1 / 86

อาหารสัตว์ และ การคำนวณสูตรอาหาร

อาหารสัตว์ และ การคำนวณสูตรอาหาร. รศ.ดร.วัชรพงษ์ วัฒนกูล คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. Food, Feed อาหารที่มนุษย์หรือสัตว์กินเข้าไป.

judah-weber
Download Presentation

อาหารสัตว์ และ การคำนวณสูตรอาหาร

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. อาหารสัตว์และการคำนวณสูตรอาหารอาหารสัตว์และการคำนวณสูตรอาหาร รศ.ดร.วัชรพงษ์ วัฒนกูล คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

  2. Food, Feedอาหารที่มนุษย์หรือสัตว์กินเข้าไป • Feed stuffs, Feeding stuffs วัตถุดิบอาหารสัตว์ ที่ได้จากธรรมชาติหรือที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้นเพื่อนำมาเป็นอาหารโดยกรรมวิธีที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์กับสัตว์ • Diet, Ration อาหารที่สัตว์กินทุกๆ วัน • Baby diet อาหารเด็ก • Swine Diet อาหารสุกร • Experimental Diet อาหารทดลอง

  3. Nutrients(โภชนะ) หมายถึงสารเคมีหรือกลุ่มของสารเคมีที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกัน เมื่อสัตว์กินเข้าไปจะช่วยให้ดำรงชีวิตได้อย่างเป็นปกติและเป็นประโยชน์ ได้แก่

  4. ความต้องการโภชนะของสัตว์ เพื่อ 2 ส่วน • 1. เพื่อการดำรงชีพ (Maintenance) • เพียงพอแล้ว จึงนำส่วนที่เหลือไปสร้างผลผลิต • 2. เพื่อให้ผลผลิต (Production) • 2.1 การเจริญเติบโต (Growth) • 2.2 การสืบพันธุ์ (Reproduction) • 2.3 การให้ผลผลิตเช่นนม, ไข่ (Milk, egg Product) • 2.4 การให้แรงงาน (working)

  5. การจำแนกการใช้อาหารในส่วนของพลังงานการจำแนกการใช้อาหารในส่วนของพลังงาน Gross energy (พลังงานทั้งหมดที่สัตว์กินเข้าไป) • Fecal energy (พลังงานในมูล) Digestible energy (พลังงานที่ย่อยได้) • Urinary energy (พลังงานในปัสสาวะ) Metabolizable energy (พลังงานที่ใช้ประโยชน์ได้) • Heat increment (พลังงานความร้อนที่เพิ่มขึ้นจากการใช้อาหาร) Net energy; NE (พลังงานสุทธิ) NEm (maintenance)NEp (production)

  6. การจำแนกการใช้อาหารในส่วนของโปรตีนการจำแนกการใช้อาหารในส่วนของโปรตีน Total Protein intake (โปรตีนทั้งหมดที่สัตว์กินเข้าไป) • Protein in feces from feed (โปรตีนในมูลที่มาจากอาหาร) True Digestible protein (โปรตีนที่ย่อยได้จริง) • Protein in feces from body (โปรตีนในมูลที่มาจากร่างกายสัตว์) Apparent digestible protein (โปรตีนที่ย่อยได้โดยประมาณ) • Urinary protein (โปรตีนในปัสสาวะ) Metabolizable protein Amino acids

  7. การใช้โปรตีนของสัตว์เคี้ยวเอื้องการใช้โปรตีนของสัตว์เคี้ยวเอื้อง • Protein in feedNon protein nitrogen :NPN • NH3 (หมักใน rumen) • Energy + mineral + จุลินทรีย์ • Microbial protein • ย่อยและดูดซึม • Amino acids

  8. ปัจจัยที่มีผลต่อความต้องการโภชนะของสัตว์ปัจจัยที่มีผลต่อความต้องการโภชนะของสัตว์ • 1.ปัจจัยจากตัวสัตว์ • 1.1 ชนิดและประเภทของสัตว์ • เช่นพวกกินเนื้อ ต้องการโปรตีน มากกว่าพวกกินพืช • สัตว์เคี้ยวเอื้องต้องการ วิตามิน B, C และ K น้อยกว่าสัตว์ไม่เคี้ยวเอื้องเพราะสามารถสังเคราะห์บางส่วนเองได้

  9. ปัจจัยจากตัวสัตว์ (ต่อ)1.2 ขนาดและอายุ • การเจริญเติบโตด้านโครงสร้าง (สุกร) การเจริญเติบโตด้านกล้ามเนื้อ การเจริญเติบโตด้านไขมัน 0 20 40 60 80 100 กก.

