800 likes | 1.42k Views
คดีปกครองเกี่ยวกับวินัย. ความรับผิดทางละเมิดของ เจ้าหน้าที่ และการบริหารงานบุคคล. ศาลปกครอง. เป็นองค์กรที่ใช้อำนาจตุลาการ
E N D
คดีปกครองเกี่ยวกับวินัยคดีปกครองเกี่ยวกับวินัย ความรับผิดทางละเมิดของ เจ้าหน้าที่ และการบริหารงานบุคคล
ศาลปกครอง เป็นองค์กรที่ใช้อำนาจตุลาการ มีอำนาจหน้าที่ พิจารณาพิพากษาคดีปกครอง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา คดีปกครอง พ.ศ.2542 (ศาลปกครอง เปิดทำการ วันที่ 9 มีนาคม 2544) (WWW.admincourt.go.th)
ศาลปกครอง แบ่งออกเป็น 2 ชั้น 1. ศาลปกครองสูงสุด 2. ศาลปกครองชั้นต้น 2.1 ศาลปกครองกลาง 2.2 ศาลปกครองภูมิภาค
เขตอำนาจศาลปกครองชั้นต้นเขตอำนาจศาลปกครองชั้นต้น 1. ให้ฟ้องต่อศาลที่ผู้ฟ้องคดีมีภูมิลำเนา/ศาลที่มีมูลคดีเกิดขึ้น ถ้าฟ้องผิดศาล ศาลที่รับจะส่งไปให้ศาลที่มีเขตอำนาจ 2. ศาลปกครองกลาง รับผิดชอบ - กทม. นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี ราชบุรี - สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ 3. ศาลปกครองภูมิภาค 16 แห่ง ขณะนี้เปิดแล้ว 9 แห่ง คือ ศาลปกครอง เชียงใหม่ พิษณุโลก นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี นครศรีธรรมราช สงขลา และระยอง
ลักษณะของคดีปกครอง หน่วยงานฯ หน่วยงานฯ คดีข้อพิพาท เอกชน จนท. จนท.
คดีพิพาทในเรื่องเกี่ยวกับคดีพิพาทในเรื่องเกี่ยวกับ 1. หน่วยงานทางปกครอง/จนท.ของรัฐ กระทำโดยไม่ชอบ ด้วยกฎหมาย คือ การออกกฎ/คำสั่ง หรือทำการอื่นใด โดย... (1) ไม่มีอำนาจ/นอกเหนืออำนาจหน้าที่/ไม่ถูกต้องตาม กม. (2) ไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน/ไม่ถูกต้องตามวิธีการ อันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้ในเรื่องนั้น (3) ไม่สุจริต (4) มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม (5) มีลักษณะเป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็น/เป็นการ สร้างภาระให้เกิดกับประชาชนเกินสมควร (6) เป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ
2. หน่วยงานทางปกครอง/จนท.ของรัฐ - ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ - ปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร 3. การกระทำละเมิด/ความรับผิดอย่างอื่น อันเกิดจาก - การใช้อำนาจตาม กม. หรือจากกฎ/คำสั่งทางปกครอง/ คำสั่งอื่น - การละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้อง ปฏิบัติ/ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร 4. เป็นคดีพิพาท เกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง
สัญญาทางปกครอง หมายความรวมถึงสัญญาที่ (1) คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครอง/ ผู้กระทำการแทนรัฐ และ (2) เป็นสัญญาสัมปทาน/สัญญาที่ให้จัดทำบริการ สาธารณะหรือจัดให้มีสิ่งสาธารณูปโภคหรือ แสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ 5. มีกฎหมายกำหนดให้หน่วยงานทางปกครอง/ จนท.ของรัฐของรัฐ ฟ้องต่อศาลปกครอง 6. กฎหมายกำหนดให้อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครอง
ระยะเวลาฟ้องคดีปกครองระยะเวลาฟ้องคดีปกครอง 1. ต้องฟ้องภายใน 90 วัน (ม.49) 2. ต้องฟ้องภายใน 1 ปี (ม.50) - กรณีฟ้องคำสั่งทางปกครอง และ - คำสั่งนั้นไม่ได้แจ้งสิทธิการฟ้องคดี 3. ต้องฟ้องภายใน 1 ปี แต่ไม่เกิน 10 ปี (ม.51) - คดีละเมิด - คดีความรับผิดอย่างอื่น 4. ต้องฟ้องภายใน 5 ปี แต่ไม่เกิน 10 ปี (ม.51) - คดีพิพาทตามสัญญาทางปกครอง 5. ฟ้องเมื่อไรก็ได้ ไม่มีระยะเวลา (ม.52)กรณีฟ้องคดีเกี่ยวกับ - การคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ - การคุ้มครองสถานะของบุคคล
