E N D
รู้จักเมืองแพร่ดีขึ้นรู้จักเมืองแพร่ดีขึ้น ประวัติศาสตร์เมืองเก่าอายุ 1,185 ปี จากตำนานวัดหลวงประมาณ พ.ศ. 1371 พ่อขุนหลวงพล ราชนัดดาแห่งกษัตริย์น่านเจ้าได้อพยพคนไทย(ไทยลื้อไทยเขิน)ลงมาสร้างเมืองบนที่ราบริมฝั่งแม่น้ำยม ขนานนามว่า เมืองพลนคร สอดคล้องกับศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชหลักที่1 ด้านที่ 4 บรรทัดที่ 24-25 ซึ่งจารึกไว้ว่า “...เบื้องตีนนอน รอดเมืองแพล เมืองน่าน ....เมืองพลัว พ้นฝั่งของเมืองชวาเป็นที่แล้ว ปลูกเลี้ยงฝูงลูกบ้านลูกเมืองนั้นชอบด้วยธรรมทุกคน...” ประชาชนที่อาศัยในจังหวัดแห่งความสุขประเทศ จังหวัดแพร่อยู่ในอันดับที่ 7 และมีแหล่งโอโซนที่ดีเป็นอันดับที่ 7 ที่บ้านนาคูหา อำเภอเมืองแพร่ นอกจากนี้ความอุดมสมบูรณ์ของป่าคิดเป็นสัดส่วนต่อพื้นที่ เป็นอันดับ 7 ด้วย ที่มา : เอแบคโพลล์ พ.ศ. 2556 มหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2556 ข้อมูลจากกรมป่าไม้ พ.ศ. 2555
พื้นที่ทั้งหมด 6,538.59 ตารางกิโลเมตรเป็นภูเขาร้อยละ 80 มีที่ราบ เพียงร้อยละ 20 ประชากรรวม 457,607คน สภาพที่ตั้งเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางรถยนต์ และทางรถไฟที่สำคัญแห่งหนึ่งของภาคเหนือและเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จึงเรียกได้ว่าเป็น “ประตูสู่ล้านนา“ ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) 21,502 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ต่อหัว 41,593 บาท (ลำดับ 64) ที่มา : สนง.คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ส่วนมูลค่ารวมผลิตภัณฑ์ฯ รายจังหวัด พ.ศ. 2555
ภาพรวมการพัฒนาจังหวัดแพร่ภาพรวมการพัฒนาจังหวัดแพร่ 1 3 2 4 1 3 1 2 4 1 ตัวชี้วัดการพัฒนาจังหวัดแพร่ ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของประเทศ 10 ตัวชี้วัด ดังนี้ 1. การสร้างความสามารถในการแข่งขัน มีขนาดเศรษฐกิจ การเติบโตเศรษฐกิจ ผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อหัว และผลิตภาพแรงงาน 2. การสร้างโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคม มีสัดส่วนคนจน สัดส่วนผู้อยู่ในระบบประกันสังคม ค่าเฉลี่ย O-NET ม.3 และ ร้อยละของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่มีภาวะพวกซ้อนได้รับการดูแลรักษา/ส่งต่อ 3. การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มี การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าไม้ 4. ประสิทธิภาพของภาครัฐมี การเข้าถึงน้ำประปา
