1 / 41

การจำแนกประเภท วัตถุดิบอาหารสัตว์และอาหารผสม

การจำแนกประเภท วัตถุดิบอาหารสัตว์และอาหารผสม. อ. วัชรวิทย์ มีหนองใหญ่. วัตถุดิบอาหารสัตว์ ( Feedstuffs).

jadyn
Download Presentation

การจำแนกประเภท วัตถุดิบอาหารสัตว์และอาหารผสม

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การจำแนกประเภทวัตถุดิบอาหารสัตว์และอาหารผสมการจำแนกประเภทวัตถุดิบอาหารสัตว์และอาหารผสม อ. วัชรวิทย์ มีหนองใหญ่

  2. วัตถุดิบอาหารสัตว์ (Feedstuffs) • หมายถึง สารอาหารใดๆที่ให้โภชนะ ที่สัตว์กินเข้าไปแล้วก่อให้เกิดประโยชน์แก่สัตว์ โดยวัตถุดิบอาจได้มาจากแหล่งธรรมชาติ เช่น พืช, สัตว์ หรือ อาจจะได้จากการสังเคราะห์ทางเคมี เช่น กรดอะมิโน เป็นต้น ซึ่งวัตถุดิบอาหารสัตว์แต่ละชนิดมีคุณค่าทางโภชนะและข้อจำกัดในการใช้แตกต่างกันไป

  3. การจำแนกประเภทของวัตถุดิบอาหารสัตว์การจำแนกประเภทของวัตถุดิบอาหารสัตว์ • จำแนกตามส่วนประกอบทางเคมีในอาหาร แบ่งได้ 6 ประเภท คือ • คาร์โบไฮเดรทเป็นสารอินทรีย์ที่ประกอบด้วยธาตุ C, H และ O เป็นส่วนประกอบประมาณ 3 ใน 4 ส่วน เป็นอาหารที่ให้พลังงานและความร้อน ซึ่งแบ่งตามการย่อยได้ 2 ประเภทคือ • Nitrogen free extract (NFE) เป็นคาร์โบไฮเดรทที่ย่อยได้ง่าย เช่น ข้าวโพด ข้าวฟ่าง มันสำปะหลัง เป็นต้น • Crude fiber เป็นคาร์โบไฮเดรทที่ย่อยได้ยาก มีส่วนประกอบของ Cellulose เป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ หญ้า และ ถั่วอาหารสัตว์

  4. โปรตีนเป็นสารอินทรีย์ที่ประกอบด้วยธาตุ C, H,O,N และธาตุอื่นๆอยู่ด้วยเช่น Fe, P เป็นอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต และเป็นแหล่งของกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับสัตว์ อาหารโปรตีนแบ่งได้ 2 พวกคือ • โปรตีนที่ได้จากพืช เช่น ถั่วต่างๆ, ใบกระถิน เป็นต้น • โปรตีนที่ได้จากสัตว์ เช่น ปลาป่น, เนื้อป่น, เลือดป่น เป็นต้น • ไขมัน เป็นอาหารที่ให้พลังงานเช่นเดียวกับคาร์โบไฮเดรทแต่ไขมันให้พลังงานมากกว่าคาร์โบไฮเดรทถึง 2.25 เท่า แหล่งของอาหารไขมันได้แก่ • ไขมันพืช เช่น เมล็ดฝ้าย, เมล็ดถั่วเหลือง เป็นต้น • ไขมันสัตว์ เช่น ไขวัว, ไขมันหมู เป็นต้น

  5. แร่ธาตุเป็นส่วนประกอบสำคัญของโครงสร้างกระดูก และส่วนต่างๆของร่างกาย แร่ธาตุที่เป็นอาหารสัตว์ได้แก่ Na, K, Ca, Mg, P, Cl, I, S, Cr, Mn, Fe, Cu, Zn ซึ่งแร่ธาตุเหล่านี้มาจาก เปลือกหอย, หินปูน, กระดูกป่น, เกลือ เป็นต้น • วิตามินเป็นอาหารที่จำเป็นสำหรับสัตว์ ช่วยให้การทำงานของร่างกายเป็นไปอย่างสมบูรณ์ แบ่งเป็น 2 ชนิดคือ • วิตามินที่ละลายในน้ำ ได้แก่ Vitamin B complex, C • วิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ VitaminA, D, E และ K • น้ำ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับสัตว์มาก ซึ่งหากสัตว์ขาดน้ำมักจะตายก่อนสัตว์ที่อดอาหาร โดยสัตว์ได้รับน้ำ 3 ทางด้วยกันคือ • จากการดื่มโดยตรง, จากอาหาร และจากขบวนการเมทาบอลิซึมในร่างกาย

