380 likes | 635 Views
การบริโภค การออม และการลงทุน. Classical Theory and The Keynesian Revolution. Classical Theory. Classical Economist : Adam Smith มีการจ้างงานเต็มที่ในระยะยาว Say’s Law Supply creates its own Demand. Keynesian School of Economics. John Maynard Keynes
E N D
การบริโภคการออมและการลงทุนการบริโภคการออมและการลงทุน
Classical Theory • Classical Economist : Adam Smith • มีการจ้างงานเต็มที่ในระยะยาว • Say’s Law Supply creates its own Demand
Keynesian School of Economics • John Maynard Keynes • The General Theory of Employment, Interest and Money(ปี ค.ศ. 1939) • Demand creates its own Supply
Aggregate Expenditure = C + I + G + (X – M) Aggregate Demand = C + I + G + (X – M)
รายจ่ายเพื่อการบริโภคและการออมConsumption Expenditure [C]and Saving [S]
รายได้ C รายได้ C S ปัจจัยที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและการออม • รายได้สุทธิส่วนบุคคลหรือรายได้ที่ใช้จ่ายได้จริง(Disposable Income) S
ปัจจัยที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและการออมปัจจัยที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและการออม • ขนาดของสินทรัพย์สภาพคล่องสินทรัพย์สภาพคล่องคือสิ่งที่เราถือว่าเป็นเงิน(Money)ได้แก่เงินสดเงินฝากกระแสรายวันเงินฝากประจำพันธบัตรทองคำหุ้นและที่ดินซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้รวดเร็วและไม่เสียค่าใช้จ่ายมากนัก
นาย ก. มีรายได้ 10,000 บาท/เดือน มีเงินฝากประจำ 1,000,000 บาท นาย ข. มีรายได้ 10,000 บาท/เดือน มีที่ดินมูลค่า 1,000,000 บาท > C ก C ข
ปัจจัยที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและการออมปัจจัยที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและการออม • สินค้าถาวรที่ผู้บริโภคมีอยู่ • อุปนิสัยในการใช้จ่ายของผู้บริโภค • สินเชื่อเพื่อการบริโภคและอัตราดอกเบี้ย • การคาดคะเนราคาสินค้าในอนาคต • การคาดคะเนรายได้ในอนาคต • ปัจจัยอื่นๆ
ฟังค์ชั่นการบริโภค C = f(Yd, A1, A2, A3, …) เมื่อ Cคือรายจ่ายเพื่อการบริโภค Ydคือรายได้สุทธิหรือรายได้ที่ใช้จ่ายได้จริง(DI) A1, A2, A3,…คือปัจจัยอื่นๆ ฟังค์ชั่นการบริโภคและการออม
ในระยะสั้น Consumption Functionคือ Saving Function S = f ( Yd ) C = f (Yd) ฟังค์ชั่นการบริโภคและการออม ฟังค์ชั่นการบริโภค C = f(Yd, A1, A2, A3, …)
C Yd ความโน้มเอียงเฉลี่ยในการบริโภค(Average Propensity to Consume : APC) • อัตราส่วนของค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคต่อรายได้ • ค่าที่แสดงว่ารายจ่ายในการบริโภคคิดเป็นสัดส่วนเท่าใดของรายได้ APC =
S Yd ความโน้มเอียงเฉลี่ยในการออม(Average Propensity to Save : APS) • อัตราส่วนของการออมต่อรายได้ • ค่าที่แสดงว่าการออมคิดเป็นสัดส่วนเท่าใดของรายได้ APS =
C Yd ความโน้มเอียงส่วนเพิ่มในการบริโภค(Marginal Propensity to Consume : MPC) • อัตราส่วนของการเปลี่ยนแปลงรายจ่ายในการบริโภคต่อการเปลี่ยนแปลงของรายได้ MPC =
S Yd ความโน้มเอียงในการออมหน่วยสุดท้าย(Marginal Propensity to Save : MPS) • อัตราส่วนของการเปลี่ยนแปลงของการออมต่อการเปลี่ยนแปลงของรายได้ MPS =
Yd C S APC APS MPC MPS 0 100 -100 - - - - 100 175 -75 1.75 -0.75 0.75 0.25 200 250 -50 1.25 -0.25 0.75 0.25 300 325 -25 1.08 -0.08 0.75 0.25 400 400 0 1.00 0 0.75 0.25 500 475 25 0.95 0.05 0.75 0.25 600 550 50 0.92 0.08 0.75 0.25 700 625 75 0.89 0.11 0.75 0.25 800 700 100 0.88 0.12 0.75 0.25
C, S C = Yd C 700 600 500 400 ระดับรายได้เสมอตัว (Break even) 300 200 S 100 Yd 0 200 400 600 800 -100
