1 / 47

ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส

ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส. จัดทำโดย ครูรุจิดา สุขใส กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยา. ลำดับเนื้อหา. สมบัติของของแข็ง การจัดเรียงอนุภาคของของแข็ง ชนิดของผลึก การเปลี่ยนสถานะของของแข็ง สมบัติของของเหลว สมบัติของแก๊ส

laurie
Download Presentation

ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส จัดทำโดย ครูรุจิดา สุขใส กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยา

  2. ลำดับเนื้อหา • สมบัติของของแข็ง • การจัดเรียงอนุภาคของของแข็ง • ชนิดของผลึก • การเปลี่ยนสถานะของของแข็ง • สมบัติของของเหลว • สมบัติของแก๊ส • เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับสมบัติของแข็ง ของเหลว และแก๊ส

  3. ผังมโนทัศน์สาระการเรียนรู้ เรื่อง ของแข็ง การจัดเรียงอนุภาคของของแข็ง สมบัติของของแข็ง ของแข็ง การเปลี่ยนสถานะของของแข็ง ชนิดของผลึก

  4. สมบัติของแข็ง • สมบัติของของแข็ง • ปริมาตรคงที่ไม่ขึ้นอยู่กับขนาดภาชนะที่บรรจุ • มีรูปร่างคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงตามรูปร่างของภาชนะ • มีอนุภาคอยู่ชิดติดกันอย่างมีระเบียบ • สามารถระเหิดได้

  5. สมบัติของแข็ง • การจัดเรียงอนุภาค • ธาตุต่างๆ บางชนิดในธรรมชาติจะมีการจัดเรียงตัวของอะตอมในรูปของโมเลกุลได้หลายรูปแบบ เราเรียกว่าอัญรูป (allotrope) • การที่สารสามารถเปลี่ยนโครงสร้างจากแบบหนึ่งไปอีกแบบหนึ่งได้ภายใต้ภาวะอุณหภูมิ และความดันค่าหนึ่ง เราเรียกอุณหภูมินี้ว่า จุดแทรนสิชัน (transition point)

  6. การจัดเรียงอนุภาคของแข็งการจัดเรียงอนุภาคของแข็ง • ธาตุชนิดเดียวกันอาจมีการจัดเรียงอนุภาคแตกต่างกันทำให้เกิดอัญรูป ผลคือ สมบัติทางกายภาพและเคมีแตกต่างกัน

  7. การจัดเรียงอนุภาคของแข็งการจัดเรียงอนุภาคของแข็ง

  8. การจัดเรียงอนุภาคของกำมะถันการจัดเรียงอนุภาคของกำมะถัน • กำมะถันมีหลายอัญรูป ได้แก่ รอมบิก (ออร์โทรอมบิก มอนอคลินิก พลาสติก) • กำมะถันรอมบิก (s) มีสูตรโมเลกุลเป็น s8ประกอบด้วยกำมะถัน 8 อะตอมต่อกันด้วยพันธะโคเวเลนต์ เป็นวง 8 เหลี่ยมรูปมงกุฎ ไม่ละลายน้ำแต่ละลายในคาร์บอนไดซัลไฟด์ หรือ โทลูอีน

  9. กำมะถัน

  10. ผลึกของกำมะถัน

  11. สมบัติของกำมะถันรอมบิกสมบัติของกำมะถันรอมบิก 1. เป็นผลึกรูปสี่เหลี่ยมโปร่งใสสีเหลองอ่อน 2. มีจุดหลอมเหลว 112.8 ๐C และจุดเดือด 444.67๐C 3. มีความหนาแน่น 2.07 g/cm3 4. ละลายได้ใน CS2, C6H6เป็นต้นแต่ไม่ละลายน้ำ 5. เสถียรที่สุดที่อุณหภูมิปกติ แต่ถ้าให้อุณหภูมิสูงกว่า 95.6 ๐C จะเปลี่ยนไปเป็นกำมะถันมอนอคลินิก 6. ไม่นำไฟฟ้า

