1 / 69

การจัดการศูนย์กระจายสินค้า

การจัดการศูนย์กระจายสินค้า. ดร.ระพีพันธ์ ปิตาคะโส. การเลือกทำเลที่ตั้งศูนย์กระจาย. V 1 : potential facilities. Representation as Graph. V 1 : potential facilities. V 2 : customers. Representation as Graph. V 1 : potential facilities. V 2 : customers. A=V 1 xV 2 : material flows.

kamil
Download Presentation

การจัดการศูนย์กระจายสินค้า

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การจัดการศูนย์กระจายสินค้าการจัดการศูนย์กระจายสินค้า ดร.ระพีพันธ์ ปิตาคะโส

  2. การเลือกทำเลที่ตั้งศูนย์กระจายการเลือกทำเลที่ตั้งศูนย์กระจาย

  3. V1: potential facilities Representation as Graph

  4. V1: potential facilities V2: customers Representation as Graph

  5. V1: potential facilities V2: customers A=V1xV2: material flows Representation as Graph

  6. V1: potential facilities V2: customers A=V1xV2: material flows Representation as Graph (indivisible demand)

  7. V1: potential facilities V2: customers A=V1xV2: material flows Representation as Graph (divisible demand)

  8. ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกที่ตั้ง • แรงงานและค่าจ้าง • ตลาดเป้าหมาย • แหล่งทรัพยากร • การขนส่ง • แหล่งพลังงาน • ปัจจัยด้านสังคม • กฎหมาย • สิ่งแวดล้อม • ค่าครองชีพ • อาชญากร • สาธารณูปโภค

  9. ขั้นตอนในการเลือกที่ตั้งขั้นตอนในการเลือกที่ตั้ง • การศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility study) • การศึกษารายละเอียดและศักยภาพของที่ตั้งที่เป็นไปได้ (potential site) • การเปรียบเทียบและตัดสินใจเลือกทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมที่สุดซึ่งสามารถทำได้ 2 วิธี • วิธีเชิงปริมาณ • ใช้ตัวเลขต้นทุนการผลิตต่อหน่วยของแต่ละทำเล และเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายรวมเช่นค่าใช้จ่ายก่อนทำการเปิดค่าที่ดิน ค่าสิ่งก่อสร้าง (setup cost) และใช้วิธีทางคณิตศาสตร์มาทำการแก้ไขปัญหาการตัดสินใจดังกล่าว • วิธีเชิงคุณภาพ • มีเทคนิคในการตัดสินใจเลือกอยู่ 2 ประเภท คือ • จัดลำดับความสำคัญของปัจจัย (Ranking technique) โดยการใช้วิจารณญาณของผู้ประเมินในการจัดลำดับความสำคัญของปัจจัยในการเลือกทำเลที่ตั้งของกิจการ เปรียบเทียบคุณสมบัติของแต่ละปัจจัยกับพื้นที่ แล้วจัดลำดับ • การให้คะแนนปัจจัย (Rating technique) โดยการกำหนดคะแนนความสำคัญของแต่ละปัจจัย และให้คะแนนตามความเหมาะสมของแต่ละทำเล และจากนั้นทำคะแนนรวมแต่ละทำเลมาเปรียบเทียบกัน

  10. Location Factor Rating

  11. Weight*sites

  12. การเลือกทำเลโดยวิธี I*d (Load-distance Tecnique) • เลือกจุด reference ที่เราสนใจจะเปิดเป็นโรงงานหรือ warehouse จุดนี้อาจจะเป็นจุดใด ๆ หรือ เป็นตำแหน่งของเมืองที่เราสนใจ • คำนวณหาค่า d คือ ระยะทางระหว่างแต่ละเมืองที่เราต้องส่งของกับจุดอ้างอิงจุดนั้น • คูณค่า d ด้วย จำนวนประชากรที่มีในแต่ละเมือง ตามตัวอย่างด้านล่างนี้

  13. การคำนวณระยะทางในการขนส่ง • การหา Load-distance (ภาระระยะทางการขนส่ง) (Id) ระยะทางโดยเฉลี่ยของสถานีที่ที่เราจะทำการเลือกที่ตั้งที่มีระยะทางโดยรวมน้อยที่สุด • ระยะทางระหว่างจุดสองจุดเมื่อทราบ coordinate • เมื่อ dABคือระยะทางระหว่างพื้นที่ A และ พื้นที่ B • XAคือ ตำแหน่งของพื้นที่ A บนแกน X • YAคือ ตำแหน่งของพื้นที่ A บนแกน Y • XBคือ ตำแหน่งของพื้นที่ B บนแกน X • YB คือ ตำแหน่งของพื้นที่ B บนแกน Y

