300 likes | 442 Views
ตัวแสดงที่สำคัญในระบอบประชาธิปไตย. 1. รัฐบาล ( Government) ความหมายอย่างแคบ = ฝ่ายบริหาร (นายกรัฐมนตรี/คณะรัฐมนตรี/ ประธานาธิบดี) ความหมายอย่างกว้าง = ฝ่ายบริหาร + ฝ่ายนิติบัญญัติ + ฝ่ายตุลาการ
E N D
ตัวแสดงที่สำคัญในระบอบประชาธิปไตยตัวแสดงที่สำคัญในระบอบประชาธิปไตย 1.รัฐบาล (Government) ความหมายอย่างแคบ =ฝ่ายบริหาร (นายกรัฐมนตรี/คณะรัฐมนตรี/ ประธานาธิบดี) ความหมายอย่างกว้าง = ฝ่ายบริหาร+ฝ่ายนิติบัญญัติ+ฝ่ายตุลาการ รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย =อยู่ภายใต้การควบคุมของประชาชนเนื่องจากอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน และรัฐบาลควรดำเนินนโยบายหรือกระทำการต่างๆให้เป็นไปในทางสอดคล้องและส่งเสริมประชาธิปไตยด้วย ดังที่ อมร รักษาสัตย์ กล่าวไว้ว่า “หน้าที่หลักของรัฐบาลคือการส่งเสริมปัจเจกชน เสรีภาพ ความเสมอภาค ภราดรภาพของพลเมือง”
“ กลุ่มบุคคลที่มีแนวคิดหรืออุดมการณ์ทางการเมืองที่คล้ายคลึงกันหรือเหมือนกัน มาร่วมกันจัดตั้งองค์การด้วยความสมัครใจเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง โดยมีจุดประสงค์ที่จะเข้าไปมีอำนาจทางการเมืองในการจัดสรรสิ่งที่มีคุณค่าในสังคม” (จักษ์ พันธ์ชูเพชร) 2.พรรคการเมือง (Political Party)
สถาบันทางการเมืองที่มีความสำคัญต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสถาบันทางการเมืองที่มีความสำคัญต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย • พรรคการเมืองเป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างประชาชนกับรัฐบาล และเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเชื่อมโยงให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง • พรรคการเมืองเป็นผู้รวบรวมผลประโยชน์ของประชาชนมาเขียนไว้ในนโยบายของพรรคการเมือง และเมื่อประชาชนเห็นพ้องกับนโยบายพรรคใด ก็จะเลือกพรรคนั้นเข้าไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนของตนในรัฐสภา 2.พรรคการเมือง (Political Party)
Gabriel Almond (1955) “ ระบบการเมืองทุกระบบ จำเป็นต้องอาศัยพรรคการเมือง แม้แต่สังคมเผด็จการ ก็ยังต้องใช้พรรคการเมืองเป็นเครื่องมือแสวงหาเสียงสนับสนุนจากประชาชน ส่วนสังคมประชาธิปไตยนั้น พรรคการเมืองจะเป็นช่องทางสำหรับการแสดงออกหรือรวบรวมข้อเสนอต่างๆที่จะนำเข้าสู่ระบบการเมือง หรือในสังคมที่กำลังมีการเปลี่ยน พรรคการเมืองจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อโยง (Agent)ที่ช่วยเสริมให้ประชาชนเกิดพฤติกรรมทางการเมืองรูปแบบใหม่เกิดขึ้น”
มีความสำคัญต่อเสถียรภาพและพัฒนาการประชาธิปไตยมีความสำคัญต่อเสถียรภาพและพัฒนาการประชาธิปไตย • เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายร่วมกับรัฐบาล • เป็นเครื่องมือแสดงออกถึงความต้องการของประชาชนเกี่ยวกับประเด็นนโยบายต่างๆของรัฐ 3.กลุ่มผลประโยชน์และกลุ่มอิทธิพล (Interest group and pressure group)