  12. สมบัติของกำมะถันมอนอคลินิกสมบัติของกำมะถันมอนอคลินิก • กำมะถันมอนอคลินิก(Monoclinic sulphun)หรือเรียกว่า กำมะถันพริสเมติก หรือกำมะถันบีต้า เป็นรูปที่คงตัวที่อุณหภูมิสูงกว่า 95.6 ๐C แต่ไม่เกิน 119 ๐C มีลักษณะรูปเข็ม เมื่อตั้งทิ้งไว้ให้อุณหภูมิต่ำกว่า 95.6 ๐Cบีต้าจะค่อยๆเปลี่ยน

  13. สมบัติของกำมะถันมอนอคลินิกสมบัติของกำมะถันมอนอคลินิก 1. เป็นผลึกรูปเข็มโปร่งใสสีเหลืองเข้มกว่ากำมะถันแอลฟา 2. มีจุดหลอมเหลว 119 ๐C และจุดเดือด 444.67 ๐C 3. มีความหนาแน่น 1.96 g/cm3 4. ละลายได้ในคาร์บอนไดซัลไฟด์ โทลูอีน เป็นต้น 5. เสถียรที่อุณหภูมิสูงกว่า 95.6 ๐C แต่ไม่เกิน 119 ๐C 6. ไม่นำไฟฟ้า

  14. รูปร่างและโครงสร้างของฟอสฟอรัสรูปร่างและโครงสร้างของฟอสฟอรัส Phosphorus exists in at least three allotropic forms. The three main allotropes are named for their colors: white phosphorus (also called yellow phosphorus), red phosphorus, and black phosphorus (also called violet phosphorus). These allotropes all have different physical and chemical properties.

  15. อัญรูปของคาร์บอน

  16. ฟอสฟอรัสขาว  • มีลักษณะนิ่มคล้ายขี้ผึ่งสีขาว • สูตรโมเลกุลเป็น P4รูปร่างเป็นทรงสีหน้าแต่ไม่มีอะตอมกลาง • มีแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลอย่างอ่อนทำให้มีจุดหลอมเหลวต่ำและระเหยง่ายแม้ที่อุณหภูมิห้องมีความเป็นพิษสูง และถูกออกซิไดส์โดยออกซิเจนในอากาศได้ง่าย แล้วกลายเป็นสีขาวขุ่น แต่ถ้าเก็บไว้ในบรรยากาศของแก๊สเฉื่อยและไม่โดนแสงจะไม่ขุ่น • โดยทั่วไปจะไปเก็บรักษาโดยการจุ่มไว้ในน้ำ สามารถลุกติดไฟได้เองที่อุณหภูมิห้องที่สูง 40 - 45 c แล้วเกิดสารประกอบออกไซด์ขึ้น • ไม่ละลายน้ำแต่ละลายใน CS2,C6H6หรือตัวทำละลายอินทรีย์

  17. ฟอสฟอรัสแดง • ฟอสฟอรัสแดง  คือ พอลิเมอร์ของฟอสฟอรัสขาว เกิดจากการนำฟอสฟอรัสขาวมาเผาหรือทิ้งไว้นานๆเป็นผงสีแดงแก่ • ไม่ละลายใน CS2หรือตัวทำละลายอินทรีย์ใดๆไม่ระเหย • ไม่เป็นพิษและไม่ว่องไวต่อปฏิกิริยาไม่สามรถลุกไหม้ได้เองที่อุณหภูมิต่ำกว่า 240  c • สามารถระเหิดได้ที่อุณหภูมิประมาณ 420  c มีโครงสร้างแบบโครงตาข่าย • ใช้ทำผิวกล่องไม้ขีดไฟ

