1 / 19

REGULAR EXPRESSION FUNCTION

REGULAR EXPRESSION FUNCTION. REGULAR EXPRESSION FUNCTION. ในภาษา PHP ได้เตรียมฟังก์ชันเพื่อเพิ่มความสามารถในการค้นหาตัวอักษรหรือกลุ่มคำในข้อความ โดยสามารถที่จะกำหนดเงื่อนไข(ตัวเลือก)ในการค้นหาได้ ทั้งนี้ต้องมีความเข้าใจในรูปแบบ และสัญลักษณ์ที่ใช้ในการค้นหา.

kaemon
Download Presentation

REGULAR EXPRESSION FUNCTION

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. REGULAR EXPRESSION FUNCTION

  2. REGULAR EXPRESSION FUNCTION ในภาษา PHP ได้เตรียมฟังก์ชันเพื่อเพิ่มความสามารถในการค้นหาตัวอักษรหรือกลุ่มคำในข้อความ โดยสามารถที่จะกำหนดเงื่อนไข(ตัวเลือก)ในการค้นหาได้ ทั้งนี้ต้องมีความเข้าใจในรูปแบบ และสัญลักษณ์ที่ใช้ในการค้นหา

  3. สัญลักษณ์ที่ใช้กำหนดตัวเลือกสัญลักษณ์ที่ใช้กำหนดตัวเลือก สัญลักษณ์ที่ใช้ในการกำหนดตัวเลือกในการค้นหา ของ Regular Expression . แทนตัวอักษรใดก็ได้ […] ใช้ครอบกลุ่มตัวอักษรหรือกลุ่มของคำที่ต้องการให้มีใน ข้อความ [^…] ใช้ครอบกลุ่มของตัวอักษรหรือกลุ่มของคำที่ไม่ต้องการให้ มีในข้อความ ^ ใช้กำหนดตำแหน่งเริ่มต้นของข้อความ $ ใช้กำหนดตำแหน่งท้ายสุดของข้อความ \<ใช้กำหนดตำแหน่งเริ่มต้นของคำ

  4. สัญลักษณ์ที่ใช้กำหนดตัวเลือก (ต่อ) |> ใช้กำหนดตำแหน่งท้ายสุดของคำ | ใช้เลือกตัวเลือกตัวใดตัวหนึ่งใน(…) (…) ใช้ครอบกลุ่มของตัวอักษรหรือกลุ่มของคำที่ต้องการให้มี ในข้อความ \metacharecter เมื่อเป็นตัวเลือก เช่น . ? + { } | ( )

  5. สัญลักษณ์ที่ใช้แทนตัวอักษรหรือคำสัญลักษณ์ที่ใช้แทนตัวอักษรหรือคำ ? จำนวนที่มีได้ไม่เกินหนึ่งตัวและถ้าไม่มีก็ได้ * จำนวนที่มีเท่าไรก็ได้และถ้าไม่มีก็ได้ + จำนวนที่มีเท่าไรก็ได้แต่อย่างน้อยต้องมีหนึ่งตัว {n} จำนวนที่มีได้อย่างน้อยที่สุดคือ n ตัว {n,} จำนวนที่มีได้อย่างน้อยที่สุดคือ n หรือมากกว่า n ตัว {,m} จำนวนที่มีได้สูงสุดคือ m ตัว {n,m} จำนวนที่มีได้อย่างน้อยสุดคือ n แต่ต้องไม่เกิน m ตัว

  6. ตัวอย่าง “somsak” เป็นการค้นหาคำว่า somsak ในข้อความ “^somsak” เป็นการค้นหาข้อความที่ขึ้นต้นด้วย somsak “sulpin$” เป็นการค้นหาข้อความที่ลงท้ายด้วย somsak “[joe]” เป็นการค้นหาตัวอักษร j หรือ o หรือ e ในข้อความ “^[joe]” เป็นการค้นหาข้อความที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร j หรือ o หรือ e “[^joe]” เป็นการค้นหาข้อความที่ไม่มีตัวอักษร j หรือ o หรือ e “[joe]$” เป็นการค้นหาข้อความที่ลงท้ายด้วยตัวอักษร j หรือ o หรือ e