  6. การจำแนกประเภทของวัตถุดิบอาหารสัตว์การจำแนกประเภทของวัตถุดิบอาหารสัตว์ • จำแนกตามจำนวนโภชนะที่ย่อยได้ แบ่งเป็น 2 ชนิดคือ • อาหารหยาบหมายถึง อาหารที่มีความเข้มของโภชนะอยู่ต่ำ มีเยื่อใยในปริมาณสูง ซึ่งได้แก่พืชตระกูลหญ้า และพืชตระกูลถั่วทั่วๆ ไป • เยื่อใย >18% CF

  7. การแบ่งอาหารหยาบตามลักษณะคุณภาพของอาหารการแบ่งอาหารหยาบตามลักษณะคุณภาพของอาหาร • แบ่งได้ 3 ชนิด ดังนี้ • - อาหารหยาบคุณภาพต่ำ (โปรตีนไม่เกิน 5%) ได้แก่ ฟางข้าว หญ้าหลังการเก็บเมล็ด ยอดอ้อย ต้นข้าวโพดหวาน และหญ้าที่มีอายุการตัดเกิน 8 สัปดาห์ขึ้นไป • - อาหารหยาบคุณภาพปานกลาง (โปรตีน 5-7%) ได้แก่ หญ้าชนิดต่างๆที่อายุการตัดไม่เกิน 8 สัปดาห์ • - อาหารหยาบคุณภาพดี (โปรตีน 10%ขึ้นไป) ได้แก่ หญ้าชนิดต่างๆที่อายุการตัดไม่เกิน 6 สัปดาห์, เปลือกและไหมข้าวโพด และ ถั่วอาหารสัตว์

  8. การแบ่งอาหารหยาบตามลักษณะของอาหารที่ให้แก่สัตว์การแบ่งอาหารหยาบตามลักษณะของอาหารที่ให้แก่สัตว์ • - อาหารหยาบสด (green roughage)เป็นพืชที่มีความชื้นสูงประมาณ 70-85% ได้แก่ • พืชตระกูลหญ้า เช่น หญ้ากินนี, หญ้ารูซี่, หญ้าขน, หญ้าเนเปียร์ ฯลฯ • พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วฮามาต้า, ถั่วคาวาลเคด, ถั่วเซนโตร ฯลฯ • พืชชนิดอื่นๆ เช่น ผักตบชวา, ต้นข้าวโพด, ต้นข้าวฟ่าง ฯลฯ • - อาหารหยาบแห้ง (dry roughage)เป็นพืชอาหารสัตว์ที่ผ่านการลดความชื้น เช่น การตากแดด หรือ การอบความร้อนให้เหลือความชื้นไม่เกิน 15% วัตถุประสงค์คือเพื่อเก็บถนอมอาหารไว้ในยามขาดแคลน เช่น หญ้าแห้ง, ถั่วแห้ง, ฟางข้าว เป็นต้น • - อาหารหยาบหมัก (ensile roughage) เป็นพืชอาหารสัตว์ที่นำเข้าสู่กระบวนการหมักในหลุมสภาพไร้อากาศ ซึ่งขบวนการหมักจะเสร็จสมบูรณ์ที่อายุการหมัก 21 วัน และจะมีความชื้นประมาณ 70-75%, pH ประมาณ 4.2