  14. Center of gravity Technique • X,Y = coordinate ของจุดที่จะตั้งเป็น warehouse ใหม่ • Xi,Yi =coordinate ของโรงงานในปัจจุบัน • Wi = จำนวนสินค้าที่ส่งจาก XI,Yi

  15. Population-distance • ในการหาจุดที่ดีที่สุดในบรรดาเมืองทั้งหมดเราสามารถเปลี่ยน reference ไปในทุกๆ จุดที่เราสนใจแล้วเลือกจุดที่ให้ค่า ld ต่ำที่สุด • วิธีการที่ 2 หาตำแหน่งที่ดีที่สุดเป็นพิกัด สามารถทำได้โดยการใช้สูตรดังนี้

  16. การวางผังโรงงาน • คือการจัดเตรียม เครื่องมือ เครื่องจักรและสิ่งอำนวยความสะดวกในการผลิตและติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม

  17. การวางผังโรงงานPlant Layout

  18. ทำไมต้องวางผัง ? • ประสิทธิภาพการดำเนินงาน • ความปลอดภัย สภาพแวดล้อมของการทำงาน • การเปลี่ยนแปลงรูปแบบสินค้า(บริการ) • การผลิตสินค้า(บริการ)ชนิดใหม่ • ความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงปริมาณและส่วนผสม ผลิตภัณฑ์ • ความยืดหยุ่นของกระบวนการ เครื่องมือ อุปกรณ์ • กฎหมายและ พรบ.สิ่งแวดล้อม

  19. โรงงานที่มีการวางผังที่ดี จะมีต้นทุนการผลิตต่ำ เพราะ... • ต้องมีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ง่าย • ใช้พื้นที่ให้ก่อประโยชน์สูงสุด • มีความโปร่งใส ถูกสุขลักษณะ และมองเห็นได้ทั่วทั้งโรงงาน • ให้มีการเคลื่อนย้ายน้อยที่สุด ถ้ามีการขนย้ายวัสดุอุปกรณ์และเครื่องจักรต้องดำเนินการง่าย • เคลื่อนย้ายอุปกรณ์สนับสนุน พลังงานได้ง่าย • ต้องมีความปลอดภัย • การเคลื่อนย้ายต้องเป็นทิศทางเดียวกัน ระยะทางต้องสั้นที่สุด มีการประสานงานกันระหว่างหน่วยงาน • มีการประเมินประสิทธิภาพในทุกครั้งที่มีผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่สายการผลิต

  20. การวิจัยตลาด การพยากรณ์ การออกแบบผลิตภัณฑ์ การออกแบบผังภายใน การออกแบบอาคาร สร้างอาคาร จัดหาเครื่องจักร อุปกรณ์ บุคลากร ติดตั้ง ฝึกอบรม ดำเนินการผลิต กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบโรงงาน

  21. การออกแบบผลิตภัณฑ์ • เพื่อการใช้งาน(functional design) e.g. เน้นความทนทาน ประหยัด ความคล่องตัว • เพื่อให้สะดวกต่อการผลิต (ease to produce) e.g. เน้นต้นทุนและเวลาที่ใช้ผลิต • เพื่อความสวยงาม(aesthetic design) e.g. เน้นความสวยงาม มีคุณค่า เพื่อดึงดูดความสนใจ

  22. รูปแบบการวางผังโรงงานรูปแบบการวางผังโรงงาน การวางผังตามผลิตภัณฑ์ (Product Layout) การวางผังตามกระบวนการ (Process Layout) การวางผังแบบคงตำแหน่ง (Fixed-Position Layout) การวางผังแบบเซล (Cellular Layout)

  23. หลักสำคัญพื้นฐานของการวางผังหลักสำคัญพื้นฐานของการวางผัง ความสัมพันธ์ เป็นการจัดหาความสัมพันธ์ของกิจกรรมต่างๆ เนื้อที่ เป็นการพิจารณาเกี่ยวกับเนื้อที่ต่างๆ ของกิจกรรม ทั้งจำนวน ชนิด และรูปร่าง การปรับจัดตำแหน่งที่ตั้ง เป็นการจัดหรือปรับตำแหน่งของกิจกรรมต่างๆ ให้อย่างเหมาะสม

