1 / 39

หน่วยที่ 2

หน่วยที่ 2. ความหมายและข้อแตกต่างระหว่าง e-Government, e-Procurement และ e-Auction. e-Goverment คืออะไร.

lev-beasley
Download Presentation

หน่วยที่ 2

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. หน่วยที่ 2 ความหมายและข้อแตกต่างระหว่าง e-Government,e-Procurement และ e-Auction

  2. e-Goverment คืออะไร รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกว่า e-Government คือ วิธีการบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเครือข่ายสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานภาครัฐ ปรับปรุงการบริการแก่ประชาชน การบริการด้านข้อมูลและสารสนเทศเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ระบบต้องมีความมั่นคงปลอดภัยเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานของรัฐ และประชาชนอุ่นใจในการรับบริการ

  3. e-Commerce คืออะไร คือบริการทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์แบบ B2C และ B2B เป็นหลัก ส่วน e-Government จะเป็นแบบ G2G G2B และ G2C

  4. เงื่อนไขการพัฒนา e-Government e-Governnentจะต้องมีการพัฒนา ใช้ประโยชน์ และบังคับใช้นโยบาย กฎหมาย และกฎระเบียบอื่นใดที่จำเป็นต่อการสนับสนุนการทำงานของสังคมและเศรษฐกิจใหม่ ที่จะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (สังคมดิจิตอล) เป็นกลไกในการขับเคลื่อน

  5. เงื่อนไขการพัฒนา e-Government (ต่อ) Digital Societyสังคมดิจิตอล เป็นสังคมและชุมชนที่ก้าวหน้าทางวิทยาการ ที่ประชาคมในกลุ่มสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกับชีวิตประจำวัน ในการทำงาน และความบันเทิง ตลอดจนมีความสามารถในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์

  6. เงื่อนไขการพัฒนา e-Government (ต่อ) Digital Divideเป็นผลจากสังคมอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมีประชาชนกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโดยเฉพาะอินเทอร์เน็ต ทำให้ประชาชนกลุ่มนี้ด้อยโอกาสและไม่สามารถเข้าถึงบริการ และข้อมูลข่าวสารที่รัฐพึงจัดหาให้ ซึ่งคนกลุ่มนี้รวมถึง คนที่อยู่ในชนบท คนพิการ คนที่มีปัญหาทางภาษา และคนที่ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมข้อมูลข่าวสารได้

  7. จากเงื่อนไข e-Government จะต้องพัฒนาสิ่งต่อไปนี้ 1. เพิ่มขีดความสามารถของประชาชนจำนวนมาก ให้เข้าถึงบริการของรัฐ 2. เพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยทำให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชนและหน่วยราชการ 3. เพิ่มความโปร่งใสในกระบวนการทำงานราชการ และปรับกระบวนทัศน์ (Paradigm Shift) ของระบบราชการต่อเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 4. เพิ่มความเชื่อมั่นของประชาชนในการรับบริการอย่างปลอดภัย และเป็นส่วนตัว

  8. สิ่งที่ e-Government ไม่ได้เป็น e-Government ไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างหมดสิ้น เช่น การแก้ปัญหาคอรัปชั่นและการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ ได้อย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ว่ากระบวนการ e-Government จะช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานให้ดีขึ้น มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมในระดับหนึ่ง

  9. สิ่งที่ e-Government ไม่ได้เป็น (ต่อ) การเกิดของe-Government ไม่ใช่เพียงการซื้ออุปกรณ์สารสนเทศ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์จำนวนมาก ๆ หรือ การมีเว็บไซต์ของหน่วยงานเท่านั้น จะต้องมีการพัฒนาทั้งระบบ

  10. ลักษณะการให้บริการของ e-Government หลักสำคัญของการสร้าง e-Government คือการนำบริการของภาครัฐ สู่ประชาชนโดยใช้อิเล็กทรอนิกส์เป็นสื่อในการให้บริการ โดย หลักการของ ที่เดียวทันใดทั่วไทยทุกเวลาทั่วถึงและเท่าเทียมโปร่งใสและเป็นธรรมภิบาล