  10. ปัจจัยจากตัวสัตว์ (ต่อ) 1.3 วงจรชีวิต และสภาวะทางสรีระวิทยาของสัตว์ การให้นม, ไข่, ตั้งท้อง ต้องการโภชนะที่มากขึ้น 1.4 ระดับของผลผลิต 1.5 สุขภาพของสัตว์ 2. ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม อุณหภูมิ, ความชื้น, ความเร็วลม, ความเครียด

  11. 3. ปัจจัยจากอาหาร • 3.1. ส่วนประกอบของอาหาร พลังงานในอาหารสูง ทำให้การกินได้ลดลง 3.2. ความฟ่ามของอาหาร 3.3. รสชาดอาหาร 3.4. รูปแบบของอาหารที่ให้ อัดเม็ด ผง 3.5. ความเป็นพิษของอาหาร

  12. 4. ปัจจัยจากการจัดการ 4.1. วิธีการเลี้ยง ขังคอก ปล่อยแปลง เลี้ยงแบบแออัด 4.2. ความสะอาดของรางน้ำและรางอาหาร 4.3. ความถี่ในการให้อาหารและน้ำ

  13. การจำแนกวัตถุดิบอาหารสัตว์การจำแนกวัตถุดิบอาหารสัตว์ • 1. น้ำ(ความชื้น water) • 2. วัตถุแห้ง (Dry matter) • 2.1 ไขมัน (Ether extract) • 2.2 โปรตีน (Crude protein0 • 2.3 เยื่อใย (Crude fiber) • 2.4 เถ้า (Ash) • 2.5 แป้งรวม (Nitrogen free extract)

  14. ทำการวิเคราะห์หรือแยกออกเพื่อหาสัดส่วนของโภชนะต่าง ในวัตถุดิบอาหารแต่ละชนิด ด้วยวิธีการวิเคราะห์โดยประมาณ หรือ Proximate analysis • 2. เมื่อได้สัดส่วนของโภชนะในวัตถุดิบแต่ละชนิดแล้ว ก็สามารถนำมาหาสัดส่วนของวัตถุดิบหลายตัวที่นำมาประกอบกันเพื่อให้ได้โภชนะต่างๆครบตามความต้องการของสัตว์แต่ละชนิด, อายุ, เพศ, ช่วงการให้ผลผลิต ตลอดจน วิธีการให้

  15. 1. น้ำ(water) • 1.ชั่งน้ำหนักวัตถุดิบอาหาร • 2. อบวัตถุดิบอาหารด้วยความร้อนประมาณ 100 องศาเซลเซียส • 3. ชั่งน้ำหนักวัตถุดิบอาหารหลังอบอีกครั้ง • 4. ส่วนที่หายไปคือ น้ำ สามารถคิดเป็น เปอร์เซ็นต์หรือเป็นสัดส่วนได้ • 5. ส่วนที่เหลือคือ สิ่งแห้ง (Dry matter)

  16. 2.1 ส่วนที่ละลายได้ในอีเธอร์(Etherextract) • 1. ชั่งน้ำหนักวัตถุดิบอาหาร • 2. แช่วัตถุดิบอาหารในอีเธอร์ร้อน ซึ่งมีคุณสมบัติในการสกัดเอาส่วนที่เป็นไขมัน สารเคลือบผิว และคลอโรฟิลล์ในพืชแยกออกมา • 3. นำวัตถุดิบอาหารที่เหลือมาทำให้แห้งด้วยการอบและชั่งน้ำหนัก • 4. ส่วนที่หายไปคือ ส่วนที่ลายได้ในอีเธอร์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไขมัน หาเป็นเปอร์เซ็นต์หรือสัดส่วนได้

  17. 2.2 โปรตีนหยาบ (Crude protein) • ชั่งน้ำหนักวัตถุดิบอาหาร • นำไปกลั่นในกรดซัลฟูริก และให้ส่วนที่ระเหยออกมา(ไนโตเจน) และทำการควบแน่นให้หยดลงมาเก็บไว้ในขวดด่าง • ทำการไตเตรทหาปริมาณไนโตรเจนที่มีอยู่ • โดยมีหลักคิดคือ โปรตีน 100 ส่วน จะมีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบโดยเฉลี่ย 16 ส่วน

