230 likes | 304 Views
แนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบคอน สตรัค ติวิซึม ( Construtivism ). ความหมาย
E N D
แนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบคอนสตรัคติวิซึม (Construtivism)
ความหมาย การเรียนรู้ตามแนวคอนสตรัคติวิซึมเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในผู้เรียน ผู้เรียนเป็นผู้สร้าง (Construct) ความรู้จากความสัมพันธ์ระหว่าง สิ่งที่พบเห็นกับความรู้ความเข้าใจที่มีอยู่เดิมโดยผู้เรียนสร้างเสริมความรู้ผ่านกระบวนการทางจิตวิทยาของตนเอง ผู้สอนไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางปัญญาของผู้เรียนได้ แต่ผู้สอนสามารถช่วยผู้เรียนปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางปัญญาได้โดยจัดสภาพการณ์ที่ทำให้เกิดภาวะไม่สมดุลขึ้น ซึ่ง วรรณทิพา รอดแรงค้า(2540:1) กล่าวถึงคอนสตรัคติวิซึมว่า คอนสตรัคติวิซึมจึงเป็นิธรการคิดเกี่ยวกับเรื่องของความรู้และการเรียนรู้
ทฤษฏี/แนวคิด หลัการของคอนสตรัคติวิซึม ทฤษฏีของความรู้นี้อ้างถึงหลักการ 2 ข้อ ดังนี้ 1. ความรู้ไม่ได้เกิดจากการรับรู้เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสร้างขึ้นโดยบุคคลที่มีความรู้ความเข้าใจ 2. หน้าที่ของการับรู้คือ การปรับตัวและการประมวลประสบการณ์ทั้งหมดแต่ไม่ใช่เพื่อการค้นพบสิ่งที่เป็นจริง
รากฐานแนวคิดคอนสตรัคติวิซึมรากฐานแนวคิดคอนสตรัคติวิซึม
1.รากฐานทางปัญญา ทฤษฏีคอนตรัมติวิซึมอธิบายความรู้ (knowledge) ว่าเป็นผลความพยายามทางปัญญาของมนุษย์ ในการจักการกับโลกแห่งประสบการณ์ของตนเอง (Von Glaserfeld,1991) ซึ่งสอดคล้องกับปัชญาปฎิบัตินิยม ซึ่งเสนอโดย William James และ Jonh Dewey ในตอนต้นศตวรรษที่ 20 โดย James(1975) เห็นว่า ความรู้คือความสามารถของรายบุคคลในการปรับประสบการณ์เก่าหรือความเชื่อเดิมที่มีอยู่ให้เข้ากับประสบการณ์ใหม่ได้ด้วยกระบวนกรพิสูจน์ให้เห็นจริงไดและมีความสมเหตุสมผล ก่อให้เกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติ
ซึ่งปรัชญาปฏิบัตินิยม ยอมรับประสบการและข้อเท็จจริงที่ได้รับทางประสาทสัมผัสแต่ไม่ถือเอาประสาทสัมผัสเพียงอย่างเดียวเป็นบ่เกิดแห่งความรู้ และไม่ใช่ประสบการณ์นั้น (Dewey,1929) โดยมีกระบวนการไตร่ตรองเกิดขึ้น ประสบการณที่ไม่ได้รู้คิดเหล่านั้นจะค่อยๆ มีความหมายขึ้นผู้ไตร่ตรองจึงเริ่มรู้และเข้าใจในสิ่งที่ตนประสบ
2.รากฐานทางจิตวิทยาการเรียนรู้2.รากฐานทางจิตวิทยาการเรียนรู้ Jean Piaget เห็นว่าคนเราเรียนรู้โดยกระบวนการของการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมด้วยกระบวนการสู่สภาวะสมดุล ซึ่งประกอบด้วยกลไกพื้นฐาน 2 อย่าง คือ การดูดซึมเข้าสู่โครงสร้างการปรับโครงสร้างและการปรับโครงสร้างการดูดซึมเข้าสู่โครงสร้างเป็นการรับเอาข้อมูลจากสิ่งแวดล้อมเข้ามารวมไว้ในโครงสร้างทางปัญญาที่มีอยู่ส่วนการปรับโครงสร้างเป็นความสามารถในการเปลี่ยนแปลง หรือขยายโครงสร้างทางปัญญาที่มีอยู่ให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม
แนวทางการจัดการเรียนรู้บทความของครูตามแนวคอนสตรัคติวิซึมการเรียนการสอนตามแนวคอนสตรัคติวิซึม ถือว่าครูมีบทบาทเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนมโนมติ
