1 / 48

วิชา สศ 4 02 โภชนศาสตร์และการให้อาหารโค

วิชา สศ 4 02 โภชนศาสตร์และการให้อาหารโค. บทที่ 9 การจัดการให้อาหารโค. ในบทนี้นักศึกษาจะได้เรียนรู้ถึงการจัดการในการให้อาหารโคในระยะต่างๆของการเจริญเติบโต เพื่อให้ได้รับโภชนะตามต้องการ เทคนิคในการให้อาหารในระยะต่างๆ การประมาณปริมาณอาหารที่ใช้ในฟาร์มและการคำนวณสูตรอาหารเบื้องต้น.

kaori
Download Presentation

วิชา สศ 4 02 โภชนศาสตร์และการให้อาหารโค

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. วิชา สศ 402โภชนศาสตร์และการให้อาหารโค

  2. บทที่ 9การจัดการให้อาหารโค ในบทนี้นักศึกษาจะได้เรียนรู้ถึงการจัดการในการให้อาหารโคในระยะต่างๆของการเจริญเติบโต เพื่อให้ได้รับโภชนะตามต้องการ เทคนิคในการให้อาหารในระยะต่างๆ การประมาณปริมาณอาหารที่ใช้ในฟาร์มและการคำนวณสูตรอาหารเบื้องต้น

  3. ให้อาหารลูกโคแรกเกิดทำอย่างไรให้อาหารลูกโคแรกเกิดทำอย่างไร ลูกโคแรกเกิด: ต้องกินนมน้ำเหลืองภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด • เนื่องจาก: จะมีค่าเฉลี่ยโปรตีน ไขมัน วัตถุแห้ง ไวตามินและแร่ธาตุสูงกว่าน้ำนมปกติ และมีภูมิคุ้มกันโรค (immunoglobulins) สูง เช่น immunoglobulin G (IgG) • ภูมิคุ้มกันโรค :ป้องกันการติดเชื้อต่างๆ โดยเฉพาะเชื้อโรคติดต่อทางระบบหายใจ และระบบทางเดินอาหาร เช่นปอดบวมและท้องร่วง

  4. ทำไมต้องกินนมน้ำเหลืองภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด • เนื่องจาก : ส่วนประกอบต่างๆในนมน้ำเหลืองจะดูดซึมผ่านผนังลำไส้เข้าไปใช้ประโยชน์ได้โดยตรง โดยไม่ถูกย่อยจากเอนไซม์ :ผนังลำไส้ยังผลิตเอนไซม์ในการย่อยอาหารไม่ได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด ส่วนประกอบในนมน้ำเหลืองจึงดูดซึมไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด :ส่วนประกอบทางโภชนะในนมน้ำเหลืองมีค่าสูงกว่านมสด เช่น โปรตีน ไวตามิน แร่ธาตุ และมีภูมิคุ้มกันโรค

  5. การให้อาหารลูกโคอายุ 4 วันถึงหย่านม • นมน้ำเหลืองให้กิน 8 – 10%ของน้ำหนักตัว ไม่น้อยกว่า 3 วัน • ในทางปฏิบัติ-สอนให้ลูกโคกินนมจากถังแทนการให้จากขวด • นมน้ำเหลืองใช้ไม่หมดควรเก็บรักษา โดยการนำไปแช่แข็ง หรือทำเป็นนมน้ำเหลืองหมัก ใช้เลี้ยงลูกโคตัวอื่นได้

  6. การให้อาหารลูกโคอายุ 4 วันถึงหย่านม 1. ให้อาหารแทนนม (milk replacer) 10 %ของน้ำหนักตัว อาหารแทนนมควรมีโปรตีน 20-22% และไขมันระหว่าง 10-20% 2. ให้อาหารข้นสำหรับลูกโค (calf starter) 3. ให้หญ้าแห้งหรือหญ้าสดที่มีคุณภาพให้ลูกโคหัดกิน หญ้าแห้งดีกว่าหญ้าสด: เร่งการกระตุ้นการพัฒนาของกระเพาะรูเมน : ป้องกันไม่ให้มีการถ่ายมูลเหลว (ท้องเสีย)

