1 / 17

โมเดลเชิงสัมพันธ์ Relational Model

โมเดลเชิงสัมพันธ์ Relational Model. Relational Data Model และ Relational Database Constraints. ถูกนำเสนอครั้งแรกโดย Ted Codd of IBM Research ในปี ค.ศ. 1970 Codd,E. [1970] “A relational Model for Large Shared DataBanks,” CAAM, 13:6, June 1970.

karik
Download Presentation

โมเดลเชิงสัมพันธ์ Relational Model

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. โมเดลเชิงสัมพันธ์Relational Model

  2. Relational Data Model และ Relational Database Constraints • ถูกนำเสนอครั้งแรกโดย Ted Codd of IBM Research ในปี ค.ศ. 1970 • Codd,E. [1970] “A relational Model for Large Shared DataBanks,”CAAM, 13:6, June 1970. • โมเดลนี้จะใช้หลักการของ Mathematical Relation • ตารางของค่า (Tableof value)มองคล้ายกับการสร้างบล็อก (Building block) • ใช้ทฤษฏีพื้นฐานด้านSet theory และ first-order predict logic • การใช้งานเชิงพาณิชย์ (Commercial implements)ในราวต้น 1980s • ตัวอย่าง ORACLE, SQL/DS system on the MVS OS by IBM • ที่นิยมใช้กันในปัจจุบันCurrent Popular RDBMS • DB2 and Informix Dynamic Server (IBM) • Oracle and Rdb (Oracle) • SQL server and Access (Microsoft) • MySQL • Etc.

  3. หลักการของโมเดลเชิงสัมพันธ์หลักการของโมเดลเชิงสัมพันธ์ • โมเดลเชิงสัมพันธ์นำเสนอฐานข้อมูลว่าประกอบด้วยกลุ่มของรีเลชั่น(collection of relations) หรือ ตารางของค่าข้อมูล (table of value) ที่ประกอบด้วย row และ column • โดยที่แต่ละ row ในตารางแสดงถึงค่าข้อมูลที่สัมพันธ์กัน • แต่ละคอลัมน์จะแสดงคุณสมบัติของข้อมูล (จะมีโดเมนที่เหมือนกัน) • ชื่อของตาราง และชื่อของคอลัมน์ ถูกใช้ในการสื่อถึงค่าของข้อมูลแต่ละแถวที่ปรากฏในตาราง • ตัวอย่างเช่น ตาราง student ประกอบด้วยคอลัมน์ ID FName, LName, Tel, BDate และ GPA

  4. Attributes/Column Relation Name / table Name Tuple /Row DEGREE Example Student

  5. หลักการของโมเดลเชิงสัมพันธ์หลักการของโมเดลเชิงสัมพันธ์ • โมเดลเชิงสัมพันธ์นำเสนอฐานข้อมูลเหมือนประกอบด้วยกลุ่มของรีเลชั่น(collection of relations) • Informal • แต่ละรีเลชั่นคือตารางของค่าข้อมูล • ตัวอย่างเช่น • Thought of as table of Values • Each Row represent a collection of related data values • Table Name, Column Names help in interpreting the meaning of the values in each row • All values in the same Column are of the same data type

  6. Formal relational terminology • ตาราง (Table)ถูกเรียกว่ารีเลชั่น(Relation) • แถว (row)ถูกเรียกว่าทัพเปิล (tuple) • (หัว)คอลัมน์(Columnheader)ถูกเรียกว่า แอตตริบิว(Attribute) • ดีกรี (Degree) คือจำนวนของคอลัมน์ • ชนิดของข้อมูล(data type)เป็นตัวอธิบายชนิดของค่าที่สามารถปรากฏในคอลัมน์ถูกนำเสนอโดยโดเมน(Domain) ของค่าที่เป็นไปได้

  7. Domains, attributes, Tuples, และ Relations • โดเมน Dคือขอบเขตหรือกรอบค่าที่เป็นไปได้ของข้อมูล • วิธีที่ใช้ในการกำหนดโดเมนคือ • กำหนดชนิดของข้อมูล (data type)โดยดูจากค่าของข้อมูล(data values forming) • กำหนดชื่อสำหรับโดเมน • ตัวอย่าง (Example) • เบอร์โทรศัพท์ (Tel) : เป็นเชตของเลข 9 หลัก (9digit phone number)ที่ใช้ได้ในประเทศไทย • รหัสนักศึกษา (ID) : เป็นเชตของเลข 10 หลัก • ชื่อ (FName) : เป็นเชตของอักษร(Character string)เพื่อใช้สำหรับเก็บชื่อ และต้องมีความยาวไม่เกิน 10 ตัวอักษร • นามสกุล (SName) : เป็นเช็ตของอักษร(Character string)เพื่อใช้สำหรับเก็บชื่อสกุล และต้องมีความยาวไม่เกิน 10 ตัวอักษร • เกรดเฉลี่ย (GPA) : ค่าเกรดเฉลี่ยที่เป็นไปได้ ดังนั้นต้องเป็นเลขจำนวนจริงมีค่าระหว่าง 0 ถึง 4. • วันเกิด (Birthdates) : วันเกิดของนักศึกษา รูปแบบเป็น วัน-เดือน-ปี

