1 / 82

ทฤษฎีและแนวคิดการพัฒนา (Development Theory and Concepts)

ทฤษฎีและแนวคิดการพัฒนา (Development Theory and Concepts). ทฤษฎีและแนวคิด การพึ่งพา. Dependency Theory. Paradigm ( กระบวนทัศน์/แนวคิด). แนวความคิดและทฤษฎีที่พยายามตอบโต้และ ปฏิเสธข้อเสนอหลักของทฤษฎีภาวะทันสมัย อาศัย : - แนวความคิดเศรษฐกิจการเมือง ( Political Economic )

jiro
Download Presentation

ทฤษฎีและแนวคิดการพัฒนา (Development Theory and Concepts)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ทฤษฎีและแนวคิดการพัฒนา(Development Theory and Concepts)

  2. ทฤษฎีและแนวคิดการพึ่งพาทฤษฎีและแนวคิดการพึ่งพา Dependency Theory

  3. Paradigm (กระบวนทัศน์/แนวคิด) • แนวความคิดและทฤษฎีที่พยายามตอบโต้และ • ปฏิเสธข้อเสนอหลักของทฤษฎีภาวะทันสมัย อาศัย : • - แนวความคิดเศรษฐกิจการเมือง (Political • Economic) • - แนวความคิดประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ • (Historical Economy) การปฎิรูปการจัดระบบสังคมใหม่

  4. Paradigm (กระบวนทัศน์/แนวคิด) การพัฒนา : พิจารณาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง รวมถึงวัฒนธรรมและจริยธรรมของแต่ละประเทศ การพัฒนาขึ้นอยู่กับสถานการณ์เงื่อนไขที่แท้จริง Concrete Situations

  5. Paradigm (กระบวนทัศน์/แนวคิด) การพัฒนา : - ภาวะความยากจนของประเทศกลุ่มโลกที่ 3 ไม่ได้มี ตั้งแต่กำเนิดประเทศ แต่ผลจากกระบวนการถูกเอารัดเอา เปรียบและขูดรีด - การจัดหา และส่งทรัพยากรให้ประเทศทุนนิยม อุตสาหกรรมที่เป็นศูนย์กลาง/ประเทศที่พัฒนาแล้ว ภายใต้เงื่อนไขของการแลกเปลี่ยนที่ไม่เท่าเทียมกัน

  6. ที่มาของแนวคิด • 1. ความล้มเหลวของทฤษฎีภาวะทันสมัย • ข้อเสนอหลักทฤษฎีภาวะทันสมัย ถูกพิสูจน์และวิจารณ์ • ตามข้อมูลเชิงประจักษ์ (Empirical Data) • “ตัวแบบการสร้างความเจริญเติบโตจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และ • การบริหารและวัฒนธรรม” • แต่ “ภาวะด้อยพัฒนาก็เห็นอย่างชัดเจน” • ยิ่งพัฒนายิ่งด้อยพัฒนา/การพัฒนาภาวะด้อยพัฒนา (Development of Underdevelopment)

  7. ที่มาของแนวคิด • 2. ความเจริญของประเทศที่พัฒนาแล้ว เกิดจากการขูดรีดประเทศที่ด้อยพัฒนา • ความด้อยพัฒนาของกลุ่มประเทศโลกที่ 3 เกิดจาก • อิทธิพลการขยายตัวและการขูดรีดของระบบการผลิต • และการค้าแบบทุนนิยม ก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียม • กันทางสังคมเกิดขึ้น • 4. บทบาทและอิทธิพลนักสังคมศาสตร์ลาตินอเมริกัน โจมตี • ทฤษฎีภาวะความทันสมัย • - ทฤษฏีภาวะทันสมัยล้มเหลวที่สุด • - นโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมทดแทนนำเข้า ทำให้ • ประเทศพึ่งพาประเทศทุนนิยมตะวันตกมากขึ้น

