1 / 25

รู้จักเมืองแพร่ดีขึ้น

รู้จักเมืองแพร่ดีขึ้น.

kathy
Download Presentation

รู้จักเมืองแพร่ดีขึ้น

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. รู้จักเมืองแพร่ดีขึ้นรู้จักเมืองแพร่ดีขึ้น ประวัติศาสตร์เมืองเก่าอายุ 1,185 ปี จากตำนานวัดหลวงประมาณ พ.ศ. 1371 พ่อขุนหลวงพล ราชนัดดาแห่งกษัตริย์น่านเจ้าได้อพยพคนไทย(ไทยลื้อไทยเขิน)ลงมาสร้างเมืองบนที่ราบริมฝั่งแม่น้ำยม ขนานนามว่า เมืองพลนคร สอดคล้องกับศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชหลักที่1 ด้านที่ 4 บรรทัดที่ 24-25 ซึ่งจารึกไว้ว่า “...เบื้องตีนนอน รอดเมืองแพล เมืองน่าน ....เมืองพลัว พ้นฝั่งของเมืองชวาเป็นที่แล้ว ปลูกเลี้ยงฝูงลูกบ้านลูกเมืองนั้นชอบด้วยธรรมทุกคน...” ประชาชนที่อาศัยในจังหวัดแห่งความสุขประเทศ จังหวัดแพร่อยู่ในอันดับที่ 7 และมีแหล่งโอโซนที่ดีเป็นอันดับที่ 7 ที่บ้านนาคูหา อำเภอเมืองแพร่ นอกจากนี้ความอุดมสมบูรณ์ของป่าคิดเป็นสัดส่วนต่อพื้นที่ เป็นอันดับ 7 ด้วย ที่มา : เอแบคโพลล์ พ.ศ. 2556 มหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2556 ข้อมูลจากกรมป่าไม้ พ.ศ. 2555

  2. พื้นที่ทั้งหมด 6,538.59 ตารางกิโลเมตรเป็นภูเขาร้อยละ 80 มีที่ราบ เพียงร้อยละ 20 ประชากรรวม 457,607คน สภาพที่ตั้งเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางรถยนต์ และทางรถไฟที่สำคัญแห่งหนึ่งของภาคเหนือและเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จึงเรียกได้ว่าเป็น  “ประตูสู่ล้านนา“ ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) 21,502 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ต่อหัว 41,593 บาท (ลำดับ 64) ที่มา : สนง.คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ส่วนมูลค่ารวมผลิตภัณฑ์ฯ รายจังหวัด พ.ศ. 2555

  3. ภาพรวมการพัฒนาจังหวัดแพร่ภาพรวมการพัฒนาจังหวัดแพร่ 1 3 2 4 1 3 1 2 4 1 ตัวชี้วัดการพัฒนาจังหวัดแพร่ ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของประเทศ 10 ตัวชี้วัด ดังนี้ 1. การสร้างความสามารถในการแข่งขัน มีขนาดเศรษฐกิจ การเติบโตเศรษฐกิจ ผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อหัว และผลิตภาพแรงงาน 2. การสร้างโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคม มีสัดส่วนคนจน สัดส่วนผู้อยู่ในระบบประกันสังคม ค่าเฉลี่ย O-NET ม.3 และ ร้อยละของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่มีภาวะพวกซ้อนได้รับการดูแลรักษา/ส่งต่อ 3. การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มี การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าไม้ 4. ประสิทธิภาพของภาครัฐมี การเข้าถึงน้ำประปา