ข้อควรระวังในการฟ้องและแก้คำฟ้องคดีปกครองข้อควรระวังในการฟ้องและแก้คำฟ้องคดีปกครอง 1. ผู้ฟ้องไม่มีสิทธิฟ้องคดี 2. คดีอยู่ในอำนาจของศาลอื่น 3. คดีขาดอายุความ 4. ยังไม่ได้ดำเนินการแก้ไขเยียวยาเบื้องต้น ตาม กม. ก่อนนำคดีมาฟ้องต่อศาล 5. เหตุที่นำเรื่องมาฟ้องได้รับการแก้ไขเยียวยาแล้ว 6. คำขอท้ายฟ้องไม่มี/คำขอไม่อยู่ในอำนาจของศาล
ตัวอย่างคดีปกครองเกี่ยวกับวินัยตัวอย่างคดีปกครองเกี่ยวกับวินัย
คำสั่งแต่งตั้ง คคก.สืบสวน/สอบสวนวินัย และการดำเนินการสอบสวน
คำสั่งที่ 273/2546 การฟ้องโต้แย้งคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เป็นเพียงการแสวงหาข้อเท็จจริงซึ่งเป็นการเตรียมการเพื่อจัดให้มีคำสั่งทางปกครอง
คำสั่งที่ 177/2546 การฟ้องโต้แย้งคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยไม่ร้ายแรง เป็นเพียงขั้นตอนการดำเนินการเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงในการที่ ผู้มีอำนาจจะวินิจฉัย จึงยังไม่เป็น “คำสั่งทางปกครอง”
คำสั่งที่ 440/2546,540/2546การแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยเป็นกระบวนการภายในของฝ่ายปกครอง ยังไม่มีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ฟ้องคดีโดยตรง จึงไม่เป็นคำสั่งทางปกครอง
คำสั่งที่ 733/2548 คำส่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสาวนวินัยอย่างร้ายแรงเป็นกระบวนการเสนอเพื่อออกคำสั่ง ไม่เข้าลักษณะเป็นคดีปกครอง ศาลปกครองไม่รับคดีไว้พิจารณา
คำสั่งที่ 221/2546 การฟ้องโต้แย้งการดำเนินการของคณะกรรมการสอบสวน ทางวินัยอย่างร้ายแรง เป็นเพียงกระบวนการภายในที่ยังไม่มีผลกระทบต่อสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ฟ้องคดี
คำสั่งลงโทษทางวินัย และการว่ากล่าวตักเตือน
คำสั่งที่ ๘๑๑/๒๕๔๙ คำสั่งที่ ๑๒๙/๒๕๔๕ คำสั่งที่ ๑๘๓/๒๕๔๕ คำสั่งที่ ๕๖๓/๒๕๔๖ คำสั่งลงโทษทางวินัย ไม่ว่าจะเป็นวินัยร้ายแรงหรือวินัยไม่ร้ายแรงก็เป็นคำสั่งทางปกครอง การฟ้องว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นคดีพิพาทตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑)
คำสั่งที่ ๓๘๐/๒๕๔๙ ฟ้องว่า การว่ากล่าวตักเตือนซึ่งมิใช่กรณีอันเนื่องมาจากการดำเนินการทางวินัย เป็นเพียงลักษณะของการแนะนำของผู้บังคับบัญชาเท่านั้น มิใช่เป็นกรณีที่เป็นการงดโทษทางวินัยโดยให้ว่ากล่าวตักเตือนไว้ก่อน จึงไม่มีผลกระทบต่อผู้ฟ้องคดี อีกทั้งการตักเตือนดังกล่าวมิได้ออกเป็นคำสั่งหรือมีการบันทึกการตักเตือนไว้ และมิได้มีการประกาศต่อหน้าสาธารณชน ผู้ฟ้องคดีจึงมิใช่ผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายที่จะมีสิทธิฟ้องคดีตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง
คำสั่งที่ ๗๕๐/๒๕๔๗ คำสั่งว่ากล่าวตักเตือนด้วยวาจา (จากการดำเนินการทางวินัย) มิใช่โทษทางวินัยตามที่กฎหมายกำหนด แต่เป็นมาตรการทางบริหารที่ผู้บังคับบัญชาใช้สำหรับควบคุมความประพฤติของผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งถือเป็นการดำเนินการภายในของฝ่ายปกครอง จึงมิได้มีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีจึงไม่ใช่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายที่จะมีสิทธิฟ้องคดีตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง
