1 / 38

การจัดการสินทรัพย์ถาวรและสินทรัพย์ลักษณะเชิงโครงการ (CAPITAL BUDGETING)

การจัดการสินทรัพย์ถาวรและสินทรัพย์ลักษณะเชิงโครงการ (CAPITAL BUDGETING). รองศาสตราจารย์ อัจฉรา ชีวะตระกูลกิจ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สารบัญ. ความสำคัญของงบลงทุน วัตถุประสงค์ของงบลงทุน ประเภทของโครงการลงทุน ขั้นตอนการพิจารณาตัดสินในลงทุน

hei
Download Presentation

การจัดการสินทรัพย์ถาวรและสินทรัพย์ลักษณะเชิงโครงการ (CAPITAL BUDGETING)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การจัดการสินทรัพย์ถาวรและสินทรัพย์ลักษณะเชิงโครงการ(CAPITAL BUDGETING) รองศาสตราจารย์ อัจฉรา ชีวะตระกูลกิจ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

  2. สารบัญ ความสำคัญของงบลงทุน วัตถุประสงค์ของงบลงทุน ประเภทของโครงการลงทุน ขั้นตอนการพิจารณาตัดสินในลงทุน วิธีประเมินค่าโครงการลงทุน วิธีการประเมินความเสี่ยงของโครงการ

  3. ความสำคัญของงบลงทุน • การลงทุนต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก • ผลของการตัดสินใจผูกพันต่อการดำเนินงานเป็นเวลานาน หลายปี • การตัดสินใจลงทุนอาจมีผลต่อความสำเร็จหรือล้มเหลวของกิจการ

  4. วัตถุประสงค์ของงบลงทุนวัตถุประสงค์ของงบลงทุน • ผลตอบแทน(RETURN) • ความเสี่ยง(RISK)

  5. ประเภทของโครงการลงทุนประเภทของโครงการลงทุน 1. โครงการลงทุนทดแทนเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อเนื่องไปได้ 2. โครงการลงทุนทดแทนเพื่อลดต้นทุนหรือเพื่อเพิ่มรายได้ให้สูงขึ้น 3. โครงการขยายการผลิตสินค้าหรือตลาด 4. การลงทุนในสินค้าชนิดใหม่หรือธุรกิจใหม่ 5. การประเมินโครงการที่เป็นการสนองต่อกฎเกณฑ์หรือนโยบาย

  6. เกณฑ์การประเมิน ภาพรวมโครงการ องค์ความรู้การประเมินโครงการ กระแสเงินสดโครงการ ความเสี่ยงโครงการ ภาพรวมองค์ความรู้ที่ต้องใช้ประเมินโครงการ

  7. ขั้นตอนการพิจารณาตัดสินในลงทุนขั้นตอนการพิจารณาตัดสินในลงทุน • การสร้างและเสนอแนวคิดการลงทุน • พิจารณารูปแบบของการลงทุนรวมทั้งประเมินสินทรัพย์ที่มีอยู่ปัจจุบัน • การวิเคราะห์ความคุ้มค่าการลงทุนและประเมินความเป็นไปได้ของโครงการ • การจัดเตรียมทำข้อเสนอโครงการ • การขออนุมัติลงทุนโครงการและดำเนินการลงทุน

  8. วิธีประเมินค่าโครงการลงทุนวิธีประเมินค่าโครงการลงทุน • วิธีผลตอบแทนตามราคาบัญชีเฉลี่ย (Average Accounting Return: AAR) • วิธีระยะเวลาคืนทุน (Payback period : PB) • วิธีระยะเวลาคืนทุนแบบคิดลด(Discount Payback period : DPB) • วิธีค่าปัจจุบันสุทธิ(Net Present Value : NPV) • วิธีดัชนีกำไร(Profitability Index : PI) • วิธีอัตราผลตอบแทนจากโครงการ(Internal Rate of Return : IRR) • วิธีอัตราผลตอบแทนจากโครงการแบบปรับค่า(Modified Internal Rate of Return : MIRR)

  9. วิธีผลตอบแทนตามราคาบัญชีเฉลี่ย(Average Accounting Return: AAR)

  10. ตาราง 11.6 ประมาณการกำไรขาดทุนโครงการลงทุน บริษัทสินสมุทร (หน่วย: บาท)

  11. วิธีทำ กำไรสุทธิเฉลี่ย = =46,666 บาท = 250,000 บาท มูลค่าการลงทุนเฉลี่ย = ผลตอบแทนตามราคาบัญชีเฉลี่ย (AAR) = =19%

  12. วิธีระยะเวลาคืนทุน(Payback period : PB) ตัวอย่าง โครงการ S ใช้เงินลงทุนครั้งแรก 100,000 บาท โดยคาดว่าจะได้รับ กระแสเงินสดอิสระ(FCF) จากการดำเนินงานในแต่ละปีดังนี้ ปีที่ 0 -100,000 บาท 1 50,000 2 40,000 3 30,000 4 10,000 ดังนั้น PB = 2 + 10,000 30,000 = 2.33 ปี

  13. วิธีระยะเวลาคืนทุนแบบคิดลด(Discount Payback period :DPB) ตัวอย่าง จากโครงการ S ถ้าบริษัทมีต้นทุนเงินทุนเฉลี่ยเท่ากับ 10% สามารถคำนวณหาระยะเวลาคืนทุนแบบคิดลด (DPB) ได้ดังนี้ ปีที่ FCF PVIF,10% PVFCF 0 -100,000 1.0000-100,000 1 50,0000.9091 45,455 2 40,000 0.8264 33,056 3 30,000 0.7513 22,539 4 10,000 0.6830 6,830 DPB = 2 + 21,489 = 2.95 ปี 22,539