  11. ที่เดียว การพัฒนา e-Government ทำให้สามารถสร้างเว็บท่า (Web Portal) ที่ สามารถบูรณาการบริการต่าง ๆ ที่เคยอยู่กระจัดกระจาย มารวมอยู่ที่ เดียวกัน เพื่อให้ง่ายต่อประชาชนในการติดต่อที่จอเดียว หรือ หน้าต่างเดียวเพื่อบริการเบ็ดเสร็จ

  12. ทันใด รายการทางอิเล็กทรอนิกส์ สามารถทำได้และมีการตอบรับแบบทันที ไม่ต้องเสียเวลารอคอยการตอบกลับทางเอกสาร ทำให้งานต่างๆ ที่ ต้องรอคำตอบนาน ๆ สามารถได้รับคำตอบในทันทีทันใด

  13. ทั่วไทย การใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้การเชื่อมโยงประชาชนชาวไทย ไม่ว่าอยู่ไหนในโลกใช้บริการ e-Government ที่รัฐบาลได้จัดทำ

  14. ทุกเวลา เนื่องจากคอมพิวเตอร์แม่ข่าย และ ระบบอินเทอร์เน็ต สามารถเปิดไว้ ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน (24 x 7) แบบเดียวกับตู้ ATM ทำให้การ บริการต่าง ๆ ที่เคยต้องทำในเวลาราชการสามารถทำได้ตามที่ ประชาชนสะดวก และพร้อม

  15. ทั่วถึง และ เท่าเทียม การให้บริการ e-Government ทำให้ประชาชน และผู้ด้อยโอกาสจะ ได้มีโอกาสในการรับบริการ โดยไม่ต้องเดินทาง และประชาชนที่ ด้อยโอกาสสามารถรับบริการที่สะดวกสบายเช่นเดียวกับประชาชน ในเมืองได้อย่างเท่าเทียมกันอีกด้วย

  16. โปร่งใสและเป็นธรรมภิบาลโปร่งใสและเป็นธรรมภิบาล การบริการ e-Government ทำให้บริการของรัฐในหลาย ๆ เรื่องที่เคย ทึบแสง หรือ ไม่โปร่งใส เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง เป็นต้น สามารถ ดำเนินการแบบเปิดเผยผ่านระบบออนไลน์ที่มีผู้เข้าร่วม และรู้เห็น จำนวนมากได้ มีการคาดการณ์ว่าการทำให้โปร่งใสและเป็นธรรมจะ ช่วยให้รัฐประหยัดงบประมาณได้ไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบ

  17. โครงการที่ส่งเสริมการพัฒนารัฐบาล อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย 1. โครงการพัฒนาบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย (Multi-application smart ID card) 2. โครงการพัฒนาระบบจัดซื้อจัดจ้างทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Procurement) 3. โครงการพัฒนาและจัดทำมาตรฐานซอฟต์แวร์กลางเพื่อการบริหารของภาครัฐ (ระบบ Back Office) 4. โครงการจัดตั้งศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ (Government Data Exchange : GDX) 5. โครงการจัดทำโครงการพื้นฐานข้อมูลเชิงพื้นที่ (National Spatial Data Infrastructure) 6. โครงการจัดตั้งสถาบันพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์

  18. ประชาชนจะได้อะไร สร้างโอกาสให้ประชาชนได้เลือกใช้บริการที่หลากหลายผ่านอินเทอร์เน็ต ประชาชนได้รับบริการจากรัฐที่ดีขึ้น รัฐให้ข้อมูลกับประชาชนได้มากขึ้น ลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงข้อมูลและบริการของรัฐ ลดความยุ่งยากของกฎเกณฑ์ เพิ่มความโปร่งใสในการทำงาน

  19. ตัวอย่างหน่วยงานให้บริการออนไลน์ตัวอย่างหน่วยงานให้บริการออนไลน์ เกรมสรรพากร ที่เปิดระบบ e-Revenue ให้ผู้เสียภาษีสามารถเสียภาษีผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ กรมทะเบียนการค้า ที่รับจดทะเบียนผ่านระบบ On-line Registration มหาวิทยาลัย ที่เปิดให้นักศึกษาลงทะเบียนเรียนผ่านทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น

