300 likes | 432 Views
การตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุข. นางมนัสนันท์ ลิมปวิทยากุล รองผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ ๗ จังหวัดอุบลราชธานี. Are you ready ?. ถ้าพรุ่งนี้ท่านต้องเผชิญกับภาวะฉุกเฉิน ท่านพร้อมรับมือและตอบโต้กับภาวะฉุกเฉินนั้นแล้วหรือยัง ?. Devastation หายนะ.
E N D
การตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุขการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุข นางมนัสนันท์ ลิมปวิทยากุล รองผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ ๗ จังหวัดอุบลราชธานี
Are you ready ? ถ้าพรุ่งนี้ท่านต้องเผชิญกับภาวะฉุกเฉิน ท่านพร้อมรับมือและตอบโต้กับภาวะฉุกเฉินนั้นแล้วหรือยัง?
ผลกระทบที่เกิดจากภัยอุทกภัยผลกระทบที่เกิดจากภัยอุทกภัย โรคทางเดินหายใจ โรคตาแดง โรคน้ำกัดเท้า โรคทางเดินอาหารและน้ำ
ผลกระทบที่เกิดจากภัยอุทกภัยผลกระทบที่เกิดจากภัยอุทกภัย
เหตุการณ์การเกิดอุทกภัยเหตุการณ์การเกิดอุทกภัย อุบลราชธานี
เหตุการณ์การเกิดอุทกภัยเหตุการณ์การเกิดอุทกภัย พระนครศรีอยุธยา
ผลกระทบที่เกิดจากภัยอุทกภัยผลกระทบที่เกิดจากภัยอุทกภัย จมน้ำ ไฟช็อต
การตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข หมายถึง การดำเนินการด้านต่างๆ เพื่อหยุดภาวะฉุกเฉินหรือกู้สถานการณ์ที่รุนแรง ให้กลับสู่ภาวะปกติภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุด ด้วยมาตรการที่ได้มีการเตรียมพร้อมไว้รับมืออย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกัน ยับยั้งไม่ให้โรคและภัยสุขภาพแพร่กระจายออกไปในวงกว้าง และไม่เกิดความเสียหายต่อชีวิต เศรษฐกิจและสังคม
ระบบในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระบบในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ก่อน ระหว่าง หลัง ป้องกัน เตรียมความพร้อม รับมือ ฟื้นฟู
การป้องกันเตรียมความพร้อมภาวะฉุกเฉินฯการป้องกันเตรียมความพร้อมภาวะฉุกเฉินฯ ข้อมูลข่าวสาร
ช่วงขณะก่อนเกิดเหตุ • จัดตั้งคณะกรรมการฯ • ประชุมคณะกรรมการฯเพื่อเตรียมความพร้อม • ติดตามสถานการณ์ วิเคราะห์ความเสี่ยงทั้งในและนอกพื้นที่ รวบรวมข้อมูลข่าวสารจากแหล่งต่างๆ • จัดตั้งทีมปฏิบัติการ จัดเตรียมทีมประชาสัมพันธ์ ทำเนียบสื่อต่างๆในพื้นที่ บัญชีเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ อุปกรณ์สื่อสาร ยานพาหนะ
ขณะเกิดภัย (Response) • ประเมินสถานการณ์เพื่อตัดสินใจเปิด war room • กำหนดวัตถุประสงค์หลักของการตอบโต้ฯ • พิจารณาข้อมูลสถานการณ์เพื่อสั่งการ • ติดตามและประเมินสถานการณ์โรค/น้ำโดยการประสานงานกับกลุ่ม / • หน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น • วางแผนเพื่อตอบโต้สถานการณ์ (Incident Action Plan) • คาดการณ์ล่วงหน้าเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ สิ่งสนับสนุน