  18. ฟอสฟอรัสดำ  • มีโครงร้างและสมบัติคล้ายแกรไฟต์ คือ เป็นของแข็งสีเทาแก่มีเงาโลหะเป็นแผ่น • สามารถนำไฟฟ้าและความร้อนได้ โครงสร้างเป็นแผ่นๆ คล้ายแกรไฟต์ อะตอมของฟอสฟอรัสในชั้นเดียวกันต่อกันด้วยพันธะโคเวเลนต์ แต่ชั้นของฟอสฟอรัสดำไม่แบนราบแต่มีการหยักขึ้นลง • ฟอสฟอรัสดำเป็นอัญรูปที่เสถียรที่สุดของฟอสฟอรัส การเตรียมฟอสฟอรัสดำทำได้โดยนำฟอสฟอรัสขาวมาให้ความร้อนโดยใช้อุณหภูมิและสูง ถ้าอุณหภูมิสูงเกิน 450 C หรือทิ้งไว้นานๆ สามารถเปลี่ยนเป็นฟอสฟอรัสแดงซึ่งเป็นรูปอัญรูปที่เสถียรที่สุด

  19. ผลึกของคาร์บอน Graphite

  20. เพชร

  21. Fullerene

  22. ชนิดของผลึก • ของแข็งที่บริสุทธิ์ที่อยู่ในรูปผลึกมีลักษณะที่สำคัญคือ มีการจัดเรียงอนุภาคภายในอย่างมีระเบียบในสามมิติ • แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคอาจจะเป็นแรงดึงดูดระหว่างขั้ว หรือแรงลอนดอน หรือพันธะโคเวเลนต์ หรือพันธะโลหะ หรือพันธะไอออนิก • ของแข็งบริสุทธิ์เหล่านี้จะมีจุดหลอมเหลวที่ชัดเจนและคงที่

  23. ชนิดของผลึก

  24. ผลึกโมเลกุล • ผลึกโมเลกุลประกอบด้วยโมเลกุลที่ยึดเหนี่ยวกันด้วยแรงแวนเดอร์วาลส์และหรือพันธะไฮโรเจน • ถ้าเป็นผลึกของโมเลกุลที่ไม่มีขั้วแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลจะเป็นแรงแวนเดอร์วาลส์ประเภทแรงลอนดอน เช่น แนฟทาลีน น้ำแข็งแห้ง • สำหรับของแข็งที่เป็นโมเลกุลมีขั้วจะยึดเหนี่ยวด้วยแรงดึงดูดระหว่างขั้วหรือพันธะไฮโดรเจน เช่น น้ำแข็ง แอมโมเนียแข็ง ซึ่งโมเลกุลจะยึดเหนี่ยวกันด้วยพันธะไฮโดรเจน • ของแข็งที่เป็นผลึกโมเลกุลโดยส่วนใหญ่จะมีลักษณะค่อนข้างอ่อนหรือแข็งปานกลางมีจุดหลอมเหลวต่ำไม่นำไฟฟ้าในกรณีของผลึกที่ประกอบด้วยโมเลกุลไม่มีขั้วบางชนิดจะเกิดการระเหิดได้ง่าย เช่น แนฟทาลีน

  25. ผลึกโมเลกุล

  26. ผลึกโคเวเลนต์ร่างตาข่ายผลึกโคเวเลนต์ร่างตาข่าย • ผลึกโคเวเลนต์ร่างตาข่ายประกอบด้วยอะตอมที่ยึดเหนียวกันด้วยพันธะโคเวเลนต์ ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เช่น ผลึกแกรไฟต์ เพชร ซึ่งมีอะตอมของคาร์บอน สร้างพันธะโคเวเลนต์กับอะตอมของคาร์บอนอื่น อีก 3 และ 4 อะตอมตามลำดับ เกิดเป็นสารที่มีโครงผลึกร่างตาข่ายของแข็งประเภทนี้มีจุดหลอมเหลวสูงมีความแข็ง แต่ความแข็งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการจัดเรียงตัวของอะตอมในโครงผลึกร่างตาข่าย