  9. อาหารข้น (concentrate) • หมายถึงอาหารที่มีความเข้มข้นของโภชนะอยู่สูง มีเปอร์เซ็นต์เยื่อใยอยู่ในปริมาณที่ต่ำ เมื่อสัตว์กินเข้าไปสามารถย่อยได้มาก • ส่วนใหญ่ได้จากทั้งพืชและสัตว์ เช่น ปลาป่น เนื้อป่น ปลายข้าว รำละเอียด มันเส้น รวมไปถึงอาหารผสมสำเร็จรูปที่บริษัทผลิตและจำหน่ายด้วย • แบ่งได้ 2 ชนิด ดังนี้

  10. อาหารข้น (Concentrate) • วัตถุดิบอาหารสัตว์ประเภทพลังงาน • เยื่อใย <18% CF, โปรตีน <20% CP, TDN >70% • วัตถุดิบอาหารสัตว์ประเภทโปรตีน • เยื่อใย <18% CF, โปรตีน >20% CP, TDN <70%

  11. วัตถุดิบอาหารสัตว์ประเภทพลังงานวัตถุดิบอาหารสัตว์ประเภทพลังงาน • มันสำปะหลัง หรือ มันเส้น ( Cassava, Cassava root) • เป็นพืชหัวที่สำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทย สามารถนำมาใช้เลี้ยงสัตว์ทั้งในรูปของมันเส้น กากมันสำปะหลัง • มันสำปะหลังมีพลังงานค่อนข้างสูง มี TDN 90% เยื่อใยประมาณ 3.4% ไขมันประมาณ 0.8% โปรตีนประมาณ 2.0%  • ในหัวมันและใบมันสดมีกรดไฮโดรไซยานิค (HCN) ซึ่งมีความเป็นพิษต่อสัตว์ แต่สามารถทำลายหรือลดความเป็นพิษได้โดยความร้อนโดยการผึ่งแดด อาการของสัตว์ที่ได้รับสารพิษจากมันสำปะหลังจะคล้ายๆ กับอาการเป็นพิษจากการได้รับยูเรียในปริมาณมาก

  12. ปลายข้าว (broken rice) • ปลายข้าว เป็นวัตถุดิบที่สามารถใช้เป็นอาหารได้เลยไม่ต้องนำมาบดหรือทำให้ละเอียดก่อน • มีโปรตีน 8% และ TDN 85% ย่อยง่าย เก็บไว้ได้นาน ปลายข้าวเหนียวมีคุณค่าทางอาหารใกล้เคียงกับข้าวเจ้า แต่ปลายข้าวเหนียวอาจทำให้ท้องผูกได้

  13. รำข้าว (Rice bran) • เป็นผลพลอยได้จากการสีข้าว สามารถแบ่งแยกออกได้หลายชนิด เช่น รำหยาบ รำละเอียด นอกจากนี้ยังมีการนำรำละเอียดไปทำการสกัดน้ำมันรำข้าว กากที่เหลือเรียกว่ากากรำ หรือรำสกัดน้ำมัน • รำหยาบมีส่วนของเปลือกนอกติดกับเมล็ดข้าว (Bran) ส่วนของจมูกข้าว (germ) ส่วนของปลายข้าว (broken rice) ส่วนของเมล็ดข้าว (endosperm) และอาจมีส่วนของแกลบปนมาบ้าง รำหยาบมีเยื่อใยและซิลิกาค่อนข้างสูง TDN 72% มีโปรตีนประมาณ 7-8% เยื่อใยประมาณ 13% และมีไขมันประมาณ 10%

  14. รำละเอียด ประกอบด้วยเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว ปลายข้าวและมีแกลบปนเล็กน้อย มียอดโภชนะย่อยได้ประมาณ 86% มีโปรตีนประมาณ 12% มีไขมันค่อนข้างสูงประมาณ 12 - 13% • รำสกัดน้ำมัน ได้จากการนำรำละเอียด หรือรำสดไปสกัดน้ำมันด้วยสารเคมี กากรำที่ได้มีโปรตีนสูงประมาณ 14 - 15%    เยื่อใย 13 - 15% ยอดโภชนะย่อยได้ประมาณ 61%