  4. แพร่เป็นศูนย์กลางโครงข่ายคมนาคมทางถนนตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจเหนือใต้ (NSEC) เชื่อมโยง ไทย-พม่า/ลาว-จีน และแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (EWEC) เชื่อมโยงเวียดนาม-ลาว และเชื่อมโยงกับความร่วมมือกลุ่มเศรษฐกิจต่างๆ ได้แก่ 1. BIMSTEC เป็นกรอบความร่วมมือทางวิชาการและเศรษฐกิจระหว่าง 7 ประเทศในอ่าวเบงกอล ทำให้ไทยอยู่ในสถานะเป็นสะพานเชื่อมโยงอนุภูมิภาคทั้งสองและขยายความสัมพันธ์กับประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อินเดีย 2. ACMECS เป็นข้อตกลงความร่วมมือด้านธุรกิจระหว่างประเทศไทย,พม่า,ลาว,กัมพูชา และเวียดนาม  เป็นยุทธศาสตร์ความร่วมมือที่สำคัญต่อการส่งเสริมความเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของไทย 3. GMS เป็นความร่วมมือของ 6 ประเทศ คือ ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีน (ยูนนาน) เพื่อให้เกิดการขยายตัวทางการค้า การลงทุน และบริการสนับสนุนการจ้างงานและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน พัฒนาความร่วมมือทางเทคโนโลยีและการศึกษาและใช้ทรัพยากรธรรมชาติร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งโอกาสทางเศรษฐกิจในเวทีการค้าโลก 4. (ASEAN) เป็นเพื่อการร่วมมือกันทาง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ประกอบด้วย 10 ประเทศได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม พม่า แพร่

  5. ไม้ค้ำยันด่านถาวร 7 แห่ง แพร่ เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อกับด่านการค้าชายแดนทั้งหมด 7 ด่าน ได้แก่ 1.แม่สาย จังหวัดเชียงราย 2.เชียงแสน จังหวัดเชียงราย 3.เชียงของ จังหวัดเชียงราย 4.บ้านฮวก จังหวัดพะเยา 5.ห้วยโก๋น จังหวัดน่าน 6.ภูดู่ จังหวัดอุตรดิตถ์ 7.แม่สอด จังหวัดตาก โดยมีมูลค่าการค้าขายผ่านด่านดังกล่าวถึง 71.5 พันล้านบาท ที่มา : กรมศุลกากร ปี 55

  6. ศักยภาพในอนาคต ปัจจุบันโครงข่ายการคมนาคมขนส่งระหว่างจังหวัดเพื่อเชื่อมโยงไปยังจุดผ่านแดน/ประตู่สู่การค้ากับประเทศเพื่อนบ้านยังไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งในอนาคตรัฐบาลได้กำหนดให้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของจังหวัดแพร่ให้มีมาตรฐานและมีศักยภาพเพื่อรองรับการแข่งขันดังนี้ 1.การก่อสร้างและขยายเส้นทางจราจรจาก 2 ช่องทาง ให้เป็น 4 ช่องทางจราจร ใน 3 เส้นทางหลัก ได้แก่ (1) ทางหลวงหมายเลข 101 จากอำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ไป อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เชื่อมลาว (2) ทางหลวงหมายเลข 103 จาก อำเภอร้องกวาง-อำเภอสอง จังหวัดแพร่ เชื่อมทางหลวงหมายเลข 1 ที่อำเภองาว จังหวัดลำปาง ไปพะเยา-เชียงราย เชื่อมพม่า ลาว จีน (3) ทางหลวงหมายเลข 101 และหมายเลข 11 จากอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ ไปยังจังหวัดลำปางเชื่อมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 2.การก่อสร้างขยายเส้นทางการจราจร ตามทางหลวงหมายเลข 1023 จากอำเภอเมืองแพร่ ไปอำเภอลอง-อำเภอวังชิ้น ต่อทางหลวงหมายเลข 1124 จากอำเภอวังชิ้น ไปจังหวัดลำปาง และจังหวัดตาก เชื่อมพม่า 3. การขยายท่าอากาศยานแพร่ เพื่อรองรับเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ซึ่งจะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2558 4.โครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟรางคู่ เส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เขียงของ