ขณะเกิดภัย (Response)(ต่อ) • รายงานข้อมูลการเกิดและการกระจายโรคต่อ Commander • จัดทีมปฏิบัติการการและสนับสนุนพื้นที่ • ประสานแผนการดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง • รวบรวมวิเคราะห์ข่าวสารจากสื่อต่างๆ จัดทำและเผยแพร่ข้อมูล • สื่อสารประชาสัมพันธ์ปรับเปลี่ยนข้อมูลให้ทันต่อ • เหตุการณ์ ถูกต้อง ครบถ้วน ทันเวลา • ประเมินความต้องการและเตรียมสิ่งสนับสนุน
หลังเกิดอุทกภัย(Recovery) • สื่อสารประชาสัมพันธ์ประเมินผลการดำเนินการตอบโต้ และสรุปบทเรียน (lesson learned)เพื่อเสนอแนวทางการแก้ไข ให้ข้อเสนอแนะและกำหนดแนวทางการปรับปรุงแก้ไขปัญหาต่างๆในพื้นที่
หลักการสื่อสารความเสี่ยงในภาวะฉุกเฉินฯหลักการสื่อสารความเสี่ยงในภาวะฉุกเฉินฯ 1.ต้องมั่นใจว่าได้นำเสนอเรื่องราวที่ถูกต้อง ครบถ้วน ตามเวลาที่ถูกต้อง และเนื้อหาสาระที่เผยแพร่ไปนั้นจะต้องไม่มีความขัดแย้งกันให้เกิดความสับส 2.ต้องเผยแพร่ข้อเท็จจริงที่จำเป็นที่จะทำให้สาธารณะเข้าใจปัญหา รับรู้การดำเนินการแก้ไขขององค์กร (ที่มุ่งมั่น จริงจังและจริงใจ) และให้สาธารณะได้เรียนรู้วิธีการที่จะร่วมมือกับองค์กรในการต่อสู้กับปัญหา ด้วยความเต็มใจ 3.ต้องแสดงให้สาธารณะเข้าใจทัศนคติที่ถูกต้องของผู้บริหารในองค์กร อย่าให้สาธารณะมองผู้บริหารองค์กรว่าไม่ใส่ใจ ไม่จริงใจในการแก้ปัญหา ป้องกันไม่ให้มีการนำเอาทัศนคติที่ไม่ถูกต้องขององค์กรไปเป็นประเด็น ทางการเมือง
หลักการสื่อสารความเสี่ยงในภาวะฉุกเฉินฯ(ต่อ)หลักการสื่อสารความเสี่ยงในภาวะฉุกเฉินฯ(ต่อ) 4.ต้องมีหน่วยงานกลางที่ควบคุมกระแสข่าวเพื่อให้มีความเป็นเอกภาพของ ข่าวสารที่เผยแพร่ออกไป อย่าทำให้ประชาชนสับสน ไม่มั่นใจ จนเกิดปัญหา ในการปฏิบัติตนในทางที่ถูกต้อง และต้องมีแหล่งข่าวขององค์กรเพียงคนเดียว เพื่อไม่ให้มีการให้ข้อมูลที่ขัดแย้ง ที่อาจจะทำให้สาธารณะหมดความเชื่อถือองค์กร 5.สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับสื่อ ชุมชน และผู้ทรงอิทธิพลความคิดทั้งหลาย ไม่ว่าสื่อมวลชน นักวิชาการ ผู้นำทางความคิด และผู้นำต่างๆ ทางสังคม 6.ใช้ช่องทางต่างๆ ให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครบถ้วน ทั้งช่องทางที่เป็นสื่อสารมวลชน และช่องทางอื่นๆ ที่ไม่ใช่สื่อสารมวลชน 7.ชี้นำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมองการแก้ไขปัญหาวิกฤติเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกคน จะต้องร่วมมือกันแก้ไข ใครทำส่วนใดได้ขอให้ช่วยทำกันอย่างเต็มที่
หลักการสื่อสารความเสี่ยงในภาวะฉุกเฉินฯ(ต่อ)หลักการสื่อสารความเสี่ยงในภาวะฉุกเฉินฯ(ต่อ) 8.ที่สำคัญหากมีประเด็นขัดแย้งที่ภาคส่วนต่างๆ ในสังคมเข้าใจไม่ตรงกัน มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน จะต้องจัดการกับประเด็นดังกล่าวให้หลุดพ้นจาก ความขัดแย้ง ให้ทุกฝ่ายเข้าใจให้ตรงกัน เพื่อให้ทุกฝ่ายพร้อมที่จะต่อสู้กับปัญหา ไปในทิศทางเดียวกัน ข้อความขัดแย้งใดๆ ที่เกิดขึ้นในการสื่อสารเพื่อแก้ไขวิกฤติ เป็นอุปสรรคที่ทำให้การแก้ไขวิกฤติไม่อาจประสบความสำเร็จได้.