แพร่เป็นศูนย์กลางโครงข่ายคมนาคมทางถนนตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจเหนือใต้ (NSEC) เชื่อมโยง ไทย-พม่า/ลาว-จีน และแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (EWEC) เชื่อมโยงเวียดนาม-ลาว และเชื่อมโยงกับความร่วมมือกลุ่มเศรษฐกิจต่างๆ ได้แก่ 1. BIMSTEC เป็นกรอบความร่วมมือทางวิชาการและเศรษฐกิจระหว่าง 7 ประเทศในอ่าวเบงกอล ทำให้ไทยอยู่ในสถานะเป็นสะพานเชื่อมโยงอนุภูมิภาคทั้งสองและขยายความสัมพันธ์กับประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อินเดีย 2. ACMECS เป็นข้อตกลงความร่วมมือด้านธุรกิจระหว่างประเทศไทย,พม่า,ลาว,กัมพูชา และเวียดนาม เป็นยุทธศาสตร์ความร่วมมือที่สำคัญต่อการส่งเสริมความเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของไทย 3. GMS เป็นความร่วมมือของ 6 ประเทศ คือ ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีน (ยูนนาน) เพื่อให้เกิดการขยายตัวทางการค้า การลงทุน และบริการสนับสนุนการจ้างงานและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน พัฒนาความร่วมมือทางเทคโนโลยีและการศึกษาและใช้ทรัพยากรธรรมชาติร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งโอกาสทางเศรษฐกิจในเวทีการค้าโลก 4. (ASEAN) เป็นเพื่อการร่วมมือกันทาง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ประกอบด้วย 10 ประเทศได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม พม่า แพร่
ไม้ค้ำยันด่านถาวร 7 แห่ง แพร่ เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อกับด่านการค้าชายแดนทั้งหมด 7 ด่าน ได้แก่ 1.แม่สาย จังหวัดเชียงราย 2.เชียงแสน จังหวัดเชียงราย 3.เชียงของ จังหวัดเชียงราย 4.บ้านฮวก จังหวัดพะเยา 5.ห้วยโก๋น จังหวัดน่าน 6.ภูดู่ จังหวัดอุตรดิตถ์ 7.แม่สอด จังหวัดตาก โดยมีมูลค่าการค้าขายผ่านด่านดังกล่าวถึง 71.5 พันล้านบาท ที่มา : กรมศุลกากร ปี 55
ศักยภาพในอนาคต ปัจจุบันโครงข่ายการคมนาคมขนส่งระหว่างจังหวัดเพื่อเชื่อมโยงไปยังจุดผ่านแดน/ประตู่สู่การค้ากับประเทศเพื่อนบ้านยังไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งในอนาคตรัฐบาลได้กำหนดให้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของจังหวัดแพร่ให้มีมาตรฐานและมีศักยภาพเพื่อรองรับการแข่งขันดังนี้ 1.การก่อสร้างและขยายเส้นทางจราจรจาก 2 ช่องทาง ให้เป็น 4 ช่องทางจราจร ใน 3 เส้นทางหลัก ได้แก่ (1) ทางหลวงหมายเลข 101 จากอำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ไป อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เชื่อมลาว (2) ทางหลวงหมายเลข 103 จาก อำเภอร้องกวาง-อำเภอสอง จังหวัดแพร่ เชื่อมทางหลวงหมายเลข 1 ที่อำเภองาว จังหวัดลำปาง ไปพะเยา-เชียงราย เชื่อมพม่า ลาว จีน (3) ทางหลวงหมายเลข 101 และหมายเลข 11 จากอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ ไปยังจังหวัดลำปางเชื่อมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 2.การก่อสร้างขยายเส้นทางการจราจร ตามทางหลวงหมายเลข 1023 จากอำเภอเมืองแพร่ ไปอำเภอลอง-อำเภอวังชิ้น ต่อทางหลวงหมายเลข 1124 จากอำเภอวังชิ้น ไปจังหวัดลำปาง และจังหวัดตาก เชื่อมพม่า 3. การขยายท่าอากาศยานแพร่ เพื่อรองรับเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ซึ่งจะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2558 4.โครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟรางคู่ เส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เขียงของ
ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดแพร่ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดแพร่ 2 Axes 4 Belts 6 Zones รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และได้กำหนดดำเนินการโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทางรวม 326 กิโลเมตร ผ่าน 4 จังหวัด ได้แก่ แพร่ ลำปาง พะเยา และเชียงราย มีจำนวนสถานี 26 แห่ง เส้นทางรถไฟผ่านพื้นที่จังหวัดแพร่ มีระยะทางประมาณ 82 กิโลเมตร ผ่าน 5 อำเภอ 23 ตำบล จำนวน 5 สถานี 6 แห่ง และนโยบายโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท รวมถึงความเชื่อมโยงอนุภูมิภาค/อาเซียน ความเชื่อมโยงกับกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน และศักยภาพในอนาคตของจังหวัด จึงได้กำหนดศักยภาพยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด โดยกำหนดเป็นแนวหรือแกนในการพัฒนา
แกนหลักในการพัฒนา (Two Axes) 1. โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เพื่อรองรับการการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจและความเจริญในอนาคต 2. โครงการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำยมซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่ประชาชนส่วนใหญ่ใช้ในการทำเกษตรกรรม และกิจการอื่นๆโดยเฉพาะพื้นที่ราบบริเวณสองฝั่งแม่น้ำและยังมีลำน้ำสาขาที่สำคัญของแม่น้ำยม 16 สายหลัก เพื่อรองรับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดในด้านการพัฒนาเกษตรคุณภาพสูง ป่าเศรษฐกิจ และเป็นศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ (Rice Seed)
พัฒนาเมืองคู่ ปั้นเศรษฐกิจ (Four belts) จังหวัดได้กำหนดการพัฒนาเมืองคู่ ปั้นเศรษฐกิจ โดยได้รับการเสนอจากพื้นที่อำเภอที่มีศักยภาพที่โดดเด่นและมีความเชื่อมโยงกันตามศักยภาพของพื้นที่ ได้มีการจับคู่กันระหว่างอำเภอเพื่อดำเนินการในด้านต่าง ๆ ดังนี้ 1. ด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ อำเภอเมืองแพร่กับอำเภอสอง โดยในปี 2556 มีผู้เยี่ยมเยือน 832,642 คน สร้างรายได้ 1,336.22 ล้านบาท 2. ด้านเกษตรคุณภาพสูง ได้แก่ อำเภอหนองม่วงไข่และอำเภอร้องกวาง มีพืชเศรษฐกิจที่สำคัญคือ พริก ซึ่งมี ปริมาณการผลิต 8,697 ตันต่อปีเป็นอันดับ 1 ประเทศ ถั่วเหลือง ปริมาณการผลิต 13,200ตันต่อปี เป็นอันดับ 2 และ ข้าวมีปริมาณการผลิต 224,102 ตันต่อปี 3. ด้าน OTOP ได้แก่ อำเภอสูงเม่น และอำเภอเด่นชัย ในปี 2556 สินค้า OTOP สร้างรายได้ 343.8 ล้านบาท 4. ด้านป่าเศรษฐกิจ ได้แก่ อำเภอลองและอำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่มีพื้นที่ป่า ร้อยละ 62.94 ของพื้นที่ทั้งหมด เป็นอันดับ 7 ของประเทศ ซึ่งป่าส่วนใหญ่เป็นไม้เศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้จังหวัดแพร่ เช่น ไม้สัก ไม้ไผ่ และไม้ผลต่างๆ เป็นต้น