  15. ข้าวโพด (Corn) • เมล็ดข้าวโพดมีแป้งประมาณ 65%  มี TDN ประมาณ 80% มีไขมันประมาณ  3 - 6% มีเยื่อใยประมาณ 2 - 3% มีโปรตีน 8 % • การใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ควรบดก่อน แต่ไม่ควรบดละเอียดจนเกินไป ข้าวโพดที่บดแล้วจะเก็บไว้ได้นานต้องมีความชื้นไม่เกิน 12% ข้าวโพดใช้ผสมอาหารได้ดีถึง   70 - 80% 

  16. ข้าวฟ่าง (sorghum) • มีโปรตีนประมาณ 11% TDN 70-80% • เป็นโปรตีนคุณภาพต่ำไม่เป็นประโยชน์ต่อสัตว์กระเพาะเดี่ยวนัก • ในข้าวฟ่างมีสารแทนนิน (tannin) ซึ่งจะทำให้การใช้ประโยชน์ได้ของอาหารลดลงและทำให้ประสิทธิภาพการเจริญเติบโตลดลง • ข้าวฟ่างเมล็ดขาวและเมล็ดเหลืองจะมีปริมาณสารแทนนินน้อย กว่าข้าวฟ่างเมล็ดแดง และข้าวฟ่างอ่อนจะมีแทนนินมากกว่าข้าวฟ่างแก่

  17. กากน้ำตาล (Molasses) •     กากน้ำตาลจากโรงงานน้ำตาลมีคุณค่าพลังงานสูง นิยมใช้ในส่วนผสมอาหารข้นเพื่อเพิ่มความน่ากิน ช่วยในการอัดเม็ดอาหารได้ดีขึ้น มักใช้ร่วมกับการใช้ยูเรีย • มีTDN 55 - 75% มีโปรตีนประมาณ 3 - 7% มีน้ำตาลมากกว่า 48% ไม่ควรใช้เกิน 15% ในโคที่โตเต็มที่ ส่วนสำหรับลูกโคไม่ควรเกิน 8% เพราะอาจทำให้สัตว์เกิดอาการท้องร่วง

  18. ไขมัน (fat or oil) • ใช้ผสมในอาหารสัตว์เพื่อเพิ่มระดับพลังงานให้สูงขึ้น • ไขมันมีพลังงานสูงกว่า คาร์โบไฮเดรทถึง 2.5 เท่า • ช่วยลดความฟ่ามของอาหาร และทำให้อาหารอัดเม็ดง่าย แต่มีปัญหาคือทำให้อาหารหืนง่าย • ถ้าใช้เกิน 5% ในสูตรอาหาร TMR จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของจุลินทรีย์ในกระเพาะหมัก ซึ่งแหล่งของไขมันได้แก่ ไขมันวัว น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม และน้ำมันรำข้าว เป็นต้น

  19. วัตถุดิบอาหารสัตว์ประเภทโปรตีนวัตถุดิบอาหารสัตว์ประเภทโปรตีน • แหล่งโปรตีนจากพืช • วัตถุดิบอาหารประเภทโปรตีนที่ได้จากพืชเป็นผลพลอยได้จากโรงงานอุตสาหกรรม มีการใช้อย่างแพร่หลายในการประกอบสูตรอาหารสัตว์ • มีจุดด้อยคือ คุณภาพโปรตีนจะด้อยกว่าวัตถุดิบอาหารโปรตีนที่ได้จากสัตว์ แต่ก็มีข้อดีคือไม่ทำให้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์มีกลิ่นคาว

  20. กากมะพร้าว(Coconut meal) • ได้จากโรงงานสกัดน้ำมันมะพร้าวจากเนื้อมะพร้าวแห้ง ไม่มีส่วนของกะลา แต่อาจมีส่วนของเปลือกชั้นในติดมาบ้าง • เนื้อในมะพร้าวเมื่อแยกเอาน้ำมันออกแล้วจะเหลือส่วนของกากประมาณ 30 - 40% มีน้ำมันอยู่ประมาณ 8% • กากมะพร้าวจะมีโปรตีนประมาณ 21% เยื่อใยประมาณ 15% กากมะพร้าวที่ดีควรมีสีค่อนข้างขาวนวล หรือสีน้ำตาลอ่อน มีกลิ่นหอม