  7. ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดแพร่ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดแพร่ 2 Axes 4 Belts 6 Zones รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และได้กำหนดดำเนินการโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทางรวม 326 กิโลเมตร ผ่าน 4 จังหวัด ได้แก่ แพร่ ลำปาง พะเยา และเชียงราย มีจำนวนสถานี 26 แห่ง เส้นทางรถไฟผ่านพื้นที่จังหวัดแพร่ มีระยะทางประมาณ 82 กิโลเมตร ผ่าน 5 อำเภอ 23 ตำบล จำนวน 5 สถานี 6 แห่ง และนโยบายโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท รวมถึงความเชื่อมโยงอนุภูมิภาค/อาเซียน ความเชื่อมโยงกับกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน และศักยภาพในอนาคตของจังหวัด จึงได้กำหนดศักยภาพยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด โดยกำหนดเป็นแนวหรือแกนในการพัฒนา

  8. แกนหลักในการพัฒนา (Two Axes) 1. โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เพื่อรองรับการการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจและความเจริญในอนาคต 2. โครงการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำยมซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่ประชาชนส่วนใหญ่ใช้ในการทำเกษตรกรรม และกิจการอื่นๆโดยเฉพาะพื้นที่ราบบริเวณสองฝั่งแม่น้ำและยังมีลำน้ำสาขาที่สำคัญของแม่น้ำยม 16 สายหลัก เพื่อรองรับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดในด้านการพัฒนาเกษตรคุณภาพสูง ป่าเศรษฐกิจ และเป็นศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ (Rice Seed)

  9. พัฒนาเมืองคู่ ปั้นเศรษฐกิจ (Four belts) จังหวัดได้กำหนดการพัฒนาเมืองคู่ ปั้นเศรษฐกิจ โดยได้รับการเสนอจากพื้นที่อำเภอที่มีศักยภาพที่โดดเด่นและมีความเชื่อมโยงกันตามศักยภาพของพื้นที่ ได้มีการจับคู่กันระหว่างอำเภอเพื่อดำเนินการในด้านต่าง ๆ ดังนี้ 1. ด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ อำเภอเมืองแพร่กับอำเภอสอง โดยในปี 2556 มีผู้เยี่ยมเยือน 832,642 คน สร้างรายได้ 1,336.22 ล้านบาท 2. ด้านเกษตรคุณภาพสูง ได้แก่ อำเภอหนองม่วงไข่และอำเภอร้องกวาง มีพืชเศรษฐกิจที่สำคัญคือ พริก ซึ่งมี ปริมาณการผลิต 8,697 ตันต่อปีเป็นอันดับ 1 ประเทศ ถั่วเหลือง ปริมาณการผลิต 13,200ตันต่อปี เป็นอันดับ 2 และ ข้าวมีปริมาณการผลิต 224,102 ตันต่อปี 3. ด้าน OTOP ได้แก่ อำเภอสูงเม่น และอำเภอเด่นชัย ในปี 2556 สินค้า OTOP สร้างรายได้ 343.8 ล้านบาท 4. ด้านป่าเศรษฐกิจ ได้แก่ อำเภอลองและอำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่มีพื้นที่ป่า ร้อยละ 62.94 ของพื้นที่ทั้งหมด เป็นอันดับ 7 ของประเทศ ซึ่งป่าส่วนใหญ่เป็นไม้เศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้จังหวัดแพร่ เช่น ไม้สัก ไม้ไผ่ และไม้ผลต่างๆ เป็นต้น

  10. พื้นที่เร่งพัฒนา (Six Zones) Yom River Double Track จังหวัดได้กำหนดเขตพื้นที่เร่งพัฒนา โดยยึดเอาการพัฒนาตามเส้นทางรถไฟรางคู่และแม่น้ำยม ที่ผ่านยังพื้นที่ของจังหวัด การบริหารจัดการน้ำยมตลอดจนการพิจารณาถึงจุดแข็งและศักยภาพความพร้อมในด้านต่าง ๆ โดยได้กำหนด 6 เขตพื้นที่เร่งพัฒนา (Six Zones) ดังนี้