คำสั่งที่ ๘๑๑/๒๕๔๙ ฟ้องว่าคำสั่งว่ากล่าวตักเตือนอันเนื่องมาจากการดำเนินการทางวินัย ผู้ฟ้องคดีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว ขอให้คืนสิทธิที่ได้รับเหรียญจักรพรรดิมาลา และให้ชดใช้ค่าเสียหาย เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) ๓)
เกี่ยวกับขั้นตอนการสอบสวนที่กฎหมายกำหนดไว้เกี่ยวกับขั้นตอนการสอบสวนที่กฎหมายกำหนดไว้
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๒๑๔/๒๕๔๘ การดำเนินการทางวินัยไม่ว่าจะเป็นกรณีกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงหรืออย่างไม่ร้ายแรงต้องมีการสอบสวนเพื่อให้ได้ความจริงและยุติธรรม โดยมีขั้นตอนอันเป็นสาระสำคัญ คือ ต้องแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาเท่าที่มีให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงและนำสืบ แก้ข้อกล่าวหา ......
ไม่ปรากฏว่าได้มีการสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาให้ผู้ฟ้องคดีทราบและเปิดโอกาสให้ผู้ฟ้องคดีโต้แย้งหรือนำสืบแก้ข้อกล่าวหา สำหรับกรณีที่นำข้อความบางตอนในหนังสือร้องเรียนของผู้ฟ้องคดีมาเป็นมูลกล่าวหาว่าผู้ฟ้องคดีกระทำผิดวินัยอีกกรณีหนึ่งต่างหากนั้น ก็ไม่ปรากฏว่ามีการแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ฟ้องคดีทราบเพื่อจะได้นำพยานหลักฐานมานำสืบแก้ข้อกล่าวหาดังกล่าว
การสั่งลงโทษทางวินัยผู้ฟ้องคดีทั้งสองกรณีจึงเป็นการสั่งลงโทษโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนหรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญในการออกคำสั่ง ศาลพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งลงโทษ ผู้ฟ้องคดีทั้งสองคำสั่ง คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๒๑๘/๒๕๔๘ ได้วินิจฉัยในทำนองเดียวกัน
พิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๒๕๗/๒๕๕๐ ก่อนที่ผู้บังคับบัญชาจะสั่งลงโทษทางวินัยต้องให้คู่กรณีมีโอกาสที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอและมีโอกาสโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตนตามมาตรา ๓๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นตามมาตรา ๓๐ วรรคสอง
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ฟ้องคดีเคยให้ถ้อยคำในฐานะพยานบุคคลต่อเจ้าหน้าที่ของ สตง. และคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง โดยยอมรับว่าผู้ฟ้องคดีได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็ค แต่ไม่ได้ขีดฆ่าคำว่า “หรือผู้ถือ” ออกตรงกันทั้งสองครั้งจริง จึงเป็นกรณีเข้าข้อยกเว้นตามมาตรา ๓๐ วรรคสอง (๓) แห่ง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ สามารถอาศัยข้อเท็จจริงจากการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง มาประกอบการพิจารณาสั่งลงโทษผู้ฟ้องคดีได้โดยไม่จำเป็นต้อง ให้ผู้ฟ้องคดีชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาอีก
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๕๒/๒๕๕๐ คณะกรรมการสอบสวนแจ้งแบบ สว.๓ ให้ผู้ฟ้องคดีทราบโดยระบุข้อกล่าวหาแต่เพียงว่า กรณีต้องหาคดีอาญาในข้อหาร่วมกับพวกฉ้อโกงประชาชนและจัดหางานให้คนงานไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต
การแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่ได้ระบุให้ชัดแจ้งว่าผู้ฟ้องคดีกระทำผิดวินัยตามมาตรา ๙๘ วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการ พลเรือน พ.ศ. ๒๕๓๕ อีกทั้งในส่วนของสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาก็ไม่มีรายละเอียดหรือมีการสรุปพยานหลักฐานที่จะสนับสนุนข้อกล่าวหา
ดังนั้น จึงถือว่าการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนดังกล่าวไม่ได้เปิดโอกาส ให้ผู้ฟ้องคดีได้เข้าใจสภาพแห่งข้อหาและสิทธิในการให้ถ้อยคำ หรือนำสืบหักล้างพยานหลักฐานหรือยื่นคำชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาอย่างเพียงพอ ถือได้ว่าคณะกรรมการสอบสวนมิได้แจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาตามแบบ สว.๓ ให้ผู้ฟ้องคดีทราบโดยมีสาระสำคัญครบถ้วนถูกต้อง
ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๐๒ แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าวประกอบกับข้อ ๑๕ ของกฎ ก.พ. ฉบับที่ ๑๘ (พ.ศ. ๒๕๔๐)ฯ ซึ่งเป็นขั้นตอนและวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้ในการสอบสวนทางวินัย คำสั่งลงโทษไล่ผู้ฟ้องคดีออก จากราชการจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เกี่ยวกับเนื้อหาของคดีเกี่ยวกับเนื้อหาของคดี
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.599/2555 นพ.สสจ.อนุมัติซื้อวัสดุการแพทย์ 91 รายการ ในราคาแพง โดยได้มีการปรับลดราคาลงอีกร้อยละ 20 แล้ว เป็นเงินเกือบ 800,000 บาท ลงโทษปลดออก ฐานประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายต่อทางราชการอย่างร้ายแรง ชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๖๗/๒๕๔๘ การที่ข้าราชการมิได้มาปฏิบัติราชการเนื่องจากมีภารกิจส่วนตัว แต่ได้ยื่นใบลาป่วยโดยมิได้ยื่นใบลากิจให้ถูกต้อง เมื่อผู้บังคับบัญชาไม่อนุญาตการลาป่วยดังกล่าวและถือว่าข้าราชการผู้นั้นขาดราชการ ย่อมเป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๕๗/๒๕๔๙ผู้ฟ้องคดีมาลงชื่อปฏิบัติราชการเป็นช่วงๆ เพียง ๑๔ วัน เพื่อมิให้ปรากฏว่ามีการขาดราชการเกินกว่า ๑๕ วัน และในวันที่ลงชื่อปฏิบัติงาน ผู้ฟ้องคดีมิได้อยู่ที่สถาบันเพื่อปฏิบัติหน้าที่ราชการ ถือได้ว่าวันที่มาลงชื่อปฏิบัติราชการแต่ไม่อยู่ปฏิบัติราชการเป็นการละทิ้งหน้าที่ราชการด้วย เท่ากับว่าผู้ฟ้องคดีละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อกันเกินกว่า ๑๕ วัน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร การลงโทษไล่อกจากราชการจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๒๕๐/๒๕๕๐ การที่ข้าราชการจะไปปฏิบัติงานช่วยราชการนอกสังกัดได้นั้นจะต้องได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาก่อน หากข้าราชการผู้ใดไปปฏิบัติงานช่วยราชการในหน่วยงานอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา ย่อมถือว่าเป็นการขาดราชการที่หน่วยงานเดิมคำ
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๔๐๒/๒๕๕๐ การไม่ลงชื่อในบัญชีลงเวลาปฏิบัติราชการทุกวันที่มาปฏิบัติราชการตามระเบียบที่ทางราชการกำหนด ถือเป็นพยานหลักฐานรับฟังประกอบการพิจารณาการขาดราชการได้