  21. กากเมล็ดปาล์ม (Palm seed meal) • เป็นผลพลอยได้จากการสกัดน้ำมันปาล์มจากเมล็ดปาล์ม มี 2 ชนิด คือ • กากปาล์มทั้งเมล็ด (ไม่กระเทาะเปลือก) กากปาล์มชนิดนี้มีโปรตีนต่ำ ประมาณ 5 - 6% มีโภชนะย่อยได้ประมาณ 62 - 67% และมีเยื่อใยสูงมาก • กากปาล์มเนื้อใน (กระเทาะเปลือก หรือกะลาออกก่อนแล้ว) มีโปรตีนสูงกว่า คือประมาณ 19-21% มีโภชนะย่อยได้ประมาณ 76% • ใช้ได้ไม่เกิน 30% ในสูตรอาหารข้นโคนม

  22. กากเมล็ดทานตะวัน (Sunflower meal) ได้จากโรงงานสกัดน้ำมันทานตะวันจากเมล็ดทานตะวัน มีหลายชนิด ขึ้นอยู่กับวิธีการสกัดน้ำมัน คือ • ชนิดสกัดน้ำมันทั้งเมล็ด มีโปรตีนประมาณ 26% เยื่อใย 23.7% ไขมัน 4.5% โภชนะย่อยได้ 66% • ชนิดที่สกัดน้ำมันจากเมล็ดที่กะเทาะเปลือกแล้ว มีโปรตีนประมาณ 34% เยื่อใย 13% ไขมัน 14% โภชนะย่อยได้ 80% • ชนิดที่สกัดน้ำมันด้วยสารเคมีจากเมล็ดที่กระเทาะเปลือกแล้ว มีโปรตีนสูงถึงประมาณ 41% เยื่อใย 16% ไขมัน 4% และโภชนะย่อยได้ 70%

  23. กากถั่วเหลือง(Soybean meal) • เป็นผลพลอยได้จากโรงงานสกัดน้ำมันถั่วเหลือง มี 2 ชนิด คือ • กากถั่วเหลืองที่ได้จากขบวนการอัดน้ำมันและกากถั่วเหลือง ที่ได้จากขบวนการสกัดน้ำมันด้วยสารเคมี • มีโปรตีน 44% และมีไขมันอยู่ประมาณ 1% มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสต่ำ • ในกากถั่วเหลืองดิบจะมีสาร trypsin inhibitor ทำให้การย่อยได้ลดลง • กากถั่วเหลืองที่ได้รับความร้อนสูงเกินไปจะทำให้การย่อยได้ของไลซีนลดลง ไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้เลี้ยงสัตว์ • มักพบว่ามีการปลอมปนด้วย รำ ซังข้าวโพดบด ดังนั้นในการจัดซื้อต้องระวังและมีการตรวจสอบให้ดี

  24. กากเมล็ดฝ้าย (Cotton seed meal) • กากเมล็ดฝ้ายชนิดไม่กะเทาะเปลือกมีโปรตีนสูงประมาณ 28%, ไขมัน 5%, เยื่อใย 22% • กากเมล็ดฝ้ายชนิดกะเทาะเปลือกมีโปรตีนสูงประมาณ 42%, ไขมัน 6%, เยื่อใย 11% • สารกอสซิปอล (Gossypol) ในเมล็ดฝ้ายจะเป็นพิษต่อสัตว์ ถ้าสัตว์ได้รับมากอาจจะถึงตาย • โค และ กระบือ สามารถใช้เมล็ดฝ้ายผสมอาหารในระดับไม่เกิน 25% ในสูตรอาหารข้น

