90 likes | 274 Views
พระบิดาที่รักบนสวรรค์. บทที่ 1 วันที่ 5 กรกฎาคม 2014. พระบิดาที่รักของเราบนสวรรค์.
E N D
พระบิดาที่รักบนสวรรค์พระบิดาที่รักบนสวรรค์ บทที่ 1 วันที่ 5 กรกฎาคม 2014
พระบิดาที่รักของเราบนสวรรค์พระบิดาที่รักของเราบนสวรรค์ “ข้าแต่พระยาห์เวห์ บัดนี้พระองค์ยังเป็นพระบิดาของพวกข้าพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นดินเหนียว และพระองค์ทรงเป็นช่างปั้น ข้าพระองค์ทุกคนเป็นผลงานของพระหัตถ์พระองค์” (อิสยาห์ 64:8) ในยุคสมัยพระคัมภีร์เดิมมีการเปิดเผยถึงพระลักษณะของพระเจ้ามากมาย แม้กระทั่งว่าในสมัยนั้นพวกเขาก็เรียกพระเจ้าว่า “ พระบิดา (พ่อ)” พระเยซูได้ทรงสอนเราให้เรียกพระเจ้าว่า “พระบิดา (พ่อ) บนสวรรค์” (มัทธิว6:14) สวรรค์สถาน พระองค์ทรงสถิตอยู่ในสวรรค์ พระองค์ได้รับการนมัสการสรรเสริญโดยเหล่าทูตสวรรค์นับเป็นพันๆ หมื่นๆ เราจึงต้องเคารพพระองค์และสรรเสริญพระองค์ (วิวรณ์5:13) พระบิดา (พ่อ) เป็นพระเจ้าผู้ใกล้ชิด ทรงรักเราและห่วงใยเรา (มัทธิว7:9-11)
“พระคริสต์ทรงสอนเราในกฎเกณฑ์ที่สำคัญของสวรรค์หลายอย่างและได้สอนถึงพระนามของพระเจ้าว่า “พระบิดาของเรา” และชื่อนี้มีความหมายสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์อันแนบแน่นต่อเราในทุกครั้งที่เราพูดอย่างจริงใจออกมาจากริมฝีปากของเราสิ่งนี้จะกลายเป็นเหมือนเสียงดนตรีอันไพเราะสำหรับพระกรรณของพระเจ้า พระคริสต์ทรงนำเราให้เข้ามาใกล้พระบัลลังก์ของพระเจ้าด้วยหนทางใหม่ และได้สำแดงพระองค์ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ที่ทรงประทานให้แก่เรา” E.G.W. (The Review and Herald, September 11, 1894)
รู้จักพระบิดา “และนี่แหละคือชีวิตนิรันดร์ คือการที่พวกเขารู้จักพระองค์ ผู้ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว และรู้จักพระเยซูคริสต์ที่พระองค์ทรงใช้มา” (ยอห์น 17:3) จากพระคัมภีร์เยเรมีย์9:23-24, เราจะต้องรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับพระเจ้า? พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่จะให้เรารับรู้ในสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ “ผู้สำแดงความรักมั่นคง ความยุติธรรม และความชอบธรรมในโลก เพราะเราพอใจในสิ่งเหล่านี้ (ยรม. 9:24) เราสามารถที่จะรู้จักพระลักษณะที่แท้จริงของพระบิดาได้จากการเรียนรู้ชีวิตของพระบุตรของพระองค์ “คนที่ได้เห็นเราก็ได้เห็นพระบิดา” (ยน.14:9) “พระคริสต์ทรงพยายามที่จะกระทำทุกอย่างให้ ความเข้าใจต่อพระลักษณะของพระเจ้าที่ไม่ถูกต้อง ที่ซาตานได้หว่านลงไว้ในจิตใจของมนุษย์นั้นหายไป และรื้อฟื้นความสัมพันธ์อันดีขึ้นมาใหม่” E.G.W. (The Review and Herald, Septembre 11, 1894)
