1 / 62

นโยบายสาธารณะกับปัญหาเศรษฐกิจ

รายวิชา 962 421 เศรษฐศาสตร์ว่าด้วยนโยบายสาธารณะ. นโยบายสาธารณะกับปัญหาเศรษฐกิจ. บทที่ 7. โดย อ.มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย. หัวข้อ. 1) ดัชนีพ้องและดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ 2) ประเภทของวิกฤติเศรษฐกิจ 3) สาเหตุของวิกฤติเศรษฐกิจ

Download Presentation

นโยบายสาธารณะกับปัญหาเศรษฐกิจ

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. รายวิชา 962 421 เศรษฐศาสตร์ว่าด้วยนโยบายสาธารณะ นโยบายสาธารณะกับปัญหาเศรษฐกิจ บทที่ 7 โดย อ.มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย

  2. หัวข้อ • 1)ดัชนีพ้องและดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ • 2)ประเภทของวิกฤติเศรษฐกิจ • 3)สาเหตุของวิกฤติเศรษฐกิจ • 4)ผลกระทบของวิกฤติเศรษฐกิจ • 5)มาตรการทางการเงินการคลังเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของรัฐบาล

  3. จุดประสงค์การเรียนรู้จุดประสงค์การเรียนรู้ • เพื่อให้ทราบดัชนีพ้องและดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ • เพื่อเข้าใจเกี่ยวกับประเภท สาเหตุ และผลกระทบของวิกฤติเศรษฐกิจของไทย • เพื่อวิเคราะห์การใช้มาตรการทางการเงินการคลังเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของรัฐบาล

  4. ดัชนีพ้องและดัชนีชี้นำเศรษฐกิจดัชนีพ้องและดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ

  5. ดัชนีพ้องและดัชนีชี้นำเศรษฐกิจดัชนีพ้องและดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ • ดัชนีพ้องเศรษฐกิจ (Coincident Economic Index - CEI) และดัชนีชี้นําเศรษฐกิจ (Leading Economic Index - LEI) เป็นเครื่องชี้ภาวะหรือสัญญาณ (Signaling Tool) บอกภาวะเศรษฐกิจและจุดวกกลับทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังได้นําเสนอแนวคิดทางวิชาการในการนําดัชนีชี้เศรษฐกิจมาใช้เป็นเครื่องมือในการพยากรณ์ (Forecasting Tool) ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (GDP)รายไตรมาส และรายเดือน • CEI เป็นดัชนีที่มีลักษณะของคลื่น และระยะเวลาการเกิดจุดวกกลับ (Turning point) ทั้งขาขึ้น(Expansion) และขาลง (Contraction) สอดคล้องกับคลื่นของภาวะเศรษฐกิจโดยรวม • LEI เป็นดัชนีที่มีลักษณะของคลื่นและระยะเวลาการเกิดจุดวกกลับของคลื่นนํ าจุดวกกลับของคลื่นภาวะเศรษฐกิจโดยรวมหรืออีกนัยหนึ่ง จุดวกกลับทั้งขาขึ้นและขาลงของLEIเกิดขึ้นก่อนจุดวกกลับของ CEI

  6. องค์ประกอบที่นํ ามาสร้างเป็น Composite Coincident Economic Index : CEI คือ • ยอดขายห้างสรรพสินค้า • ปริมาณการนํ าเข้า • การเบิกจ่ายจากบัญชีกระแสรายวัน (Debits to Demand Deposit) • ยอดจํ าหน่ายรถยนต์ (รวมรถกระบะ) • ดัชนีผลผลิตสินค้าอุตสาหกรรม • รายรับภาษีการค้า และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ปรับเป็นฐานเดียวกับที่อัตราภาษีร้อยละ 7)

  7. องค์ประกอบที่นํามาสร้างเป็น Composite Leading Economic Index : LEI คือ • พื้นที่ก่อสร้างได้รับอนุญาต • มูลค่าทุนจดทะเบียนธุรกิจรายใหม่ • ปริมาณเงินตามความหมายกว้าง รวมบริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ (M2A) • จํานวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ • ดัชนีราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ • ปริมาณการส่งออก • ดัชนีราคานํ้ามันดิบตลาดโอมาน (ส่วนกลับ)

  8. เครื่องชี้เศรษฐกิจ • กลุ่มดุลบัญชีเดินสะพัด • การส่งออกในรูปดอลลาร์สรอ. • การนำเข้าในรูปดอลลาร์สรอ. • Real Effective Exchange: REER • REER เทียบกับแนวโน้ม • กลุ่มดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้าย • ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ • ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเทียบกับแนวโน้ม • ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ/การนำเข้า • ส่วนต่างInterbank rate กับ Fed Fund Rate • ปริมาณเงิน (M2)/ ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ

  9. เครื่องชี้เศรษฐกิจ (ต่อ) • กลุ่มเครื่องชี้ภาคการเงิน • สินเชื่อในประเทศ • ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้-เงินฝาก • Money multiplier • กลุ่มเศรษฐกิจจริง • ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม • ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน • รายได้รัฐบาล • ดุลเงินสดรัฐบาล • ดัชนีราคาผู้บริโภค • ดัชนีตลาดหลักทรัพย์

  10. จุดสูงสุด และตํ่าสุดของดัชนีพ้อง และดัชนีชี้นําเศรษฐกิจที่คํานวณโดยโปรแกรม Bry-Boschanเป็น ดังนี้

  11. ประเภทของวิกฤติเศรษฐกิจประเภทของวิกฤติเศรษฐกิจ

  12. ประเภทของวิกฤติเศรษฐกิจประเภทของวิกฤติเศรษฐกิจ • 1. วิกฤตการณ์ค่าเงิน (Currency crisis) • 2. วิกฤตการณ์ธนาคาร (Banking crisis) • 3. วิกฤตหนี้ระหว่างประเทศ (Debt crisis)

