1 / 31

บทที่ 2 (แนวคิดก่อนเศรษฐกิจแบบคลาสสิก)

บทที่ 2 (แนวคิดก่อนเศรษฐกิจแบบคลาสสิก). อ. นัทธปราชญ์ นันทิวัฒน์กุล. นักปราชญ์ชาวกรีก ยุคก่อน ค.ศ. นักปรัชญากรีกที่ นำเสนอหลักการของสังคมได้แก่ ซอคราติส (Socrates) ลัทธิซีนิกส์ (Cynics) ลัทธิเอพิคิว เรียน (Epicureanism) ลัทธิสตอยอิกส์ (Stoicism) กลุ่มซอฟิสต์ (Sophists)

luella
Download Presentation

บทที่ 2 (แนวคิดก่อนเศรษฐกิจแบบคลาสสิก)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. บทที่ 2 (แนวคิดก่อนเศรษฐกิจแบบคลาสสิก) อ. นัทธปราชญ์ นันทิวัฒน์กุล

  2. นักปราชญ์ชาวกรีก ยุคก่อน ค.ศ. • นักปรัชญากรีกที่ นำเสนอหลักการของสังคมได้แก่ • ซอคราติส (Socrates) • ลัทธิซีนิกส์ (Cynics) • ลัทธิเอพิคิว เรียน (Epicureanism) • ลัทธิสตอยอิกส์ (Stoicism) • กลุ่มซอฟิสต์ (Sophists) • ลัทธิสเคบติกส์ (Skepticism)

  3. ซอคราติส (Socrates) 473 – 399 BC. • มนุษย์ไม่เท่า เทียมกันด้านความเฉลียวฉลาดและความสามารถในการปกครอง • ลัทธิซีนิกส์ (Cynics) ก่อน 300 BC. • ไม่ควรนำฐานะทางเศรษฐกิจมาแบ่งชั้นชนทางสังคม • ลัทธิเอพิคิว เรียน (Epicureanism) ก่อน 300 BC. • เป็นปรัชญาประโยชน์นิยม ไม่เน้นจุดหมาย ด้านคุณธรรม แต่สอนในเรื่องว่าทำอย่างไรมนุษย์ถึงจะมีความสุข ลัทธิเอพิคิวเรียน ปฏิเสธเรื่องความยุติธรรม กฎหมายและสถาบันทางสังคม แต่หากมีสิ่งเหล่านี้ต้องเอื้อ ประโยชน์ต่อปัจเจกชน กฎกติกาบัญญัติขึ้นเพื่อรักษาเสถียรภาพและความเป็นระเบียบ ของสังคม เพราะสังคมไร้ระเบียบสับสนวุ่นวาย ปัจเจกชนยอมรับกฎกติกาเหล่านี้ เพราะผลประโยชน์แห่งตน

  4. ลัทธิสตอยอิกส์ (Stoicism) ก่อน 400 BC. • ปรัชญาที่เป็นผลพวงของยุคเฮเลน แนวคิดเรื่องความเสมอภาค(equalitanianism) เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่โอบอ้อมอารี (humanitarianism) และสันติภาพ (pacificism) • กลุ่มซอฟิสต์ (Sophists) ก่อน 400 BC. • “เราแต่ละคนเป็นมาตรวัดของ ทุกสิ่งที่เป็นอยู่ และที่ไม่ได้เป็นอยู่ แต่มีความแตกต่างอย่างยิ่งใหญ่ระหว่างคน หนึ่งกับอีกคนหนึ่งในการมองสิ่งที่เป็นอยู่และไม่ได้เป็นอยู่ เพราะสิ่งที่เป็นอยู่และ ปรากฏแก่สายตาคนหนึ่ง มีความแตกต่างจากสิ่งที่เป็นอยู่ที่ปรากฏแก่สายตาของ อีกคนหนึ่ง “ • เป็นที่มาของ ทฤษฎีมูลค่าความรู้สึก (subjective theory of value) • ลัทธิสเคบติกส์ (Skepticism) ก่อน 200 BC. • มโนสำนึกจึงไป ตัดสินอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ให้อยู่นิ่งเฉยแล้วจะมีความสุข การตั้งคำถามเพื่อค้นหาความจริง เป็นสิ่งที่ไร้สาระ อย่าไปกังวลกับสิ่งดีหรือเลว แล้วจิตจะสงบ นี่คือความพึงพอใจสูงสุดที่ มนุษย์แสวงหา