พื้นที่เร่งพัฒนา (Six Zones) Yom River Double Track จังหวัดได้กำหนดเขตพื้นที่เร่งพัฒนา โดยยึดเอาการพัฒนาตามเส้นทางรถไฟรางคู่และแม่น้ำยม ที่ผ่านยังพื้นที่ของจังหวัด การบริหารจัดการน้ำยมตลอดจนการพิจารณาถึงจุดแข็งและศักยภาพความพร้อมในด้านต่าง ๆ โดยได้กำหนด 6 เขตพื้นที่เร่งพัฒนา (Six Zones) ดังนี้
1. Container Yard สถานีลานวางตู้สินค้า การขนส่งสินค้าด้วยตู้คอนเทนเนอร์ มุ่งหวังเพื่อขนส่งสินค้าในเชิงปริมาณ ให้ความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลาและลดปัญหาของสินค้าเสียหาย ซึ่งระบบการขนส่งทางถนนระยะทางไกล จะสิ้นเปลืองพลังงานมากส่งผลให้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้นและขนส่งได้ในปริมาณน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับการขนส่งด้วยระบบราง ดังนั้นการพัฒนาให้ระบบรางเป็นระบบหลักในการขนส่งและระบบถนนเป็นระบบสนับสนุน (Feeder) โดยมีลานวางตู้สินค้า (Container Yard) เพื่อใช้เป็นพื้นที่ขนถ่ายสินค้าตามแนวเส้นทางรถไฟ จะเป็นการส่งเสริมศักยภาพในการขนถ่ายสินค้าจากระบบรางสู่ระบบถนน ความเป็นไปได้ในการพัฒนาลานวางตู้สินค้าตามแนวเส้นทางรถไฟสายเหนือเดิมที่มีอยู่ในจังหวัดแพร่มุ่งสู่จังหวัดเชียงใหม่ มี ๒ สถานี คือ สถานีเด่นชัย เป็นสถานีรถไฟหลัก และสถานีย่อยอำเภอลอง อีกทั้งในอนาคต ได้รับการพิจารณาให้เป็นจังหวัดเริ่มต้นของรถไฟรางคู่สู่ด่านเชียงของที่จะเป็นจุดเชื่อมระบบรางระหว่างประเทศ และนอกจากจะมีการขนส่งระบบรางที่มีศักยภาพ จังหวัดแพร่ยังมีการพัฒนาระบบถนนที่เชื่อมต่อกับระบบรางในพื้นที่ใกล้เคียง ระหว่างภาคเหนือตอนบน ๑ และภาคเหนือตอนบน ๒ ซึ่งเป็นโครงการที่วางแผนโดยการรถไฟแห่งชาติที่จะพัฒนาระบบรถไฟรางคู่ เพื่อให้การคมนาคมขนส่งด้วยระบบรางมีความรวดเร็วและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญการขนส่งด้วยรถไฟนั้น มีต้นทุนต่ำกว่ารถยนต์ถึงปีละ 50,000 ล้านบาท รวมถึงจังหวัดแพร่ น่านและพะเยา มีสินค้าด้านการเกษตรที่ขนส่งอยู่แล้วปีละ 2,005,701 ตัน
สถานที่ตั้ง Container Yard อ.เด่นชัย Phase 1 ถนนโครงการ (20 ม.) - เนื้อที่ 268 ไร่ (ที่ทหาร) - ก่อสร้างพร้อมรถไฟสายเด่นชัย- เชียงของ Phase2 อำเภอเด่นชัย 600 ไร่ 268ไร่ สถานีรถไฟ Phase1 ทล.11 Phase 2 • เนื้อที่ 600 ไร่ จัดสรรให้เอกชน • ลงทุน • - พัฒนาเป็น Distribution Center, • Cargo และ CY เต็มรูปแบบ • - ขนส่งสินค้าภายในประเทศ • และสินค้านำเข้า - ส่งออก, ICD เขตทหาร 2,388 ไร่
แนวทางดำเนินการ • ให้ รฟท. ก่อสร้าง CY งบ 100ลบ. • จากงบรถไฟทางคู่ (77,275 ลบ.) • ขยายและก่อสร้างโครงข่ายถนน • 1.กว้าง 20 ม. ยาว 7.5 กม. • 2.กว้าง 16 ม. ยาว 1 กม. • ให้กรมโยธาธิการศึกษาวางผังพัฒนา • พื้นที่เพิ่มเติม Phase 2 สร้างมูลค่าเพิ่มปีละ 600 ล้านบาท 5 ปี เป็น 3,000 ล้านบาท