  7. มีหลักเกณฑ์ในการเลือกอาหารแทนนมอย่างไรมีหลักเกณฑ์ในการเลือกอาหารแทนนมอย่างไร : ดูแหล่งโปรตีน ควรเป็นโปรตีนจากนมหรือผลิตภัณฑ์นม เช่นหางนม (dried skim milk) หางเนย (dried whey) โปรตีนเข้มข้นจากหางเนย (whey protein concentrate) และ เคซีน (casein) : แหล่งโปรตีนจากถั่วเหลือง เช่นแป้งถั่วเหลืองใช้เป็นส่วนผสมในอาหารแทนนมได้ แต่ไม่ควรใช้ในส่วนผสมเกิน 50 %ของโปรตีนในนม • ในระยะลูกโคเล็กไม่มีเอนไซม์ย่อยโปรตีนจากถั่วเหลือง

  8. อาหารข้นลูกโคควรมีลักษณะอย่างไรอาหารข้นลูกโคควรมีลักษณะอย่างไร : เป็นอาหารเม็ด : มีความน่ากินสูง : มีค่าโภชนะที่ย่อยได้สูงกว่า 70% : มีค่าโปรตีนเฉลี่ย 18 -20 % และไขมันไม่ต่ำกว่า 3% หลักการให้อาหารข้นลูกโค • ใส่ในถังอาหารให้กินอิสระตลอดเวลา • อาหารข้นควรเปลี่ยนใหม่ทุกวัน • ไม่ให้อาหารเปียก หรือเป็นเชื้อรา

  9. วิธีการสอนให้ลูกโคกินอาหารข้นและอาหารหยาบวิธีการสอนให้ลูกโคกินอาหารข้นและอาหารหยาบ • ใช้มือกำอาหารข้นเล็กน้อยใส่ปากให้ทดลองกิน • ทาอาหารข้นไว้ที่บริเวณรอบปากหลังจากลูกโคกินนมเสร็จใหม่ๆ ผลของอาหารข้นที่กิน - จุลินทรีย์จะย่อย ได้กรดไขมันที่ระเหยง่าย เกี่ยวข้องกับการพัฒนาของ papillae และขนาดกระเพาะรูเมน • อาหารหยาบ: ใช้หญ้าที่ทำเป็นก้อนเล็กๆใส่ปากให้หัดกินเอง

  10. ทำไมต้องหย่านมลูกโค การหย่านมลูกโค คือ การหยุดให้ลูกโคกินนม ให้กินแต่หญ้าและเสริมอาหารข้น วิธีการ : หยุดให้นมทันที หรือ ลดลงวันละ 0.5 กก. จุดประสงค์ของการหย่านม - กระเพาะรูเมนจะทำงานได้เต็มที่ - สัตว์เคี้ยวเอื้องต้องกินหญ้าเป็นอาหารหลัก - ประหยัดค่าอาหาร

  11. เมื่อใดควรหย่านมลูกโคเมื่อใดควรหย่านมลูกโค เกษตรกรสามารถที่จะหย่านมลูกโคได้ : เมื่อลูกโคกินอาหารข้นได้ไม่ต่ำกว่า 700 – 1,000 กรัมต่อวัน เป็นเวลาติดต่อกันนาน 5-7 วัน : กินหญ้าสดได้ไม่ต่ำกว่า 3 กิโลกรัม : หรือกินหญ้าแห้งได้ไม่ต่ำกว่า 0.5 กิโลกรัมต่อวัน • ทั้งนี้ในขณะหย่านมลูกโคควรมีสุขภาพแข็งแรงด้วย

  12. หลังหย่านมลูกโคควรให้อาหารอย่างไรหลังหย่านมลูกโคควรให้อาหารอย่างไร • ให้อาหารข้นประมาณ 2.0 กิโลกรัมต่อวัน • อาหารหยาบที่มีคุณภาพดี ให้กินอย่างอิสระตลอดเวลา • มีแร่ธาตุเสริมในรูปแร่ธาตุก้อน หรือกระดูกป่นและเกลือ • ไม่ควรให้อาหารข้นที่มียูเรียเป็นแหล่งโปรตีน หรือให้ฟางหมักยูเรียแก่ลูกโคที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือน เนื่องจากกระเพาะรูเมนยังพัฒนาไม่เต็มที่ • กระเพาะยังพัฒนาไม่เต็มที่ให้ยูเรียโคอาจตายได้ง่าย

  13. การเลี้ยงโคอายุ 6 เดือนถึง 18 เดือน • : ให้อาหารหยาบกินอย่างเต็มที่ • : มีน้ำสะอาดและแร่ธาตุ ให้กินอิสระตลอดเวลา • : กรณีให้อาหารหยาบมีคุณภาพต่ำ หรือวัสดุเศษเหลือทางการเกษตรควรมีการเสริมไวตามินเอด้วย • อาหารข้นที่ให้มี NPN เสริมได้ อาหารข้นควรมีโปรตีนเฉลี่ย 15 % การเลี้ยงโคสาวในคอกแบบขังรวม