  8. ความหมายการพึ่งพา(The Meaning of Dependency) “การพึ่งพา”=เงื่อนไขสถานภาพของประเทศกำลัง พัฒนาดำเนินการพัฒนาอุตสาหกรรมทดแทนการนำเข้า สินค้าอุตสาหกรรม(Import-Substituting Industrialization : ISI)โดยพึ่งพาประเทศทุนนิยมตะวันตกอย่างมาก ด้าน : • สินค้าประเภททุน • เทคโนโลยีการผลิต • ผู้เชี่ยวชาญ/ชำนาญการ • เงินลงทุนจากต่างประเทศ • การศึกษา วัฒนธรรมและสังคม ฯลฯ

  9. ความเป็นมา ประสบการณ์จากผลการพัฒนาของกลุ่มประเทศ Latin America ซึ่งทำการพัฒนาไปสู่ความทันสมัย โดยอาศัยความช่วยเหลือจากภายนอกทำให้เกิดเงื่อนไขการพึ่งพา 1. พึ่งพาสินค้าอุตสาหกรรม (วัตถุดิบและอุปกรณ์) สั่งซื้อ/ นำเข้า 2. พึ่งพา Technology สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมของ ในทุกสาขา (ละทิ้งของเดิม) 3. พึ่งพาทุนจากภายนอก ทำให้รูปแบบกระบวนการผลิต และพฤติกรรมการบริโภคต้องเปลี่ยนแปลง

  10. ความเป็นมาแนวคิดและทฤษฎีความเป็นมาแนวคิดและทฤษฎี 4. พึ่งพาเงินทุนต่างๆ เพื่อลงทุน/พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การก่อหนี้ ทำให้ขาดความเป็นตัวของตัวเอง 5. พึ่งพาผู้เชี่ยวชาญภายนอก ทำให้การกำหนดนโยบาย และแผนต่างๆ : ผูกพันกับเงื่อนไขภายนอกอย่างมาก : ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงในประเทศ : ขาดความเป็นอิสระการกำหนดนโยบาย (การคิดค้นและความเชื่อมั่นในภูมิปัญญา)

  11. ความเป็นมาแนวคิดและทฤษฎีความเป็นมาแนวคิดและทฤษฎี 6. พึ่งพาทางวัฒนธรรม สังคม และการเมือง ทำให้สังคม เปลี่ยนแปลง/เลียนแบบต่างชาติ : ขาดคุณลักษณะเฉพาะ/เอกลักษณ์ดั้งเดิมตนเอง : วิถีชีวิตเปลี่ยนแปลง : ขาดความร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของสังคม (ภายใต้ความหลากหลายของอนุวัฒนธรรม) : การแตกสลายของสถาบันครอบครัว ศาสนา การ ศึกษาและการเมือง

  12. ความเป็นมาแนวคิดและทฤษฎีความเป็นมาแนวคิดและทฤษฎี 7. พึ่งพาทางการทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ และความรู้ ทำให้การจัดองค์กรและยุทธศาสตร์ถูกพัฒนาให้ไปใน แนวทางแบบตะวันตก 8. พึงพาจิตสำนึกและจิตวิญญาณแบบพึ่งพา 9. พึงพาความมั่งคงที่ได้ผลจากการพัฒนาตกอยู่กับบุคคล กลุ่มเดียว

  13. ลักษณะการครอบงำภายใต้ภาวะพึ่งพาลักษณะการครอบงำภายใต้ภาวะพึ่งพา ประเทศที่ 3 ด้อยพัฒนา 1. ทางเศรษฐกิจ (Economic) ลงทุนผลิต นายทุนต่างชาติ การค้า ผ่าน บรรษัทข้ามชาติ (Translation Corporation) ร่วมมือประสาน องค์กร/โครงการ รัฐบาล นายทุนในประเทศ

  14. : ยิ่งพัฒนา ยิ่งต้องพึ่งพา : ประเทศโลกที่ 3 พัฒนาตามแนวทางภาวะทันสมัย ทำให้ ต้องพึ่งพาประเทศโลกที่ 1 มากขึ้น • - ไม่มีทุน • - ไม่มีเทคโนโลยี • - ไม่มีความรู้ • - ไม่มีความสามารถ • - ไม่มี… ฯลฯ กลายเป็น “สังคมบริวาร” (Peripheral Society)