  18. 5. ดังนั้นถ้ามีไนโตรเจน 1 ส่วน ก็น่าจะมาจากโปรตีน 100/16= 6.25 ส่วน • 6. ตัวเลข 6.25 จึงเป็นตัวคูณที่นำไปใช้หาสัดส่วนของโปรตีนหยาบในอาหาร • 7. อย่างไรก็ตาม ถ้าวัตถุดิบอาหารนั้นมีไนโตรเจนที่ไม่ใช่องค์ประกอบของโปรตีน(non protein nitrogen; NPN)เช่นปุ๋ยยูเรียที่มีไนโตรเจนประมาณ 46 % • 8. ดังนั้นเมือคำนวณเป็นโปรตีนจะได้ • 46x 6.25 =287%

  19. ข้อควรระวัง • ซึ่งถ้ามีการปลอมปน NPN มาในวัตถุดิบที่มีราคาแพงเช่นปลาป่น ทำให้ผู้ซื้อเข้าใจว่าเป็นปลาป่นคุณภาพดีเพราะมีโปรตีนสูง จึงซื้อในราคาที่แพง • แต่เมื่อนำมาเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะสัตว์ไม่เคี้ยวเอื้อง กลับใช้ประโยชน์ไม่ได้ และอาจเป็นพิษอีกด้วย

  20. 2.3 เยื่อใย (Crude fiber) • 1.ชั่งวัตถุดิบอาหาร • 2. นำไปย่อย และนำไปกรองในผ้าขาว • 3. ส่วนที่เหลือคือ เยื่อใยหยาบ เพราะมีเยื่อใยที่ละลายในน้ำ เช่น เฮไมเซลลูโลสบางส่วนถูกย่อยออกไปก่อน ทำให้ค่าเยื่อใยนี้น้อยกว่าปกติ

  21. 2.4 เถ้า (Ash) • 1. ชั่งวัตถุดิบอาหาร • 2. นำไปเผาด้วยความร้อนสูง • 3. ส่วนที่เหลือคือเถ้า ซึ่งมีสัดส่วนของแร่ธาตุเป็นองค์ประกอบซึ่งจะพิจารณาหาแร่ธาตุสำคัญคือ แคลเซี่ยม และฟอสฟอรัส โดยวิธีการทางเคมีต่อไป

  22. 2.5 แป้งรวม (Nitrogen free extract; NFE)หรือส่วนที่เป็นคาร์โบไฮเดรท • 1. ใช้การคำนวณโดยนำเอาสัดส่วนของ น้ำ, โปรตีนหยาบ, ส่วนที่ละลายในอีเธอร์, เยื่อใยหยาบ และเถ้า ไปลบออกจาก 100 ที่เหลือคือ NFE 2. ถ้าในการวิเคราะห์ได้ส่วนของโภชนะข้างต้นผิดไปไม่ว่ามากกว่าหรือน้อยกว่าความเป็นจริง จะทำให้ได้ สัดส่วนของ NFE ผิดไปด้วย

  23. การประกอบสูตรอาหารให้ตรงกับความต้องการของสัตว์การประกอบสูตรอาหารให้ตรงกับความต้องการของสัตว์ • 1. ต้องรู้ความต้องการอาหารของสัตว์ชนิดนั้นๆ • 2. ต้องรู้องค์ประกอบของวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ • 3. ต้องรู้ข้อจำกัดของวัตถุดิบอาหารที่มีต่อสัตว์ชนิดนั้น • 4. ประกอบแล้วต้องครบถ้วนตามความต้องการของสัตว์ และสัตว์กินได้เต็มที่และมีประสิทธิภาพสูงสุด (high intake and high efficiency) • 5. เมื่อประกอบแล้วต้องมีราคาต่ำ (Least cost)

  24. ความต้องการของสัตว์นั้นๆ ต้องอยู่บนพื้นฐานที่สัตว์กินได้เต็มที่และประสิทธิภาพสูงสุดซึ่งวัดโดย • 1.อัตราการเจริญเติบโตต่อวัน (Average Daily Gain; ADG) • 2. อัตราการกินได้ต่อวัน (Average Daily Intake; ADI หรือ Feed intake; FI) • 3. อัตราการแลกเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำหนักตัว (Feed conversion ratio; FCR) หรือประสิทธิภาพการใช้อาหาร (Feed efficiency; FE)

