที่อุณหภูมิ 0 0C เมื่อและ Y=20x1010N/m2 • วันหนึ่งมีอากาศร้อนจัดวัดอุณหภูมิได้ 40 0C รางรถไฟแต่ละท่อนจะยาวขึ้นจากเดิมกี่เมตร • ถ้าการวางราง วางให้ชิดกันในวันที่มีอากาศ 0 0C และตรึงรางให้แน่นป้องกันไม่ให้เกิดการขยายตัวในวันที่มีอุณหภูมิ 40 0C จะเกิดความเค้นเนื่องจากความร้อนขึ้นในรางเท่าไร

  23. ตัวอย่าง • เติมน้ำมันเต็มถังขนาด 40.0 L ซึ่งถังทำจากเหล็ก ในขณะที่อุณหภูมิ 200 C น้ำมันจะล้นออกมากจากถังเท่าใดถ้าตั้งถังน้ำมันนี้ไว้กลางแดดที่อุณหภูมิ 350C โดยไม่ปิดฝา กำหนดให้ และ • ตอบ น้ำมันล้นออกมา 560 cm3

  24. ปริมาณของความร้อน (Quantity of Heat) • Heatis defined as the transfer of energy across the boundary of a system due to a temperature difference between the system and its surroundings. • ความร้อน เป็นพลังงานรูปหนึ่งซึ่งถูกส่งผ่านจากระบบหนึ่ง(ที่อุณหภูมิสูงกว่า) ไปยังอีกระบบหนึ่ง (ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า) อันเป็นผลเนื่องจากระบบทั้งสองมีอุณหภูมิต่างกัน

  25. หน่วยของความร้อน • ในระบบ SI หน่วยของความร้อนคือ จูล(Joules : J)

  26. หน่วยของความร้อน(ต่อ) • แคลอรี (calorie : cal) • ปริมาณความร้อน 1 cal คือปริมาณความร้อนที่ต้องใช้ในการทำให้น้ำ 1 กรัม มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นจาก 14.5 องศาเซลเซียส เป็น 15.5 องศาเซลเซียส ที่ความดัน 1 atm • 1 cal = 4.186 J

  27. หน่วยของความร้อน(ต่อ) • หน่วยในระบบบริทิช (British Unit) • British thermal unit(Btu) • ปริมาณความร้อนที่ใช้ในการทำให้น้ำหนัก 1 ปอนด์มีอุณหภูมิเพิ่มจาก 63 องศาฟาเรนไฮต์ เป็น 64 องศาฟาเรนไฮต์ • 1 Btu = 778 ft.lb = 252 cal

  28. ความจุความร้อนจำเพาะ (Specific Heat Capacity) • แทนปริมาณความร้อน ที่ใช้ในการเพิ่มอุณหภูมิ • ความจุความร้อน (heat capacity, C,) • ความจุความร้อนจำเพาะ (specific heat capacity) หรือ ความร้อนจำเพาะ (specific heat)

  29. ความจุความร้อนโมลาร์(Molar Heat Capacity) • บางครั้งสะดวกกว่าในการบอกปริมาณของสารโดยใช้ จำนวนโมล (mole) n แทนที่จะใช้ มวล(mass) m • จากวิชาเคมี หนึ่งโมล มี 6.02x1023โมเลกุล • มวลโมลาร์(molar mass) หรือ มวลโมเลกุล(molecular weight) M ของสารใด ๆ คือมวลของสารหนึ่งโมล • . • เช่น มวลโมลาร์ ของน้ำ 18.0 g/mol หมายถึงน้ำ 1 โมลจะมีมวลเท่ากับ 18.0 g

  30. ความจุความร้อนโมลาร์(Molar Heat Capacity) • จาก • แทนค่าด้วย • จะได้ • เมื่อ C = Mc

  31. ความจุความร้อนจำเพาะ (Specific Heat Capacity) • ถ้าระบบมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น : • QและDTเป็นบวก • พลังงานจะถ่ายโอนเข้าสู่ระบบ • ถ้าระบบมีอุณหภูมิลดลง: • QและDTมีค่าเป็นลบ • พลังงานจะถ่ายโอนออกจากระบบ

  32. ตัวอย่างความจุความร้อนจำเพาะตัวอย่างความจุความร้อนจำเพาะ

  33. Conservation of Energy: Calorimetry • กฎการอนุรักษ์พลังงาน • หาอุณหภูมิผสม • จากสมการ

  34. ตัวอย่าง

  35. การเปลี่ยนสถานะและความร้อนแฝง(Phase Changes and Latent Heat) • สถานะ(phase) • ของแข็ง , ของเหลว , ก๊าซ • การเปลี่ยนสถานะจากสถานะหนึ่งไปยังอีกสถานะหนึ่งเรียกว่า phase change หรือ phase transition • การเปลี่ยนสถานะเกิดขึ้น ณ อุณหภูมิหนึ่ง (นั่นคือ อุณหภูมิไม่เปลี่ยน) • เช่นการละลายของน้ำแข็ง • ต้องใส่ความร้อนเข้าไปเพื่อเปลี่ยนสถานะของน้ำจากของแข็งไปเป็นของเหลว ความร้อนที่ใช้นี้เรียกว่า ความร้อนแฝง(latent heat)

  36. การเปลี่ยนสถานะและความร้อนแฝง(Phase Changes and Latent Heat) • ความร้อนแฝง (latent heat) • ความร้อนแฝงของการหลอมเหลว(latent heat of fusion) • ความร้อนแฝงของการกลายเป็นไอ(latent heat of vaporization)