  20. ข้อดีของระบบข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงกันได้ข้อดีของระบบข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงกันได้ ตัวอย่างเช่น การแจ้งเปลี่ยนชื่อ ที่อยู่ สามารถทำเพียงครั้งเดียว ที่ระบบของสำนักทะเบียนราษฎร์กรมการปกครอง หลังจากนั้นระบบจะส่งข้อมูลไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่เราต้องแจ้งได้เองโดยอัตโนมัติ อาทิ กรมการขนส่งทางบก เพื่อเปลี่ยนข้อมูลในใบขับขี่ ที่การไฟฟ้า ฯ การประปาฯ เพื่อเปลี่ยนชื่อที่อยู่ในใบแจ้งค่าไฟ ค่าน้ำ หรือที่สำนักงานประกันสังคม เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลในบัตรประกันสังคม เป็นต้น

  21. ปัจจัย 5 ประการ ที่ทำให้เกิด e-Government 1. โครงข่ายโทรคมนาคมสาธารณะ 2. การประยุกต์ใช้ไอทีทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์เครือข่าย 3. สารสนเทศ 4. การอบรมให้แก่ประชาชนสามารถใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการรับรู้ข้อมูลสารสนเทศ 5. ปัจจัยอื่น อาทิ กฎ ระเบียบที่คล่องตัวขึ้น ทัศนคติที่ดีในการที่จะเผื่อแผ่ข้อมูลข่าวสาร

  22. ประเภทของบริการ e-government 1. เผยแพร่ข้อมูล 2. บริการพื้นฐาน อาทิ ทำบัตรประชาชน จดทะเบียน ขอใบอนุญาต เสียภาษี ฯลฯ 3. ติดต่อสื่อสารกับผู้รับบริการทางอีเมล์ เครื่องมือสื่อสารไร้สาย ฯลฯ 4. รับเรื่องราวร้องทุกข์ 5. ประมวลผลข้อมูลระหว่างหน่วยงาน 6. บริการรับชำระเงิน 7. สำรวจความคิดเห็น

  23. องค์ประกอบของ e-Government 1. ความพร้อมของผู้นำ e-Government เป็นการทำงานที่จะต้องใช้การตัดสินใจของผู้บริหารประเทศในลักษณะของ Top down ในระดับสูง เนื่องจากต้องอาศัยการตัดสินใจในการเปลี่ยนแปลง (Transformation) จำนวนมาก ทั้งกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และวิธีการปฏิบัติงาน เพื่อแปลงงานจำนวนมากที่เคยทำด้วยมือ เป็นระบบคอมพิวเตอร์ และผ่านระบบอินเทอร์เน็ต นอกจากนั้น ยังต้องการสนับสนุน คน เงิน งบประมาณ จำนวนเพียงพอ และต่อเนื่อง เป็นระยะเวลานาน

  24. องค์ประกอบของ e-Government (ต่อ) 2. ความพร้อมในเชิงโครงสร้างพื้นฐาน แยกเป็นความพร้อมของเรื่องต่าง ๆ ดังนี้2.1 โครงข่ายการสื่อสารโทรคมนาคม ที่พร้อมใช้เพื่อการสื่อสาร และสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ทั่วถึง และเท่าเทียม 2.2 ฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ (Hardware and Software) ต้องมี อย่างพอเพียงเพื่อให้ทั้งภาครัฐ และประชาชนสามารถใช้ เครื่องมือในการให้บริการของภาครัฐ

  25. องค์ประกอบของ e-Government (ต่อ) 2.3 ทรัพยากรมนุษย์ (Human Resources) ข้าราชการ และ ประชาชนจะต้องมีการพัฒนาทักษะ และเรียนรู้ที่จะยอมรับ การเปลี่ยนแปลงในการปฏิบัติงานและการให้และการรับ บริการ 3. ความพร้อมของภาครัฐบาล หากได้รับการสนับสนุนจากผู้นำประเทศ จะมีความเป็นไปได้สูงในการพัฒนาระบบ