  5. นักคิดคนสำคัญ • เพลโต (Plato) 427 – 347 BC. - เป็นนักปรัชญา เขียนหนังสือเรื่อง รัฐในอุดมคติ(Republic) เกี่ยวกับหลักการบริหารรัฐ “แนวคิดของเพลโต เป็นไปตามระบบคอมมิวนิตส์” และThe Statesman - การแบ่งงานกันทำ (division of labour) - นำมาสู่การแบ่งชนชั้นในสังคมตามความสามารถ - สื่อกลางการแลกเปลี่ยน (เงินตรา)

  6. นักคิดคนสำคัญ • อริสโตเติล (Aristotle) 384 – 322 BC. - เป็นนักปรัชญา ลูกศิษย์ของเพลโต และอาจารย์ของ พระเจ้าอเล็กชานเดอร์มหาราช - อธิบายความมั่งคั่ง 2 ประเภท ได้แก่ ความมั่งคั่งที่แท้จริง , ความมั่งคั่งที่ต้องแสวงหา - เงินแสดงถึงความมั่งคั่งที่ต้องแสวงหา - มูลค่า แยกเป็น 2 อย่าง ได้แก่ มูลค่าการใช้ (value in use) มูลค่าการแลกเปลี่ยน (value in exchange)

  7. - ราคายุติธรรม คือราคาที่ไม่มีการขูดรีด การขูดรีดได้แก่ การคิดกำไรมากเกิดควร - ดอกเบี้ยเป็นส่วนหนึ่งของการขูดรีด

  8. นักคิดคนสำคัญ • เซโน ฟอง (Xenophon) 427 – 355 BC. - นักปรัชญาชาวกรีก เป็นศิษย์ของโซเครติสร่วมกับเพลโต - ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับการทหาร - หนังสือเรื่อง Cyropaedia - การเพิ่ม ขนาดส่วนเกินทางเศรษฐกิจจะสำเร็จได้ต้องอาศัยความชำนาญงาน (skill) การ จัดระเบียบ (order) และการแบ่งงานหรือหน้าที่กันทำ (division of labour) - ถ้ามีจานอาหารจำนวนมากตั้งอยู่ต่อหน้า คนหนึ่ง ในไม่ช้าเขาจะรู้สึกเบื่ออาหาร หรือทำให้ความพอใจในการบริโภคอาหาร ลดลง ซึ่งสอดคล้องกับกฎการลดน้อยถอยลง (law of diminishing return)

  9. นักคิดคนสำคัญ • เซโน ฟอง (Xenophon) 427 – 355 BC. - ของสิ่งเดียวกัน บางครั้งก็ทำให้เกิดความมั่ง คั่ง (wealth) ได้ บางครั้งก็ไม่เกิดความมั่งคั่ง เพราะบางสิ่งอยู่กับคนบางคนจะไม่มี ประโยชน์ แต่อยู่กับคนบางคนมีประโยชน - กำไรคือความมั่งคั่ง

  10. สภาพเศรษฐกิจ สังคมและการปกครอง ช่วงก่อน ศตวรรษที่ 15 สภาพเศรษฐกิจ • ด้านการผลิต ได้แก่ ภาคการเกษตรกรรม (ระบบแมนเนอร์) และภาคอุตสาหกรรม • ด้านการค้า หรือพาณิชย์ ได้แก่ การค้าและการแลกเปลี่ยนสินค้าภายในชุมชน และแดนใกล้ การตั้งราคาสินค้า • การออมหรือการสะสมความมั่งคั่ง (สะสมทรัพย์) สภาพสังคม ศาสนามีบทบาทต่อพัฒนาการของสังคม ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรม (ความเชื่อ) สภาพการปกครอง ระบบเทวราช และระบบศักดินา(Feudalism) มีระบบชนชั้น กษัตริย์เปลี่ยนเสมือนสมมุติเทพ