  13. วิกฤตการณ์ทางการเงิน ระยะฟื้นตัว และความสูญเสียของผลผลิต

  14. สาเหตุของวิกฤติเศรษฐกิจสาเหตุของวิกฤติเศรษฐกิจ

  15. ปัจจัยที่จำเป็นและพอเพียงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจยั่งยืนปัจจัยที่จำเป็นและพอเพียงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจยั่งยืน • 1. สาเหตุจากปัจจัยทางเศรษฐศาสตร์ • การหดตัวของการส่งออกและดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลในระดับสูง • การลงทุนเกินควร (Over Investment) เนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าโดยเสรีมาก และราคาอสังหาริมทรัพย์/ราคาหุ้นสูงขึ้น • ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำ จากที่เกิดการเก็งกไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์มาก • การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่ไม่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม โดย ธปท. ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ ปล่อยเงินทุนเคลื่อนย้ายโดยเสรีขาดการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ

  16. 2. สาเหตุจากปัจจัยที่ไม่ใช่เศรษฐศาสตร์ • พฤติกรรมของธนาคารพาณิชย์ และบริษัทเงินทุน ที่จัดหาแหล่งเงินทุนและบริหารสินเชื่อที่ไม่มีประสิทธิภาพ ปัญหา Moral Hazard ที่ปล่อยสินเชื่อเอื้อแก่ญาติพี่น้องหรือนักการเมือง • พฤติกรรมการระดมทุนของธุรกิจ ที่มีการกู้หนี้มาก กู้จากต่างประเทศ และเป็นหนี้ระยะสั้น ซึ่งมีความเสี่ยงสูง • การกำกับตรวจสอบสถาบันการเงินของ ธปท. บกพร่อง เกี่ยวกับการนำเข้าเงินเสรีและการปล่อยสินเชื่อที่ไม่มีประสิทธิภาพ • ข้อบกพร่องการบริหารภายในของ ธปท. เกี่ยวกับการปกป้องค่าเงินที่มีการประเมินสถานการณ์ผิดพลาด

  17. ดัชนีแรงกดดันตลาดอัตราแลกเปลี่ยนดัชนีแรงกดดันตลาดอัตราแลกเปลี่ยน Empt = %D et - se* %D rt sr et = อัตราแลกเปลี่ยนบาทต่อดอลลาร์สรอ. ในช่วงเวลา t rt = ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศในช่วงเวลา t se= ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) ของอัตราแลกเปลี่ยน sr= ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ

  18. Exchange Market Pressure Index

  19. นิยามวิกฤตการณ์ค่าเงินในการศึกษานี้นิยามวิกฤตการณ์ค่าเงินในการศึกษานี้ Empt > semp + memp เกิดวิกฤตการณ์ Empt < semp + memp ไม่เกิดวิกฤตการณ์

  20. ผลกระทบของวิกฤติเศรษฐกิจผลกระทบของวิกฤติเศรษฐกิจ

  21. ผลกระทบของวิกฤติเศรษฐกิจผลกระทบของวิกฤติเศรษฐกิจ • เศรษฐกิจ • สังคม

  22. มาตรการทางการเงินการคลังเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของรัฐบาลมาตรการทางการเงินการคลังเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของรัฐบาล

  23. LOI 1-3 (2540-2541) • นโยบายการคลัง • นโยบายการคลังแบบเกินดุล 1 % ของ GDP เพื่อลดแรงกดดันการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด • มาตรการด้านภาษี เพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็น 10% (16 ส.ค. 40) • มาตรการด้านรายจ่าย ลดรายจ่ายที่ไม่กระทบการศึกษาและสาธารณสุข • ปรับปรุงฐานะการเงินของรัฐวิสาหกิจ เน้นปรับปรุงการบริการ และให้เอกชนร่วมลงทุน

  24. นโยบายการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนนโยบายการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน • ดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด เพื่อป้องกันการไหลออกของเงินทุนระยะสั้น โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ย RP 14 วัน เป็น 15-20% • รักษาระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวเอาไว้ โดยการแทรกแซงเท่าที่จำเป็น • นโยบายด้านอื่นๆ • แก้ปัญหาสถาบันการเงิน โดยการเพิ่มทุนสถาบันการเงิน • นโยบายค่าจ้างแรงงาน เข้มงวดการปรับค่าจ้างเงินเดือนรัฐและไม่ให้กระทบเงินเฟ้อ • การบรรเทาปัญหาทางสังคม

  25. LOI 4-8 • นโยบายการคลัง • นโยบายการคลังแบบผ่อนคลาย ขาดดุล 3% ของ GDP เพื่อเพิ่มอุปสงค์มวลรวม • ลดอัตราภาษีศุลกากรหลายรายการ • เร่งคืนภาษีผู้ส่งออก เลื่อนกำหนดการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคล • ขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในชนบท สนับสนุนภาคเกษตร • ปรับโครงการการกู้ยืมของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงิน

  26. นโยบายการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนนโยบายการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน • ดำเนินนโยบายการเงินแบบขยายตัว • เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อสถาบันการเงินที่ก่อให้เกิดหนี้เสีย (NPL) • นโยบายปรับโครงสร้างสถาบันการเงิน • เร่งฟื้นฟูสถาบันการเงิน ให้สามารถปล่อยสินเชื่อเพื่อการลงทุนและบริโภคได้ • มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ภาคเอกชน • บรรเทาผลกระทบของวิกฤติเศรษฐกิจ • ปรับโครงสร้าง ธปท. เพื่อลดความผิดพลาด

  27. ตารางประกอบ

More Related