  26. องค์ประกอบของ e-Government (ต่อ) 4. ความพร้อมของประชาชนและสิ่งแวดล้อม ความสำเร็จของ e-Government ที่แท้จริงจะต้องมีเป้าหมายคือ ทำเพื่อประชาชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ดังนั้น "ความสำเร็จของการออกแบบ e-Government คือ การยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง" เนื่องจากประชาชนในประเทศมีความแตกต่างกันมาก ทั้งในด้านของโอกาส และพื้นฐานการศึกษา ความหลากหลายดังกล่าวทำให้การบริการ เหมือน ๆ กัน ไม่สามารถกระจายสู่ประชาชนทุกกลุ่มได้เท่าเทียมกัน

  27. e-Procurement คืออะไร คือ ระบบสารสนเทศที่สนับสนุนการให้บริการที่เกี่ยวข้องในกิจกรรมการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ เช่น การตกลงราคา การสอบราคา การประกวดราคา และการจัดซื้อรวมแบบออนไลน์ รวมถึงการลงทะเบียนบริษัทผู้ค้า การทำ e-Catalog และการทำงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการจัดซื้อที่เป็น Web Based Application เพื่อทำให้ระบบการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

  28. ขั้นตอนของระบบ e-Procurement 1. ค้นหาสินค้า/บริการที่จะซื้อผ่าน e-Catalog2. เลือกหมวดสินค้าที่ต้องการจะซื้อผ่าน e-Shopping List3. จัดประกาศเชิญชวนผ่าน Web-Site4. ผู้ขายเสนอคุณสมบัติของสินค้าทางอินเตอร์เน็ต (e-RFP)5. ผู้ซื้อตรวจสอบราคากลาง (e-RFQ) และ Track Record ของ ผู้ขาย6. ประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction)7. ประกาศผล ผู้ชนะและส่งมอบ/ตรวจรับพัสดุ8. จ่ายเงินตรงด้วยระบบ e-Payment

  29. องค์ประกอบของระบบ e-Procurement 1. ระบบ e-Catalog เป็นมาตรฐาน ระบบ Catalog ที่รวบรวมรายละเอียดของสินค้าและบริการ ซึ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้ค้า/ผู้รับจ้าง (Suppliers) ที่มีคุณสมบัติในการทำธุรกรรมสามารถเข้ามาทำการแจ้งและปรับปรุงรายการสินค้า/บริการของตนเองได้

  30. 2. ระบบ e-RFP ระบบ e-RFP (Request for Proposal)/ e-RFQ (Request for Quotation) เป็นระบบที่อำนวยความสะดวกในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างทางอิเล็กทรอนิกส์โดยวิธีสอบราคาหรือวิธีตกลงราคา

  31. 3. ระบบ e-Auction แบ่งได้เป็น 2 ส่วน ได้แก่3.1 Reverse Auctionเป็นระบบที่อำนวยความสะดวกในด้าน การประมูลซื้อให้ได้ราคาต่ำสุด3.2 Forward Auctionเป็นระบบที่อำนวยความสะดวกในด้าน การประมูลขาย ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้กับการจำหน่ายพัสดุที่ หมดความจำเป็นของหน่วยงานภาครัฐโดยวิธีขายทอดตลาด ซึ่งเป็นการประมูลขายแบบผู้ชนะ คือ ผู้ที่เสนอราคาสูงสุด

  32. E-Auction คืออะไร e-Auction คือ การประมูลจัดซื้อจัดจ้างแบบ on-line ผ่านทางระบบ internetผู้ให้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ จะเป็นผู้จัดการประมูลและแนะนำผู้ซื้อในการจัดซื้อของ

  33. ระบบ e- Auction แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 Reverse Auction เป็นระบบที่อำนวยความสะดวกในด้านการประมูลซื้อให้ได้ในราคาต่ำสุด ซึ่งจะใช้วิธีนี้ในกรณีที่สินค้า /บริการที่ต้องการจัดซื้อหรือจัดจ้าง ต้องใช้วิธีการประมูล ระบบนี้จะรับข้อมูลของผู้ค้าที่ได้รับการคัดเลือกจากระบบ e-RFP / e-RFQ มาดำเนินการประมูลผ่านทาง Internet แบบ Real-time ตามวันและเวลาที่กำหนด โดยการประมูลจะมี 2 แบบ คือ