กลุ่มผลประโยชน์คือ กลุ่มบุคคลที่มีความสนใจหรือมีผลประโยชน์ร่วมกัน มามีปฎิสัมพันธ์กันโดยความสมัครใจและพยายามกระทำการเพื่อให้ผู้มีอำนาจใน การตัดสินในทางการเมืองกระทำหรือไม่กระทำการอันใดเพื่อให้สอดคล้องกับผล ประโยชน์ของกลุ่มตน แต่ในขณะเดียวกันก็ปฎิเสธที่จะรับผิดชอบโดยตรงที่จะ ปกครองประเทศ
4.สื่อมวลชน (Mass Media): หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ โดยสื่อมวลชนจะเป็นตัวชี้วัดระดับเสรีภาพและความเป็นประชาธิปไตยในสังคมนั้นๆ เสรีภาพของสื่อมวลชนของไทย ถูกระบุอยู่ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 39 , 40 และ 41 บทบาทที่สำคัญ คือสะท้อนความเห็นของมวลชน,เป็นกระบอกเสียงให้รัฐบาล, สื่อมวลชนมีการเปลี่ยนติมหาชน และสร้างความคิดเห็นของมวลชนได้ดี
ปรากฏการณ์ประชาธิปไตยไร้เสรี (illiberal democracy) • Fareed Zakaria (ซาคาเรีย) ได้ตั้งข้อสังเกตประการหนึ่งเกี่ยวกับ ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ = ประชาธิปไตย + เสรีนิยม การที่ผู้ปกครองประเทศมีที่มาจากประชาชนโดยผ่านการเลือกตั้ง การที่มีกฎหมายปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพต่างๆของประชาชน
Zakariaตั้งข้อสังเกตว่า • บางประเทศเป็นเสรีนิยม ก่อน ประชาธิปไตย (การปกครองเป็นแบบเผด็จการ แต่ให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชน) • บางประเทศเป็นประชาธิปไตย ก่อน เสรีนิยม (การปกครองเป็นแบบประชาธิปไตย (มีการเลือกตั้ง) แต่มีการละเมิดสิทธิเสรีภาพ ) “ประชาธิปไตยไร้เสรี” (illiberal democracy)
การนำประชาธิปไตยไปใช้ในสังคมต่างๆการนำประชาธิปไตยไปใช้ในสังคมต่างๆ • ความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของประชาธิปไตยที่สามารถเข้ากันได้ทั่วโลก • นำไปสู่ การตั้งคำถามว่า “แนวคิดประชาธิปไตยนั้นมีความเป็นสากล (universality) มากถึงขนาดที่ต้องนำมาใช้ในทุกประเทศหรือไม่ และอันที่จริงแล้ว ในโลกนี้มีแนวคิดอะไรที่มีพลังมากถึงขนาดสามารถจูงใจให้คนทั้งโลกยอมรับและนำมาใช้ด้วยหรือ……….?????”
Asian Values • ประชาธิปไตยแบบตะวันตกไม่เหมาะกับประเทศในเอเชีย • ดังนั้น ประชาธิปไตยเสรีจึงไม่เหมาะสม ถ้าจะนำมาใช้ทั้งหมด
การนำประชาธิปไตยไปใช้ในสังคมต่างๆการนำประชาธิปไตยไปใช้ในสังคมต่างๆ • กระแสต่อต้านการนำเอาประชาธิปไตยไปใช้ทั่วโลก • ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา แต่ หากนำมาใช้ในประเทศที่ “ยังไม่พร้อม” ก็จะเป็นปัญหาและจะล้มเหลวในที่สุด • ความพร้อม (ระดับการศึกษา, ระดับรายได้ ,ระดับการพัฒนาของประเทศ)
การนำประชาธิปไตยไปใช้ในสังคมต่างๆการนำประชาธิปไตยไปใช้ในสังคมต่างๆ • การศึกษาของ Seymour Martin Lipset(ลิปเซ็ต) พบว่า ประเทศที่มีรายได้สูง มีโอกาสรักษาระบอบประชาธิปไตยไว้ได้มากกว่าประเทศที่มีรายได้ต่ำ • งานสำคัญชิ้นหนึ่งของ Adam Przeworski(เซเบอร์สกี้) และคณะ พบว่า ระดับการพัฒนาของประเทศมีความสอดคล้องกันอย่างมากกับระดับความเป็นไปได้ของประเทศนั้นที่จะรักษาประชาธิปไตยไว้