  15. W.I P P P P P เกิด Xyphon off P P P P

  16. ผลการครอบงำทางเศรษฐกิจเกิดขึ้น 2 ประการ : 1.1 การผูกขาด ทางการตลาดมีการขยายตัว 1.2 นายทุนในประเทศเติบโตค่อนข้างช้า ส่วนใหญ่ เป็นนายทุนการค้ามากกว่านายทุนอุตสาหกรรม และถูกครอบงำจากนายทุนต่างชาติ โดยตัดสินใจ ดำเนินงานนโยบายการค้าและการผลิตเพื่อ ประโยชน์ตนระยะสั้นมากกว่าระยะยาว

  17. 2. ทางการเมือง (Political) รัฐบาลประเทศด้อยพัฒนาดำเนินนโยบายตามคำ แนะนำของรัฐบาลประเทศทุนนิยมตะวันตก ผ่าน องค์กรความช่วยเหลือระหว่างประเทศ/การทหาร ฯลฯ แทรกแซง

  18. บทบาทและอิทธิพลนักสังคมศาสตร์ลาตินอเมริกันบทบาทและอิทธิพลนักสังคมศาสตร์ลาตินอเมริกัน • แนวความคิดเชิงเศรษฐศาสตร์การเมือง • :ปรับโครงสร้างสังคมและการเมือง/วิเคราะห์ความสัมพันธ์ • เชิงครอบงำและขูดรีด • แนวความคิดเชิงเศรษฐศาสตร์โครงสร้าง • :ลักษณะการแลกเปลี่ยนที่ไม่เป็นธรรมระหว่างประเทศ • อุตสาหกรรมกับประเทศเกษตรกรรม

  19. แนวความคิดของนักทฤษฎีพึ่งพา : ทฤษฎีพึ่งพามีสาขาความคิดแตกออกมากมายและใช้แนวทางวิเคราะห์ทางปรากฏการณ์ประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกัน - Marxists Socialist - Political Economy Capitalist 1) Furnando Henriqe Cardoso 2) Andre’ Gunder Frank 3) Thiotonio Dos Santos

  20. Johan Galtung เสนอแนวคิดเรื่อง Structural Imperialism กล่าวว่า ระบบโครงสร้างสังคมปัจจุบัน ทุกสังคมแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นศูนย์กลาง (Metropolis/Center)คือ กลุ่มที่มี พลัง/อำนาจในการครอบครอง/เป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต ประกอบด้วย เงินทุน เทคโนโลยี ระบบเครือข่าย และการขนส่ง ส่วนที่เป็นบริวาร (Satellite/Periphery)คือ กลุ่มที่อยู่กระจัดกระจายโดยรอบ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลไกการผลิต เป็นกลุ่ม ผู้ใช้แรงงานที่มีความชำนาญและทักษะในการทำงาน มีทรัพยากร

  21. Sattlelite Metropolis ศศ ศบ บศ บบ • บริวารของศูนย์กลาง • (บศ) • ศูนย์กลางของเมืองศูนย์กลาง (ศ ศ) • บริวารของบริวาร (บบ) ศูนย์กลางของเมืองบริวาร (ศบ)

  22. ความสัมพันธ์ลักษณะการเข้าครอบครองความสัมพันธ์ลักษณะการเข้าครอบครอง 1. โครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเมืองศูนย์กลางกับ เมืองบริวาร ศูนย์กลางของเมืองบริวาร • ศูนย์กลางของเมืองศูนย์กลาง • บริวารของบริวาร • บริวารของศูนย์กลาง