วรรณทิพา รอดแรงค้า กล่าวถึงการใช้วิธีการสอนที่เน้นปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับครู ( Interactive teaching approach) ด้วยวิธีการสอนแบบนี้ ถือว่าครูมีบทบาทเป็น”ผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้” เป็น “ทรัพยากรบุคคล” เป็น “ผู้สืบเสาะหาความรู้ที่ไม่เคยมีความรู้หรือไม่เคยมีประสบการณ์ในการสืบเสาะหาความรู้มาก่อน” เป็น “ผู้ท้าทายความคิดของนักเรียน” ในฐานะที่เป็น “ผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้”ครูพยายามที่จะนำนักเรียนและแหล่งทรัพยากรให้มาพบกัน ในฐานะที่เป็น “ทรัพยากรบุคล” ครูต้องจัดหาข้อมูลให้นักเรียนมากกว่า
ความสะดวกในการเรียนรู้” เป็น “ทรัพยากรบุคคล” เป็น “ผู้สืบเสาะหาความรู้ที่ไม่เคยมีความรู้หรือไม่เคยมีประสบการณ์ในการสืบเสาะหาความรู้มาก่อน” เป็น “ผู้ท้าทายความคิดของนักเรียน” ในฐานะที่เป็น “ผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้”ครูพยายามที่จะนำนักเรียนและแหล่งทรัพยากรให้มาพบกัน ในฐานะที่เป็น “ทรัพยากรบุคล” ครูต้องจัดหาข้อมูลให้นักเรียนมากกว่าการถาม คำถามกลับไปที่ตัวนักเรียน ในฐานะที่เป็นผู้สืบเสาะหาความรู้ที่ไม่เคยมีความรู้หรือไม่เคยมีประสบการณ์ในการสืบเสาะหาความรู้มาก่อน ครูจะทำเป็นไม่รู้เกี่ยวกับการอธิบายหรือไม่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์นั้น เพื่อช่วยให้นักเรียนหาคำตอบด้วยตนเอง และฐานะที่เป็น ผู้ท้าทายความคิดของนักเรียน
แนวการสอนตามแนวคอนสตรัคติวิซึมYagerได้เสนอแนวการสอนตามแนวคอนสตรัคติวิซึม ไว้ ดังนี้ • 1. ให้นักเรียนถามคำถาม แล้วใช้คำถามและความคิดเห็นของนักเรียนในการวางแผนการสอน • 2. ยอมรับและสนับสนุนความคิดเห็นของนักเรียน • 3. ส่งเสริมความเป็นผู้นำ ความร่วมมือ การหาแหล่งข้อมูลข่าวสาร และการนำความคิดเห็นไปปฏิบัติ อันเป็นผลเนื่องจากกระบวนการเรียนของนักเรียน • 4. ใช้ความคิดเห็น ประสบการณ์ และความสนใจของนักเรียน เพื่อให้บทเรียนดำเนินไปอย่างมีความหมาย • 5. สนับสนุนให้นักเรียนเสนอแนะสิ่งที่เป็นสาเหตุของเหตุการณ์หรือสถานการณ์และสนับสนุนให้นักเรียนทำนายผลที่จะเกิดขึ้น
6. สนับสนุนให้นักเรียนทดสอบความคิดของตนเอง เช่น ตอบคำถามที่ตัวเองตั้งขึ้นเดาว่าอะไรเป็นสาเหตุ และทำนายผลที่ตามมา • 7. ค้นหาความเห็นของนักเรียนก่อนนำเสนอความคิดเห็นของครู หรือก่อนศึกษาความคิดเห็นจากหนังสือเรียน หรือจากแหล่งอื่น • 8. สนับสนุนให้นักเรียนท้าทายความเห็นของกันและกัน • 9. ใช้ยุทธวิธีการเรียนแบบร่วมมือ(Cooperative learning)ซึ่งเน้นความร่วมมือการนับถือซึ่งกันและกัน และใช้กลยุทธ์ของการแบ่งงานกันทำ • 10. สนับสนุนให้มีการสะท้อนความคิด และมีการวิเคราะห์วิจารณ์ความคิดเห็นของกันและกัน แสดงความเคารพและใช้ทุกความคิดเห็นที่นักเรียนสร้างขึ้น
11. สนับสนุนให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ตนเอง รวบรวมพยานหลักฐานที่สนับสนุนความคิดเห็นและสร้างความคิดใหม่เนื่องจากประสบการณ์และพยานหลักฐานใหม่
ขั้นตอนการสอนตามแนวคอนสตรัคติวิซึมYager ได้เสนอขั้นตอนการคอนสตรัคติวิซึมแบบ The Constructivist Learning Model ( CLM ) ไว้ 4 ขั้นตอนดังนี้
1. ขั้นเชิญชวน ได้แก่ • 1.1 สังเกตสิ่งรอบตัวด้วยความอยากรู้อยากเห็น • 1.2 ถามคำถาม • 1.3 พิจารณาคำตอบที่เป็นไปได้ของคำถามที่ตั้งขึ้น • 1.4 จดบันทึกปรากฏการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นแต่ไม่เกิดขึ้น • 1.5 ชี้สถานการณ์ที่การรับรู้ของนักเรียนแตกต่างกัน
2. ขั้นสำรวจ ได้แก่ • 2.1 ให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม • 2.2 ระดมพลังสมองเกี่ยวกับทางเลือกที่เป็นไปได้ • 2.3 มองหาสารสนเทศ • 2.4 ทำการทดลองโดยใช้วัสดุอุปกรณ์ • 2.5 สังเกตปรากฏการที่เฉพาะเจาะจง • 2.6 ออกแบบโมเดล • 2.7 รวบรวมและจัดกระทำข้อมูล • 2.8 ใช้ยุทธวิธีแก้ปัญหา