ตัวอย่าง สื่อกับการรายงานข่าวภาวะฉุกเฉินฯ: กรณีการระบาดไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009
จำนวนตัวบทที่มีเนื้อหาไข้หวัดสายพันธุ์ใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในช่วง 3 สัปดาห์แรก (28 เมษายน – 18 พฤษภาคม 2552) รายชื่อหนังสือพิมพ์ ข่าว บทความ รายงานพิเศษ คอลัมน์ บทบรรณาธิการ รวม เดลินิวส์ 43 0 7 21 0 71 ไทยรัฐ 26 1 0 1 0 28 คมชัดลึก 26 0 9 5 1 41 โพสต์ทูเดย์ 60 25 0 6 0 91 ไทยโพสต์ 25 5 0 1 0 31 มติชน 72 0 5 17 0 94 กรุงเทพธุรกิจ 48 0 8 2 3 61 ผู้จัดการ 60 1 2 4 0 67
ประเด็นข่าวในหนังสือพิมพ์ จากการศึกษาหนังสือพิมพ์พบว่า มีการรายงานข่าวในประเด็น เรื่องสถานการณ์การระบาดทั่วโลก มาตรการเฝ้าระวัง การติดต่อ และข้อมูลสถิติจำนวนผู้ติดเชื้อ และความโปร่งใสของรัฐในการแก้ไขปัญหา ในช่วงสัปดาห์แรก สถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้นในต่างประเทศและเข้าสู่ประเทศไทยใน ระยะแรก, (จากเม็กซิโก), ประเด็นเรื่องความพร้อมของรัฐและหน่วยงานในการเตรียมมาตรการรับมือ, การเฝ้าระวังผู้ติดเชื้อในประเทศและต่างชาติ, ข้อมูลตัวเลขและสถิติจำนวนผู้ติดเชื้อ เมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่สอง เริ่มเน้นที่มาตรการเฝ้าระวังภายในประเทศ, ความตื่นตัวของหน่วยงาน ความตระหนกของสาธารณชน, ที่มาของโรค –สาเหตุการติดต่อ, ความรู้ในการป้องกันตนเอง ประเด็นข่าวในสัปดาห์ที่ 3 เริ่มเน้นสถานการณ์การระบาดที่แพร่ขยายมากขึ้นทั้งในประเทศ และต่างประเทศ, ผลกระทบของโรคต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว, การขยายระดับความรุนแรงของโรค และเนื้อหาการระมัดระวังการป้องกันตัวโดยการสวมใส่หน้ากากและการอยู่ในพื้นที่สาธารณะ
ภาษาข่าวที่อาจสร้างความตื่นตระหนกที่หวือหวา เร้าใจ ตื่นเต้น และเร้าอารมณ์นั้น มีส่วนทำให้ข่าวมีความน่าสนใจมากขึ้นจริงช่วยดึงดุดความสนใจจากผู้อ่านได้มาก ช่วยเพิ่มยอดขายหรือเรตติ้งได้มาก ขณะเดียวกันในสถานการณ์การระบาดของโรคภัย หรือเหตุการณ์วิกฤติอื่นใด การใช้ภาษาที่เร้าอารมณ์เช่นนี้ ก็ยิ่งขยายความน่ากลัวของ สถานการณ์ให้มากขึ้นไปอีกด้วย เช่นภาษาเรียกชื่อโรค "ไข้หวัดเม็กซิโก" กลายพันธุ์ผสมไวรัสหมู-นก-คน, “หวัดเม็กซิโก”, “ไข้หวัดเม็กซิโก", "ไข้หวัดหมู", "หวัดใหญ่เม็กซิกัน", “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก” “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอช 1 เอ็น 1”, “หวัดใหญ่เม็กซิโก”, "ไข้หวัดเม็กซิโก" ไวรัสมรณะพันธุ์ใหม่?, "หวัดจังโก้" ไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก “ไข้หวัดใหญ่เอ เอช 1 เอ็น 1”
ภาษาพาดหัวข่าวที่เร้าอารมณ์ มี 3 ลักษณะคือพาดหัวข่าวที่มุ่งไปที่สถานการณ์การระบาด ที่ลุกลามจนควบคุมไม่อยู่ มุ่งไปที่การเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อ และการสร้างภาพความน่ากลัว ให้กับตัวเชื้อโรค เช่น “จากเม็กซิโกลามทั่ว "หวัดหมู" โลกผวา-ตาย 103 ศพ” (28/4/52) “ตายเป็นตายรายแรกเด็กสหรัฐเซ่นหวัดเม็กซิโก” (30/4/52) “ฮูเพิ่มเตือนภัยหวัดหมูถึงระดับ5เม็กซิโกตาย180” (1/5/52) “หวัดมรณะทำพิษสหรัฐอ่วมคนป่วยพุ่งพรวด” (8/5/52) “สาวหวัดนรกรวยหวย6พันล.ทุกขลาภยังโดนกักตัวในรพ.ยอดคนติดเชื้อทะยาน6พัน” (14/5/52) “หวัดมรณะผวากลายพันธุ์มีระลอก 2 "รามาธิบดี"พัฒนาชุดตรวจ4ชม.รู้ผล” (16/5/52) “ไวรัสกลายพันธุ์ เชื้อมรณะ” “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่: มหันตภัย 2009” “ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ระบาด ทำเมืองหลวงเม็กซิโกร้าง” 28/4/2552 “ไขพัฒนาการ"ไข้หวัดหมู" แรงสูงสุด"คนสู่คน" 29/4/2552 “เหยื่อหวัดหมูจังโก้พุ่ง103ศพ” (28/4/52) “จังโก้ลดยอดตายหวัดพันธุ์ใหม่เหลือ101เชื้อนรกลาม19ชาติ-ฮูชี้อาจเตือนภัยขั้น6” (6/5/52) “หวัดมรณะลาม24ชาติติดเชื้อเลย2พัน” (7/5/52)