1 / 53

เงินเฟ้อ เงินฝืด และการว่างงาน

เงินเฟ้อ เงินฝืด และการว่างงาน. เงินเฟ้อ และเงินฝืด. เงินเฟ้อ (Inflation). ภาวะที่ระดับราคาโดยทั่วไปของสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย. ราคาสินค้า ก. ลดลง. ระดับราคาสินค้า โดยเฉลี่ยมีค่าเพิ่มขึ้น. ราคาสินค้า ข. คงที่. ราคาสินค้า ค. เพิ่มขึ้น.

Download Presentation

เงินเฟ้อ เงินฝืด และการว่างงาน

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. เงินเฟ้อ เงินฝืด และการว่างงาน

  2. เงินเฟ้อ และเงินฝืด

  3. เงินเฟ้อ(Inflation) • ภาวะที่ระดับราคาโดยทั่วไปของสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ราคาสินค้า ก. ลดลง ระดับราคาสินค้าโดยเฉลี่ยมีค่าเพิ่มขึ้น ราคาสินค้า ข. คงที่ ราคาสินค้า ค. เพิ่มขึ้น

  4. ระดับราคาสินค้าสูงขึ้น(รายได้ที่เป็นตัวเงินคงที่)ระดับราคาสินค้าสูงขึ้น(รายได้ที่เป็นตัวเงินคงที่) รายได้ที่แท้จริงลดลง อำนาจซื้อลดลง ภาวะเงินเฟ้อ อำนาจซื้อลดลง

  5. เลขดัชนีราคา • ตัวเลขที่แสดงระดับราคาสินค้าของปีใดปีหนึ่งเมื่อเทียบกับระดับราคาของปีฐานโดยให้ระดับราคาของปีฐานเท่ากับ100 • ดัชนีราคาขายปลีกหรือดัชนีราคาผู้บริโภค(Consumer Price Index : CPI) • ดัชนีราคาผู้ผลิต(Producer Price Index) • ดัชนีราคาขายส่ง(Wholesale Price Index)

  6. การวัดอัตราเงินเฟ้อ อัตราการเปลี่ยนแปลงของ CPI ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

  7. ถ้า ปี 2541 มี CPI เท่ากับ 127.8และ ปี 2542 มี CPI เท่ากับ 128.2อัตราการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภค ปี 2542 เท่ากับเท่าใด เมื่อเทียบกับปี 2541 CPIปี 41= 127.8CPIปี 42เพิ่มขึ้น=128.2 - 127.8 CPIปี 41= 100 CPIปี 42เพิ่มขึ้น 128.2 - 127.8 = x 100 127.8 อัตราเงินเฟ้อ ปี 2542 = 0.31

  8. อัตราเงินเฟ้อ ปี 2542 128.2 - 127.8 = x 100 127.8 CPI42 - CPI41 = x 100 CPI41 CPIn - CPIn - 1 อัตราเงินเฟ้อปีที่ n = x 100 CPIn - 1

  9. ปี CPI อัตราเงินเฟ้อ 2537 100 *** 2538 105.8 5.8 2439 112.0 5.86 2540 118.2 5.53 2541 127.8 8.12 2542 128.2 0.31 2543 130.2 1.56 2544 132.3 1.61 ดัชนีราคาผู้บริโภคปี 2537 - 2544

  10. สาเหตุของภาวะเงินเฟ้อสาเหตุของภาวะเงินเฟ้อ • เงินเฟ้อที่เกิดจากด้านอุปสงค์(Demand - Pull Inflation) • เงินเฟ้อที่เกิดจากด้านต้นทุน(Cost - Push Inflation) • เงินเฟ้อที่เกิดทางด้านอุปสงค์มวลรวมและอุปทานมวลรวม (Mixed Inflation) • กรณีมีการค้ากับต่างประเทศ

  11. GDP = C + I + G + (X – M) Aggregate Demand = C + I + G + (X – M) Aggregate Expenditure = C + I + G + (X – M)

  12. เงินเฟ้อที่เกิดจากด้านอุปสงค์(Demand - Pull Inflation) • เงินเฟ้อที่เกิดขึ้นจากอุปสงค์มวลรวมของประเทศเพิ่มสูงขึ้นในขณะที่อุปทานมวลรวมของสินค้าและบริการไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ • อุปสงค์มวลรวม (Aggregate Demand) เพิ่มขึ้น