  34. ระบบ e- Auction แบ่งออกเป็น 2 ส่วน (ต่อ) - English Reverse Auctionเป็นการประมูลที่ผู้ซื้อจะทราบสถานะของการประมูลว่าผู้ที่เสนอราคาต่ำสุด เสนอราคาเท่าไร แต่ผู้เข้าประมูลจะไม่ทราบชื่อของผู้เข้าประมูลรายอื่น ๆ - Sealed Bidเป็นการประมูลที่ผู้ซื้อจะไม่ทราบสถานะของการประมูลและราคาต่ำสุดของผู้ยื่นประมูล การยื่นข้อเสนอราคาแบบ Sealed Bid แบ่งเป็น 2 แบบ คือ แบบยื่นข้อเสนอได้เพียงครั้งเดียว และยื่นข้อเสนอได้หลายครั้งภายในระยะเวลาที่กำหนด

  35. ระบบ e- Auction แบ่งออกเป็น 2 ส่วน (ต่อ) ส่วนที่ 2 Forward Auction เป็นระบบที่อำนวยความสะดวกในด้านการประมูลขาย ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้กับการจำหน่ายพัสดุที่หมดความจำเป็นของหน่วยงานภาครัฐโดยวิธีขายทอดตลาดซึ่งเป็นการประมูลขายแบบผู้ชนะ คือ ผู้ที่เสนอราคาสูงสุด

  36. ความเป็นมาของโครงการ e-Auction... ต้นเหตุของโครงการ e-Auction คือ การจัดซื้อจัดจ้าง และการประมูลในภาครัฐไม่มีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ กล่าวคือ มีการเปิดให้ยื่นซองประกวดราคาเข้ามา แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยถึงตัวเลขของแต่ละแห่ง ที่นำเสนอมาว่ามีลักษณะการแข่งขันด้านราคา หรือ คุณภาพอย่างไร และคัดเลือกเป็นธรรมหรือไม่ นอกจากนี้อาจมีการใช้เครื่องมือพิเศษ คือ จำนวนเงินและผลประโยชน์ที่แบ่งมาจากผลประโยชน์ของบริษัทผู้ประมูล ที่จะได้รับจากโครงการภาครัฐอันมีมูลค่ามหาศาล

  37. G-Procurement หรือ e-Procurement ของภาครัฐเป็นระบบสารสนเทศที่สนับสนุน การให้บริการที่เกี่ยวข้องในกิจกรรมจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เช่น การตกลงราคา การสอบถามราคา การประกวดราคา และการจัดซื้อรวมแบบออนไลน์ รวมถึงการลงทะเบียนบริษัทผู้ค้า

  38. E-Auction หรือประมูลออนไลน์เป็นระบบหนึ่งใน e-Procurementแต่ e-Auction จะเป็นระบบที่มีขั้นตอน การทำงานที่ง่ายกว่า e-Catalog ทำให้หน่วยงานภาครัฐเลือกใช้ e-Auction ทดลองเพื่อก้าวไปสู่ e-Procurement ที่สมบูรณ์แบบ

  39. E-Auction (ต่อ) หน่วยงานราชการไม่สามารถประมูลผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วยตัวเอง จำเป็นต้องให้ผู้บริการ"ตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ (e-marketplace Service Provider)" โดยตลาดกลางดังกล่าวจะเป็นเสมือนตัวกลางที่เชื่อมต่อระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายให้ได้พบและตกลงการซื้อขายสินค้าหรือบริการกันผ่านเว็บไซต์ ในปัจจุบันมีผู้ดำเนินการธุรกิจดังกล่าว คือ บริษัท พันธวณิช จำกัด ซึ่งเคยดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างออนไลน์ให้กับบริษัทต่างๆ เช่น บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) และ บริษัท เทเลคอมเอเชีย คอร์ปอเรชั่น หรือ ทีเอ เป็นต้น

More Related