  25. อัตราการเจริญเติบโตต่อวัน (Average Daily Gain; ADG) • เฉลี่ยแล้วสัตว์โตวันละกี่กรัม หรือ กี่กิโลกรัม • เช่น เริ่มเลี้ยงหมูตัวหนึ่งที่น้ำหนัก 20 กก. เป็นระยะเวลา 40 วัน ทำให้หมูมีน้ำหนักเป็น 50 กก. หมูมีน้ำหนักเพิ่ม 50-20 = 30 กก. ใช้เวลาเลี้ยง 40 วัน ดังนั้นหมูตัวนี้มีอัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ยต่อวัน = 30/40 ADG = 0.75 กก.ต่อวัน หรือ 750 กรัมต่อวัน

  26. 2. อัตราการกินได้ต่อวัน Feed intake; FI • สัตว์กินอาหารได้เฉลี่ยวันละ กี่กรัมหรือกี่กก. • เช่น นำอาหารมาใส่ถังไว้ 100 กก. ให้หมูตัวหนึ่งกิน เป็นเวลา 40 วัน พบว่าเหลืออาหารในถัง 40 กก. • หมูตัวนี้กินอาหารไปทั้งสิ้น 100-40 = 60 กก. • ใช้เวลากิน 40 วัน • ดังนั้นหมูตัวนี้กินอาหารเฉลี่ย วันละ = 60/40 FI= 1.5 กก. ต่อวัน หรือวันละ 1,500 กรัม

  27. 3. อัตราการแลกเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำหนักตัว (Feed conversion ratio; FCR) • สัตว์สามารถเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำหนักตัวได้อย่างไร • ใช้อาหารกี่กิโลกรัมเพื่อเปลี่ยนเป็นน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม • เช่น หมูกินอาหารได้เฉลี่ย วันละ 1.5 กก. และมีอัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ยวันละ 0.75 กก. • ดังนั้นหมูตัวนี้มี FCR = 1.5/0.75 = 2 หรือหมูจะใช้อาหาร 2 กก.เพื่อเปลี่ยนเป็นน้ำหนักตัวได้ 1 กก.

  28. หรือ ถ้าคิดเป็นประสิทธิภาพการใช้อาหาร (Feed efficiency; FE) • สัตว์จะโตวันละกี่กิโลกรัมถ้าได้รับอาหาร 1 กิโลกรัม • หมูกินอาหาร 1.5 กก.โตวันละ 0.75 กก. • ดังนั้นหมูตัวนี้มีประสิทธิภาพการใช้อาหาร (FE) เท่ากับ • 0.75 /1.5 = 0.5 หรือ 50 % • ซึ่งหมายถึง หมูตัวนี้จะมีประสิทธิภาพการใช้อาหาร 50% หรือถ้าได้รับอาหาร 1 กก. จะเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำหนักตัวได้ 0.5 กก.

  29. สรุป • หมูตัวนี้น้ำหนักเริ่มต้น 20 กก. ให้อาหารไว้เริ่มต้น 100 กก. เลี้ยงไป 40 วัน มีน้ำหนักเป็น 50 กก. และเหลืออาหารในถัง 40 กก. • หมูโตขึ้น 50-20 = 30 กก. • กินอาหาร 100- 40 = 60 กก. • ใช้เวลาในการเลี้ยง = 40 วัน • ADG = โต 30กก/ 40 วัน = 0.75 กก.ต่อวัน • FI= กิน 60 กก./ 40 วัน = 1.5 กก. • FCR = กิน 1.5 กก./โต 0.75 กก. = 2 • หรือ FE= โต 0.75 กก./ กิน 1.5 กก.= 0.5 หรือ 50%

  30. ความสัมพันธ์ • FI • ADG FCR • FI = ADG x FCR • ADG = FI / FCR • FCR = FI / ADG

  31. ความต้องการอาหารของสุกรร่น 20-50 กก.

  32. NRC (1988)ได้กำหนดความต้องการอาหาร 1 กิโลกรัมของสุกรรุ่น (20-50 กก.) ต้องประกอบด้วย

  33. ความต้องการอาหารในไก่เนื้อในอาหาร 1 กก.