  14. หลักในการให้อาหารข้นโคท้องแรกหลักในการให้อาหารข้นโคท้องแรก • : ใช้ body score ในการเพิ่มหรือลดปริมาณอาหารข้น • :ให้อาหารหยาบกินเต็มที่ • : 2 เดือนก่อนคลอด แยกโคไปรวมฝูงกับแม่โครีดนม เพื่อฝึกโคให้คุ้นเคยกับการรีดนม • ระยะ 2 เดือนก่อนคลอดลูกโคในท้องเจริญเติบโตเร็ว จึงควรดูแลเป็นพิเศษ โคควรได้รับอาหารที่มีความเข้มข้นของโภชนะสูงขึ้นกว่าในระยะโคสาวหรือตั้งท้องระยะแรก

  15. การให้อาหารโคในระยะรีดนมการให้อาหารโคในระยะรีดนม แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มคือ 1.ระยะแรกของการให้นม (หลังคลอด - ให้นม 100 วัน) : ให้อาหารหยาบคุณภาพดีกินอย่างเต็มที่ : อาหารข้นโปรตีน 16 % ไม่ควรให้เพิ่มทันทีหลังคลอด แต่ค่อยๆเพิ่มให้แก่โคทีละน้อยไม่เกิน 0.5 – 1.0 กิโลกรัมต่อวัน ระยะนี้เป็นระยะที่โคต้องนำโภชนะที่สะสมในร่างกายมาใช้เป็นพลังงานในการสร้างน้ำนม การนำโภชนะที่สะสมมาใช้เป็นพลังงาน

  16. การให้อาหารระยะให้นม 100 – 200 วัน 2. ระยะให้นม 100 – 200 วัน (ผ่านระยะการให้นมสูงสุดมาแล้ว) - การให้นมอยู่ในสภาพคงที่ระยะหนึ่งก่อนแล้วจึงเริ่มที่จะลดลง - เป็นระยะที่ตัวอ่อนเริ่มมีการพัฒนาอีกครั้งหนึ่ง • การให้อาหาร:ให้อาหารหยาบที่มีคุณภาพให้กินเต็มที่ : ปริมาณอาหารข้นที่ให้ ควรลดลงจากระยะหลังคลอด หรือให้อาหารตามปริมาณการให้นม

  17. ให้อาหารในระยะให้นม 200 – 305 วัน 3. ระยะให้นม 200 – 305 วัน • ระยะนี้ปริมาณน้ำนมที่ผลิตลดลง • ลูกโคเจริญเติบโตเพิ่มขึ้น • แม่โคจึงมีความต้องการอาหารเพื่อการเจริญเติบโต (กรณีโคท้องแรก) เพื่อดำรงชีพ เพื่อให้นม และเพื่อการเติบโตของลูกในท้อง การให้อาหาร: อาหารหยาบควรเป็นอาหารที่มีคุณภาพ : ให้อาหารข้นให้ตามปริมาณการให้นม เช่นเดียวกับในระยะให้นม 100-200 วัน โปรตีนอาหารข้น 16 %

  18. ระยะโคพักรีดนม(โคดราย)ระยะโคพักรีดนม(โคดราย) 4. ระยะโคพักรีดนม(โคดราย) : เป็นระยะที่โคมีการสะสมไขมันในร่างกาย : ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอก่อนการให้นมครั้งต่อไป การให้อาหาร:ให้อาหารหยาบ และอาหารข้นอย่างเพียงพอ (อาหารข้นให้ประมาณ 1.0 – 2.0 กิโลกรัมต่อวัน) : ให้ตรวจค่าคะแนนความสมบูรณ์ของร่างกาย ไม่ให้โคอ้วนเกินไป (คะแนนมากกว่า 4) จะมีปัญหาการคลอดยาก

  19. การคำนวณสูตรอาหารและการให้อาหารโคการคำนวณสูตรอาหารและการให้อาหารโค อาหารโค แตกต่างจากอาหารสุกร และสัตว์ปีก เนื่องจากโคมีจุลินทรีย์ในกระเพาะ ที่ช่วยในการย่อยอาหาร จึงแบ่งประเภทของอาหารเป็น 2 ประเภท คือ • อาหารหยาบ และ อาหารข้นที่มีความแตกต่างกันทางองค์ประกอบทางเคมี และลักษณะทางกายภาพอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะปริมาณความชื้นที่มีในอาหาร โดยทั่วไปมีหลักการในการคิดคำนวณหรือการให้อาหาร 3 แบบคือ • As fed basis, air dry basis , dry matter basis