  11. 1. Container Yard สถานีลานวางตู้สินค้า การขนส่งสินค้าด้วยตู้คอนเทนเนอร์ มุ่งหวังเพื่อขนส่งสินค้าในเชิงปริมาณ ให้ความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลาและลดปัญหาของสินค้าเสียหาย ซึ่งระบบการขนส่งทางถนนระยะทางไกล จะสิ้นเปลืองพลังงานมากส่งผลให้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้นและขนส่งได้ในปริมาณน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับการขนส่งด้วยระบบราง ดังนั้นการพัฒนาให้ระบบรางเป็นระบบหลักในการขนส่งและระบบถนนเป็นระบบสนับสนุน (Feeder) โดยมีลานวางตู้สินค้า (Container Yard) เพื่อใช้เป็นพื้นที่ขนถ่ายสินค้าตามแนวเส้นทางรถไฟ จะเป็นการส่งเสริมศักยภาพในการขนถ่ายสินค้าจากระบบรางสู่ระบบถนน ความเป็นไปได้ในการพัฒนาลานวางตู้สินค้าตามแนวเส้นทางรถไฟสายเหนือเดิมที่มีอยู่ในจังหวัดแพร่มุ่งสู่จังหวัดเชียงใหม่ มี ๒ สถานี คือ สถานีเด่นชัย เป็นสถานีรถไฟหลัก และสถานีย่อยอำเภอลอง อีกทั้งในอนาคต ได้รับการพิจารณาให้เป็นจังหวัดเริ่มต้นของรถไฟรางคู่สู่ด่านเชียงของที่จะเป็นจุดเชื่อมระบบรางระหว่างประเทศ และนอกจากจะมีการขนส่งระบบรางที่มีศักยภาพ จังหวัดแพร่ยังมีการพัฒนาระบบถนนที่เชื่อมต่อกับระบบรางในพื้นที่ใกล้เคียง ระหว่างภาคเหนือตอนบน ๑ และภาคเหนือตอนบน ๒ ซึ่งเป็นโครงการที่วางแผนโดยการรถไฟแห่งชาติที่จะพัฒนาระบบรถไฟรางคู่ เพื่อให้การคมนาคมขนส่งด้วยระบบรางมีความรวดเร็วและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญการขนส่งด้วยรถไฟนั้น มีต้นทุนต่ำกว่ารถยนต์ถึงปีละ 50,000 ล้านบาท รวมถึงจังหวัดแพร่ น่านและพะเยา มีสินค้าด้านการเกษตรที่ขนส่งอยู่แล้วปีละ 2,005,701 ตัน

  12. สถานที่ตั้ง Container Yard อ.เด่นชัย Phase 1 ถนนโครงการ (20 ม.) - เนื้อที่ 268 ไร่ (ที่ทหาร) - ก่อสร้างพร้อมรถไฟสายเด่นชัย- เชียงของ Phase2 อำเภอเด่นชัย 600 ไร่ 268ไร่ สถานีรถไฟ Phase1 ทล.11 Phase 2 • เนื้อที่ 600 ไร่ จัดสรรให้เอกชน • ลงทุน • - พัฒนาเป็น Distribution Center, • Cargo และ CY เต็มรูปแบบ • - ขนส่งสินค้าภายในประเทศ • และสินค้านำเข้า - ส่งออก, ICD เขตทหาร 2,388 ไร่

  13. แนวทางดำเนินการ • ให้ รฟท. ก่อสร้าง CY งบ 100ลบ. • จากงบรถไฟทางคู่ (77,275 ลบ.) • ขยายและก่อสร้างโครงข่ายถนน • 1.กว้าง 20 ม. ยาว 7.5 กม. • 2.กว้าง 16 ม. ยาว 1 กม. • ให้กรมโยธาธิการศึกษาวางผังพัฒนา • พื้นที่เพิ่มเติม Phase 2 สร้างมูลค่าเพิ่มปีละ 600 ล้านบาท 5 ปี เป็น 3,000 ล้านบาท