2. New Economic Zone เมืองแพร่ได้ถูกกำหนดให้เป็นเขตพื้นที่เมืองเก่า กลุ่มที่ 2 และมีการกำหนดกรอบแนวทางการอนุรักษ์บนหลักของการพัฒนาเมืองเชิงอนุรักษ์ ดังนั้นการดำเนินการใด ๆ ในเขตพื้นที่เมืองเก่าเพื่อรองรับการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจในอนาคตไม่สามารถทำได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นที่จะต้องหาพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจใหม่ของจังหวัด โดยได้กำหนดตำบลน้ำชำ อำเภอเมืองเนื้อที่ 60 ตารางกิโลเมตร ซึ่งมีศักยภาพรองรับเส้นทางทางรถไฟ (สถานีแพร่กับสถานีแม่คำมี) สำหรับใช้เป็นเขตพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ ในปีงบประมาณ พ.ศ.2557 ในพื้นที่ศูนย์ราชการ 625 ไร่ ได้มีการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ศูนย์รวบรวมและถ่ายทอดเทคโนโลยีนวัตกรรมชั้นสูงด้านการเกษตร(Science Center)โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการก่อสร้างวิทยาลัยชุมชนจังหวัดแพร่และสนามกีฬามาตรฐาน สำหรับในอนาคตจะได้มีการผลักดันให้เกิดมหาวิทยาลัยแพร่ และศูนย์บริหารราชการเพื่อใช้เป็นสถานที่ราชการและสถานที่สำหรับเอกชนในการบริหารจัดการด้านการค้า และการลงทุนตลอดจนการจัดทำผังเมืองให้เป็นระบบเพื่อแบ่งแยกพื้นที่ให้เกิดความเหมาะสมทั้งเขตศูนย์ราชการ เขตพานิชยกรรม เขตที่อยู่อาศัย เป็นต้น New Economic Zone อ.เมือง
4.บ้านพักข้าราชการ 6.สวนป่า ชุมชน แนวทางดำเนินการ • สนับสนุนการก่อตั้งมหาวิทยาลัยแพร่ • และย้ายศูนย์ราชการออกมาสร้างเป็น • ศูนย์บริหารราชการ • ให้กรมโยธาธิการฯ กำหนดให้แพร่ • เป็นพื้นที่จัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาเมือง • ในปี 57 ตาม พรบ.จัดรูปที่ดินเพื่อ • พัฒนาพื้นที่ ปี 47 3.ศูนย์ราชการ 1.พิพิธภัณฑ์ วิทยาศาสตร์ 2.มหาวิทยาลัยแพร่ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ มากกว่า 28,500 ล้านบาท 5.ศูนย์กีฬา ผังแม่บทมหาวิทยาลัยแพร่
3. Agro-Industrial เพื่อรองรับการกระจายอุตสาหกรรมในต่างจังหวัด การศึกษาพื้นที่จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้มีการจัดตั้งเขตประกอบอุตสาหกรรมในพื้นที่ที่เหมาะสมสะดวกในการสนับสนุนและกำกับดูแลการประกอบกิจการโรงงานให้เกิดความเป็นระเบียบ ทั้งด้านผังเมือง การควบคุมสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการใช้ทรัพยากรที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด จังหวัดแพร่จึงได้กำหนดเขตพื้นที่อำเภอสอง ซึ่งมีศักยภาพที่จะให้เป็นเขตอุตสาหกรรม (Industrial Zone)เนื่องจากมีจุดเด่นในด้านเป็นจุดเชื่อมเส้นทางรถไฟและถนน เขตอุตสาหกรรมการเกษตร สอง สถานีสอง สถานีหนองเสี้ยว ในปี 2544 มีรายงานการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและกระทรวงอุตสาหกรรมที่ระบุถึงความเหมาะสมของการตั้งเขตอุตสาหกรรมในพื้นที่ตำบลบ้าหนุน อำเภอสอง โดยเน้นไปที่อุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรหรืออุตสาหกรรมการเกษตรรวม 14 ชนิด มีพื้นที่ว่างสามารถรองรับการพัฒนาเป็นเขตอุตสาหกรรมได้ไม่น้อยกว่า 2 ตร.