  20. As fed basis, air dry basis , dry matter basis • As fed basis :อาหารที่อยู่ในรูปสด ยังมีความชื้นตามสภาพเป็นจริง • Air dry basis :อาหารที่มีความชื้นเท่ากับสภาพบรรยากาศ • อาหารผ่านการทำให้แห้งมาแล้ว • Dry matter basis :อาหารที่ไม่มีความชื้นอยู่เลย ปริมาณสิ่งแห้งในอาหาร(Dry matter) มีความสำคัญต่อโคมาก เพราะเป็นส่วนที่บอกถึงปริมาณโภชนะที่โคจะได้รับจริงในแต่ละวันว่าเพียงพอหรือไม่

  21. การให้อาหาร • อาจให้ตามปริมาณสิ่งแห้ง หรือให้ตามความต้องการ การให้ตามปริมาณสิ่งแห้งในอาหาร มีคำศัพท์คือ • dry matter intake, DMI = ปริมาณสิ่งแห้งที่กิน • Voluntary feed intake = จำนวนอาหารที่ให้กินโดยที่สัตว์มีกินอย่างอิสระตลอดเวลา • ad libitum feeding =จำนวนอาหารที่ให้กินมากกว่าความต้องการอย่างน้อย 10% ทุกวันมีการเอาอาหารเก่าออกละอาหารใหม่เข้า

  22. การให้ตามความต้องการโภชนะการให้ตามความต้องการโภชนะ • โดยทั่วไปให้ตามมาตรฐาน NRC (National research Council) เป็นระบบของสหรัฐอเมริกา และระบบมาตรฐาน ARC (Agricultural research Council) เป็นระบบของอังกฤษ • มาตรฐานการให้อาหาร คือตารางแสดงจำนวนหรือ ปริมาณโภชนะแต่ละตัวที่จำเป็นสำหรับสัตว์ตามประเภท ชนิดสัตว์ อายุ และเพศ รวมทั้งระยะการให้ผลผลิต

  23. มาตรฐานอาหารสัตว์ • ประเทศไทยไม่มีมาตรฐานของตัวเอง ปกตินิยมใช้มาตรฐานตาม NRC • มีข้อจำกัดคือ ส่วนใหญ่ค่าที่แสดงเป็นค่าเฉลี่ยที่แตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น และเหมาะสมกับบางที่ นอกจากนี้ไม่บอกว่าอาหารมีความน่ากิน และสัตว์จะกินอาหารชนิดนั้นหรือไม่

  24. ทำไมต้องรู้ปริมาณอาหารที่สัตว์กินทำไมต้องรู้ปริมาณอาหารที่สัตว์กิน • - เตรียมอาหารให้โคได้กินตามต้องการ • - นำข้อมูลไปคำนวณเพื่อเตรียมเงินทุน • - เตรียมสถานที่ในการเก็บรักษาอาหาร • - ไม่มีปัญหาเรื่องการขาดอาหาร ที่ทำให้มีผลต่อการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิต • ในแต่ละวันสามารถประมาณปริมาณอาหารที่โคกินในรูปวัตถุแห้งได้โดยคำนวณจากค่าเฉลี่ยน้ำหนักตัว หรืออายุโค

  25. ตัวอย่างคำนวณปริมาณอาหารที่กินตัวอย่างคำนวณปริมาณอาหารที่กิน 1. คิดความต้องการตามน้ำหนักตัว 1.1 การให้อาหารหยาบอย่างเดียว ถ้าโคมีน้ำหนัก 500 กก. กิน 3% น้ำหนักตัว • ปริมาณการกินอาหาร(DM) = 15 kg.DM/ วัน ( 500x3/100) เนื่องจากไม่มีอาหารหยาบที่มีวัตถุแห้ง 100 % จึงต้องรู้เปอร์เซ็นต์ความชื้นในอาหารหยาบที่กิน โดยทั่วไป: อาหารหยาบสดเช่นหญ้าสดมีวัตถุแห้งเฉลี่ย 20 % • ปริมาณหญ้าสดที่โคต้องกินต่อวัน = 75 กก./วัน (15x100/20)

  26. มีสัดส่วนอาหารหยาบและอาหารข้นมีสัดส่วนอาหารหยาบและอาหารข้น 1.2 มีสัดส่วนอาหารข้นและอาหารหยาบ = 1:2 โคมีน้ำหนักตัว 500 กก.กินอาหาร 3% น้ำหนักตัว เป็นอาหารข้น 5kg.DM( 1x500/100) อาหารหยาบ 10 kg.DM (2x500/100) คิดเป็นอาหารข้น = 5.56 กก. ( 5x100/90) เป็นอาหารหยาบ = 50กก.(10x100/20)