  14. 2. New Economic Zone เมืองแพร่ได้ถูกกำหนดให้เป็นเขตพื้นที่เมืองเก่า กลุ่มที่ 2 และมีการกำหนดกรอบแนวทางการอนุรักษ์บนหลักของการพัฒนาเมืองเชิงอนุรักษ์ ดังนั้นการดำเนินการใด ๆ ในเขตพื้นที่เมืองเก่าเพื่อรองรับการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจในอนาคตไม่สามารถทำได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นที่จะต้องหาพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจใหม่ของจังหวัด โดยได้กำหนดตำบลน้ำชำ อำเภอเมืองเนื้อที่ 60 ตารางกิโลเมตร ซึ่งมีศักยภาพรองรับเส้นทางทางรถไฟ (สถานีแพร่กับสถานีแม่คำมี) สำหรับใช้เป็นเขตพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ ในปีงบประมาณ พ.ศ.2557 ในพื้นที่ศูนย์ราชการ 625 ไร่ ได้มีการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ศูนย์รวบรวมและถ่ายทอดเทคโนโลยีนวัตกรรมชั้นสูงด้านการเกษตร(Science Center)โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการก่อสร้างวิทยาลัยชุมชนจังหวัดแพร่และสนามกีฬามาตรฐาน สำหรับในอนาคตจะได้มีการผลักดันให้เกิดมหาวิทยาลัยแพร่ และศูนย์บริหารราชการเพื่อใช้เป็นสถานที่ราชการและสถานที่สำหรับเอกชนในการบริหารจัดการด้านการค้า และการลงทุนตลอดจนการจัดทำผังเมืองให้เป็นระบบเพื่อแบ่งแยกพื้นที่ให้เกิดความเหมาะสมทั้งเขตศูนย์ราชการ เขตพานิชยกรรม เขตที่อยู่อาศัย เป็นต้น New Economic Zone อ.เมือง

  15. 4.บ้านพักข้าราชการ 6.สวนป่า ชุมชน แนวทางดำเนินการ • สนับสนุนการก่อตั้งมหาวิทยาลัยแพร่ • และย้ายศูนย์ราชการออกมาสร้างเป็น • ศูนย์บริหารราชการ • ให้กรมโยธาธิการฯ กำหนดให้แพร่ • เป็นพื้นที่จัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาเมือง • ในปี 57 ตาม พรบ.จัดรูปที่ดินเพื่อ • พัฒนาพื้นที่ ปี 47 3.ศูนย์ราชการ 1.พิพิธภัณฑ์ วิทยาศาสตร์ 2.มหาวิทยาลัยแพร่ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ มากกว่า 28,500 ล้านบาท 5.ศูนย์กีฬา ผังแม่บทมหาวิทยาลัยแพร่

  16. 3. Agro-Industrial เพื่อรองรับการกระจายอุตสาหกรรมในต่างจังหวัด การศึกษาพื้นที่จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้มีการจัดตั้งเขตประกอบอุตสาหกรรมในพื้นที่ที่เหมาะสมสะดวกในการสนับสนุนและกำกับดูแลการประกอบกิจการโรงงานให้เกิดความเป็นระเบียบ ทั้งด้านผังเมือง การควบคุมสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการใช้ทรัพยากรที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด จังหวัดแพร่จึงได้กำหนดเขตพื้นที่อำเภอสอง ซึ่งมีศักยภาพที่จะให้เป็นเขตอุตสาหกรรม (Industrial Zone)เนื่องจากมีจุดเด่นในด้านเป็นจุดเชื่อมเส้นทางรถไฟและถนน เขตอุตสาหกรรมการเกษตร สอง สถานีสอง สถานีหนองเสี้ยว ในปี 2544 มีรายงานการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและกระทรวงอุตสาหกรรมที่ระบุถึงความเหมาะสมของการตั้งเขตอุตสาหกรรมในพื้นที่ตำบลบ้าหนุน อำเภอสอง โดยเน้นไปที่อุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรหรืออุตสาหกรรมการเกษตรรวม 14 ชนิด มีพื้นที่ว่างสามารถรองรับการพัฒนาเป็นเขตอุตสาหกรรมได้ไม่น้อยกว่า 2 ตร.กม. รวมทั้งมีโครงสร้างพื้นฐานไว้รองรับอย่างเพียงพอตลอดจนมีวัตถุดิบสินค้าทางด้านการเกษตรไว้รองรับจำนวนมาก เช่น ข้าว ข้าวโพด พริก ถั่วเหลือง ฯลฯ แนวทางในการดำเนินงานโดยกำหนดให้มีการศึกษาชิงลึกถึงแนวทางการพัฒนาเขตอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร การวางผังแม่บทเขตอุตสาหรรม และการวางและจัดทำผังเมืองรวมชุมชนโดยรอบ ตลอดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการขนส่งระบบราง