  37. Sample Latent Heat Values

  38. ตัวอย่าง

  39. การส่งผ่านความร้อน(Heat Transfer) • การนำความร้อน(conduction) • การพาความร้อน(convection) • การแผ่รังสี(radiation)

  40. การนำความร้อน(Conduction) • การนำความร้อนเป็นผลเนื่องจากการชนระหว่างโมเลกุลหรืออะตอมในเนื้อสาร (molecular collision) • เกิดขึ้นระหว่างบริเวณที่มีอุณหภูมิต่างกันเท่านั้น • ทิศทางของการไหลของความร้อนจะต้องไปจากที่ที่มีอุณหภูมิสูงกว่าไปยังที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าเสมอ

  41. การนำความร้อน(Conduction) • การนำความร้อนในแท่งตัวนำ • พิจารณาแท่งตัวนำความร้อนที่มีพื้นที่หน้าตัด A และยาว L • ปริมาณความร้อน dQ ถูกส่งผ่านไปแท่งวัตถุนี้ภายในเวลา dt • อัตราการไหลของความร้อนคือ dQ/dt • อัตราการไหลของความร้อนนี้เรียกว่า กระแสความร้อน (heat current)

  42. การนำความร้อน(Conduction) • การนำความร้อนในแท่งตัวนำ • กระแสความร้อน • เมื่อ k คือ สภาพนำความร้อน (thermal conductivity) • กระแสความร้อนมีหน่วยเป็น W/m.K

  43. ตัวอย่างการนำความร้อนตัวอย่างการนำความร้อน • เตาอบอาหารมีพื้นที่ผิวทั้งหมด 0.20 m2 และผนังหนา 1.5 cm ซึ่งมีสภาพนำความร้อน 4x10-2 W/m 0C จงหาว่าใน 30 นาที มีการสูญเสียความร้อนเท่าไร เมื่ออุณหภูมิในเตาเป็น 2450C และภายนอกเป็น300C

  44. การพาความร้อน(Convection) • การพาความร้อนเกิดขึ้นในสสารหรือตัวกลางที่เป็นของไหล โดยการเคลื่อนที่ของมวลของของไหลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง • เครื่องทำความร้อน(Radiator) ทำให้ห้องอบอุ่นด้วยการพาความร้อน • อากาศเหนือเครื่องทำความร้อนได้รับความร้อน • มีการขยายตัว ความหนาแน่นลดลง • อากาสลอยตัวสูงขึ้น (ตามหลักของการลอยตัว)

  45. การแผ่รังสี(Radiation) • การแผ่รังสีเป็นการส่งผ่านความร้อนโดยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า • วัตถุทุกชนิด(อุณหภูมิสูงกว่า 0K) • จะแผ่รังสีออกมาในทุกช่วงความยาวคลื่น • แต่จะมีความยาวคลื่นค่าหนึ่งที่พลังงานถูกแผ่ออกมามากที่สุด เรียกว่า ซึ่งความยาวคลื่นนี้จะขึ้นกับอุณหภูมิ เมื่ออุณหภูมิของวัตถุเพิ่มขึ้น ความยาวคลื่น จะลดลง

  46. การแผ่รังสี(Radiation) • กระแสของความร้อน IHเนื่องจาการแผ่รังสี หรืออัตราการแผ่รังสีจากผิวของวัตถุที่มีพื้นที่ผิว A ซึ่งมีอุณหภูมิสัมบูรณ์ T จะอยู่ในรูป • คือค่าคงตัว เรียกว่า Stefan-Boltzmann constant • . • สภาพแผ่รังสี (emissivity) • ความสามารถในการแผ่รังสีของวัตถุ (ขึ้นอยู่กับชนิดและอุณหภูมิ) • มีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 1

  47. ตัวอย่าง การแผ่รังสี • หลอดไฟฟ้าดวงหนึ่งปกติจะทำงานโดยมีอุณหภูมิไส้ ถ้าให้หลอดไฟดวงนี้ทำงานที่ความต่างศักย์สูงกว่าจนทำให้อุณหภูมิของไส้หลอดเพิ่มขึ้นเป็น จงหาเปอร์เซ็นต์การเพิ่มขึ้นของพลังงานการแผ่รังสี

  48. สมบัติทางความร้อนของสสาร(Thermal Properties of Matter) • ศัพท์ทางเทอร์โมไดนามิกส์ • สภาวะ (state) • ระบบ (system) • สิ่งแวดล้อม (surrounding) • ขอบเขต (boundary)

  49. สมบัติทางความร้อนของสสาร(Thermal Properties of Matter) • เทอร์โมไดนามิกส์เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะ (state) ของระบบ (system) • พฤติกรรมหรือการเปลี่ยนแปลงสภาวะของระบบ บรรยายโดยใช้ปริมาณ • ปริมาณเชิงมหทรรศน์(macroscopic quantities) • ความดัน ปริมาตร อุณหภูมิและมวลของระบบ • ปริมาณเชิงจุลทรรศน์(microscopic quantities) • มวล อัตราเร็ว พลังงานจลน์ และ โมเมนตัม ของแต่ละโมเลกุล

  50. ก๊าซอุดมคติ (Ideal Gas) • สำหรับก๊าซ แรงที่ยึดเหนี่ยวระหว่างอะตอมจะน้อยมาก ๆ • สามารถจินตนาการได้ว่าไม่มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอะตอม • แต่ละโมเลกุลเคลื่อนที่อย่างอิสระ • การชนของโมเลกุลเป็นการชนแบบยืดหยุ่น • สำหรับก๊าซจะมีปริมาตรเท่ากับปริมาตรของภาชนะที่บรรจุ

More Related