  23. 2. กลไกการเข้าควบคุมระบบความสัมพันธ์ 4 (Helge Hveen) 2.1 ศูนย์กลางเมืองศูนย์กลางจะสร้างศูนย์กลางของบริวารขึ้นในประเทศที่กำลังพัฒนา 2.2 ศูนย์กลางของเมืองศูนย์กลางจะเข้าไปควบคุมการบริหารของศูนย์กลางของเมืองบริวาร 2.3 ศูนย์กลางของเมืองศูนย์กลางจะเข้าควบคุมความร่วมมือและการสะสมทุน (เงินรายได้ถูกแบ่งเป็นการสะสมทุนกับการลงทุน) ของศูนย์กลางเมืองบริวาร 2.4 ศูนย์กลางของเมืองศูนย์กลางจะเข้าควบคุมการตัดสินใจของระบบทั้งหมดของศูนย์กลางเมืองบริวาร

  24. นักทฤษฎีกลุ่มก้าวหน้า (Radicals Theory) กลุ่มที่มีแนวคิดอย่างเด่นชัดปฏิเสธความเป็นไปได้ของการแยกประเด็นทางเศรษฐกิจออกจากประเด็นทางสังคม : การเสนอตัวแบบการพัฒนา (Development Model) ของนักเศรษฐศาสตร์ จะไม่เพียงพอต่อการวิเคราะห์ปัญหา และการเสนอทางออกสำหรับสังคมของประเทศที่กำลังพัฒนา การพัฒนาตามแนวคิดความทันสมัยที่กล่าวว่า “ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังพัฒนา จะสำเร็จด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมและเมืองแบบประเทศ ตะวันตก จะส่งผลการพัฒนาให้แพร่กระจายไปทั่วประเทศ” : เป็นข้อเสนอที่ไม่เป็นจริง

  25. Theotonio Dos Santosกล่าวว่า “การพัฒนาแนวพึ่งพา เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจที่มุ่งหวัง การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มีความเชื่อมโยงระหว่างประเทศ ภายใต้กลไกการค้าโลก ซึ่งประเทศที่ด้อยกว่าจะต้องพึ่งพา ประเทศที่เหนือกว่า โดยคาดหวังว่าจะสามารถสร้างความ เจริญเติบโตไปสู่การเลี้ยงตัวเอง

  26. 1. แนวคิดของนักวิชาการในสายยุโรป หรือกลุ่มนักทฤษฎี สถาบันสังคมใหม่ (Neo-institutional Social Theory : NIST) แกนนำ : Myrdal, Seers and Streeten ชี้ว่า • 1) แนวคิดเศรษฐศาสตร์ดั้งเดิม (Neo-Classic) ไม่สามารถใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์เพื่อแก้ไขปัญหาให้เกิดผลดีต่อกลุ่มประเทศโลกที่สาม • ความสำคัญที่แท้จริง จะต้องพิจารณาถึงบริบททางสังคมและสถาบัน (Social and Institutional Context)

  27. 3) จะต้องพิจารณาบริบทของเศรษฐกิจโลก (World • Economic Context) ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการ • กำหนดทิศทางของโลกที่ 3 (ระบบเศรษฐกิจโลกได้ • แบ่งกลุ่มตามระดับการพัฒนาออกเป็น 3 ระดับ • - กลุ่มผลประโยชน์ G.8 • - กลุ่มที่พัฒนาแล้ว • - กลุ่มที่กำลังพัฒนา

  28. 2. แนวคิดของนักวิชาการในสายลาตินอเมริกากลุ่ม2. แนวคิดของนักวิชาการในสายลาตินอเมริกากลุ่ม แกนนำทางความคิดที่สำคัญ คือ Furnondo Henrique Cardoso กลุ่มนี้ชี้ให้เห็นถึง “โครงสร้างของความสัมพันธ์ระหว่างพลังอำนาจและ ภายในประเทศ” : วิเคราะห์ “การขูดรีดและการเอารัดเอาเปรียบที่เกิดขึ้น จากเงื่อนไขของการพึ่งพา” เป็นผลประโยชน์ร่วมกันระหว่าง ชนชั้นที่มีอิทธิพลภายในประเทศกับภายนอกประเทศ