  13. AS = Aggregate Supply AD = Aggregate Demand P AS P5 P4 AD5 P3 AD4 P2 P1 AD3 AD2 0 Q AD1 Qf

  14. สาเหตุที่อุปสงค์รวมเพิ่มสูงขึ้นสาเหตุที่อุปสงค์รวมเพิ่มสูงขึ้น • การเพิ่มขึ้นของปริมาณเงิน • การเพิ่มขึ้นของส่วนประกอบของอุปสงค์มวลรวมของประเทศ

  15. ปริมาณเงินเพิ่มขึ้น ใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น Aggregate Demand เพิ่มขึ้น เกิดภาวะเงินเฟ้อ 1.การเพิ่มขึ้นของปริมาณเงิน

  16. Aggregate Demand = C + I + G + (X – M) เกิดภาวะเงินเฟ้อ 2. การเพิ่มขึ้นของปัจจัยที่กำหนดอุปสงค์

  17. เงินเฟ้อที่เกิดจากด้านต้นทุน(Cost - Push Inflation) • เงินเฟ้อที่เกิดจากต้นทุนการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นในขณะที่อุปสงค์มวลรวมของประเทศยังคงเดิม • อุปทานมวลรวม (Aggregate Supply) ลด

  18. AS P P3 AS3 P1 AS2 P2 AD AS1 0 Q

  19. สาเหตุที่ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นสาเหตุที่ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น • การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างแรงงานในการผลิตสินค้า(Wage - Push Inflation) • การเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรของผู้ผลิต(Profit - Push Inflation) • การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและวัตถุดิบต่างๆ

  20. 1. การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างแรงงานในการผลิตสินค้า(Wage - Push Inflation) แรงงาน กำหนดราคาโดยอุปสงค์และอุปทาน ระดับราคา (ค่าจ้าง) ที่ดุลยภาพ สินค้าชนิดหนึ่ง

  21. Wage - Push Inflation (ต่อ) ถ้ามีการปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเพิ่มขึ้นในขณะที่ประสิทธิภาพของแรงงานคงเดิม อุปสงค์ต่อแรงงานคงเดิม ต้นทุนเพิ่มขึ้น ลดปริมาณการผลิต ลดการจ้างงาน ไม่ลดการจ้างงาน แต่ปรับราคาเพิ่มขึ้น P เพิ่มขึ้น

  22. ผู้ผลิตต้องการกำไรสูงกว่าเดิมผู้ผลิตต้องการกำไรสูงกว่าเดิม ตั้งราคาสินค้าให้สูงขึ้น เงินเฟ้อ • ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ 2. การเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรของผู้ผลิต (Profit - Push Inflation)

  23. ราคาน้ำมันหรือราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้นราคาน้ำมันหรือราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ราคาเพิ่มขึ้น Supply ลด 3. การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและวัตถุดิบต่างๆ

  24. เงินเฟ้อที่เกิดทางด้านอุปสงค์มวลรวมและอุปทานมวลรวม ( Mixed demand cost Inflation) • เงินเฟ้อที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทานมวลรวมในขณะเดียวกัน

  25. Aggregate Demand Aggregate Supply มีการลงทุนเพิ่มขึ้น(I) รัฐลงทุนขั้นพื้นฐาน มากขึ้น(G ) โอเปคลดการผลิตน้ำมัน เรียกร้องค่าจ้างเพิ่มขึ้น ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ราคาน้ำมันสูงขึ้น AD เพิ่ม AS ลด AS ลด P  P 

  26. มีเงินเฟ้อในต่างประเทศมีเงินเฟ้อในต่างประเทศ เกิดเงินเฟ้อภายในประเทศ กรณีมีการค้ากับต่างประเทศ

  27. กรณีมีการค้ากับต่างประเทศ (ต่อ) ประเทศไทยมีสินค้าออกที่สำคัญคือ ข้าว ราคาสินค้าโดยทั่วไปในประเทศสูงขึ้น ใช้จ่ายเพิ่มขึ้น (สินค้าทั่วไป) ราคาข้าวในตลาดโลกสูงขึ้น ผู้ค้าข้าวได้รายได้เพิ่มขึ้น AD เพิ่ม C 