  17. แนวทางดำเนินการ สิ่งที่จะขอ ทล.1154 พื้นที่โครงการ รวม 1,250 ไร่ อำเภอสอง เขตอุตสาหกรรมการเกษตร • ให้กระทรวงอุตสาหกรรม • ศึกษา ทบทวนและกำหนด • เขตประกอบการอุตสาหกรรม • การเกษตร • ให้กรมโยธาฯวางผังเมืองพื้นที่ • ชุมชนโดยรอบ ทล.103 สถานีรถไฟสอง มูลค่าทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะได้รับจากการสร้างพื้นที่อุตสาหกรรมคิดเป็นมูลค่า 3,750 ล้านบาท ด่านนางฟ้า

  18. 4.FURNITURE CITY จังหวัดแพร่มีประวัติศาสตร์ความผูกพันและมีภูมิปัญญาความรู้ในเชิงช่างไม้มายาวนาน เมื่อ 138 ปี ที่แล้ว ตามหลักฐานการบันทึกในอดีต และในปี 2508 เริ่มมีการตั้งร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ไม้สัก จนกระทั่ง ปี 2540 เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ (ต้มยำกุ้ง) ต่อมาในปี 2545 มีนโยบาย OTOP ชาวแพร่จึงกลับมาทำเฟอร์นิเจอร์ไม้สักอีกครั้งพร้อมองค์ความรู้ด้านการออกแบบและการจัดการ ปัจจุบันจังหวัดแพร่มีโรงงานอุตสาหกรรมไม้ 1,708 โรง โดยมีแหล่งวัตถุดิบรวม 152,650 ไร่ และมีมูลค่าทางการค้าจำนวน 5,000 ล้านบาทต่อปี โดยในปี 2558 จะเกิดเสรีทางการค้า ASEAN เฟอร์นิเจอร์ไม้จากกลุ่มประเทศอาเซียนจะเข้ามาแข่งขันทางการตลาด จังหวัดแพร่จึงกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด ช่วงปี 2558-2561 สู่การเป็น Furniture City ซึ่งตั้งเป้าหมายจะสร้างรายได้มูลค่า 12,000 ล้านบาทต่อปี ในปี 2561 โดยออกแบบและพัฒนาสินค้าเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน (Comprehensive Advanced: CA) สร้างอัตลักษณ์เฉพาะตัว (Corporate Identity) และเกิดมูลค่าเพิ่ม (Value Creation) สร้างการตลาดเชิงรุกและประชาสัมพันธ์ เพื่อมุ่งสู่การเป็น Furniture City

