1 / 45

ทฤษฎีสายอากาศ

ทฤษฎีสายอากาศ. วิเศษ ศักดิ์ศิริ ภาควิชาครุศาสตร์ไฟฟ้า สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. หน้าที่ของสายอากาศ. หน้าที่ของสายอากาศคือ แปลงรูปพลังงานสลับกัน จากคลื่นบังคับวิถีเป็นคลื่นในปริภูมิเสรี เปลี่ยนเป็นคลื่นในปริภูมิเสรีเมื่อเป็นสายอากาศส่ง

mardi
Download Presentation

ทฤษฎีสายอากาศ

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ทฤษฎีสายอากาศ วิเศษ ศักดิ์ศิริ ภาควิชาครุศาสตร์ไฟฟ้า สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

  2. หน้าที่ของสายอากาศ • หน้าที่ของสายอากาศคือ แปลงรูปพลังงานสลับกัน จากคลื่นบังคับวิถีเป็นคลื่นในปริภูมิเสรี • เปลี่ยนเป็นคลื่นในปริภูมิเสรีเมื่อเป็นสายอากาศส่ง • เปลี่ยนเป็นคลื่นบังคับวิถีเมื่อเป็นสายอากาศรับ • เป็นภาคเชื่อมต่อระหว่างอิเล็กตรอนกับโฟตอน

  3. ทฤษฎีที่จำเป็นในการวิเคราะห์สายอากาศทฤษฎีที่จำเป็นในการวิเคราะห์สายอากาศ • ธรรมชาติและการทำงานของสายอากาศ • ความรู้พื้นฐานทางทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้า • ทฤษฎีสายอากาศ • สายอากาศชนิดต่างๆ • การจัดสายอากาศให้ทำงานเป็นกลุ่ม

  4. ลักษณะโดยทั่วไปในการทำงานของสายอากาศลักษณะโดยทั่วไปในการทำงานของสายอากาศ • เมื่อคลื่นตกกระทบสายอากาศก็จะเหนี่ยวนำให้เกิดพลังงาน • การเคลื่อนย้ายของพลังงานเข้าสู่อากาศโดยการเปลี่ยนรูปพลังงาน • ไม่มีการนำพาหรือการแพร่ • เป็นการแผ่พลังงาน

  5. สายอากาศชนิดต่างๆ • สายอากาศเส้นลวด • สายอากาศขั้วคู่ • สายอากาศ ยากิ-อุดะ • สายอากาศขั้วเดี่ยว • สายอากาศร่อง • สายอากาศทรงปิระมิด • สายอากาศทรงจานสะท้อน

  6. สายอากาศเส้นลวด

  7. สายอากาศเส้นลวด

  8. สายอากาศขั้วคู่

  9. สายอากาศขั้วคู่

  10. สายอากาศ ยากิ-อุดะ

  11. สายอากาศขั้วเดี่ยว

  12. สายอากาศร่อง

  13. สายอากาศทรงปิระมิด

  14. สายอากาศจานสะท้อน

  15. ความรู้พื้นฐานทางทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าความรู้พื้นฐานทางทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้า • สมการแมกซ์เวลล์สำหรับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าไม่เปลี่ยนแปลงตามเวลาได้เป็นดังนี้

  16. แบบรูปการแผ่พลังงาน • แบบรูปการแผ่พลังงาน คือรูปภาพที่ใช้เพื่อแสดงคุณสมบัติของการแผ่พลังงานซึ่งเป็นฟังก์ชันพิกัดทรงกลม ส่วนใหญ่รูปแบบการแผ่พลังงานนี้มักจะคิดในบริเวณที่เป็นสนามระยะไกล • การอธิบายคุณสมบัติของการแผ่พลังงาน จะอาศัยคุณสมบัติต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ คือความเข้มของการแผ่พลังงาน คุณสมบัติเหล่านี้ใช้เพื่อแสดงรูปของพลังงานเป็นฟังก์ชันของตำแหน่งสามมิติที่สังเกตเมื่อรัศมีคงที่

  17. แบบรูปการแผ่พลังงาน

  18. แบบรูปการแผ่พลังงาน • ตัวแผ่พลังงานไอโซโทรปิค (Isotropic Radiator) คือสายอากาศที่ถูกสมมติขึ้น โดยมีคุณสมบัติการแผ่พลังงานเท่ากันในทุกทิศทาง ยกตัวอย่างเช่น แหล่งจ่ายแบบจุด (point source) เป็นสายอากาศแบบหนึ่งที่ไม่สามารถสร้างได้จริง แต่มักจะใช้เป็นตัวเปรียบเทียบกับสายอากาศจริงเกี่ยวกับการแสดงคุณสมบัติ แสดงทิศทางของสายอากาศ