  28. ประเทศ ก. ซื้อสินค้าจากประเทศ ข. ถ้าประเทศ ข. เกิดเงินเฟ้อ ประเทศ ก. : ราคาสินค้านำเข้าจาก ข. สูงขึ้น ราคาสินค้าส่งออกสูงขึ้น เรียกร้องค่าจ้างเพิ่มขึ้น ราคาสินค้าใน ก. เพิ่มขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ต้นทุนเพิ่มขึ้น ภาวะเงินเฟ้อ กรณีมีการค้ากับต่างประเทศ (ต่อ)

  29. กรณีต้องนำเข้าสินค้าทุนจากต่างประเทศกรณีต้องนำเข้าสินค้าทุนจากต่างประเทศ AS ลด ถ้าราคาสินค้าทุนสูงขึ้น ระดับราคาสินค้าสูงขึ้น ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น กรณีมีการค้ากับต่างประเทศ (ต่อ)

  30. 1. ผลต่อการกระจายรายได้ • กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากเงินเฟ้อ • กลุ่มที่เสียประโยชน์จากเงินเฟ้อ ผลกระทบของเงินเฟ้อ

  31. กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากเงินเฟ้อกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากเงินเฟ้อ • กลุ่มที่มีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น • ผู้ที่ทำสัญญาจ่ายเงินไว้แล้วเป็นระยะเวลานาน • ผู้ที่ถือทรัพย์สินที่ราคาของทรัพย์สินนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามภาวะเงินเฟ้อ

  32. กลุ่มที่เสียประโยชน์จากเงินเฟ้อกลุ่มที่เสียประโยชน์จากเงินเฟ้อ • ผู้ที่มีรายได้ประจำ • เจ้าหนี้ที่ไม่สามารถปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นได้ • ผู้ให้เช่าที่สัญญาเช่าระยะยาว และไม่สามารถปรับค่าเช่าได้ • ผู้ถือทรัพย์สินในรูปของเงินฝากธนาคาร • ฯลฯ

  33. 2. ผลต่อการออมและการลงทุนของประเทศ ถ้าอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ประเทศขาดแคลนเงินออมเพื่อการลงทุนระยะยาว ถือสินทรัพย์อื่นแทนการฝากเงิน การลงทุนของประเทศลดลง ผลกระทบของเงินเฟ้อ (ต่อ)

  34. 3. ผลที่มีต่อการคลังของรัฐบาล รายได้ ภาษีอัตราก้าวหน้า ภาษีทางอ้อม รายได้ที่เป็นตัวเงินของประชาชนสูงขึ้น เก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น มีการซื้อ - ขายสินค้าเพิ่มขึ้น ผลกระทบของเงินเฟ้อ (ต่อ)

  35. 3. ผลที่มีต่อการคลังของรัฐบาล (ต่อ) รายจ่าย • ได้รับประโยชน์จากรายจ่ายคงที่ ชำระดอกเบี้ยได้ไม่ยาก รัฐจ่ายเงินประกันลดลง เงินที่รัฐจ่ายคืนมีอำนาจซื้อลดลง + รายได้รัฐเพิ่มขึ้น รายจ่ายลดลง • กรณีกู้เงินจากการขายพันธบัตร • จ้างงานเพิ่มขึ้น ผลกระทบของเงินเฟ้อ (ต่อ)

  36. 4. ผลกระทบต่อการค้าต่างประเทศ ราคาสินค้าในประเทศสูงขึ้น ราคาสินค้าจากต่างประเทศถูกกว่า ซื้อสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้น สินค้าส่งออกลดลง สินค้าส่งออกมีราคาสูงขึ้น สินค้านำเข้ามีราคาถูก ดุลการค้าขาดดุล ผลกระทบของเงินเฟ้อ (ต่อ)

  37. 5. ผลต่อการเมืองของประเทศ เงินเฟ้อ ประชาชนยิ่งเดือดร้อนเพราะรายได้แท้จริงลดลงการกระจายรายได้มีความเหลื่อมล้ำมากขึ้น พยายามเรียกร้องเพื่อให้ได้รายได้เพิ่มขึ้น เปลี่ยนแปลงรัฐบาล รัฐบาลแก้ไขไม่ได้ เกิดความไม่พอใจ เงินเฟ้อยิ่งเพิ่มขึ้น ประชาชนเดือดร้อน(ค่าครองชีพสูงขึ้น) ผลกระทบของเงินเฟ้อ (ต่อ)