  19. แนวทางดำเนินการ แพร่อาสาเป็นเจ้าภาพจัด : International Teak Symposium เพื่อสร้างภาพลักษณ์ โอกาส องค์ความรู้เครือข่าย ขยายกำลังการผลิต โดยให้ ออป. จัดตั้งเครื่องจักรรองรับการผลิตไม้แปรรูปและอบไม้เป็นวัตถุดิบ 19 ล้านบาท 4,000 ลบ.ม./ปี 6,000 ลบ.ม./ปี 32 ล้านบาท สร้างความเข้มแข็ง ทุนหมุนเวียน 9 สหกรณ์ ปรับปรุงซ่อมแซมพิพิธภัณฑ์ไม้สัก ในโรงเรียนป่าไม้แพร่ (ที่ตั้งสำนักงาน บ.อิสเอเชียติก เมื่อ 100 กว่าปี) 50 ล้านบาท ห้องสมุดธรรมชาติ (Teak Nature Library) เป็นป่าปลูกที่ใหญ่ที่สุดในโลก แบบครบวงจร (ป่าแม่พวก อ.เด่นชัย) ในระบบ Rotation Cropping) 20 ล้านบาท ภาคเอกชนเกิดความเชื่อมั่นในการลงทุน - Furniture Center - New Economic Zone สร้างมูลค่าเพิ่ม 5,000 ล้านบาท/ปี เป็น 12,000 ล้านบาท/ปี

  20. 5. Rice Seed ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิประมาณ 19.20 ล้านไร่ ในแต่ละปีมีความต้องการใช้เมล็ดพันธุ์ 192,000 ตัน แต่ภาคราชการและเอกชนสามารถผลิตได้เพียง 72,000 ตัน จึงทำให้ขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ถึง 119,100 ตัน จังหวัดแพร่ปลูกข้าวหอมมะลิประมาณ 50,699 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นการปลูกเพื่อบริโภคและเข้าสู่โครงการรับจำนำของรัฐบาลถึง 39,249 ไร่ 21,586 ตัน ผลิตเมล็ดพันธุ์เพียง 1,450 ไร่ 790 ตัน ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ไขการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิที่มีคุณภาพดีดังกล่าวข้างต้น ปัญหาภาระการรับจำนำข้าวของรัฐบาล การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรตลอดจนเป็นการยกระดับรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิ จังหวัดแพร่มีศักยภาพในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ มีหน่วยงานวิจัยและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวในพื้นที่ (ศูนย์วิจัยข้าวแพร่และศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวแพร่) จึงทำให้กลุ่มเกษตรกร ในจังหวัดมีความรู้ความชำนาญในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ผลิตต่อไร่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ (จังหวัดแพร่ 640 กก./ไร่ ประเทศ 383 กก./ไร่) พื้นที่ถือครองการเกษตรเฉลี่ยต่อครัวเรือน(5 ไร่/ครัวเรือน) ทำให้สามารถดูแลแปลงเมล็ดพันธุ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Labour intersive) จากสถานการณ์และศักยภาพดังกล่าว จังหวัดแพร่จึงมียุทธศาสตร์ในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ ๑๐๕ เพื่อเป็น “ศูนย์พัฒนาและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพสูง (Rice Seed) ในปี 2558-2561 จังหวัดแพร่ได้ตั้งเป้าหมายเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิแพร่โดยการเพิ่มพื้นที่ให้ถึง 90,000ไร่ ซึ่งจะได้ผลผลิต 45,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 1,305 ล้านบาท (29บาทต่อกิโลกรัม) ลดภาระการจำนำข้าวหอมมะลิของรัฐบาลได้ถึง 810 ล้านบาท(18,000บาทต่อตัน) สร้างผลผลิตและมูลค่าเพิ่ม 2,307 ล้านบาท(37 กก/ไร่ ราคา 13.86บ./กก.) เมื่อนำมูลค่า,การลดภาระการจำนำและผลผลิต/มูลค่าเพิ่ม มารวมกันจะให้ประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้น 4,422 ล้านบาท

  21. Mapping โรงงานแปรสภาพเมล็ดพันธุ์ภาคเหนือ เชียงราย3 แห่ง 713 ตัน เชียงใหม่3 แห่ง 516 ตัน พะเยา3 แห่ง 1,292 ตัน ลำปาง3 แห่ง 690 ตัน แพร่ 4 แห่ง 790 ตัน ที่มา : กรมการข้าว, สมาคมโรงสีข้าวไทย