  27. ผลึกโครงร่างตาข่าย

  28. ผลึกโลหะ • ผลึกโลหะประกอบด้วยอะตอมที่ยึดเหนี่ยวกันด้วยพันธะโลหะที่แข็งแรงมาก • ของแข็งประเภทนี่ส่วนใหญ่มีความแข็งและเหนียวสามารถตีเป็นแผ่น บิดงอได้ เป็นตัวนำความร้อนนำไฟฟ้าที่ดีอย่างไรก็ตามผลึกโลหะทั้งหมด • อาจมีสมบัติไม่สอดคล้องทุกประการดังที่กล่าวมาแล้ว เช่น ตะกั่วซึ่งนำไฟฟ้าได้ไม่ดี • สำหรับจุดเดือดและจุดหลอมเหลวของของแข็งประเภทนี้ส่วนใหญ่ค่อนข้างสูงและแตกต่างกันไปตามความแข็งแรงของพันธะโลหะ แต่มีผลึกโลหะบางชนิดที่มีลักษณะค่อนข้างอ่อน มีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวต่ำ เช่น โพแทสเซียม โซเดียม

  29. ผลึกโลหะ

  30. ผลึกไอออนิก • ผลึกไอออนิกประกอบด้วยไอออนบวกกับไอออนลบ ที่มีขนาดไอออนแตกต่างกัน • ยึดเหนี่ยวกันด้วยแรงดึงดูดระหว่างประจุไฟฟ้า • ของแข็งประเภทนี้จึงมีลักษณะแข็งและเปราะ • มีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง • ขณะที่อยู่ในสถานะของแข็งจะไม่นำไฟฟ้าแต่เมื่อทำให้หลอมเหลวหรือละลายน้ำจะนำไฟฟ้าได้

  31. ผลึกไอออนิก

  32. การเปลี่ยนสถานะของของแข็งการเปลี่ยนสถานะของของแข็ง

  33. การระเหิด (Sublimation) • การระเหิด คือ ปรากฏการณ์ที่สารเปลี่ยนสถานะจากของแข็งกลายเป็นก๊าซหรือไอโดยไม่เปลี่ยนสถานะเป็นของเหลวก่อน ใช้แยกสารเนื้อผสมที่เป็นของแข็งออกจากกัน ของแข็งที่มีสมบัติในการระเหิด ได้แก่ ลูกเหม็น พิมเสน การบูร น้ำแข็งแห้ง การบูรกับเกลือแกง

  34. การระเหิด (Sublimation) • ตัวอย่างเช่น เมื่อให้ความร้อนการบูรจะกลายเป็นไอแยกออกจากเกลือแกง ดักไอของการบูรด้วยภาชนะที่เย็นจะได้การบูรเป็นของแข็งแยกออกมาหรือ ถ้าเราใส่ลูกเหม็นในตู้เสื้อผ้าไว้สักระยะหนึ่ง ลูกเหม็นจะมีขนาดเล็กลงเพราะลูกเหม็นเปลี่ยนสถานะจากของแข็งกลายเป็นไอทำให้มีกลิ่นเหม็นไล่แมลง

  35. การระเหิด (Sublimation) • ดังนั้นการแยกสารโดยการระเหิด จะใช้แยกองค์ประกอบของสารที่ผสมที่มีสถานะเป็นของแข็งที่ระเหิดได้กับของแข็งที่ระเหิดไม่ได้ การให้ความร้อนแก่สารผสมจะทำให้องค์ประกอบที่ระเหิดได้กลายเป็นไอแล้วแยกตัวออกจากสารผสมนั้น

  36. ปัจจัยที่มีผลต่อการระเหิดปัจจัยที่มีผลต่อการระเหิด • อุณหภูมิ ณ อุณหภูมิสูงของแข็งระเหิดได้มากกว่าที่อุณหภูมิต่ำ • พื้นที่ผิวของของแข็ง ของแข็งที่มีพื้นที่ผิวหน้ามากจะระเหิดได้ดีกว่าของแข็งที่มีพื้นที่ผิวหน้าน้อย • แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค ของแข็งใดมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคน้อยจะระเหิดได้ง่าย แต่ถ้ามีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคมากขึ้นจะระเหิดได้ช้า