  34. ดังนั้น เพื่อจะประกอบอาหารแต่ละกิโลกรัมให้มีโภชนะตรงตามความต้องการของสัตว์ • ต้องรู้ส่วนประกอบของโภชนะในวัตถุดิบอาหารแต่ละชนิด เพื่อจะได้เลือกมาเป็นส่วนๆ มารวมกันให้ได้ตามที่ต้องการ

  35. ส่วนประกอบวัตถุดิบอาหารสัตว์ในปลายข้าว จาก National research council (NRC;1988)

  36. ส่วนประกอบวัตถุดิบอาหารสัตว์ แบบย่อ (1)

  37. ส่วนประกอบวัตถุดิบอาหารสัตว์ (2)

  38. ส่วนประกอบวัตถุดิบอาหารสัตว์ (3)

  39. ส่วนประกอบวัตถุดิบอาหารสัตว์ (4)

  40. ส่วนประกอบวัตถุดิบอาหารสัตว์ (5)

  41. เมื่อรู้ความต้องการโภชนะของสัตว์เมื่อรู้ความต้องการโภชนะของสัตว์ • ส่วนประกอบในวัตถุดิบอาหารแต่ละชนิดแล้ว • ยังจำเป็นต้องทราบถึงข้อจำกัดในการใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์แต่ละชนิด เพื่อไม่ให้เกิดการใช้วัตถุดิบนั้นๆ ในอัตราส่วนที่เกินไป ซึ่งอาจเกินความจำเป็น และอาจเป็นอันตรายต่อสัตว์ได้

  42. ข้อจำกัดของวัตถุดิบอาหารบางชนิดข้อจำกัดของวัตถุดิบอาหารบางชนิด

  43. ข้อจำกัดของวัตถุดิบอาหารบางชนิดข้อจำกัดของวัตถุดิบอาหารบางชนิด

  44. การคำนวณสูตรอาหาร • ตัวอย่างเช่น การใช้ • 1.Person’s square method • 2. Double Person’s square method • 3. วิธีการใช้สมการแทนค่า • 4. วิธีการลองผิดลองถูก • 5. การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่น Mixit, หมู หมู ม. อุบล (บน Exel) ฯลฯ

  45. การคำนวณสูตรอาหารอย่างง่ายการคำนวณสูตรอาหารอย่างง่าย • Pearson’s square method • เช่น ถ้าต้องการอาหารสุกรรุ่นที่มีโปรตีน 16 % จำนวน 100 กก. • ต้องใช้กากถั่วเหลืองที่มีโปรตีน 44 % • และข้าวโพดที่มีโปรตีน 9% อย่างละกี่กิโลกรัม

  46. 1.Pearson’ square Method • ข้าวโพด 9.0 28.0 16.0 + • กากถั่วเหลือง44.0 7.0 • 35.0 • ใช้ข้าวโพด 28/35 ส่วน หรือเท่ากับ (28/35) x100=80% • ใช้กากถั่วเหลือง 7/35 ส่วน หรือเท่ากับ (7/35) x100=20%

  47. ตรวจสอบ • ข้าวโพด 80กก.มีโปรตีน 9 % เป็นเนื้อโปรตีน • เท่ากับ (80 x 9) /100 = 7.2 กก. • กากถั่วเหลือง 20 กก.มีโปรตีน 44% เป็นเนื้อโปรตีน • เท่ากับ (20 x 44) /100 = 8.8 กก. • ดังนั้นข้าวโพด 80 กก.รวมกับกากถั่วเหลือง 20 กก. มีเนื้อโปรตีนเท่ากับ 7.2 +8.8 กก. เท่ากับ 16 กก. • หรือ 16% ตามที่สุกรต้องการ

  48. 2. Double Pearson’s square • ถ้าต้องการอาหารสุกรที่มีโปรตีน 16%และมีพลังงาน 3,252DE;kcal/kg

  49. ถ้าต้องการอาหารสุกรที่มีโปรตีน 16%และมีพลังงาน 3,252DE;kcal/kgต้องใช้ Double Pearson’s square

  50. ให้จับคู่วัตถุดิบเพื่อให้เหลือวัตถุดิบแค่ 2 ชุดและหาโปรตีนให้เท่ากัน • ข้าวโพด 9.0 28.0 16.0 + • กากถั่วเหลือง44.0 7.0 • 35.0 • ใช้ข้าวโพด 28/35 ส่วน หรือเท่ากับ (28/35) x100=80% • ใช้กากถั่วเหลือง 7/35 ส่วน หรือเท่ากับ (7/35) x100=20%

More Related