  24. การวางผังตามผลิตภัณฑ์(Product Layout) ตัวอย่างร้านขายอาหาร

  25. การวางผังตามผลิตภัณฑ์(Product Layout) U-shaped production line

  26. ข้อดีของการจัดสายการผลิตแบบผลิตภัณฑ์ข้อดีของการจัดสายการผลิตแบบผลิตภัณฑ์ • 1. ลดเวลาการเตรียมการผลิตได้มาก • 2. สายการผลิตจะมีความสมดุลทำให้ผลิตได้ปริมาณมาก • 3. การควบคุมการทำงานได้โดยสามารถมองเห็นได้ทั้งสายการผลิตทำให้เกิดความชัดเจนด้านผลผลิตและทราบจุดบกพร่องได้ง่าย • 4. ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยจะถูกกว่า • 5. ค่าขนย้ายลำเลียงจะต่ำเนื่องจากมีการขนย้ายที่เป็นลำดับและแน่นอน

  27. ข้อเสียเปรียบของการจัดสายการผลิตแบบผลิตภัณฑ์ข้อเสียเปรียบของการจัดสายการผลิตแบบผลิตภัณฑ์ • 1. ต้นทุนในการลงทุนเครื่องจักร อุปกรณ์จะสูง • 2. ถ้าระบบการสนับสนุนวัตถุดิบไม่ดีไม่สมดุลจะส่งผลกระทบทั้งสายการผลิต • 3. กรณีการผลิตของเสียถ้าไม่สามารถตรวจสอบที่ชัดเจนจะมีความสูญเสียมากเนื่องจากผลิตออกมามากในแต่ละหน่วยเวลา • 4. ไม่มีความยืดหยุ่นในการผลิตหลากหลายผลิตภัณฑ์

  28. การวางผังตามกระบวนการ(Process Layout)

  29. ข้อดีของการจัดสายการผลิตแบบ process layout • 1. มีความยืดหยุ่นสามารถใช้เครื่องจักรได้หลากหลายผลิตภัณฑ์ • 2. เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนผังโรงงานมากนัก • 3. เครื่องจักรสามารถทดแทนกันได้ • 4. การเพิ่มกำลังผลิตและการควบคุมสิ่งบกพร่องสามารถควบคุมได้เฉพาะหน่วยผลิต • 5. การเพิ่มลดเครื่องจักร อุปกรณ์ทำได้สะดวกและต้นทุนไม่สูงมากนัก

  30. ข้อเสียเปรียบของการจัดสายการผลิตแบบ process layout • 1. จัดสมดุลการผลิตได้ยาก • 2. มีงานรอระหว่างกระบวนการผลิตมาก (WIP) • 3. มีการใช้พื้นที่ในการวางผังมากเนื่องจากแต่ละแผนกต้องมีการเตรียมจัดเก็บวัตถุดิบ และเส้นทางเดินและการขนถ่าย • 4. ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยจะสูงเนื่องจากจะเป็นการผลิตแบบสั่งทำเป็นส่วนมาก เป็นลักษณะงานทำเฉพาะตามแบบปริมาณที่น้อย • 5. เวลาในการผลิตไม่เต็มที่เนื่องจากมีการสูญเสียในการเตรียมงานเตรียมเครื่องจักรเพื่อการผลิตบ่อยตามแต่ผลิตภัณฑ์ • 6. การวางแผนและควบคุมการผลิตจะทำได้ยากเนื่องจากมีความหลากหลายทั้งผลิตภัณฑ์ เครื่องจักร วัตถุดิบ และการส่งมอบ

  31. การวางผังโรงงานแบบงานอยู่กับที่การวางผังโรงงานแบบงานอยู่กับที่

  32. การวางผังการผลิตแบบนี้ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจะมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ ไม่สะดวกในการเคลื่อนย้ายผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องบิน เรือเดินสมุทร การก่อสร้างเขื่อน การก่อสร้างอาคาร ภายหลังการผลิตแล้วเสร็จ ผลิตภัณฑ์ส่วนมากมักจะอยู่กับที่ หรือถ้ามีการเคลื่อนย้ายจะค่อนข้างลำบาก • การวางผังลักษณะนี้จะทำการวางผังโดยการให้ชิ้นงานที่จะผลิตอยู่กับที่หรือผลิตส่วนงานชิ้นย่อย ๆ เป็นลักษณะชิ้นส่วนสำคัญจากภายนอกนำเข้ามาประกอบ โดยเคลื่อน แรงงาน วัตถุดิบ อุปกรณ์ เครื่องจักร พลังงาน และกรรมวิธีเข้าไปหา ตัวอย่างเช่น ในอดีตการก่อสร้างสะพานลอยคนเดินข้าม หรือสะพานลอยของรถ จะมีการนำเอาปัจจัยการผลิตต่าง ๆ วัตถุดิบ เครื่องผสมปูนซีเมนต์ เหล็กเส้น แรงงาน ปูนซีเมนต์ ไม้แบบ รถขุดเจาะ เสาเข็ม เข้าไปในพื้นที่ที่จะสร้าง เพื่อผ่านกระบวนการสร้างเป็นให้เป็นสะพานลอยอย่างสมบูรณ์โดยใช้เวลาในการดำเนินการนานนับเดือน ขณะที่ปัจจุบันจะเป็นลักษณะที่ใช้เทคโนโลยีที่ผลิตคานหรือเสาเข็มมาก่อน เสร็จแล้วนำมาประกอบโดยใช้เวลาที่ลดลงกว่าเดิมมาก โดยการจราจรจะมีการติดขัดน้อยลงแต่ได้ผลิตภัณฑ์เหมือนเดิมและมีความรวดเร็วในการผลิตการสร้างมากกว่า