  27. 2. กรณีลูกโคก่อนหย่านม ให้ลูกโคกินอาหารแทนนมวันละ 4 กก. มีระยะหย่านม 90 วัน • อาหารแทนนมที่ต้องใช้เลี้ยง= 360 กก. คิดเป็นอาหารแทนนม 40 กก. (อัตราส่วน 1:8 คิดเป็น 360/9 ) • ให้อาหารหยาบ และอาหารข้นอย่างละ 1 % น้ำหนักตัว ถ้าลูกโคมีน้ำหนักตัว 50 กก. • ต้องให้อาหารข้น และ อาหารหยาบ อย่างละ 0.5 กก.ต่อวัน(DM) ลูกโคก่อนหย่านม ให้กินอาหารแทนนม, อาหารข้นลูกโค, อาหารหยาบ

  28. คำนวณอาหารลูกโค(ต่อ) • คิดเป็นอาหารข้นลูกโค 0.55 กก./วัน • คิดเป็นหญ้าแห้งที่ต้องให้ลูกโคกินต่อวัน 0.55 กก./วัน • สามารถคำนวณปริมาณหญ้าแห้ง และอาหารข้นที่ใช้เลี้ยงลูกโคจากแรก เกิดจนกระทั่งหย่านมเป็นเวลา 90 วัน ต้องใช้หญ้าแห้ง และอาหารข้น อย่างละ = 49.5 กก.( 0.55x90) อาหารแทนนมที่ใช้ = 40 กก.

  29. รูปแบบในการให้อาหารโครูปแบบในการให้อาหารโค การให้อาหารโคแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ 1.แบบให้อาหารหยาบแยกจากอาหารข้น ซึ่งเป็นวิธีที่เกษตรกรนิยมใช้ 2.แบบอาหารหยาบผสมรวมกับอาหารข้น (total mixed ration, TMR หรือ complete feeding) • ทราบรูปแบบการให้อาหารช่วยให้คำนวณสูตรอาหารได้ถูกต้องตามความต้องการ

  30. การคำนวณสูตรอาหารต้องรู้อะไรบ้างการคำนวณสูตรอาหารต้องรู้อะไรบ้าง • ต้องทราบความต้องการโภชนะต่อวันต่อตัวของสัตว์แต่ละชนิด อายุ ระยะการเจริญเติบโต ใช้ตารางมาตราฐานตาม NRC (national research council) หรือ แบบ ARC ( agricultural research council) • ทราบชนิดวัตถุดิบอาหารสัตว์และองค์ประกอบทางเคมี ที่ใช้ • ทราบวิธีการในการคำนวณสูตรอาหาร

  31. วิธีการในการคำนวณสูตรอาหารวิธีการในการคำนวณสูตรอาหาร • การคำนวนโดยใช้หลักพีชคณิต เป็นการตั้งสมการ • การคำนวนด้วยวิธีใช้รูปสี่เหลี่ยม • การใช้ตารางคำนวนแบบลองผิดลองถูก • การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ excel

  32. การย่อยในกระเพาะรวม • ตัวอย่างที่ 1 ผสมอาหาร 100 กก. ให้มีโปรตีน16 % ใช้รำละเอียด (RB) และกากถั่วเหลือง (SBM) เป็นส่วนประกอบปริมาณเท่าใด กำหนดให้ : รำละเอียดมีโปรตีน 10% และกากถั่วเหลืองมีโปรตีน 45% • ใช้วิธีคณิตศาสตร์ ให้ใช้กากถั่วเหลือง = X กก. ในอาหาร 100 กก. รำละเอียดต้องใช้ = 100 – X กก. • จากโจทย์ :ในอาหาร 100 กก. ต้องการโปรตีน 16 % หรือ 16 กก.

  33. คำนวณสูตรอาหารใช้วัตถุดิบ 2 ชนิด(ต่อ) • โปรตีนของ SBM + RB = 16 • 0.45X + ( 100 – X ) ( 0.10 ) = 16 • 0.45X + 10 - 0.10X = 16 • 0.45X - 0.10X = 6 • 0.35X = 6 • X = 17.14 • ต้องใช้ กากถั่วเหลือง = 17.14 กก. • และใช้รำละเอียด 100 - 17.14 = 82.86 กก.