  7. “\<somsak” เป็นการค้นหาข้อความที่ขึ้นต้นด้วย somsak “\>somsak” เป็นการค้นหาคำในข้อความที่ลงท้ายด้วย somsak “(joe)” เป็นการค้นหาคำว่า joe ในข้อความ “^(jor)” เป็นการค้นหาคำที่ขึ้นต้นด้วย joe “[^(joe)]” เป็นการค้นหาข้อความที่ไม่มีคำว่า joe “(joe)$” เป็นการค้นหาข้อความที่ลงท้ายด้วยคำว่า joe “(somsak|joe)” เป็นการค้นหาคำว่า somsak หรือ joe ในข้อความ “^(somsak|joe)” เป็นการค้นหาข้อความที่ขึ้นต้นด้วย somsak หรือ joe “(somsak|joe)$” เป็นการค้นหาข้อความที่ลงท้ายด้วย somsak หรือ joe “(\.|\?|\+|\\)”เป็นการค้นหาข้อความที่มีตัวอักษร . ? + \

  8. “(\.dot|\what|\+plus)” เป็นการค้นหาข้อความที่มีคำว่า .dot หรือ ?what หรือ +plus “[A-Z]” เป็นการค้นหาตัวอักษร A หรือ B หรือ C ไปจนถึง Z ในข้อความ “[0-9]” เป็นการค้นหาตัวอักษร 0 หรือ 1 หรือ 2 ไปจนถึง 9 ในข้อความ “[A-Z][9-0]” เป็นการค้นหาคำที่มีตัวอักษร A หรือ B หรือ C ไปจนถึง Z เป็นตัวแรก และตัวที่สองต้องเป็นตัวอักษร 0 หรือ 1 หรือ 2 ไปจนถึง 9 ในข้อความ “[A-Z][^0-9]” เป็นการค้นหาคำที่มีตัวอักษร A หรือ B หรือ C ไปจนถึง Z เป็นตัวแรก และตัวที่สองต้องเป็นไม่ใช้ตัวอักษร 0 หรือ 1 หรือ 2 ไปจนถึง 9 ในข้อความ “([0-9]+(\.[0-9]+){3})” เป็นการค้นหาเลข IP (เช่น 192.168.0.1) ในข้อความ “([.]{1,2}([\][0-9a-zA-Z]*)*)” เป็นการค้นหา Path (เช่น ..\home\joe) ในข้อความ “[+-]?[0-9]+(\.[0-9]*)?” เป็นการค้นหาเลขทศนิยม (เช่น –2500.50) ในข้อความ “([0-9]{2}[:][0-9]{2}[:][0-9]{2})” เป็นการค้นหาเวลา (เช่น 10:20:40)ในข้อความ

  9. ฟังก์ชันที่ใช้ใน Regular expression Eregใช้ค้นหาตัวอักษรหรือกลุ่มคำตามที่ได้กำหนดไว้ที่ตัวเลือกหรือเงื่อนไขและการค้นหาจะมีความแตกต่างกันในตัวพิมพ์เล็กกับตัวพิมพ์ใหญ่ คือ A จะไม่เท่ากับ a รูปแบบของคำสั่ง int ereg(string patter,string text);

  10. ตัวอย่าง การใช้ ereg <? $s = “เอกสารของผมเก็บไว้ที่ ..\home\joe ถ้าเพื่อนคนไหนสนใจก็สามารถ copy ได้ครับ”; if(ereg(“home”,$s)) { echo “ในข้อความมีสิ่งที่คุณต้องการ”; } else { echo “ไม่มีสิ่งที่คุณต้องการในข้อความที่ค้นหา”; } flush(); ?> ในข้อความมีสิ่งที่คุณต้องการ

  11. ตัวอย่างที่ 2 <? $s = “เอกสารของผมเก็บไว้ที่ ../home\joe ถ้าเพื่อนคนไหนสนใจก็ สามารถ copy ได้ครับ “; if (ereg(“HOME”,$s)) { echo “ในข้อความมีสิ่งที่คุณต้องการ”; } else { echo “ ไม่มีสิ่งที่คุณต้องการในข้อความที่ค้นหา”; } flush(); ?> ไม่มีสิ่งที่คุณต้องการในข้อความที่ค้นหา