กม. รวมทั้งมีโครงสร้างพื้นฐานไว้รองรับอย่างเพียงพอตลอดจนมีวัตถุดิบสินค้าทางด้านการเกษตรไว้รองรับจำนวนมาก เช่น ข้าว ข้าวโพด พริก ถั่วเหลือง ฯลฯ แนวทางในการดำเนินงานโดยกำหนดให้มีการศึกษาชิงลึกถึงแนวทางการพัฒนาเขตอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร การวางผังแม่บทเขตอุตสาหรรม และการวางและจัดทำผังเมืองรวมชุมชนโดยรอบ ตลอดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการขนส่งระบบราง
แนวทางดำเนินการ สิ่งที่จะขอ ทล.1154 พื้นที่โครงการ รวม 1,250 ไร่ อำเภอสอง เขตอุตสาหกรรมการเกษตร • ให้กระทรวงอุตสาหกรรม • ศึกษา ทบทวนและกำหนด • เขตประกอบการอุตสาหกรรม • การเกษตร • ให้กรมโยธาฯวางผังเมืองพื้นที่ • ชุมชนโดยรอบ ทล.103 สถานีรถไฟสอง มูลค่าทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะได้รับจากการสร้างพื้นที่อุตสาหกรรมคิดเป็นมูลค่า 3,750 ล้านบาท ด่านนางฟ้า
4.FURNITURE CITY จังหวัดแพร่มีประวัติศาสตร์ความผูกพันและมีภูมิปัญญาความรู้ในเชิงช่างไม้มายาวนาน เมื่อ 138 ปี ที่แล้ว ตามหลักฐานการบันทึกในอดีต และในปี 2508 เริ่มมีการตั้งร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ไม้สัก จนกระทั่ง ปี 2540 เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ (ต้มยำกุ้ง) ต่อมาในปี 2545 มีนโยบาย OTOP ชาวแพร่จึงกลับมาทำเฟอร์นิเจอร์ไม้สักอีกครั้งพร้อมองค์ความรู้ด้านการออกแบบและการจัดการ ปัจจุบันจังหวัดแพร่มีโรงงานอุตสาหกรรมไม้ 1,708 โรง โดยมีแหล่งวัตถุดิบรวม 152,650 ไร่ และมีมูลค่าทางการค้าจำนวน 5,000 ล้านบาทต่อปี โดยในปี 2558 จะเกิดเสรีทางการค้า ASEAN เฟอร์นิเจอร์ไม้จากกลุ่มประเทศอาเซียนจะเข้ามาแข่งขันทางการตลาด จังหวัดแพร่จึงกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด ช่วงปี 2558-2561 สู่การเป็น Furniture City ซึ่งตั้งเป้าหมายจะสร้างรายได้มูลค่า 12,000 ล้านบาทต่อปี ในปี 2561 โดยออกแบบและพัฒนาสินค้าเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน (Comprehensive Advanced: CA) สร้างอัตลักษณ์เฉพาะตัว (Corporate Identity) และเกิดมูลค่าเพิ่ม (Value Creation) สร้างการตลาดเชิงรุกและประชาสัมพันธ์ เพื่อมุ่งสู่การเป็น Furniture City
แนวทางดำเนินการ แพร่อาสาเป็นเจ้าภาพจัด : International Teak Symposium เพื่อสร้างภาพลักษณ์ โอกาส องค์ความรู้เครือข่าย ขยายกำลังการผลิต โดยให้ ออป. จัดตั้งเครื่องจักรรองรับการผลิตไม้แปรรูปและอบไม้เป็นวัตถุดิบ 19 ล้านบาท 4,000 ลบ.ม./ปี 6,000 ลบ.ม./ปี 32 ล้านบาท สร้างความเข้มแข็ง ทุนหมุนเวียน 9 สหกรณ์ ปรับปรุงซ่อมแซมพิพิธภัณฑ์ไม้สัก ในโรงเรียนป่าไม้แพร่ (ที่ตั้งสำนักงาน บ.อิสเอเชียติก เมื่อ 100 กว่าปี) 50 ล้านบาท ห้องสมุดธรรมชาติ (Teak Nature Library) เป็นป่าปลูกที่ใหญ่ที่สุดในโลก แบบครบวงจร (ป่าแม่พวก อ.เด่นชัย) ในระบบ Rotation Cropping) 20 ล้านบาท ภาคเอกชนเกิดความเชื่อมั่นในการลงทุน - Furniture Center - New Economic Zone สร้างมูลค่าเพิ่ม 5,000 ล้านบาท/ปี เป็น 12,000 ล้านบาท/ปี