  29. :Dos Santos กล่าวว่า การพึ่งพามีลักษณะเป็นสถานการณ์เชิงเงื่อนไข (Conditioning Situation) กล่าวคือ ระบบเศรษฐกิจของกลุ่ม ประเทศที่กำลังพัฒนาหนึ่งๆ จะอยู่สภาพอย่างไรขึ้นอยู่กับ “การพัฒนาและการขยายตัวของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว” “การพึ่งพาที่อยู่บนพื้นฐานของการแบ่งแยกงานระหว่าง ประเทศ”เป็นผลให้การพัฒนาอุตสาหกรรมเกิดขึ้นเพียงบาง ประเภท และถูกจำกัดให้มีในบางประเทศ คือ ความเจริญ ก้าวหน้าเป็นเงื่อนไขที่ถูกกำหนดโดยประเทศศูนย์กลาง

  30. สำหรับประเทศบริวาร/ประเทศด้อยพัฒนา Samir Amin • สรุปว่า รูปแบบทางสังคมจะมีองค์ประกอบ 4 ประการ คือ • 1) เกษตรกรรมเป็นแกนสำคัญของระบบเศรษฐกิจของ • ประเทศที่กำลังพัฒนา การขยายตัวของทุนนิยมมุ่งเข้า • สู่สังคมเกษตรกรรม ทำให้ต้องสูญเสียและรับผลกระทบ • ที่เกิดขึ้น • 2) การเกิดขึ้นของกลุ่มชนชั้นกลางและนายทุนชาติใน • สังคมที่กำลังพัฒนา ส่วนใหญ่เป็นนายทุนทางการค้า • (Merchantile Capitals) และยังต้องตกอยู่ภายใต้ • อิทธิพลของนายทุนต่างชาติ

  31. 3) การขยายตัวระบบราชการเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางและ • ต่อเนื่อง จนมีอิทธิพลแทรกซึมและครอบงำการดำเนิน • งานสังคมและชุมชนต่างๆ อย่างทั่วถึง • 4) การเกิดขึ้นของชนชั้นกรรมาชีพทั้งในและนอกสังคม • เกษตรกรรม เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่สมบูรณ์หรือไม่ • สามารถทำให้เป็นจริงได้

  32. 3. แนวคิดของนักวิชาการกลุ่มทฤษฎีภาวะด้อยพัฒนา (Underdevelopment Theory) การประมวลทั้ง 2 แนวคิดเข้าด้วยกัน พบว่า บทบาทของ นายทุนการค้าถือเป็นตัวกลางที่สำคัญของการโยกย้ายสินค้า จากประเทศโลกที่ 3 ไปยังประเทศตะวันตก ภายใต้เงื่อนไข การค้าและอัตราแลกเปลี่ยนที่ประเทศทุนนิยมได้เปรียบ : ประเทศทุนนิยมไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมใน กระบวนการผลิต = ไม่ต้องรับผิดชอบ

  33. ปัญหา : - ความแข็งแกร่งของนายทุนการค้าในวิถีการผลิตก่อน ทุนนิยม จนเป็นอุปสรรคขัดขวางการเกิดขึ้นของนายทุน อุตสาหกรรม - ทำให้สภาพทุนนิยมพัฒนาเกิดขึ้นอย่างเชื่องช้า - การสะสมทุนของประเทศทุนนิยมศูนย์กลาง ในประเทศ ที่กำลังพัฒนาจะเป็นไปอย่างจำกัด เว้นแต่จะมีอิทธิพลที่ สามารถเข้าครอบงำโครงสร้างทางการเมืองของประเทศบริวาร ทำให้ประเทศบริวารไม่สามารถพัฒนา/เจริญเติบโตอย่างอิสระ บนลำแข้งของตนเอง

  34. ทฤษฎีและแนวคิดหลัก 1. Marxists School นักคิดกลุ่มทฤษฎีนี้มองการ พัฒนาของทุนนิยมโลก แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.1 Classical Marxistsอธิบายว่า นักเศรษฐศาสตร์ ทุนนิยมกล่าวว่า “เศรษฐกิจแบบทุนนิยม” เป็นระบบของการ แข่งขันอย่างเสรีทั้งรูปแบบการลงทุน การผลิต ค่าจ้างแรงงาน และผู้ประกอบการจะนำผลกำไรขยายงาน การขยายตัวระบบทุนนิยมทำให้เกิดความต้องการ ในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ มีการพัฒนา หรือหาวิธีการ ผลิตและแหล่งตลาดใหม่ๆ