  34. การคำนวณแบบ Pearson’s square ขั้นตอน: • กำหนดรูปสี่เหลี่ยมลากเส้นทแยงมุม • ใส่ค่าโปรตีนในวัตถุดิบที่มุมด้านซ้ายของสี่เหลี่ยม • ใส่ค่าโปรตีนที่ต้องการตรงกลางรูปสี่เหลี่ยม • ลบตัวเลขตามเส้นทแยงมุม ให้ใช้ค่ามากเป็นตัวตั้ง

  35. การคำนวณแบบ Pearson’s square • 5.ค่าที่ได้ที่มุมบนขวาคือสัดส่วนของวัตถุดิบที่มุมบนซ้าย • 6.ค่าที่ได้ที่มุมลางขวาคือค่าวัตถุดิบที่มุมล่างซ้าย • 7.รวมตัวเลขทางขวามือคือสัดส่วนทั้งหมดในอาหารผสม • 8.เทียบสัดส่วนเป็นร้อยละ รำละเอียด 1029 กากถั่วเหลือง 456 35 • คิดเป็นกากถั่วเหลือง =17.14 และรำละเอียด =82.86 กก. สัดส่วนของรำละเอียด 16 สัดส่วนของกากถั่วเหลือง สัดส่วนของอาหารผสม

  36. การทำตารางตรวจสอบผล

  37. ใช้วัตถุดิบ >2 ชนิดและกำหนดปริมาณวัตถุดิบบางชนิด ตัวอย่างที่ 2 ผสมอาหาร 100 กก. ให้มีโปรตีน 16 % ใช้หญ้าแห้งบด 20 กก. ข้าวโพดป่น 10 กก. ไวตามินและแร่ธาตุรวม 5 กก. จะต้องใช้รำสกัดน้ำมัน (RM) และกากถั่วเหลือง (SBM) เท่าใด รำสกัดน้ำมันมีโปรตีน 14% กากถั่วเหลืองมีโปรตีน 45% หญ้าแห้งมีโปรตีน 6% ข้าวโพดป่นมีโปรตีน 10% ไวตามินและแร่ธาตุรวมมีโปรตีน 0% ใช้วิธีคณิตศาสตร์ • ปริมาณรำสกัดฯและกากถั่วเหลือง = 100 – ผลรวมของวัตถุดิบที่กำหนด = 100 - ( 20 + 10 + 5 ) = 65 กก.

  38. ใช้วัตถุดิบ >2 ชนิดและกำหนดปริมาณวัตถุดิบบางชนิด • กำหนดให้ กากถั่วเหลือง = X กก. ในอาหาร 65 กก. • ดังนั้น รำสกัดน้ำมัน = 65 – X กก. • โปรตีนที่ต้องการ=16 % • หาโปรตีนในวัตถุดิบที่กำหนดคือ หญ้าแห้งบด+ข้าวโพดป่น+ไวตามินฯ • โปรตีนในวัตถุดิบที่กำหนด =1.2+0.1+0= 1.3 กก. • ต้องการโปรตีนอีก=16-1.3 (14.7) ในอาหารผสมที่มีรำสกัดและกากถั่ว

  39. ใช้วัตถุดิบ >2 ชนิดและกำหนดปริมาณวัตถุดิบบางชนิด • อาหารผสม 65 กก. ต้องมีโปรตีน = 14.7 กก. • 0.45x + (65-x)0.14 = 14.7 • 0.45x+ 9.1- 0.14x = 14.7 • 0.31x = 5.6 • x = 18.06 • กากถั่วเหลือง = 18.06 กก. • รำสกัดน้ำมัน = 65-18.06= 46.94 กก.

  40. ใช้วัตถุดิบ > 2 ชนิดมีการกำหนดปริมาณและสัดส่วน ตัวอย่างที่ 3 ผสมอาหาร 100 กก. ให้มีโปรตีน 14 % ใช้หญ้าแห้งบด 20 กก. รำละเอียดและข้าวโพดป่นในอัตราส่วน 60 : 40 และกากฝ้าย จงหาปริมาณของ รำละเอียด ข้าวโพดป่นและกากฝ้ายในอาหารผสม รำละเอียดมีโปรตีน 12% ข้าวโพดป่นมีโปรตีน 10% หญ้าแห้งมีโปรตีน 8% กากฝ้ายมีโปรตีน 40% ใช้วิธีคณิตศาสตร์ • ส่วนผสมที่มีรำละเอียด+ข้าวโพด +กากฝ้าย = 80 กก.(100-20) • ในอาหาร 80 กก. ถ้ารำละเอียด+ ข้าวโพดป่น (60 : 40) = X กก. กากฝ้าย = 80 – X กก.