5. Rice Seed ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิประมาณ 19.20 ล้านไร่ ในแต่ละปีมีความต้องการใช้เมล็ดพันธุ์ 192,000 ตัน แต่ภาคราชการและเอกชนสามารถผลิตได้เพียง 72,000 ตัน จึงทำให้ขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ถึง 119,100 ตัน จังหวัดแพร่ปลูกข้าวหอมมะลิประมาณ 50,699 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นการปลูกเพื่อบริโภคและเข้าสู่โครงการรับจำนำของรัฐบาลถึง 39,249 ไร่ 21,586 ตัน ผลิตเมล็ดพันธุ์เพียง 1,450 ไร่ 790 ตัน ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ไขการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิที่มีคุณภาพดีดังกล่าวข้างต้น ปัญหาภาระการรับจำนำข้าวของรัฐบาล การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรตลอดจนเป็นการยกระดับรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิ จังหวัดแพร่มีศักยภาพในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ มีหน่วยงานวิจัยและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวในพื้นที่ (ศูนย์วิจัยข้าวแพร่และศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวแพร่) จึงทำให้กลุ่มเกษตรกร ในจังหวัดมีความรู้ความชำนาญในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ผลิตต่อไร่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ (จังหวัดแพร่ 640 กก./ไร่ ประเทศ 383 กก./ไร่) พื้นที่ถือครองการเกษตรเฉลี่ยต่อครัวเรือน(5 ไร่/ครัวเรือน) ทำให้สามารถดูแลแปลงเมล็ดพันธุ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Labour intersive) จากสถานการณ์และศักยภาพดังกล่าว จังหวัดแพร่จึงมียุทธศาสตร์ในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ ๑๐๕ เพื่อเป็น “ศูนย์พัฒนาและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพสูง (Rice Seed) ในปี 2558-2561 จังหวัดแพร่ได้ตั้งเป้าหมายเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิแพร่โดยการเพิ่มพื้นที่ให้ถึง 90,000ไร่ ซึ่งจะได้ผลผลิต 45,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 1,305 ล้านบาท (29บาทต่อกิโลกรัม) ลดภาระการจำนำข้าวหอมมะลิของรัฐบาลได้ถึง 810 ล้านบาท(18,000บาทต่อตัน) สร้างผลผลิตและมูลค่าเพิ่ม 2,307 ล้านบาท(37 กก/ไร่ ราคา 13.86บ./กก.) เมื่อนำมูลค่า,การลดภาระการจำนำและผลผลิต/มูลค่าเพิ่ม มารวมกันจะให้ประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้น 4,422 ล้านบาท
Mapping โรงงานแปรสภาพเมล็ดพันธุ์ภาคเหนือ เชียงราย3 แห่ง 713 ตัน เชียงใหม่3 แห่ง 516 ตัน พะเยา3 แห่ง 1,292 ตัน ลำปาง3 แห่ง 690 ตัน แพร่ 4 แห่ง 790 ตัน ที่มา : กรมการข้าว, สมาคมโรงสีข้าวไทย