2.9 เลือกทรัพยากรที่เหมาะสม • 2.10 อธิปรายการแก้ปัญหา • 2.11 ออแบบและดำเนินการทดลอง • 2.12 ประเมินทางเลือกที่หลากหลาย • 2.13 มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน • 2.14 ชี้การเสี่ยงและผลที่ตามมา • 2.15 ขอบเขตของการสืบเสาะหาความจริง • 2.16 วิเคราะห์ข้อมูล
3. ขั้นนำเสนอคำอธิบายและคำตอบของปัญหา • 3.1 สื่อความหมายข้อมูลและความคิดเห็น • 3.2 สร้างและอธิบายโมเดล • 3.3 สร้างคำอธิบาย • 3.4 บททวนและวิจารณ์คำตอบของปัญหา • 3.5 ให้เพื่อนประเมินผลการเสนอคำตอบ • 3.6 รวบรวมคำตอบที่หลากหลาย • 3.7 ชี้ให้เห็นคำตอบที่เหมาะสม • 3.8 บูรณาการคำตอบที่ได้กับความรู้และประสบการณ์เดิมที่มีอยู่
4. ขั้นนำไปปฏิบัติ • 4.1 การตัดสินใจ • 4.2 นำความรู้และทักษะไปใช้ • 4.3 ถ่ายโยงความรู้และทักษะ • 4.4 แลกเปลี่ยนสารสนเทศและความคิดเห็น • 4.5 ถามคำถามใหม่ • 4.6 นำผลที่ได้จาการเรียนรู้และส่งเสริมความคิดเห็น • 4.7 ใช้โมเดลและความคิดเห็นเพื่อให้เกิดการอภิปรายและการยอมรับจากเพื่อนๆ
ข้อค้นพบจบการวิจัยจากการจักการเรียนรู้ตามแนวคอนสตรัคติวิซึม มีข้อค้นพบจากการวิจัยดังนี้ 1. การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ไพจิตร สะดวกการ(2509) วิจัยพบว่า นักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ปานกลางที่ได้รับการสอนด้วยกระบวนการสอนคณิตศาสตร์ที่สร้างขึ้น มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่านักเรียนระดับเดียวกันที่ได้รับการสอนตามปกติ
2.การสร้างโครงสร้างทางปัญญาและเปลี่ยนความเชื่อเดิม Minstrell(1982) วิจัยเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนความเชื่อของนักเรียนในวิชาฟิสิกส์ แล้วพบว่าความขัดแข้งทางปัญญาที่เกิดขึ้นสามารถทำให้นักเรียนสร้างโครงสร้างทางปัญญาและความเชื่อเดิม 3.ความสามารถในการคิด สาคร ธรรมศักดิ์ (2541) วิจัยศึกษาผลตามแนวคอนสตรัคติวิซึมแบบร่วมมือที่มีต่อความสามารถในการคิดแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ผลการวิจัยพบว่าความสามารถในการคิดแก้ปัญหาของนักเรียนกลุ่มควบคุม และกลุ่มทดลอง ว่าแตกต่างกันอย่างไร
.01หนึ่งนุช กาฬภักดี (2543) วิจัยเปรียบเทียบความสามารถในการคิดระดับสูงในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ การคิดอย่างวิจารณญาณผลการวิจัยพบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และความสามารถการคิด มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05
2.แนวคิดการจัดการเรียนรู้ตามสภาพจริง(Authentic Instruction) ความหมาย การเรียนตามสภาพจริง หรือการเรียนรู้แท้ (Authentic Learning) เป็นการเรียนรู้ที่ผู้เรียนจะเป็นผู้คิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมิน ตัดสินใจได้เอง มีกระบวนการที่ใช้เป็นยุทธศาสตร์ในการคิดอย่างเป็นระบบ ผู้เรียนเป็นผู้อธิบาย นำเสนอได้อย่างมีหลักวิชา ด้วยการเรียบเรียงด้วยตนเอง อธิบายได้อย่างครอบคลุมชัดเจน มีกระบวนการที่ดี มีความคิดรวบยอด และหลักการของวิชาที่เรียนรู้ รวมทั้งผู้เรียนสามารถนำไปใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้ นำเอาความรู้ต่างๆไปพัฒนาชีวิต คุณภาพงาน คุณภาพสังคม สิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นปกติวิสัยจนเป็นหนึ่งเดียวกัน(โกวิท ประวาลพฤกษ์,2545:31)