  41. ใช้วัตถุดิบ > 2 ชนิดกำหนดปริมาณและสัดส่วน(ต่อ) หญ้าแห้ง +[รำ+ ข้าวโพด(60 : 40)] + กากฝ้าย = โปรตีนในอาหารผสม 20x0.08+ [(0.60X) x 0.12 +(0.40 X) x 0.10] +( 80 – X) x 0.40 = 14 1.6 + [ 0.072X +0.04X ] + 32 - 0.40X = 14 0.288X = 19.60 X = 68.06 ต้องใช้ รำละเอียด+ ข้าวโพดป่น (60 : 40) = 68.06 กก. และกากฝ้าย 80 - 68.06 = 11.94 กก. ปริมาณรำละเอียดในอาหารผสม 68.06 x 0.60 = 40.84 กก. ปริมาณข้าวโพดป่นในอาหารผสม 68.06 x 0.40 = 27.22 กก.

  42. ใช้วัตถุดิบ > 2 ชนิดกำหนดปริมาณและสัดส่วน ใช้วิธี Pearson’s squar หาโปรตีนในหญ้าแห้ง 20 กก.=1.6 กก. (0.08 x 20) ส่วนผสม 80 กก. [รำ+ ข้าวโพด (60 : 40)]+ กากฝ้าย ต้องมีโปรตีน= 12.4 กก.(14 - 1.6) หาโปรตีนรวมในส่วนผสม(รำละเอียด+ ข้าวโพดป่น) จำนวน100 กก. รำละเอียด 60 กก. มีโปรตีน = 7.2 กก. ข้าวโพดป่น 40 กก. มีโปรตีน = 4.0 กก. ส่วนผสมรำละเอียด+ ข้าวโพดป่น 100 กก. มีโปรตีน = 11.2 กก. ในส่วนผสม(รำ+ข้าวโพด+กากฝ้าย) 80 กก.ต้องมีโปรตีน = 12.4 กก. ในส่วนผสม 100 กก. ต้องมีโปรตีน = 15.5 กก.

  43. ใช้วัตถุดิบ > 2 ชนิดกำหนดปริมาณและสัดส่วน (ต่อ) รำ+ข้าวโพด 12.4 24.5 กากฝ้าย 40 4.3 ส่วนผสม 28.8 กก.ใช้กากฝ้าย 4.3 กก.และรำ+ข้าวโพด (60 : 40) =24.5 กก. ส่วนผสม 100 กก. จะใช้กากฝ้าย = 14.93 กก.(4.3x100/28.8) ใช้รำละเอียด+ ข้าวโพดป่น (60 : 40) = 85.07 กก. (100 - 14.93) ในส่วนผสม 80 กก.ต้องใช้กากฝ้าย 14.93 x 80/100 =11.94 กก. เป็นส่วนผสม(รำ+ข้าวโพด) = 68.06 กก. คิดเป็นรำ =68.06x.60=40.84 กก. เป็นข้าวโพดป่น =27.22 กก. 15.5 28.8

  44. คำนวณโภชนะสมดุล 2 กลุ่มใช้วัตถุดิบ >2 ชนิด ตัวอย่างที่ 4 ผสมอาหาร 100 กก. ให้มีโปรตีน 12 % และ TDN 74% โดยใช้หญ้าแห้งบด ข้าวโพดป่น และกากถั่วเหลืองที่มีโปรตีน 8,10, 40% และมี TDN 55, 80,80 %ตามลำดับ จงหาปริมาณของส่วนผสม วิธี Pearson’s square ครั้งที่ 1 หาส่วนผสมที่ 1 โดยใช้วัตถุดิบ 2 ชนิด ให้มีโปรตีน 12% TDN > 74% SBM 40 2 ส่วนผสมที่ 1 จำนวน 30 กก.เป็น กากถั่วเหลือง 2 กก.ข้าวโพด 28 กก. corn 10 28 ส่วนผสมที่ 1 จำนวน 100 กก.เป็นกากถั่วเหลือง 6.67 กก. เป็นข้าวโพด 93.33 กก. 12 30