  19. แบบรูปแบบไอโซโทรปิค ไดเรคชั่นแนล และโอมนิไดเรคชั่นแนล

  20. แบบรูปการแผ่พลังงาน • สายอากาศชี้ทิศทาง (Directional Antenna) เป็นสายอากาศซึ่งมีคุณสมบัติของการส่งหรือรับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ได้ดีในทิศทางที่กำหนด รูปแบบแบบนี้ ไม่มีทิศทางในระนาบอาซิมุธ (Azimuth Plane) [ ค่าคงที่ ] แต่เป็นแบบชี้ทิศทางในระนาบเอเลเวชัน (Elevation Plane) [ค่าคงที่ ] แบบรูปแบบโอมนิไดเรคชั่นแนลเป็นกรณีพิเศษของสายอากาศแบบไดเรกชันแนล

  21. แบบรูปหลักของสายอากาศแบบชี้ทิศทางแบบรูปหลักของสายอากาศแบบชี้ทิศทาง

  22. พูสัญญาณหลัก • พูสัญญาณหลัก (Major Lobe หรือ Main Lobe) เป็นพูสัญญาณของการแผ่พลังงานซึ่งอยู่ในทิศทางที่การแผ่พลังงานแรงที่สุด สำหรับสายอากาศบางชนิดอาจจะมีพูสัญญาณมากกว่าหนึ่งพูสัญญาณ เช่น สายอากาศแยกบีม (Split Beam Antenna)

  23. พูสัญญาณย่อย และ พูสัญญาณข้าง • พูสัญญาณย่อย (Major Lobe) ได้แก่ พูสัญญาณอื่น ๆ นอกเหนือไปจากพูสัญญาณหลัก • พูสัญญาณข้างหรือไซด์พูสัญญาณ (Side Lobe) เป็นพูสัญญาณย่อยที่อยู่ติดกับพูสัญญาณหลัก และอยู่ในทิศทางบนครึ่งวงกลมเดียวกับพูสัญญาณหลัก

  24. พูสัญญาณหลัง • พูสัญญาณหลัง (Back Lobe) เป็นพูสัญญาณย่อยที่อยู่ในครึ่งวงกลมตรงข้ามกับพูสัญญาณหลัก ปกติแล้วพูสัญญาณย่อยจะเกิดการแผ่พลังงานในทิศทางที่ไม่ต้องการ ดังนั้นสำหรับสายอากาศที่จะต้องกำจัดพูสัญญาณเหล่านี้ให้น้อยที่สุดระดับของพูสัญญาณย่อยแสดงเป็นอัตราส่วนของความหนาแน่นของพลังงานในพูสัญญาณที่กำลังคิดต่อความหนาแน่นของพลังงาน ในพูสัญญาณหลัก ซึ่งเรียกว่า อัตราส่วนไซด์พูสัญญาณ (Side Lobe Ratio) หรือระดับพลังงานของไซด์พูสัญญาณ (Side Lobe Level : SLL) ในทางปฏิบัติโดยทั่วไปนั้นมักต้องการให้ระดับของไซด์พูสัญญาณน้อยกว่า –20 dB เมื่อเทียบกับพูสัญญาณหลัก

  25. บริเวณที่ล้อมรอบสายอากาศบริเวณที่ล้อมรอบสายอากาศ • โดยทั่วไปมักจะแบ่งบริเวณที่ล้อมรอบสายอากาศออกเป็น 3 ส่วน คือ สนามรีแอกทีฟระยะใกล้ (Reactive-Near Field) และสนามระยะไกล (Far Field)

  26. สเตอเรเดียน

  27. บีมวิดท์ (Beamwidth) • ฮาร์ฟเพาเวอร์บีมวิดท์ (Half Power Beamwidth : HPBW) เป็นมุมที่วัดระหว่างจุดที่ความเข้มของการแผ่พลังงานในพูสัญญาณหลัก มีค่าเป็นครึ่งหนึ่งของบีมของกำลัง (half power level or–3 dB beamwidth) • เฟิร์สนูลบีมวิดท์ (First null Beamwidth : FNBW) เป็นมุมที่เกิดจากการที่ค่าของกำลัง ในการแพร่เป็น “ศูนย์ครั้งแรก”

  28. บีมวิดท์

  29. ความเข้มของการแพร่กระจายคลื่น (Radiation Intensity) • กำลังที่แพร่กระจายจากสายอากาศต่อหน่วยของมุมตันเราเรียกว่า ความเข้มของการแพร่กระจายคลื่น, U (watts per steradian or per square degree) ซึ่งค่าของ normalized power pattern สามารถหาได้ในเทอมของตัวแปรที่เป็นอัตราส่วนระหว่าง ในฟังก์ชันของมุมต่อค่าสูงสุดได้ว่า

  30. ประสิทธิภาพบีม (Beam Efficiency) • พื้นที่บีม ( หรือ บีมมุมตัน ) ที่เกิดจาก พื้นที่บีมหลัก บวกกับ พื้นที่ของพูสัญญาณย่อย สามารถเขียนได้ว่า