Yd = 500 APC = 0.95 , APS = 0.05 ณ รายได้ 500 บาท โดยเฉลี่ยแล้ว เงิน 1 บาท จะนำไปบริโภค 0.95 บาท และนำไปออม 0.05 บาท Yd = C + S ถ้า Yd = 1 Yd = C + S Yd Yd Yd 1 = + APS APC
MPC Keynes : 0 < MPC < 1 เมื่อ Ydเพิ่มขึ้น Cจะเพิ่มขึ้น แต่ Cจะเพิ่มขึ้นน้อยกว่าYdที่เพิ่มขึ้น MPC > 0 MPC < 1
MPC = 0.75 , MPS = 0.25 ถ้ามีรายได้เพิ่มขึ้น 1 บาท จะใช้จ่ายเพื่อการบริโภคเพิ่มขึ้น 0.75 บาท และนำไปออมเพิ่มขึ้น 0.25 บาท Yd = C + S Yd = C +S ดังนั้น Yd = C + S ถ้า Yd = 1 Yd Yd Yd 1 = + MPS MPC
การลงทุน (Investment : I)
การลงทุน(Investment : I) • ค่าใช้จ่ายในการผลิตสินค้าทุน (Capital goods) • การใช้จ่ายโดยมีวัตถุประสงค์สำคัญคือทำให้การผลิตสินค้าและบริการในอนาคตเพิ่มขึ้น
ประเภทของการลงทุน • การลงทุนโดยอิสระ(Autonomous investment) • การลงทุนโดยจูงใจ(Induced investment)
I Ia Y การลงทุนโดยอิสระ(Autonomous investment) • ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่ไม่มีความสัมพันธ์กับรายได้ประชาชาติ
Ii I Y I Y I Y การลงทุนโดยจูงใจ(Induced investment) • การลงทุนที่มีความสัมพันธ์กับรายได้ประชาชาติและความสัมพันธ์นี้จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
G C Y I • รายได้ที่เพิ่มขึ้นนี้ต้องเป็นรายได้ที่องค์กรธุรกิจคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างถาวรเป็นระยะเวลานานจึงจะมีผลจูงใจให้กลุ่มธุรกิจลงทุนเพิ่ม
ระบบเศรษฐกิจที่ไม่มีรัฐบาลและการค้าระหว่างประเทศระบบเศรษฐกิจที่ไม่มีรัฐบาลและการค้าระหว่างประเทศ GDP = Y = C + I Y I = 25 ล้านบาท (Cคงที่) Multiplier = 100 ล้านบาท ตัวทวีหรือตัวคูณ(Multiplier)
ตัวทวีหรือตัวคูณ(Multiplier) • ตัวเลขที่แสดงว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุน(I)แล้วระดับรายได้ประชาชาติ(Y) จะเปลี่ยนแปลงไปในสัดส่วนเท่าใดของการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนนั้น • ตัวเลขที่แสดงว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุน(I)ระดับรายได้ประชาชาติ(Y)จะเปลี่ยนแปลงไปเท่ากับตัวทวีคูณด้วยปริมาณการเปลี่ยนแปลงในค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนนั้น
Y = C + I = 100 ล้านบาท Y I = 25 ล้านบาท (Cคงที่) 100 = 25 4 x ถ้ามีการลงทุนเพิ่มขึ้น 1 หน่วย รายได้ประชาชาติจะเพิ่มขึ้น 4 เท่าของการลงทุนที่เพิ่มขึ้น Multiplier
I Y I 100 = 4 x 25 Y = x k ( k : Multiplier ) k =
กำหนด MPC = 0.75 MPS = 0.25 การทำงานของตัวทวี การลงทุนที่เพิ่มขึ้น I รอบการใช้จ่าย การเพิ่มขึ้นของรายได้ Y การบริโภคที่เพิ่มขึ้น การออมที่เพิ่มขึ้น 25 1 25.00 18.75 6.25 1 x 25 = 2 18.75 14.06 4.69 0.75 x 25 = 3 14.06 10.55 3.51 (0.75)2 x 25 = 4 10.55 7.91 2.64 (0.75)3 x 25 = 5 7.91 5.93 1.98 (0.75)4 x 25 = ... ... ... ... I= 25 รวม 100 75 25
(1 x 25) + (0.75 x 25) + ((0.75)2 x 25) + ((0.75)3 x 25) + ((0.75)4 x 25) + ... 100 = (1 + 0.75 + 0.752 + 0.753 + 0.754 + ... + 0.75n ) x 25 100 = 1 1 1 1 100 = x 25 x 25 = 1 – MPC MPS 0.25 1 – 0.75 Y = x I x I =
Y = k x ( k : Multiplier ) I 1 1 x I Y= 1 – MPC 1 – MPC k = 1 x I Y= MPS 1 Y = = MPS I
Y = C + I Y = C +I Y Y Y 1 = MPC + I I Y Y 1 - MPC = 1 = MPS Y 1 k = = I 1 – MPC
จาก 0 < MPC < 1 k = Y = 1 < k < k k 4 4 Y Y 100 100 พิจารณาถ้าI = 25 4 MPC = 0.75 100 < MPC < 0.75 < > MPC > 0.75 >
เดิมรายได้ประชาชาติเท่ากับ 100 ล้านบาท ต่อมามีการลงทุนเพิ่มขึ้น 20 ล้านบาท รายได้ประชาชาติใหม่เท่ากับเท่าใด ถ้า MPC = 0.8 5 k = = 1 1 k = 5 = = 1 – MPC 1 – 0.8 Y Y I 20 Y = 5 x 20 = 100 ล้านบาท รายได้ประชาชาติใหม่เท่ากับ 200 ล้านบาท