  37. คำถาม 1.กำมะถัน (S8) มีรูปผลึกได้ 2 รูปคือ ก. รอมบิกและมอนอคลินิก... ข. คิวบิกและรอมบิก ค. มอนอคลินิกและไตรคลินิก ง. ไตรคลินิกและคิวบิก ก

  38. คำถาม 2.กำมะถันรอมบิกเรียกอีกชื่อว่าอย่างไร ก. กำมะถันแอลฟา.. ข. กำมะถันบีต้า ค. กำมะถันแลมดา ง. กำมะถันแกมมา ก

  39. คำถาม 3. สมบัติของกำมะถันรอมบิกข้อใดต่อไปนี้ไม่ถูกต้อง ก. เป็นผลึกรูปสี่เหลี่ยมโปร่งใสสีเหลองอ่อน ข. มีความหนาแน่น 2.07 g/cm3 ค. นำไฟฟ้า ง. มีจุดหลอมเหลว 112.8 ๐C ค

  40. คำถาม 4. กำมะถันมอนอคลินิกมีลักษณะอย่างไร ก. เป็นรูปสี่เหลี่ยม ข. เป็นรูปเข็ม ค. เป็นรูปวงกลม ง. เป็นรูปดาว ข

  41. คำถาม 5. เมื่อเผากำมะถัน กำมะถันจะหลอมเหลวกลายเป็นของเหลวสีเหลืองอ่อนใสเรียกว่าเรียกกำมะถันนี้ว่าอะไร ก. กำมะถันไหล หรือ กำมะถันแลมดา ข. กำมะถันเหนียว ค. กำมะถันบีต้า ง. กำมะถันรอมบิก ก

  42. คำถาม 6. โครงสร้างของคาร์บอนมี 3 ชนิดข้อใดต่อไปนี้ไม่ถูกต้อง ก. เพชร ข. แกรไฟต์ ค. ฟูลเลอรีน ง. ผลึก ง

  43. คำถาม 7.ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง ก. เพชรมีลักษณะโครงสร้างเป็นชั้นๆ ข. แกรไฟต์มีลักษณะเป็นรูปทรงสี่หน้า ค. เพชรเป็นโมเลกุลที่เล็กที่สุด ง. ฟูลเลอรีนพบในรูปของเพชร และแกรไฟต์ ง

  44. คำถาม 8. โครงสร้างของฟอสฟอรัสแดงมีลักษณะอย่างไร ก. เป็นสายยาวคล้ายลูกโซ่ ข. เป็นโครงร่างตาข่าย ค. ประกอยด้วยฟอสฟอรัส 4 อะตอม ง. แตกออกเป็นสายๆละ 8 อะตอม ก

  45. คำถาม 9.กำหนดขั้นตอนต่างๆดังนี้ 1. นำผงกำมะถันใส่ในหลอดทดลอง 2. เทสารละลายลงบนกระจกนาฬิกา 3. เติม cs2เขย่าจนผงละลายหมด 4. ตั้งทิ้งไว้ในตู้ควันเพื่อให้ cs2ระเหยจนหมด จงเรียงลำดับการเตรียมกำมะถันรอมบิกว่าข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง ก. 1,2,3,4 ข. 1,3,2,4 ค. 2,3,1,4 ง. 4,3,1,2 ข

  46. คำถาม 10.ข้อใดต่อไปนี้ไม่ถูกต้อง ก. ฟอสฟอรัสขาวประกอยด้วยฟอสฟอรัส 4 อะตอม ข. เพชรเป็นโครงผลึกร่างตาข่าย ค. ฟอสฟอรัสดำมีจุดหลอมเหลว 610๐C ง. แกรไฟต์เป็นโครงร่างตาข่าย 2 มิติ ค

More Related