  11. ระบบแมนเนอร์ (Manners) • แมนเนอร์ หมายถึง บ้านหรือคฤหาสน์ที่พักอาศัยของขุนนอง • ลักษณะทั่วไปของแมนเนอร์ เป็นชุมชนเกษตรกรรมคล้ายกับหมู่บ้านแต่ผู้ปกครองเป็นเจ้าของการผลิตทั้งหมด • โครงสร้างแมนเนอร์ ชนชั้นประชาชน ปศุสัตว์ และพื้นที่การเพาะปลูก • ชนชั้นในแมนเนอร์ แก่ ชนชั้นขุนนาง ไพร่(วิเลนส์, คอนทาร์) ทาส และอื่นๆ • การเพาะปลูกในแมนเนอร์ ระบบนา 2 ทุ่ง(two-field system) ระบบนา 3 ทุ่ง (three-field system)

  12. ระบบแมนเนอร์

  13. ความเสื่อมสะลายของแมนเนอร์ความเสื่อมสะลายของแมนเนอร์ • การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร • ความเฟื้องฟูของการค้า • โรคระบาด (กาฬโรค :Black Death) • การเรียกร้องค่าจ้างสูงขึ้น • การเกษตรกรเพื่อการตลาด (เพื่อการพาณิชย์) • การล้อมรั้วที่ดิน • การเคลื่อนย้ายของประชากร

  14. คำถาม • ระบบศักดินาของไทยและยุโรป ต่างกันอย่างไร • ระบบศักดินากับระบบแมนเนอร์ ต่างกันอย่างไร

  15. นักคิดคนสำคัญ • โทมัส อกิเนส์ (Thomas Aquinas) ค.ศ. 1227-1274 - เป็นพระในศาสนาคริสต์ ชาวอิตาเลียน - อธิบายถึงหลักการจัดการทางเศรษฐกิจที่ต้องมีหลักศีลธรรมจรรยา - การแสวงหาความมั่งคั่งเป็นสิ่งที่น่าชิงชัง เป็นสิ่งที่เลวร้าย - มูลค่าในแง่ของราคาสินค้าที่ยุติธรรม(just price) คือ มูลค่าของสินค้าหนึ่งเท่ากับมูลค่าของสินค้าที่แลกเปลี่ยน และยังขึ้นกับสภาพของท้องถิ่น เวลา ความเสี่ยงในการเสื่อหาย และการขนส่ง ซึ่งในที่สุดราคาสินค้าที่ยุติธรรมจะเท่ากับมูลค่าที่แท้จริงของสินค้าหรือก็คือต้นทุนการผลิตหรือก็คือค่าจ้างแรงงาน (Labour Cost) - ดังนั้นราคาที่ยุติธรรม(just price)จะเท่ากับค่าจ้างแรงงานที่ยุติธรรม(just wage) - ค่าจ้างแรงงานที่ยุติธรรม คือ ค่าจ้างแรงงานตามความเหมาะสม ซึ่งจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

  16. การเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบพาณิชนิยม (หรือทุนนิยม) • กระบวนการกลายสภาพ - การเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ของประชาชน - การเปลี่ยนแปลงในวิถีการผลิตภาคเกษตรกรรม สู่การค้า - การเปลี่ยนแปลงระบบการผลิตขนาดใหญ่เป็นอุตสาหกรรม - การขยายอำนาจการผลิต และการค้า (สมาคมช่างฝีมือ) • ประเทศที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ สเปน โปรตุเกส ฮอลันดา (ฮอร์นแลนด์) อังกฤษ และฝรั่งเศส