  12. ตัวอย่างที่ 3 <? $s = “เอกสารของผมไว้ที่ ..\home\joe ถ้าเพื่อนคนไหนสนใจก็สามารถ copy ได้ครับ”; if(ereg(“([.]{1,2}([\][0-9a-zA-Z]*)*)”,$s)){ echo “ ในข้อความมีสิ่งที่คุณต้องการ”; } else { echo” ไม่มีสิ่งที่คุณต้องการในข้อความที่ค้นหา”; } flush(); ?> ในข้อความมีสิ่งที่คุณต้องการ

  13. Ereg_replace ใช้ค้นหาตัวอักษรหรือกลุ่มของคำเหมือนกับฟังก์ชัน ereg() แต่ ereg_replace มีการเปลี่ยนตัวอักษรหรือกลุ่มคำที่พบในข้อความนั้นเป็นตัวอักษรหรือกลุ่มคำใหม่ รูปแบบของคำสั่ง string ereg_replace(string pattern, string replace,string text);

  14. ตัวอย่างการใช้Ereg_replace <? $s = “ เอกสารของผมเก็บไว้ที่ ..\home\joe ถ้าเพื่อนคนไหนสนใจก็สามารถ copy ได้ครับ”; echo “ ข้อความก่อนใช้ฟังก์ชัน ereg_place<br>”; echo” => $s<br>”; echo “ข้อความหลังใช้ฟังก์ชัน ereg_place<br>”; echo “=>”.ereg_replace(“home”,”home_replace”,$s); flush(); ?>

  15. Ereg_replace (ต่อ) ผลลัพธ์ของโปรแกรม ข้อความก่อนใช้ฟังก์ชัน ereg_place ==> เอกสารของผมเก็บไว้ที่ ..\home\joe ถ้าเพื่อนคนไหนสนใจ ก็สามารถ copy ได้ครับ ข้อความหลังใช้ ฟังก์ชัน ereg_place ==>เอกสารของผมเก็บไว้ที่ ..\home_replace\joe ถ้าเพื่อนคนไหนสนใจ ก็สามารถ copy ได้ครับ

  16. ตัวอย่าง <? $s = “ เอกสารของผมเก็บไว้ที่ ..\home\joe ถ้าเพื่อนคนไหนสนใจก็สามารถ copy ได้ครับ”; echo “ ข้อความก่อนใช้ฟังก์ชัน ereg_place<br>”; echo “=> $s<br>”; echo “ ข้อความหลังใช้ฟังก์ชัน ereg_place <br>”; echo “=>”.ereg_replace(“[.]{1,2}([\][0-9a-zA-Z]*)*)”, ”..\joe\system”,$s); flush(); ?>

  17. ผลลัพธ์ • ข้อความก่อนใช้ฟังก์ชัน ereg_place => เอกสารของผมเก็บไว้ที่ ..\home\joe ถ้าเพื่อนคนไหนสนใจก็สามารถ copy ได้ครับ • ข้อความหลังใช้ฟังก์ชัน ereg_place => เอกสารของผมเก็บไว้ที่ ..\joe\system ถ้าเพื่อนคนไหนสนใจก็สามารถ copy ได้ครับ

  18. Eregi การทำงานของฟังก์ชัน eregi() จะเหมือนกับฟังก์ชัน ereg() แต่การใช้ฟังก์ชันeregi()ค้นหาตัวอักษรหรือกลุ่มของคำนั้นตัวพิมพ์เล็กกับ ตัวพิมพ์ใหญ่จะมีค่าที่ไม่แตกต่างกัน คือ A จะมีค่าเท่ากับ a

  19. Eregi_replace การทำของฟังก์ชัน eregi_replace() จะเหมือนกับฟังก์ชัน ereg_replace() แต่การค้นหาตัวอักษรหรือกลุ่มของคำนั้นตัวพิมพ์เล็กกับ ตัวพิมพ์ใหญ่จะมีค่าที่ไม่แตกต่างกันคือ A จะมีค่าเท่ากับ a

More Related