  8. M or F 0 - 4 Example Student

  9. ในการกำหนดโดเมนให้กับข้อมูล ข้อมูลต้องเป็น atomic • ต้องไม่ขึ้นกับข้อมูลอื่น • ต้องเป็นข้อมูลประเภทเดียวกัน

  10. Relation Schema • Relation Rหรือ รีเลชั่นชื่อ R ที่ประกอบด้วยแอตตริบิว A1,A2,…,An, โดยที่แสดงในรูปแบบดังนี้คือ • R(A1,A2,…,An) • โดยที่แต่ละแอตตริวบิวAiคือชื่อของ a role ที่มีโดเมน D เหมือนกันในรีเลชั่น R • Dถูกเรียกว่าโดเมนของ Ai (domain of Ai) และมีรูปแบบในการนำเสนอคือdom(Ai) • โครงสร้างของรีเลชั่น(relation schema)ถูกใช้ในการอธิบายรีเลชั่นR โดยที่ R จะเป็นชื่อของรีเลชั่น • ดีกรี(degree or arity) ของรีเลชั่นคือจำนวนของแอตตริบิว nของโครงสร้างของรีเลชั่น (relation schema)

  11. คุณสมบัติของรีเลชั่น (Characteristics of Relations) • คุณสมบัติของทัฟเปิล • รีเลชั่นอยู่ในรูปแบบของเซตคณิตศาสตร์ ภายในประกอบด้วยเซตของทัฟเปิล ซึ่งมีคุณสมบัตคือ ทัฟเปิลต้องไม่ซ้ำกัน • สมาชิกในเซตไม่มีลำดับที่ ดังนั้น ลำดับที่ของทัฟเปิลไม่มีความสำคัญ • คุณสมบัติของแอตตริบิว • ลำดับที่ของแอตตริบิวไม่มีความสัมคัญ • ข้อมูลในแต่ละแอตตริบิวต้องมีโดเมนเดียวกันหมด • ทุกแอตตริบิวต้องเป็นแบบ atomic value

  12. Multi value Example Stud_code Name Subject_code 470020090-2 Somsak 320111,414101,321102 470020011-4 Somsri 320111,414101,321102 470020015-1 Sompong 320111,321101,321102 470020018-3 Somchay 320111,321101,321102 Problem Difficult to manipulate

  13. Example Stud_code Name Subj1 Subj2 Subj3 470020090-2 Somsak 320111 414101 321102 470020011-4 Somsri 320111 414101 321102 470020015-1 Sompong 320111 321101 321102 470020018-3 Somchay 320111 321101 321102 Problem Difficult to manipulate

  14. Relational Model Notation • รีเลชั่นที่ดีกรีเท่ากับ n ถูกแสดงโดยสัญลักษณ์ต่อไปนี้ • R(A1,A2,…, An) • โดยที่ A1,A2,…, An คือแอตตริบิว • n-tuple ในรีเลชั่น r(R) แสดงโดยสัญลักษณ์ต่อไปนี้ • t = <v1,v2,…,vn>; • โดยที่ viคือค่าที่สอดคล้องกับแอตตริบิว

  15. ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relation databases) • ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์(relational database) • ปกติประกอบด้วยกลุ่มของรีเลชั่น โดยที่แต่ละรีเลชันประกอบด้วยทูเปิลที่มีความสัมพันธ์กันในทางใดทางหนึ่ง • กล่าวได้ว่าเป็นฐานข้อมูลที่ผู้ใช้มองเห็นในรูปของการจัดเก็บบันทึกรีเลชั่นที่มีความสัมพันธ์กันไว้ด้วยกัน • โครงสร้างของฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์(relational databaseschema) • S คือเซตของโครงสร้างของรีเลชั่น (set of relation schemas) • S = {R1,R2,…, Rm} และ • เซตของความคงสภาพ(set of integrity)

  16. รายละเอียดของโครงสร้างเชิงสัมพันธ์ได้ถูกนิยามไว้ในรีเลชั่นนัลโมเดลรายละเอียดของโครงสร้างเชิงสัมพันธ์ได้ถูกนิยามไว้ในรีเลชั่นนัลโมเดล • Codd กล่าวถึงฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ไว้ 3 คือ • Data Structure ส่วนที่กล่าวถึงโครงสร้างของฐานข้อมูล • Data Integrity กฏเกณท์ในการควบคุมความถูกต้องของข้อมูลในฐานข้อมูล • Data Manipulation ปฏิบัติการต่างๆที่เกิดขึ้นกับฐานข้อมูล

  17. ตัวอย่างของฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ตัวอย่างของฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ FACULTY (FCODE, Fname, Tel, Fax) DEPARTMENT (FCode, DCode, Dname, Tel) STUDENT(SID, Fname, SName, BDate, Sex, TCODE) TEACHER (TCODE, TName, Address, FCode, DCode) SUBJECT (SCODE , SNAME, CREDIT, EDESC, TDESC) REGISTRATION( SID, SCODE, YEAR, SEMESTER, GRADE)

More Related