  25. ใบกระถินป่น (Lucaena) • ใบกระถินป่นมีโปรตีนประมาณ 15-25% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าใบกระถินนั้นจะมีก้านหรือกิ่งปนมามากน้อยเพียงใด • ใบกระถินแห้งล้วนๆจะมีโปรตีนประมาณ 25% และมีเยื่อใยต่ำ • ในใบกระถินมีสารพิษที่เรียกว่าไมโมซีน (mimosine) และมีสารเบต้า-แคโรทีน ซึ่งเป็นแหล่งของวิตามินเอ และสารแซนโทฟิลล์ ซึ่งเป็นสารให้สีสำหรับไข่แดงและเนื้อสัตว์ • การลดสารพิษในใบสดทำได้โดยตากแห้ง หรือสับและแช่ใบสดในน้ำนาน 24 ชั่วโมง แล้วผึ่งให้แห้ง • ใบกระถินป่นสามารถใช้ในสูตรอาหารสุกรหรือสัตว์ปีกได้ไม่เกิน 4 % และในโคโดยส่วนใหญ่แล้วใช้ 10-15% หรือไม่เกิน 30% ในสูตรอาหารข้น

  26. ใบมันสำปะหลัง (Casava leaves) • ใบมันสำปะหลังที่มีคุณภาพดี ควรมีสีเขียวและแห้งสนิทซึ่งจะมีโปรตีนประมาณ 21-25% • ใบมันสำปะหลังสดมีสารพิษคือกรดไฮโดรไซยานิค (HCN) จึงควรตากแดดให้แห้งก่อนนำมาใช้เพื่อลดปริมาณสารพิษ • ใช้ผสมในอาหารข้นได้สูง 30% ในสูตร แต่โดยทั่วไปมักใช้ระดับ 10 - 15% ในสูตรร่วมกับแหล่งโปรตีนชนิดอื่น • ใบมันสำปะหลังสามารถเก็บเกี่ยวจากต้นที่ปลูกหลัง 6 เดือนแล้วมาใช้เป็นอาหารสัตว์ได้โดยไม่กระทบต่อผลผลิตหัว และสามารถเก็บได้ 1-2 ครั้ง ก่อนเก็บเกี่ยวหัวมัน

  27. ยูเรีย (Urea) • มีโปรตีนระดับสูงมาก (287.5%) สัตว์เคี้ยวเอื้องสามารถใช้ประโยชน์จากยูเรียได้โดยอาศัยจุลินทรีย์ในกระเพาะหมัก • ยูเรียหรือปุ๋ยยูเรีย (46 -0 - 0) มีลักษณะเป็นเม็ดกลมสีขาวเล็ก รสเฝื่อน ใช้ผสมอาหารข้นไม่เกิน 3% ของสูตรอาหาร • ไม่ควรใช้ยูเรียผสมอาหารเลี้ยงสัตว์กระเพาะเดี่ยว หรือลูกโคที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือน เพราะกระเพาะหมักยังพัฒนาไม่เต็มที่ซึ่งอาจเกิดพิษต่อสัตว์ได้ • เมื่อมีการใช้ยูเรียในสูตรอาหารควรผสมกำมะถันในอัตราส่วน ยูเรียต่อกำมะถันเท่ากับ 13.5 : 1

  28. วัตถุดิบอาหารสัตว์ประเภทโปรตีนวัตถุดิบอาหารสัตว์ประเภทโปรตีน • แหล่งโปรตีนจากสัตว์ • ส่วนใหญ่แล้ววัตถุดิบโปรตีนจากสัตว์มักจะเป็นผลพลอยได้จากโรงงานอุตสาหกรรม เช่น ปลาป่น เนื้อป่น เนื้อและกระดูกป่น ขนไก่ป่น นมและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น • วัตถุดิบโปรตีนจากสัตว์มักจะมีคุณภาพสูงกว่าวัตถุดิบโปรตีนจากพืช เพราะมีกรดอะมิโนที่จำเป็นปริมาณมากและสมดุลกว่าแหล่งโปรตีนจากพืช

  29. ปลาป่น (Fish meal) • ปลาป่นเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ ให้โปรตีนสูงและมีคุณภาพดี มีสัดส่วนของกรดอะมิโน เมทไธโอนีน และ ไลซีนอยู่สูง มีแร่ธาตุCaและPสูง และมีวิตามินBสูง โดยเฉพาะไวตามิน B2 และ B12 • ปลาป่นเกรด 1 มีโปรตีนไม่น้อยกว่า 60% • ปลาป่นเกรด 2 มีโปรตีนไม่น้อยกว่า 55% • ปลาป่นเกรด 3 มีโปรตีนไม่น้อยกว่า 50% • การใช้ปลาป่นระดับสูงเกินกว่า 10 เปอร์เซ็นต์จะมีผลทำให้เนื้อสุกร หรือไข่ไก่มีกลิ่นคาวปลาด้วย