แนวทางดำเนินการ ปี 58 ขอสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ จากกรมการข้าว 200 ตัน ปี 57 ของบประมาณ - ก่อสร้างศูนย์พัฒนาและปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ 151 ล้านบาท “เมืองผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพสูง (Rice Seed)” ปี 58 เงินทุนหมุนเวียนเพื่อจัดซื้อคืนผลผลิต (จัดหาแหล่งเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยจากกองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปิดเสรีทางการค้า(FTA)และ/หรือกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร(FAF)) 275 ล้านบาท ปี 58 - GAP Seed - บุคลากรปฏิบัติงานจากงบจังหวัด สร้างรายได้มูลค่ารวม 4,422 ล้านบาท แก้ไขปัญหาขาดแคลนของประเทศ 45,000 ตัน
6. Liquor สุราพื้นบ้านจังหวัดแพร่ โดยเฉพาะที่ตำบลสะเอียบ อำเภอสอง มีประวัติต้มสุราเกือบ 200 ปี และมีภูมิปัญญาชาวบ้านที่เชี่ยวชาญด้านการผลิตสุราพื้นบ้าน มีแหล่งน้ำซึ่งเป็นวัตถุดิบในการนำมาปรุงเหล้าจากหล่มด้งซึ่งเกิดจากการยุบตัวของภูเขาไฟ สร้างรายได้จากการจำหน่ายสุรามากกว่า 1,000 ล้านบาท และเสียภาษีให้กับภาครัฐเกือบ 400 ล้านบาท/ปี และเป็นแหล่งผลิตสุราชุมชนจากข้าวเหนียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและจัดจำหน่ายไปยัง 33 จังหวัดในปริมาณ 15ล้านขวดต่อปี แนวทางในการพัฒนาสุราพื้นบ้านของอำเภอสองให้เป็น “สุราพื้นบ้านสัญลักษณ์ของประเทศไทยสำหรับเป็นของที่ระลึก (Souvenir) เน้นตลาดบน รองรับ AEC” ยกระดับให้เทียบเท่ากับ เหมาไถ-จีน และสาเก-ญี่ปุ่น เน้นตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ส่งเสริมการดื่มเพื่อสุขภาพมีความปลอดภัย โดยรัฐเข้าไปชี้ช่องทางการตลาดและแนวทางให้กับผู้ประกอบการ ทั้งการปรับปรุงคุณภาพ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และการตลาด เป็นต้น ในส่วนนี้จะเน้นที่ตลาดล่างและกลาง สำหรับตลาดบนรัฐจะใช้ R&D เข้าไปมีบทบาทในกระบวนการผลิตในทุกขั้นตอน การจัดตั้งโรงงาน นำร่อง การสร้างแบรนด์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การนำเอา Story วิถีชีวิตท้องถิ่นไปสร้างเรื่องราวให้เกิดความน่าสนใจและเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว ตลอดจนการส่งเสริมการตลาด การประชาสัมพันธ์ เพื่อให้สุราพื้นบ้านของจังหวัดเป็นที่ยอมรับและมีชื่อเสียงสามารถสร้างรายได้ให้กับภาคส่วนต่าง ๆ ได้อย่างยั่งยืน
แนวทางดำเนินการ สุราพื้นบ้าน พัฒนาคุณภาพ สุราพื้นบ้านสะเอียบ สุราจังหวัด -โรงงานนำร่อง กระบวนการผลิตอย่างครบวงจร -ศูนย์ R&D สุรา และบรรจุภัณฑ์ สุราประเทศไทย • สร้าง Brand และ การตลาด • เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุน • เพิ่มมูลค่าการค้าเป็น 3,000 ล้านบาท/ปี
เป้าหมายการลงทุนเพื่อการพัฒนาจังหวัดเป้าหมายการลงทุนเพื่อการพัฒนาจังหวัด