พระบิดาทรงรักเรา “ลองคิดดู พระบิดาได้ประทานความรักแก่เราเพียงไรที่เราได้ชื่อว่าเป็นลูกของพระเจ้า และเราก็เป็นอย่างนั้น เหตุที่ชาวโลกไม่รู้จักเรา ก็เพราะเขาไม่รู้จักพระองค์” (1 ยอห์น 3:1) สิ่งใดคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่สูงสุดในการพิสูจน์ว่าพระเจ้าทรงรักเรา? “พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” (ยอห์น 3:16) • พระบิดาทรงประทานความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์โดยประทานชีวิตของพระบุตรของพระองค์ให้แก่เรา พระเยซูทรงสอนเราถึงความรักของพระบิดาโดยเปรียบเทียบกับผู้เลี้ยงแกะที่ตามหาแกะหลงหาย, สตรีที่หาเหรียญที่หายไป และพ่อที่ยอมรับบุตรหลงหายที่หวนคืนกลับมา (ลูกา15)
พระบิดาทรงห่วงใยเรา “เหตุฉะนั้นอย่ากระวนกระวายและกล่าวว่าจะเอาอะไรกิน? หรือจะเอาอะไรดื่ม? หรือจะเอาอะไรนุ่งห่ม? เพราะว่าบรรดาคนต่างชาติแสวงหาสิ่งทั้งปวงนี้ แต่ว่าพระบิดาของพวกท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่าท่านต้องการสิ่งทั้งปวงนี้” (มัทธิว 6:31-32) ความรักของพระบิดาเป็นความรักที่คงทีและเป็นถาวรนิรันดร์ โดยไม่จำกัดสถานการณ์และเหตุการณ์ พระบิดาบนสวรรค์พร้อมเสมอที่จะตอบสนองต่อความต้องการที่จำเป็นของเรา • พระองค์ทรงเชื้อเชิญเราให้ตอบสนองความต้องการของเราอย่างเหมาะสม เพราะพระเจ้าจะตอบสนองความจำเป็นของเราอย่างเพียงพอ
“พระเยซูทรงเสนอไปยังพระบิดาต่อความต้องการของเรา เมื่อเราตกอยู่ในความหวาดกลัวต่อพระสิริและสง่าราศีของพระเจ้า พระบิดาทรงให้เราซ่อนตัวอยู่ภายพระคริสต์ เราได้เห็นสิ่งได้รับการเปิดเผยในพระคริสต์คือความรัก ความอดทน ความอ่อนโยนเหล่านี้ล้วนเป็นภาพสะท้อนถึงความรักของพระเจ้าทั้งสิ้น กางเขนที่คาวารีเปิดเผยให้เห็นถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ พระคริสต์ทรงสำแดงให้เห็นถึงความรักของพระเจ้าให้เปิดเผยออกมาต่อหน้าจักรวาลนี้ ซึ่งโดยผู้เผยพระวจนะได้กล่าวว่า “ความรักของพระองค์เป็นความรักที่ถาวรนิรันดร์ และความรักของพระองค์จะชักนำเราให้เข้ามาหาพระองค์”” E.G.W. (In Heavenly Places, January 12)
ครอบครัวแห่งสวรรค์ “มากยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระโลหิตของพระคริสต์ ผู้ทรงถวายพระองค์เองที่ปราศจากตำหนิแด่พระเจ้าโดยพระวิญญาณนิรันดร์ ก็จะทรงชำระมโนธรรมของเราจากการประพฤติที่เปล่าประโยชน์ เพื่อเราจะปรนนิบัติพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่”(ฮิบรู 9:14) พระเยซูทรงสอนว่าพระเจ้าทรงมีสามพระภาคแต่เป็นหนึ่งเดียวกัน พระบิดา, พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในแต่ละภาคนั้นล้วนเป็นส่วนของแผนการแห่งความรอดทั้งสิ้น ทั้งสามพระภาคล้วนอยู่ด้วยกันในขณะที่พระบุตรทรงลงมาบังเกิด (ลูกา1:26-35), บัพตีสมา (ลูกา3:21-22) และขณะที่ถูกตรึงกางเขน (ฮิบรู9:14) พระเยซูทรงอธิบายถึงความเกี่ยวพันกันอย่างแนบแน่นและแท้จริงของพระเจ้าทั้งสามพระภาค และทั้งสามต่างก็ถวายพระเกียรติ์แด่กันและกัน
“พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงเป็นองค์นิรันดร์และทรงสรรพัญญู และจะทรงยอมรับผู้ที่ศรัทธาอย่างแท้จริงในพระองค์ พระองค์จะทรงยอมรับทุกๆ จิตวิญญาณในโลกที่ยอมรับองค์พระคริสต์เข้าไปในจิตใจของพวกเขา เหล่าผู้ที่ยอมรับพระองค์จะได้กลายเป็นครอบครัวแห่งพระเจ้า และชื่อของพวกเขาจะถูกจารึกอยู่ในหนังสือแห่งชีวิต” E.G.W. (SDA Bible Commentary, on Romans 6:4)