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๓๔๐/๒๕๔๙ การกระทำอื่นใดที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จะต้องพิจารณาถึงเกียรติของข้าราชการผู้นั้นและความรู้สึกของสังคมที่มีต่อการกระทำของผู้นั้น ประกอบกับเจตนา ในการกระทำโดยคำนึงถึงพฤติการณ์ของผู้นั้น ว่าได้กระทำการอันทำให้ราชการได้รับความเสียหายต่อภาพพจน์ชื่อเสียงหรือไม่
การที่ข้าราชการมีพฤติการณ์และการกระทำอันเชื่อได้ว่าเป็นชู้กับภรรยาของผู้อื่น ถือว่ากระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง การสั่งลงโทษไล่ข้าราชการดังกล่าว ออกจากราชการ จึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๓๙๓/๒๕๕๐ การเบิกจ่ายเงินของทางราชการโดยไม่มีหลักฐานการก่อหนี้ผูกพัน ไม่ขออนุมัติเบิกจ่ายเงิน ปลอมลายมือชื่อกรรมการรักษาเงิน และไม่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของทางราชการ ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือ ผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 264/2550 การที่ผู้ฟ้องคดีนำเงินที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายให้นำไปชำระค่าโทรศัพท์ไปใช้ส่วนตัว เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ แม้การชำระค่าโทรศัพท์จะไม่ใช่หน้าที่ราชการตามกฎหมาย หรือระเบียบที่ผู้ฟ้องคดีจะต้องปฏิบัติตามตำแหน่งงานที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งก็ตาม แต่ผู้ฟ้องคดีมีหน้าที่ต้องปฏิบัติเพราะเป็นการ สั่งการในเรื่องของทางราชการที่ชอบด้วย
พฤติการณ์ของผู้ฟ้องคดีจึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองและผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติกำหนดแนวทางการลงโทษให้ไล่ออกจากราชการ
แนวคำพิพากษา/คำสั่ง ของศาลปกครองสูงสุด เกี่ยวกับละเมิด จนท.
เกี่ยวกับเนื้อหาของคดีเกี่ยวกับเนื้อหาของคดี
8คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด อ.90/2547 - นพ.สสจ. จ่ายเงินขวัญถุง 97,755 บาท ให้แก่เจ้าหนี้เงินกู้ของผู้มีสิทธิ (ผู้มีสิทธิตายเมื่อวันที่ 2 ต.ค.2542) เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2542 • สัญญาตั้งตัวแทน ป.พ.พ.มาตรา 797 -สัญญาตั้งตัวแทนระงับสิ้นไปเพราะตาย ตาม ป.พ.พ.มาตรา 826 วรรคสอง
พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒แก้ไขฉบับที่ ๘-๒๕๕๑ มาตรา ๗๕ ในขณะที่ผู้ขับขี่ขับรถฉุกเฉินไปปฏิบัติ หน้าที่ ผู้ขับขี่ มีสิทธิ ดังนี้ (๑) ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบ ใช้เสียงสัญญาณไซเรน หรือเสียงสัญญาณอย่างอื่นตามที่อธิบดีกำหนดไว้ (๒) หยุดรถหรือจอดรถ ณ ที่ห้ามจอด (๓) ขับรถเกินอัตราความเร็วที่กำหนดไว้
(๔) ขับรถผ่านสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมาย จราจรใด ๆ ที่ให้รถหยุด แต่ต้องลดความเร็ว ของรถให้ช้าลงตามสมควร • ไม่ต้องปฏิบัติตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือข้อบังคับการจราจรเกี่ยวกับช่องเดินรถ ทิศทางของการขับรถหรือการเลี้ยวรถที่กำหนดไว้ ในการปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง ผู้ขับขี่ต้องใช้ความระมัดระวังตามควรแก่กรณี
8คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด อ.152/2554 • รถพยาบาล รพช. ส่งผู้ป่วยไป รพ.พระปกเกล้า จันทบุรี เกิดเหตุเวลา 20.00 น. • เปิดไซเรนและไฟวับวาบ แล้วแซงด้านขวาของ รถยนต์รับจ้างที่ขับอยู่ข้างหน้า • รถยนต์สามล้อรับจ้างเลี้ยวขวากะทันหันโดย เปิดไฟเลี้ยวด้านขวา (บริเวณ 3 แยก)