การนำประชาธิปไตยไปใช้ในสังคมต่างๆการนำประชาธิปไตยไปใช้ในสังคมต่างๆ • จากงานทั้งสองชิ้นข้างต้น จะเห็นได้ว่า เป็นงานที่เน้นถึง ความเป็นไปได้ในการรักษาประชาธิปไตยไว้ในกรณีที่ประเทศมีประชาธิปไตยอยู่แล้ว แต่ ไม่ได้มีการกล่าวถึง ความเป็นไปได้ในการเกิดขึ้นของประชาธิปไตยประเทศที่มีการปกครองในระบอบอื่น
การนำประชาธิปไตยไปใช้ในสังคมต่างๆการนำประชาธิปไตยไปใช้ในสังคมต่างๆ • นอกจากนั้นแล้ว ผลงานทั้งสองชิ้น ยังชี้ให้เห็นว่า “ประเทศใดที่ยากจนและยังไม่เป็นประชาธิปไตยก็ควรรอให้ความเจริญทางเศรษฐกิจก่อน แล้วจึงค่อยนำประเทศเข้าสู่ประชาธิปไตย หากนำประชาธิปไตยใช้เร็วเกินไป ก็จะทำให้มีปัญหาตามมาได้”
การนำประชาธิปไตยไปใช้ในสังคมต่างๆการนำประชาธิปไตยไปใช้ในสังคมต่างๆ • แต่อย่างไรก็ตาม AmartyaSen(อมาตยา เซน) นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบล แสดงความเห็นว่า “ความยากจนไม่ได้หมายความว่าเราไม่ควรนำประชาธิปไตยมาใช้ ตรงกันข้าม ประชาธิปไตยยิ่งถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนจน เพราะประชาธิปไตยจะเป็นช่องทางสำคัญที่คนจนจะใช้สื่อความต้องการของตนเองออกมา เพื่อให้ตนเองหลุดพ้นจากความยากจนในที่สุด ประชาธิปไตยไม่ใช่ของฟุ่มเฟือยที่จะต้องรอให้มีเงินก่อนถึงจะใช้ได้”
การนำประชาธิปไตยไปใช้ในสังคมต่างๆการนำประชาธิปไตยไปใช้ในสังคมต่างๆ • แต่อย่างไรก็ตาม AmartyaSen(อมาตยา เซน) นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบล แสดงความเห็นว่า “ถ้าให้คนจนเลือกระหว่างประชาธิปไตยกับระบอบอื่น แทบไม่มีหลักฐานเลยว่าคนจนจะปฎิเสธประชาธิปไตย”
ประชาธิปไตยกับประเทศไทย และ “ประชาธิปไตยแบบไทยๆ” • ข้อถกเถียง เรื่อง ความเข้ากันได้ระหว่างแนวคิดประชาธิปไตยกับ “ลักษณะเฉพาะตัว” บางประการของประเทศไทย -แนวคิดประชาธิปไตยคือสิ่งที่นำเข้าจากตะวันตกหรือเป็นสิ่งแปลกปลอมสำหรับประเทศที่ความเชื่อและวัฒนธรรมเฉพาะตัว อย่างกรณีของประเทศไทย -ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศไทยอยู่ในภาวะล้มลุกคลุกคลานมาตลอดก็คือ กรอบที่คิดว่าประเทศไทยไม่สามารถนำประชาธิปไตยแบบตะวันตกมาใช้ได้นั่นเอง
ประชาธิปไตยกับประเทศไทย และ “ประชาธิปไตยแบบไทยๆ” • ข้อถกเถียง เรื่อง ความเข้ากันได้ระหว่างแนวคิดประชาธิปไตยกับ “ลักษณะเฉพาะตัว” บางประการของประเทศไทย -กลุ่มแนวคิดเช่นนี้ จึงมักให้ความสำคัญกับ “ความเป็นไทย”มากกว่าสิ่งอื่น หากมีสิ่งแปลกปลอมใดๆเข้ามาในประเทศแล้วมีผลบั่นทอนความเป็นไทย สิ่งนั้นก็ถือว่าไม่พึงปรารถนาอย่างยิ่ง -ไม่เว้นแม้แต่ประชาธิปไตย ที่เมื่อนำมาใช้ในประเทศไทยแล้ว ก็ควรได้รับการปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสมกับโครงสร้างการเมืองและสังคมไทย -จึงมีการใช้คำว่า “ประชาธิปไตยแบบไทยๆ” เพื่ออธิบายการนำหลักการบางอย่างของประชาธิปไตยมาใช้ แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงโครงสร้างหรือลักษณะบางอย่างของจารีตไทยที่เข้ากันไม่ได้กับประชาธิปไตยเอาไว้