  22. แนวทางดำเนินการ ปี 58 ขอสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ จากกรมการข้าว 200 ตัน ปี 57 ของบประมาณ - ก่อสร้างศูนย์พัฒนาและปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ 151 ล้านบาท “เมืองผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพสูง (Rice Seed)” ปี 58 เงินทุนหมุนเวียนเพื่อจัดซื้อคืนผลผลิต (จัดหาแหล่งเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยจากกองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปิดเสรีทางการค้า(FTA)และ/หรือกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร(FAF)) 275 ล้านบาท ปี 58 - GAP Seed - บุคลากรปฏิบัติงานจากงบจังหวัด สร้างรายได้มูลค่ารวม 4,422 ล้านบาท แก้ไขปัญหาขาดแคลนของประเทศ 45,000 ตัน

  23. 6. Liquor สุราพื้นบ้านจังหวัดแพร่ โดยเฉพาะที่ตำบลสะเอียบ อำเภอสอง มีประวัติต้มสุราเกือบ 200 ปี และมีภูมิปัญญาชาวบ้านที่เชี่ยวชาญด้านการผลิตสุราพื้นบ้าน มีแหล่งน้ำซึ่งเป็นวัตถุดิบในการนำมาปรุงเหล้าจากหล่มด้งซึ่งเกิดจากการยุบตัวของภูเขาไฟ สร้างรายได้จากการจำหน่ายสุรามากกว่า 1,000 ล้านบาท และเสียภาษีให้กับภาครัฐเกือบ 400 ล้านบาท/ปี และเป็นแหล่งผลิตสุราชุมชนจากข้าวเหนียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและจัดจำหน่ายไปยัง 33 จังหวัดในปริมาณ 15ล้านขวดต่อปี แนวทางในการพัฒนาสุราพื้นบ้านของอำเภอสองให้เป็น “สุราพื้นบ้านสัญลักษณ์ของประเทศไทยสำหรับเป็นของที่ระลึก (Souvenir) เน้นตลาดบน รองรับ AEC” ยกระดับให้เทียบเท่ากับ เหมาไถ-จีน และสาเก-ญี่ปุ่น เน้นตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ส่งเสริมการดื่มเพื่อสุขภาพมีความปลอดภัย โดยรัฐเข้าไปชี้ช่องทางการตลาดและแนวทางให้กับผู้ประกอบการ ทั้งการปรับปรุงคุณภาพ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และการตลาด เป็นต้น ในส่วนนี้จะเน้นที่ตลาดล่างและกลาง สำหรับตลาดบนรัฐจะใช้ R&D เข้าไปมีบทบาทในกระบวนการผลิตในทุกขั้นตอน การจัดตั้งโรงงาน นำร่อง การสร้างแบรนด์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การนำเอา Story วิถีชีวิตท้องถิ่นไปสร้างเรื่องราวให้เกิดความน่าสนใจและเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว ตลอดจนการส่งเสริมการตลาด การประชาสัมพันธ์ เพื่อให้สุราพื้นบ้านของจังหวัดเป็นที่ยอมรับและมีชื่อเสียงสามารถสร้างรายได้ให้กับภาคส่วนต่าง ๆ ได้อย่างยั่งยืน

  24. แนวทางดำเนินการ สุราพื้นบ้าน พัฒนาคุณภาพ สุราพื้นบ้านสะเอียบ สุราจังหวัด -โรงงานนำร่อง กระบวนการผลิตอย่างครบวงจร -ศูนย์ R&D สุรา และบรรจุภัณฑ์ สุราประเทศไทย • สร้าง Brand และ การตลาด • เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุน • เพิ่มมูลค่าการค้าเป็น 3,000 ล้านบาท/ปี

  25. เป้าหมายการลงทุนเพื่อการพัฒนาจังหวัดเป้าหมายการลงทุนเพื่อการพัฒนาจังหวัด

More Related