  33. Cellular layout • มีการนำหลักการที่ชิ้นงานลักษณะการผลิตที่ใกล้เคียงกัน มาอยู่ในสายการผลิตเดียวกันโดยยกเว้นขั้นตอนหรือเครื่องจักรบางเครื่องที่ข้ามไป และในบางครั้งอาจมีการข้ามสายการผลิตได้แต่เล็กน้อย ส่งผลให้ลดเวลาในการเตรียมเครื่องจักร ลดพื้นที่การผลิต ลดการขนถ่ายลำเลียงได้มาก ปัจจุบันในหลายโรงงานจะนิยมใช้การวางผังการผลิตแบบผสม

  34. การเลือกกระบวนการ • ความหลากหลาย(Variety) • ความยืดหยุ่น(Flexibility) • ปริมาณที่ต้องการ(Volume )

  35. การคำนวณหาความต้องการกระบวนการการคำนวณหาความต้องการกระบวนการ • จะต้องพยากรณ์ความต้องการแต่ละผลิตภัณฑ์ • จะต้องทราบเวลาที่ใช้ในการผลิตต่อผลิตภัณฑ์ • จะต้องทราบจำนวนชั่วโมง,วันทำงานในหนึ่งปี และจำนวนผลัด

  36. ตัวอย่างการหาจำนวนกระบวนการตัวอย่างการหาจำนวนกระบวนการ โรงงานมีเวลาทำงาน 8 ชม.ต่อผลัด, ทำงาน 250 วัน/ปี ต้องการหาจำนวนของเครื่องจักร ทำงาน 8 ชม.x250 วัน =2000 ชม./ปี จำนวนเครื่องจักรที่ใช้ =5800/2000= 2.9 ~ 3 เครื่อง #

  37. การออกแบบงาน(Job Design) • Technical feasibility: • เกี่ยวกับความสามารถทั้งร่ายกายและจิตใจของแรงงาน • Economic feasibility: • เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ต่ำมีประสิทธิภาพ • Behavioral feasibility: • เกี่ยวกับการสร้างความพึงพอใจในการทำงานให้แก่คนงาน

  38. การขจัดความเบื่อหน่ายในงานการขจัดความเบื่อหน่ายในงาน • การขยายงาน(Job enlargement)เป็นการให้คนเปลี่ยนไปทำงานอื่นในระดับเดียวกัน เป็นการกระจายงานในแนวราบ • การเพิ่มคุณค่าของงาน(Job enrichment)เป็นการเพิ่มความรับผิดชอบ เป็นการสอนการบริหารให้กับคนงานถือว่าเป็นการขยายงานในแนวดิ่ง • การหมุนเวียนงาน(Job rotation)เป็นการเปลี่ยนทักษะของงานใหม่ให้สูงขึ้นกว่าทักษะงานเดิม จะช่วยสร้างความยืดหยุ่นในการทำงาน

  39. การวิเคราะห์วิธีการทำงาน(Methods Analysis) • วิเคราะห์รายละเอียดในแต่ละขั้นตอนของแต่ละงาน • แยกขั้นตอนที่เพิ่มมูลค่ากับไม่เพิ่มมูลค่า • แก้ไขทบทวนขั้นตอนไปสู่การเพิ่มผลผลิต • แก้ไขเอกสารขั้นตอนการปฏิบัติการที่เป็นมาตรฐาน

  40. การศึกษางาน(Study the Job)

  41. สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์งานด้วยผังการไหลสัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์งานด้วยผังการไหล

  42. การเก็บรวบรวมข้อมูล แผนผังลำดับขั้นงาน– โดยมากมีสัญลักษณ์พื้นฐาน 5 แบบดั้งนี้ O การทำงาน • การขนส่ง คงคลังวัสดุ D คงคลังวัสดุชั่วคราว □ตรวจสอบ

More Related