  35. ทฤษฎีและแนวคิดหลัก ข้อเท็จจริง : - ผู้ประกอบการที่มีทุนมากที่สุดจะเป็นผู้อยู่รอด และทำกำไรสูงสุด เพราะการแข่งขันต้องมีผู้แพ้และผู้ชนะ - ผู้ประกอบการหรือคู่แข่งที่มีขนาดเล็กหรือทุนน้อยจะถูก กำจัดออกไปจากระบบเศรษฐกิจ - การดำเนินการจะคำนึงถึงต้นทุนและค่าจ้างแรงงานที่ให้ ต่ำที่สุด สถานการณ์จะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างชนชั้น และ ผลักดันให้สังคมปรับเปลี่ยนไปสู่สังคมแบบสังคมนิยม

  36. แนวคิดเชิง Classical Marxists ฐานความคิดแตกต่างกัน 2 นัย คือ 1.1) แนวคิดของ Karl Marxมองว่า ความคิด เชิงอุดมคติแบบทุนนิยม ไม่ต้องการที่จะแสวงหาดินแดน หรืออาณาจักรอันเป็นบริวาร แม้ว่ารัฐหรือดินแดนเหล่านี้ จะเป็นพื้นที่ที่สามารถทำประโยชน์กำไรให้ ทั้งนี้ เพราะความสัมพันธ์ที่มีกับทุนนิยมภายนอก หรือทุนนิยมสากลจะเป็นกลไกหรือเป็นสื่อกลางที่นำไปสู่ ระบบเศรษฐกิจเพื่อการค้า (Trade Economy) แต่ละรัฐหรือ สังคมไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบสังคมตนเอง จึงจะ เข้าสู่ตลาดโลก

  37. 1.2) แนวคิดของ Nikolai Bukharin และ Vladimir Lenin มองว่า ระบบทุนนิยมเป็นผลพวง ที่เกิดจากพัฒนาการของ “ระบบจักรวรรดินิยม” (Imperialism) เมื่อพิจารณาสภาพต่างๆ ระดับนานาชาติ (Internationalization) พบว่า การต่อสู้หรือการ แข่งขันของนายทุนยังคงดำเนินอยู่ต่อไป และจะ พัฒนาไปสู่ระบบทุนนิยมข้ามชาติตามมา

  38. ฐานแนวคิดเชื่อว่า“ประเทศที่พัฒนาแล้วจะเข้าครอบงำฐานแนวคิดเชื่อว่า“ประเทศที่พัฒนาแล้วจะเข้าครอบงำ ประเทศที่ด้อยพัฒนา” “การเข้าครอบงำ” จะครอบคลุมรวมถึงดินแดน ระบบ การเมือง การทหาร รูปแบบทางเศรษฐกิจและอื่นเพื่อให้เป็น สังคมประเทศที่จะต้องรับใช้ระบบ ตลอดจนเป็นจักรวรรดิร่วม สงคราม นอกจากนี้ กลุ่มนักคิดยังคาดการณ์ว่า “การแข่งขันกัน ระหว่างจักรวรรดินิยมด้วยกันเอง”จะนำไปสู่ภาวะสงคราม อย่างหลีกหนีไม่พ้น

  39. “สินค้าส่งออกเป็นเงื่อนไขสำคัญของการสร้างทุน”“สินค้าส่งออกเป็นเงื่อนไขสำคัญของการสร้างทุน” สินค้าส่งออก จะเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเร่งรัดการ พัฒนาประเทศด้อยพัฒนา และกระบวนการระบบเศรษฐกิจ ของประเทศที่พัฒนา - กรรมกรหรือผู้ใช้แรงงานในภาคการผลิตของระบบ จักรวรรดินิยมศูนย์กลาง ได้รับผลประโยชน์จากความสำเร็จ ของการพัฒนาประเทศที่มีความเสี่ยงน้อย/ ได้รับผลกระทบ ทางลบที่มีขอบเขตจำกัด - กรรมกรหรือผู้ใช้แรงงานในภาคการผลิตของระบบ จักรวรรดินิยมบริวาร จะถูกเอารัดเอาเปรียบและมีความเสี่ยง บนความเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีช่องว่างอย่างมาก