  38. นโยบายการเงิน นโยบายการเงินแบบเข้มงวด นโยบายการคลัง นโยบายการคลังแบบหดตัว การแก้ปัญหาเงินเฟ้อ 1. ลดอุปสงค์มวลรวมหรือลดการใช้จ่ายรวมของประเทศ : ใช้นโยบายการเงินหรือนโยบายการคลัง

  39. 2.เพิ่มอุปทานมวลรวม • มาตรการในระยะยาว • ปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต เพื่อเพิ่มอุปทานมวลรวมให้ทันกับการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์มวลรวม • คิดค้นวิทยาการใหม่ • ฝึกอบรมเพิ่มทักษะแก่แรงงาน การแก้ปัญหาเงินเฟ้อ(ต่อ)

  40. 3.มาตรการอื่นๆ • ควบคุมราคาสินค้า โดยกำหนดราคาขายในท้องตลาดของสินค้าที่สำคัญบางชนิดที่จำเป็นต่อการครองชีพ • มีการลงโทษผู้กักตุนสินค้า • ควบคุมสหภาพแรงงานไม่ให้เรียกร้องค่าแรงสูงกว่าผลิตภาพของแรงงาน • ฯลฯ การแก้ปัญหาเงินเฟ้อ(ต่อ)

  41. เงินฝืด (Deflation) • ภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการทั่วไปลดต่ำลงเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง • อุปสงค์มวลรวมของระบบเศรษฐกิจมีน้อยกว่าปริมาณสินค้าที่นำออกขาย • อำนาจซื้อเพิ่มขึ้น • การแก้ปัญหา

  42. อุปสงค์มวลรวมของระบบเศรษฐกิจมีน้อยกว่าปริมาณสินค้าที่นำออกขายอุปสงค์มวลรวมของระบบเศรษฐกิจมีน้อยกว่าปริมาณสินค้าที่นำออกขาย ลดปริมาณการผลิตและการจ้างงาน ผู้ผลิตต้องลดราคาลงเรื่อยๆ เกิดการว่างงาน

  43. การว่างงาน(Unemployment)

  44. การว่างงาน (Unemployment) • ภาวะการณ์ที่ผู้ที่อยู่ในวัยทำงานซึ่งมีความสมัครใจและมีความสามารถที่จะทำงาน ณ ระดับค่าแรงที่ปรากฏ แต่ไม่สามารถหางานทำได้ • การว่างงานโดยไม่สมัครใจ และการว่างงานโดยสมัครใจ

  45. ประเทศ A ประเทศ B นาย ข.ไม่ต้องการทำงาน นาย ก. หางานทำไม่ได้ ว่างงานโดยไม่สมัครใจ ว่างงานโดยสมัครใจ นาย ก. ไม่มีงานทำ นาย ข.ไม่มีงานทำ ประชากร 10 คน ประชากร 10 คน ไม่มีการว่างงาน 9 คน มีงานทำ 9 คน มีงานทำ มีการว่างงาน

  46. ประเภทของการว่างงาน • การว่างงานโดยเปิดเผย(Open Unemployment) • การว่างงานแอบแฝง(Disguised unemployment)

  47. การว่างงานโดยเปิดเผย (Open Unemployment) • การว่างงานชั่วคราว (Frictional unemployment) • การว่างงานตามฤดูกาล (Seasonal unemployment) • การว่างงานเนื่องจากโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจ(Structural unemployment)

  48. การว่างงานเนื่องจากวัฎจักรเศรษฐกิจ(Cyclical unemployment) วัฎจักรเศรษฐกิจ(Business cycles) • ระยะเศรษฐกิจรุ่งเรือง(Prosperous period) • ระยะเศรษฐกิจหดตัว(recession period) • ระยะเศรษฐกิจตกต่ำ(depression period) • ระยะเศรษฐกิจฟื้นตัว(recovery period) Open Unemployment (ต่อ)

  49. วัฎจักรเศรษฐกิจ(Business cycles) Y IP ว่างงานต่ำ รุ่งเรือง Iว่างงานลดลง รุ่งเรือง หดตัว ฟื้นตัว Iว่างงานสูงขึ้น หดตัว ตกต่ำ IP ว่างงานสูง ตกต่ำ time Open Unemployment (ต่อ)

  50. การว่างงานแอบแฝง (Disguised unemployment) • การว่างงานที่มองไม่เห็นว่ามีการว่างงานเกิดขึ้น • บุคคลนั้นยังคงทำงานอยู่แต่ต้องทำงานต่ำกว่าระดับความรู้ความสามารถ

More Related