  30. ขนไก่ไฮโดรไลซ์ (Hydrolyzed Feather Meal) • ขนไก่ป่น เป็นอาหารที่ได้จากผลิตผลพลอยได้จากโรงงานฆ่าไก่ ผลิตโดยนำขนไก่มาย่อยด้วยกรด ภายใต้ความดันสูง • มีโปรตีนสูงประมาณ 85-87 % แต่สัตว์ไม่สามารถย่อยได้ง่ายๆ และเนื่องจากคุณภาพโปรตีนต่ำและกรดอะมิโนที่สำคัญน้อยจึงแนะนำให้ใช้ไม่เกิน 5% ในสูตรอาหารสุกร

  31. เลือดป่น (blood meal) • ได้จากการเอาเลือดซึ่งเป็นเศษเหลืออีกชนิดหนึ่งจากโรงฆ่าสัตว์ มานึ่งจากนั้นจึงอบให้แห้ง แล้วป่นละเอียด หรือ ใช้วิธี spray dry • ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ มีโปรตีนประมาณ 85-90% มี ไลซีน และ ทริปโตเฟนสูง แต่มีเมทไธโอนีน และ ไอโซลิวซีนต่ำมาก • ใช้ในสูตรอาหารสุกรและสัตว์ปีก 5% ของสูตรอาหาร และการใช้เลือดป่นในสัตว์ที่ระดับสูงเกินไปอาจทำให้สัตว์ท้องเสียได้

  32. แกลบกุ้ง (Shrimp meal) • ประกอบด้วยหัวกุ้งและเปลือกกุ้งเป็นส่วนใหญ่ มีโปรตีนประมาณ 30-50% • มีเกลือสูง มีธาตุแคลเซียมสูงและฟอสฟอรัสที่ใช้ประโยชน์ได้ต่ำ • ถ้าใช้ในปริมาณมากในสุกรอาจทำให้สุกรไม่สามารถใช้ประโยชน์จากแคลเซียมและฟอสฟอรัสได้ ทำให้แสดงอาการขาดแคลเซียมและฟอสฟอรัส มีอาการขี้เรื้อน (parakeratosis) ได้ • ไม่ควรใช้เกิน 10% ในสูตรอาหาร

  33. หางนม (skim milk, whey) • หางนมคือน้ำนมส่วนที่ผ่านขบวนการเหวี่ยงแยกครีมออกไปแล้วมาทำให้แห้ง • มีโปรตีนประมาณ 36% และมี TDN 85% ใช้ผสมในอาหารสัตว์วัยอ่อน

  34. เนื้อและกระดูกป่น (meat and bone meal) • ได้จากเศษเนื้อ เอ็น พังผืด และเครื่องในสัตว์ • มีโปรตีนประมาณ 45-50% • มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสอยู่สูง • ใช้ในอาหารสุกรไม่เกิน 10%

  35. อาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุอาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุ • พรีมิกซ์ เป็นส่วนผสมของแร่ธาตุรองหรือแร่ธาตุปลีกย่อย เมื่อใช้ 2-5กก./ตัน ต้องเสริม กระดูกป่น หรือไดแคลเซียมฟอสเฟตและเกลืออย่างละ 10 - 20 กก./ตัน • แร่ธาตุสำเร็จรูป มีแร่ธาตุหลักและแร่ธาตุรองครบถ้วนใช้ผสมอาหาร 30-50 กก./ตัน (3-5%) โดยไม่ต้องเสริมกระดูก และเกลือป่น • นอกจากแร่ธาตุทั้ง 2 ประเภทแล้ว ยังมีวัตถุดิบที่ใช้เป็นแหล่งเสริมอาหารแร่ธาตุ ดังเช่น