  40. ทฤษฎีและแนวคิดหลัก 2.Political Economy Schoolมองพัฒนาการ ของทุนนิยมว่า “เป็นพัฒนาการของระบบ และกระบวนการเอา รัดเอาเปรียบโดยการขูดรีดผลประโยชน์จากสังคมหนึ่งไปสู่ อีกสังคมหนึ่ง กล่าวคือ : ความเจริญเติบโตของประเทศหนึ่งๆ หรือประเทศที่ พัฒนาเกิดจากการเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ที่เอาเปรียบ ประเทศด้อยพัฒนา โดยผ่านกระบวนการพัฒนา ทำให้สภาพ ของการพัฒนาเป็น“การพัฒนาภาวะความด้อยพัฒนา “ (Development of underdevelopment)

  41. กลุ่มนักคิดPolitical Economy Schoolประกอบด้วย • นักคิดและนักวิชาการหลายคนที่มีชื่อเสียง เช่น • - Baran - Emmanual • - Amin - Frank • - Wallerstein - อื่นๆ • Paul Baranมีแนวคิดว่า โลกของระบบเศรษฐกิจมี 2 • ส่วน คือ • ประเทศทุนนิยมที่ก้าวหน้า • ประเทศด้อยพัฒนา

  42. ระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในแง่กลไกความสัมพันธ์ของการพัฒนาระหว่าง 2 กลุ่ม ประเทศผูกพันกันด้วยองค์ประกอบ 3 ประเด็น คือ 1. การค้า ประเทศด้อยพัฒนาจะเป็นแหล่งสำหรับการจัดหา ทรัพยากรสำหรับการผลิตขั้นต้นที่มีราคาถูก ส่งไปให้ประเทศ ที่พัฒนาแล้ว ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมท้องถิ่น และหัตถกรรม ต่างๆ ถูกกดดันให้ถดถอยลง โดยสินค้าที่นำเข้าจากประเทศ พัฒนาแล้ว เช่น สินค้าอุปโภคและบริโภคทำให้อุตสาหกรรม ดั้งเดิมที่มีอยู่ถูกทำลาย

  43. ระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 2. การลงทุน ตามแนวคิดที่ว่า การพัฒนาประเทศของประเทศด้อย พัฒนามีความจำเป็นที่จะต้องใช้ทรัพยากรอย่างมากในหลายๆ ด้านสำหรับการลงทุน โดยจะต้องระดมทั้งจากภายนอก และ ภายในประเทศ จึงจะสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจ ประเทศพัฒนาแล้วจะแสวงหาผลประโยชน์จากกลไก ด้วยการดูดซับมูลค่าส่วนเกิน (Surplus Value) ขณะเดียวกัน ก็ค่อยๆ ขยับเข้าครอบครองเศรษฐกิจด้วยการผูกขาด

  44. ระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 3. การมีอิทธิพลทางการเมือง ส่วนใหญ่การเมืองของประเทศด้อยพัฒนามักล้าหลัง รัฐบาลอยู่ภายใต้อิทธิพลของการทหาร นายทุนและกลุ่มพ่อค้า ประเทศพัฒนาแล้วพยายามที่จะใช้การทหารเข้าไป ค้ำจุนอำนาจของรัฐบาลหรืออาจเข้าไปมีอิทธิพลในการจัดตั้ง รัฐบาลเพื่อรักษาและคุ้มครองผลประโยชน์ของนักลงทุนจาก ประเทศของตนให้ได้มาก และสามารถนำผลกำไรประกอบการ กลับไปประเทศของตน