ประชาธิปไตยกับประเทศไทย และ “ประชาธิปไตยแบบไทยๆ” • ข้อถกเถียง เรื่อง ความเข้ากันได้ระหว่างแนวคิดประชาธิปไตยกับ “ลักษณะเฉพาะตัว” บางประการของประเทศไทย “ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยของสังคมใดๆย่อมมีลักษณะเฉพาะตัว ไม่เหมือนสังคมอื่น ดังนั้นการกล่าวว่าประชาธิปไตยไทยไม่เหมือนของใครนั้นจึงไม่ผิด” (ธงชัย วินิจจะกูล) “แนวคิดประชาธิปไตย เมื่อได้กระจายและแพร่หลายออกไปนอกสังคมตะวันตก ก็ย่อมจะต้องเข้าไปผสมผสานกับโครงสร้างอำนาจ สถาบันสังคมการเมือง ตลอดจนวัฒนธรรมความเชื่อต่างๆที่ดำรงอยู่ในสังคม” (นครินทร์ เมฆไตรรัตน์)
ประชาธิปไตยกับประเทศไทย และ “ประชาธิปไตยแบบไทยๆ” • จึงนำไปสู่คำถามที่ว่า “หากเรายอมรับว่าไทยไม่จำเป็นต้องทำอะไรตามตะวันตกทุกอย่างแล้ว แล้วการทำตามตะวันตกมากเพียงใดจึงจะถือว่าเหมาะสม ?” “หากเราปฎิเสธองค์ประกอบบางอย่างของประชาธิปไตยแบบตะวันตก แล้วมีองค์ประกอบใดบ้างที่ไทยควรนำมาใช้ ?”
ข้อวิพากษ์ต่อแนวคิด “ประชาธิปไตยแบบไทยๆ” • ข้อวิพากษ์ของนักวิชาการส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวคิดประชาธิปไตยแบบตะวันตก ซึ่งหลุดพ้นจากกรอบคิดเรื่องความเป็นไทย “หากเราไม่ให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งแล้ว เราไม่อาจจะมีประชาธิปไตยได้เลย เพราะว่า สถาบันการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งเป็นบรรทัดฐานเชิงสถาบันขั้นต่ำสุดของระบบประชาธิปไตย” (ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์) “การนำเอาคุณธรรมเข้ามาเป็นส่วนสำคัญของการเมืองว่าเป็นการปฎิเสธความชอบธรรมของเสียงข้างมาก และตั้งคำถามว่า คุณธรรมของอภิชนมีความสำคัญกว่าประชาธิปไตยอย่างนั้นหรือ” (ธงชัย วินิจจะกูล)
ข้อวิพากษ์ต่อแนวคิด “ประชาธิปไตยแบบไทยๆ” • ข้อวิพากษ์ของนักวิชาการส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวคิดประชาธิปไตยแบบตะวันตก ซึ่งหลุดพ้นจากกรอบคิดเรื่องความเป็นไทย “ประชาธิปไตยแบบไทยๆ นั้นแท้จริงก็คือ ประชาธิปไตยที่มีองคมนตรีแทรกแซงทางการเมือง ประชาชนเป็นได้เพียงข้าแผ่นดินไม่ใช่พลเมือง รัฐบาลเสียงข้างมากต้องประนีประนอมกับอภิสิทธิ์ชน การเลือกตั้งไม่สำคัญ มีกองทัพเป็นผู้ดูแลการเมือง และเป็นประชาธิปไตยที่ปราศจากการตรวจสอบเอาผิด”
ข้อวิพากษ์ต่อแนวคิด “ประชาธิปไตยแบบไทยๆ” • ข้อวิพากษ์ของนักวิชาการส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวคิดประชาธิปไตยแบบตะวันตก ซึ่งหลุดพ้นจากกรอบคิดเรื่องความเป็นไทย “ท่านอาจได้ยินวาทะของบางคนว่าระบอบประชาธิปไตยในอนาคตของประเทศไทยนั้นจะต้องเป็น ประชาธิปไตยอย่างไทยๆ วาทะนี้ฟังดูแล้วน่าเลื่อมใส ถ้าผู้กล่าวปรารถนาอย่างจริงใจให้ระบอบการเมืองของไทยเหมาะสมแก่สภาพท้องที่กาลสมัยของมวลราษฎรไทย แต่ก็ควรพิจารณาว่าคำที่ว่าอย่างไทยๆนั้น ขออย่าให้เหมาะสมเพียงแต่เฉพาะคนไทยส่วนน้อยของสังคมเท่านั้น” (ปรีดี พนมยงค์ , 28 ก.ค. 2516)