  36. เกลือ ใช้เป็นแหล่งของธาตุโซเดียมและคลอรีน นิยมใช้ในรูปเกลือป่น เกลือจะช่วยเพิ่มรสชาติและความน่ากินของอาหารให้มากขึ้นใช้ไม่เกิน 1% ถ้าใช้มากจะทำให้โคท้องเสีย ถ้าขาดพบว่าการเจริญเติบโตและให้นมน้อยกว่าปกติ • กำมะถันผงมีลักษณะเป็นผงสีเหลืองอ่อนอาหารข้นทุกสูตรที่มียูเรียเป็นแหล่งโปรตีนจะต้องเติมกำมะถันผงลงไป ด้วยประมาณ 0.1-0.2% เพื่อช่วยให้การใช้ประโยชน์ของยูเรียดีขึ้น การผสมกำมะถันผงลงในอาหารข้นต้องผสมให้เข้ากันอย่างทั่วถึง เพื่อให้อาหารข้นมีคุณภาพดี และสัตว์ทุกตัวได้รับเท่าๆ กัน

  37. วัตถุที่เติมในอาหารสัตว์ (Feed additive) • หมายถึง วัตถุที่ปกติไม่ไดใชเปนอาหารสัตว หรือเป็นส่วนประกอบอาหารสัตว์ ไมวาจะมีคุณค่าทางโภชนาการหรือไมก็ตาม แต่ใชเติมในอาหารสัตว์เพื่อประโยชนทางเทคโนโลยีในการผลิต การบรรจุ การเก็บรักษา หรือการขนส่ง ซึ่งมีผลตอคุณภาพหรือมาตรฐาน หรือลักษณะของอาหารสัตว์ หรือผลิตภัณฑ์สัตว์ โดยสามารถจำแนกประเภทตามวัตถุประสงค์ที่ใช้คือ

  38. เพื่อความคงทนของอาหาร ได้แก่ สารเหนียวหรือสารประสานอาหาร จำเป็นอย่างยิ่ง ในการทำอาหารสำหรับสัตว์น้ำที่กินอาหารช้าๆ เช่น กุ้ง • เพื่อเพิ่มความน่ากินของอาหาร ได้แก่ สารแต่งกลิ่นอาหาร เป็นสารช่วยเพิ่มกลิ่นและรสของอาหารให้มีความน่ากินมากขึ้น เช่น ปลากินเนื้อจะชอบกลิ่นของเนื้อกุ้ง โคนม ชอบกลิ่นวานิลา • เพื่อป้องกันการหืน ในการทำอาหาร มักเติมสารเคมีเพื่อกันหืนในอาหารนั้นด้วย Butylate hydroxy toluene (BHT), Butylate hydroxyl anisole (BHA)หรือ Vitamin E • เพื่อป้องกันเชื้อรา สารป้องกันเชื้อราได้แก่ กรดโพพิโอนิก (propionic acid) หรือ Benzoate • เพื่อเร่งการเจริญเติบโต ได้แก่ ฮอร์โมนสังเคราะห์ หรือ ยาปฏิชีวนะ

  39. อาหารผสม • หัวอาหาร (concentrate feed)หมายถึง อาหารที่มีองค์ประกอบของโภชนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ ในปริมาณที่สูง เพื่อนำไปผสมกับส่วนผสมหรือวัตถุดิบอาหารพลังงานอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก ตามปริมาณที่ผู้ผลิตระบุบนถุงบรรจุแล้วจึงใช้เลี้ยงสัตว์ได้ ส่วนใหญ่อยู่ในรูปผงละเอียด • อาหารผสมชนิดสำเร็จรูป (completed feed)หมายถึง อาหารที่มีองค์ประกอบของโภชนะครบถ้วนสามารถนำไปใช้เลี้ยงสัตว์ได้ทันที ตามชนิด อายุ หรือขนาดของสัตว์เลี้ยงตามที่ระบุบนถุงบรรจุ ส่วนใหญ่อยู่ในรูปอัดเม็ด (pellet) โดยมีการควบคุมผู้ผลิตให้ผลิตอาหารสัตว์ ให้มีปริมาณของสารอาหารย่างเพียงพอตามที่ระบุไว้ที่กระสอบบรรจุอาหาร

More Related