  45. Paul A. Baran และ Paul M. Sweezyเห็นว่า การพัฒนาแบบที่ผ่านมาจะนำไปสู่การสร้าง: “ระบบทุนนิยมผูกขาด” (Monopoly Capital) ทำให้ประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลายจะถูกครอบงำ โดยทุนนิยมต่างชาติรูปแบบต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์กับ นายทุนท้องถิ่น นายทุนการค้า หรือนายทุนที่ดิน จะ เรียกแนวคิดนี้ว่า “เศรษฐศาสตร์การเมืองเพื่อการสร้างความเจริญเติบโต” (The Political Economy of Growth) โดยวิภาษวิจารณ์โจมตีทฤษฎีความทันสมัยว่า เป็นทฤษฎีที่ไม่สามารถเข้าถึงและอธิบายสาเหตุของความด้อยพัฒนาได้อย่างแท้จริง

  46. ข้อวิภาษวิจารณ์ ประเด็นสาระการโจมตีทฤษฎีความทันสมัยว่า ล้มเหลวโดยตอบโต้และปฏิเสธข้อเสนอหลักของทฤษฎีความทันสมัย 1. “ตัวแบบการสร้างความเจริญเติบโตจะก่อให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคมและการบริหาร และวัฒนธรรม” แต่ภาวะด้อยพัฒนาก็เห็นอย่างชัดเจน“ยิ่งพัฒนายิ่งด้อยพัฒนาหรือการพัฒนาภาวะด้อยพัฒนา” (Development of Underdevelopment)เป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ (Empirical Data) ที่เกิดขึ้นจริง

  47. ข้อวิภาษวิจารณ์ 2. แนวคิดทุนนิยมไม่ได้ให้ความสำคัญกับความแตกต่าง ระหว่างชนชั้น ซึ่งเป็นปัญหาพื้นฐานของประเทศด้อยพัฒนา/ กำลังพัฒนา 3. ทฤษฎีความทันสมัยคำนึงถึงการแลกเปลี่ยนผลกำไร และผลผลิตในระบบโลก ประเทศทุนนิยมศูนย์กลางจะมีความ สัมพันธ์แบบสังคมบริวาร(Peripheral Society) เอาเปรียบ ประเทศบริวารด้วยการดูดซับผลกำไรจากการค้า การแลก เปลี่ยนที่ไม่เท่าเทียมกันหรือการให้บรรณาการ

  48. ตัวแบบหรือแนวคิดหลัก 1. ภาวะด้อยพัฒนาไม่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา สภาพ สังคมด้อยพัฒนา อาจไม่ใช่ความด้อยพัฒนา (อย่างที่ เป็นในสายตาของตะวันตก) สิ่งที่มี สิ่งที่เป็นเหล่านั้น อาจเป็นคุณค่าในลักษณะที่เหมาะสมอยู่แล้ว : เครื่องจักรสาน การกัดปลา/ชนไก่ การเพาะปลูก บูชาพระเครื่อง ประเพณี/วัฒนธรรม

  49. ตัวแบบหรือแนวคิดหลัก 2. การพัฒนาประเทศทุนนิยมศูนย์กลางที่เจริญเติบโต ด้วยการดูดซับทรัพยากรจากประเทศบริวาร ส่วนใหญ่ ทำให้ประเทศที่กำลังพัฒนาทั้งหลายไม่เพียงจะเติบโต ช้ากว่าที่ควรจะเป็น แต่อาจจะไม่เติบโตเนื่องจากผล การพัฒนาถูกเปลี่ยนแปลงให้อยู่ในสภาพที่การดูดซับ ดำรงอยู่อย่างถาวร ส่งผลให้ “การพัฒนาคือ ความ ด้อยพัฒนา”

  50. ตัวแบบหรือแนวคิดหลัก • 3. การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแฝงไว้ด้วยความทันสมัย แต่ • อาจไม่ใช่การพัฒนา (ความหมายของการพัฒนาที่ • เหมาะสม) หรือเป็นการพัฒนาที่ก่อให้เกิดปัญหาใหม่ๆ • ที่ต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่

More Related