  45. คำนวณโภชนะสมดุล 2 กลุ่มใช้วัตถุดิบ >2 ชนิด กากถั่วเหลือง 6.67 กก. มี TDN = = 5.34 % (6.67 x 0.80) ข้าวโพดป่น 93.33 กก. มี TDN = = 74.66 % (93.33 x 0.80) รวมส่วนผสมที่ 1 (กากถั่วเหลืองและข้าวโพดป่น) 100 กก. มี TDN = 80.00 % ครั้งที่ 2 หาส่วนผสมที่ 2 โดยใช้วัตถุดิบ 2 ชนิด ให้มีโปรตีน 12% TDN < 74% SBM 40 4 ส่วน 12 Hay 8 28 ส่วน 32 ถ้าส่วนผสม 100 กก. ใช้กากถั่วเหลือง = 12.5 กก. (4 x 100/32 ) มีTDN 10% ใช้หญ้าแห้ง = 87.5 กก.(28x100/32) มีTDN48.13% ในส่วนผสมที่ 2 จำนวน 100 กก. มี TDN = 58.13 %

  46. คำนวณโภชนะสมดุล 2 กลุ่มใช้วัตถุดิบ >2 ชนิด(ต่อ) หาส่วนผสมที่ 3ให้มี TDN >74% โดยใช้ส่วนผสมที่ 1 และ 2 ส่วนผสมที่ 1 มี 80 15.87 ส่วน 74 ส่วนผสมที่ 2 มี 58.13 6 ส่วน ผลรวมส่วน = 21.87 ส่วนผสมที่ 3 จำนวน 21.87 กก. ใช้ส่วนผสมที่ 1 = 15.87 กก. ส่วนผสมที่ 3 100 กก. ใช้ส่วนผสมที่ 1 = 72.57 กก. (15.87 x 100/21.87) ส่วนผสมที่ 1 จำนวน 100 กก. มีกากถั่วเหลือง = 6.67 กก. ส่วนผสมที่ 1 จำนวน 72.57 กก. มีกากถั่วเหลือง = 4.84 กก. (6.67x 0.7257) มีข้าวโพดป่น = 72.57-4.84 = 67.73 กก.

  47. คำนวณโภชนะสมดุล 2 กลุ่มใช้วัตถุดิบ >2 ชนิด(ต่อ) ส่วนผสมที่ 3 จำนวน 21.87 กก. ใช้ส่วนผสมที่ 2 = 6 กก. ส่วนผสมที่ 3 100 กก. ใช้ส่วนผสมที่ 2 = 27.43 กก. (6 x100/ 21.87) ส่วนผามที่ 2 จำนวน 100 กก. มีกากถั่วเหลือง = 12.50 กก. ส่วนผสมที่ 2 จำนวน 27.43 กก. มีกากถั่วเหลือง = 12.50 x .2743 = 3.43 กก. ส่วนผามที่ 2 จำนวน 100 กก. มีหญ้าแห้ง = 87.50 กก. ส่วนผสมที่ 2 จำนวน 27.43 กก. มีหญ้าแห้ง = 87.50 x .2743 = 24.00 กก. ในสูตรอาหารใช้ กากถั่วเหลือง = 3.43+4.84 = 8.27 กก. หญ้าแห้ง = 24.0 กก. ข้าวโพดป่น =67.73 กก.

  48. ตัวอย่างที่ 5 โคขุนมีน้ำหนัก 250 กก. กินหญ้าสดอย่างเต็มที่ ความต้องการโภชนะต่อวัน คือ โปรตีน 0.61 กก./ตัว /วัน และ TDN 3.6 กก./ตัว/วัน กำหนดให้หญ้าสดมีวัตถุแห้ง 24.4% มีโปรตีน 7.38 % ในวัตถุแห้ง และ TDN 50 % ในวัตถุแห้ง จะต้องใช้หญ้าสดเลี้ยงโคในแต่ละวันเป็นจำนวนกี่กิโลกรัม แต่ละวันต้องการ TDN จากหญ้าสด = 3.6 กก. หญ้าสดมี TDN 50 กก. จากวัตถุแห้ง = 100 กก. TDN 3.6 กก. จากวัตถุแห้ง = 7.2กก. วัตถุแห้งในหญ้าสด 24.4 กก. คิดเป็นหญ้าสด= 100 กก. ต้องการวัตถุแห้ง 7.2 กก. คิดเป็นหญ้าสด = 29.51 กก. ในหญ้าสด 29.15 กก. มีโปรตีน = 29.15x0.738 = 0.531 กก. โคกินหญ้าเต็มที่ได้ TDN เพียงพอแต่โปรตีนไม่เพียงพอ ขาด= 0.61-0.531= 0.079 กก. ถ้าต้องการเสริมอาหารข้นโปรตีน 12% จำนวน = 0.658 กก. (0.079x0.12) คิดเป็นอาหารข้น = 0.774 กก.(อาหารข้นมีวัตถุแห้ง 90%)

More Related