  17. แนวคิดเศรษฐศาสตร์แบบพาณิชนิยม(Mercantilism)แนวคิดเศรษฐศาสตร์แบบพาณิชนิยม(Mercantilism) • ช่วงปลายศตวรรษที่ 15 – ต้นศตวรรษที่ 16 • มุ่งเน้นความมั่งคั่ง โดยทองคำและเงินคือเครื่องแสดงถึงความมั่งคั่ง • เกิดการปฏิวัติพาณิชยกรรม (commercial revolution) เกิดจากการเปลี่ยนแปลงด้านสังคม ศิลปวิทยาการ การปฏิรูปศาสนา การต่อสู่ทางการปกครอง ชาตินิยม การค้นพบดินแดนใหม่ การเปลี่ยนแปลงสภาพทางเศรษฐกิจ การค้นพบโลหะมีค่า และความต้องการสะสมความมั่งคั่ง

  18. สาระสำคัญของแนวคิดพาณิชนิยมสาระสำคัญของแนวคิดพาณิชนิยม • ปรารถนาความมั่งคั่ง • ส่งเสริมชาตินิยม(มีกองกำลังทหารที่เข้มแข็ง) พยายามให้ได้ดุลการค้า • นำเข้าวัตถุดิบราคาถูก โดยยกเว้นภาษี • การล่าอาณานิคม เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ • รัฐบาลมีความเข็มแข็ง ควบคุมธุรกิจ • สนับสนุนความมั่งคั่งของประเทศ (ในระหว่างนี้ได้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม ในประเทศทวีปยุโรป โดยประเทศอังกฤษเป็นประเทศแรก)

  19. นักคิดคนสำคัญ • โทมัส มุน (Thomas Mun) - เป็นชาวอังกฤษ พ่อค้า กรรมการบริษัท อินเดียตะวันออก - การค้าระหว่างประเทศจะนำมาซึ่งความมั่งคั่งของประเทศ โดยควรผลิตสินค้า(ภาคเกษตรกรรม)เพื่อส่งออกไปต่างประเทศ จะนำความมั่งคั่งสู่ประเทศ - ไม่ควรมีการจำกัดปริมาณการส่งออก เพื่อรักษาดุลการค้า - นำเข้าสินค้าปฐมภูมิ ที่มีราคาต่ำ จะทำให้ประเทศมีความได้เปรียบดุลการชำระเงินระหว่างประเทศ(Balance of International Payment) - ไม่ควรมีการส่งออกเงินละทองคำไปต่างประเทศ - การค้าระหว่างประเทศ จะทำให้รัฐบาลมีรายได้มากขึ้นด้วยการเก็บภาษี

  20. นักคิดคนสำคัญ • เซอร์ โจซาย ไชล์ด - ดุลการค้าระห่วงประเทศมีความยุ่งยากและไม่แน่นอน - ความใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำ

  21. นักคิดคนสำคัญ • จอง บาติสส์ โคล์แบต์ - อุตสาหกรรม และการค้า จะทำให้ฝรั่งเศสมีอำนาจและพึ่งพาตนเองได้ - ให้ขยายเมืองขึ้นหรือล่าอาณานิคม

  22. อันตวน เดอ มองเครติน(Antoine de Montchretien: 1576 – 1621) • เป็นชาวฝรั่งเศส แต่สนใจลัทธิพาณิชนิยม • ตำหนิ ประเทศฝรั่งเศสที่เปิดประเทศรับสินค้าเข้าจากประเทศอื่นโดยง่าย • ความมั่งคั่งไม่ใช่เกิดจากเงินตราอย่างเดียว แต่เกิดจากสินค้าที่ใช้ในการยังชีพ • รัฐควรมีหน้าที่ในการส่งเสริมการผลิตในประเทศเพื่อให้มีสินค้าไว้เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ

  23. เอดเวิด มิสเซสเดล(Edward Misselden: 1608 – 1654) • เป็นสมาชิกบริษัท Merchant Adventurs คู่แข่งที่สำคัญของบริษัท อินเดีย ตะวันออก ของอังกฤษ • การนำทองคำออกนอกประเทศจะเป็นผลทำให้เกิดเศรษฐกิจตกต่ำ • อัตราแลกเปลี่ยนเงินเป็นเครื่องชี้ถึงสภาวะของตลาด กล่าวคือ ถ้าค่าเงินแพงขึ้น จะซื้อสินค้าจากต่างประเทศได้ถูกลง

  24. ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่เกิดจากลัทธิพาณิชนิยมทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่เกิดจากลัทธิพาณิชนิยม • ทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศ (Trade Theory) • ทฤษฎีเงินและทองคำ (Bullion Theory) • ทฤษฎีมูลค่า (Value Theory) • นโยบายบริหารเศรษฐกิจของรัฐ

  25. การเสื่อมสลายของแนวคิดพาณิชนิยมการเสื่อมสลายของแนวคิดพาณิชนิยม • การเคลื่อนไหวของปริมาณทองคำ ที่ส่งผลต่อดุลการค้าระหว่างประเทศ • อดัม สมิท (Adam Smith) ปฏิเสธการเฝ้าดูดุลการค้าเกินดุล และเห็นว่าการค้าระหว่างประเทศควรเป็นการพึ่งพิงกัน โดยพิจารณาตามศักยภาพของประเทศ

  26. แนวคิดเศรษฐศาสตร์แบบธรรมชาตินิยม หรือ ลัทธิฟิซิโอแครต์(Physiocrate) • เน้นระบบเศรษฐกิจแบบเสรี โดยปล่อยให้เศรษฐกิจดำเนินกิจกรรมตามใจชอบ ถ้าเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้ระบบเศรษฐกิจดำเนินไปตามตารางเศรษฐกิจ (ของนายแพทย์ฟรองซัว เกส์เน : Francois Quesney) • รัฐบาลควรมีบทบาทต่อเศรษฐกิจโดยควรทำกิจกรรมเศรษฐกิจที่ตลาดไม่สามารถทำได้เอง • ความมั่งคั่ง ไม่ได้ขึ้นกับปริมาณเงินที่ประเทศสะสมไว้เพียงอย่างเดียว แต่ประกอบด้วยวัตถุดิบ และสินค้าที่ประเทศผลิตได้ ในรูปของส่วนเกิน(produit net) • ที่ดินเป็นสิ่งเดียวที่ก่อให้เกิดความมั่งคั่ง • ช่างฝีมือ นักการอุตสาหกรรม อยู่ในฐานของผู้เปลี่ยนรูปวัตถุดิบ • ตัวกลางสินค้า ได้แก่ ทนายความ แพทย์ ฯลฯ ไม่ได้ก่อให้เกิดการผลิต

  27. แพทย์ฟรองซัว เกส์เน : Francois Quesney • หนังสือเรื่อง Quesney • แพทย์ประจำพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 • รัฐบาลไม่ควรเข้าแทรกแซงให้กฎธรรมชาติปรับตัวเพื่อให้เศรษฐกิจเฟื่องฟู • อธิบายการไหลเวียนของความมั่งคั่ง (circular flow) หรือ ผังเศรษฐกิจ (Tableau Economique) • เป็นที่มาของลัทธิเสรีนิยม(Laissez faire)

  28. ตารางเศรษฐกิจ (Economy Table) แบ่งเป็น 3 ชนชั้น ได้แก่ ชนชั้นที่ 1 ก่อให้เกิดการผลิต (Productive class) ชนชั้นที่ 2 ไม่ได้ก่อให้เกิดการผลิต (Unproductive class) ชนชั้นที่ 3 เจ้าของปัจจัยการผลิต (Proprietary class)

  29. 2 ล้าน $ 2 ล้าน $ 1 ล้าน $ 2 ล้าน $ 1 ล้าน $ การไหลเวียน (Circular flow) ก่อให้เกิดการผลิต (Productive class) ไม่ได้ก่อให้เกิดการผลิต (Unproductive class) เจ้าของปัจจัยการผลิต (Proprietary class) 5 ล้าน $ 1 ล้าน $

More Related