  31. Beam Efficiancy • อัตราส่วนของ พื้นที่บีมหลัก ถึง พื้นที่บีมรวม เราเรียกว่า Beam Efficiancy ดังนี้

  32. Stray Factor • อัตราส่วนของ พื้นที่ของพูสัญญาณย่อย กับพื้นที่บีมรวม เราเรียกว่า Stray Factor ดังนี้

  33. พื้นที่บีม • พื้นที่บีมของสายอากาศสามารถที่จะพิจารณาโดยประมาณในเทอมของฮาร์ฟเพาเวอร์บีมวิดท์ของโลบหลักทั้งสองระนาบได้ว่า

  34. ไดเร็คติวิตี้ และ อัตราขยาย • ค่าไดเร็คติวิตี้ของสายอากาศมีค่าเท่ากับอัตราส่วนระหว่างความหนาแน่นของกำลังงานสูงสุด ต่อค่าเฉลี่ยในพิกัดทรงกลมเมื่อเราสังเกตที่สนามระยะไกลของสายอากาศ ได้ว่า

  35. ค่าอัตราขยาย ของสายอากาศ • ค่าอัตราขยาย ของสายอากาศเป็นค่าที่เกิดขึ้นจริง หรือเป็นปริมาณที่เป็นจริง โดยมีค่าต่ำกว่าไดเร็คติวิตี้ที่กำหนด กับค่า ohmic losses ในสายอากาศหรือ radome (ถ้าเป็นสายอากาศปลายปิด) ในการส่งสัญญาณจะทำให้เกิดการสูญเสียกำลังงานที่ป้อนให้กับสายอากาศ โดยไม่ได้แพร่กระจายพลังงานแต่จะทำให้เกิดความร้อนในโครงสร้างของสายอากาศ การ mismatch ในการป้อนสัญญาณให้สายอากาศจะส่งผลให้ไปลดทอนค่าของอัตราขยาย อัตราส่วนของอัตราขยาย ต่อไดเร็คติวิตี้

  36. การวัดอัตราการขยาย • อัตราขยายสามารถวัดได้โดยการเปรียบเทียบค่าสูงสุดของความหนาแน่นของกำลังงานที่แพร่กระจายของสายอากาศที่ต้องการทราบค่า (Antenna under test, AUT) กับสายอากาศเปรียบเทียบที่เราทราบค่าอัตราขยาย ยกตัวอย่างเช่น สายอากาศแบบขั้วคู่สั้น (shot dipole) ได้ว่า

  37. ประสิทธิภาพของสายอากาศประสิทธิภาพของสายอากาศ • ประสิทธิภาพทั้งหมดของสายอากาศ จะใช้เมื่อเราคำนึงถึงการสูญเสียต่าง ๆ ที่ขั้วและภายในโครงสร้างของสายอากาศด้วยการสูญเสียต่าง ๆ อาจเนื่องมาจาก • 1. การสะท้อนกลับเนื่องจากความไม่แมทช์(Mismatch)กันระหว่างสายส่งกับสายอากาศ • 2. การสูญเสียทั้งในตัวนำและฉนวน

  38. ประสิทธิภาพของสายอากาศประสิทธิภาพของสายอากาศ • ประสิทธิภาพทั้งหมด • ประสิทธิภาพเกี่ยวกับการสะท้อนกลับ • ประสิทธิภาพของตัวนำ • ประสิทธิภาพของฉนวน

  39. แบนด์วิดท์ • แบนด์วิดท์ของสายอากาศจะถูกกำหนดอย่างกว้างขวางโดยย่านของความถี่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของสายอากาศนั้น ๆ โดยทั่วไปแบนด์วิดท์ก็จะเป็นอัตราส่วนระหว่างความถี่ด้านสูงกับ ความถี่ด้านต่ำหรือเปอร์เซ็นของความถี่กลาง (center frequency) เนื่องจากคุณสมบัติของสายอากาศแต่ละตัวที่ไม่เหมือนกัน จึงเป็นการยากที่จะพิจารณาค่าของแบนด์วิดท์ สองวิธีที่นิยมที่สุดในการพิจารณาค่าของแบนด์วิดท์คือ pattern bandwidth และ impedance bandwidth

  40. แบนด์วิดท์

  41. โพลาไรเซชั่น

  42. โพลาไรเซชั่น • โพลาไรเซชั่นของคลื่นที่แพร่กระจายนั้น เป็นรูปแสดงคุณสมบัติของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่แพร่กระจายออกไป ที่อธิบายขนาดและทิศทางของเวคเตอร์สนามไฟฟ้าซึ่งแปรผันตามเวลา รูปแสดงโพลาไรเซชั่นจะแสดงการกวาดของยอดเวคเตอร์สนามไฟฟ้าที่เวลาต่างๆ ณ ตำแหน่งที่ทำการสังเกตซึ่งคงที่ และการสังเกตนี้จะทำโดยมองตามหลังคลื่นที่เดินทาง

  43. การแบ่งชนิดของโพลาไรเซชั่น • แบบลิเนียร์โพลาไรเซชั่น ( Linearly โพลาไรเซชั่น ) • โพลาไรเซชั่นแบบวงกลม ( Circularly โพลาไรเซชั่น ) • โพลาไรเซชั่นแบบวงรี ( Elliptically โพลาไรเซชั่น )

  44. โพลาไรเซชั่น

More Related