  14. วิธีค่าปัจจุบันสุทธิ(Net Present Value : NPV) NPV = PVFCF – I โดยที่ PVFCF = ค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดรับสุทธิ ตั้งแต่ปีที่ 1 ถึง n ที่คิดลดด้วยต้นทุน เงินทุนถัวเฉลี่ย (k%) I = ค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดจ่ายลงทุน

  15. ตัวอย่าง จากโครงการ S ถ้าบริษัทมีต้นทุนเงินทุนถัวเฉลี่ยเท่ากับ 10% สามารถคำนวณหาค่าปัจจุบันสุทธิ(NPV)ได้ดังนี้ ปีที่ FCF PVIF,10% PVFCF 1 50,000 0.9091 45,455 2 40,000 0.8264 33,056 3 30,000 0.7513 22,539 4 10,000 0.6830 6,830 ผลรวม PVFCF 107,880 หัก เงินลงทุน (I)100,000 NPV7,880 ดังนั้น ควรลงทุนในโครงการนี้ เนื่องจากโครงการนี้ให้ผลตอบแทนมากกว่า 10 % ซึ่งสังเกตได้จาก NPV>0

  16. วิธีดัชนีกำไร(Profitability Index : PI) โดยที่ PVFCF = ค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดรับสุทธิ ตั้งแต่ปีที่ 1 ถึง n ที่คิดลดด้วย ต้นทุนเงินทุนถัวเฉลี่ย (k%) I = ค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดจ่ายลงทุน PI = PVFCF I

  17. ตัวอย่าง จากโครงการ S ถ้าบริษัทมีอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำที่ต้องการเท่ากับ 10% สามารถคำนวณหาค่าดัชนีกำไร(PI)ได้ดังนี้ ปีที่ FCF PVIF,10% PVFCF 1 50,000 0.9091 45,455 2 40,000 0.8264 33,056 3 30,000 0.7513 22,539 4 10,000 0.6830 6,830 ผลรวม PVFCF 107,880 หาร เงินลงทุน (I) 100,000 PI = 107,880/100,000 = 1.08 ดังนั้น ควรลงทุนในโครงการนี้ เนื่องจากโครงการนี้ให้ผลตอบแทนมากกว่า เงินลงทุนคิดเป็น 1.08 เท่า ซึ่งสังเกตได้จาก PI>1

  18. วิธีอัตราผลตอบแทนจากโครงการ(Internal Rate of Return : IRR) PVFCF = I โดยที่ PVFCF = ค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดรับสุทธิ ตั้งแต่ปีที่ 1 ถึง n ที่คิดลดด้วยอัตรา ผลตอบแทนจากโครงการ(r%) I = ค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดจ่ายลงทุน

  19. ตัวอย่าง จากโครงการ S ซึ่งบริษัทมีอัตราต้นทุนเงินทุนถัวเฉลี่ยเท่ากับ 10% สามารถคำนวณหาอัตราผลตอบแทนจากโครงการ(IRR)ได้ดังนี้ ปีที่ FCF PVIF,14% PVFCF 1 50,000 0.8772 43,860 2 40,000 0.7695 30,780 3 30,000 0.6750 20,250 4 10,000 0.5921 5,921 ผลรวม PVFCF,14% 100,811 ผลรวม PVFCF,15% 99,167 อัตราผลตอบแทนจากโครงการ(IRR) อยู่ระหว่าง 14 – 15 % ดังนั้น ควรลงทุนในโครงการนี้ เนื่องจากโครงการนี้ให้ผลตอบแทนมากกว่า อัตราต้นทุนเงินทุนถัวเฉลี่ย(r>k)

  20. วิธีอัตราผลตอบแทนจากโครงการแบบปรับค่า(Modified Internal Rate of Return : MIRR) ข้อสมมติ:กระแสเงินสดสุทธิที่กิจการได้รับในแต่ละปีสามารถนำไปลงทุน ต่อโดยได้รับผลตอบแทนในอัตราที่กิจการกำหนด(k%) PVTV = I โดยที่ PVTV = ค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดรับสุทธิตั้งแต่ปีที่ 1 ถึง n ที่ได้คำนวณทบต้นแล้ว และคิดลดด้วยอัตราผลตอบแทน จากโครงการแบบปรับค่า(MIRR) I = ค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดจ่ายลงทุน

  21. 1 2 3 4 -100,000 50,000 40,000 30,000 10,000 k=10% 33,000 k=10% 48,400 k=10% 66,550 TV = 157,950 MIRR=12.1% PVTV=100,000

  22. เกณฑ์ที่ใช้ในการตัดสินใจเกณฑ์ที่ใช้ในการตัดสินใจ PB น้อยกว่าที่กิจการกำหนดไว้ NPV มากกว่าหรือเท่ากับ 0 PI มากกว่าหรือเท่ากับ 1 IRR(r) มากกว่าหรือเท่ากับ k MIRR มากกว่าหรือเท่ากับ k

  23. การประมาณการกระแสเงินสด(FCF)ของโครงการการประมาณการกระแสเงินสด(FCF)ของโครงการ กระแสเงินสดอิสระ = กำไรที่ปราศจากภาระกู้ (NOPAT) + ค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินสดสุทธิ (net noncash charges) - เงินลงทุนถาวร (fixed capital) - เงินลงทุนหมุนเวียน (working capital) เมื่อ NOPAT = EBIT – T = EBIT x ( 1 – Tc)

  24. ตัวอย่าง บริษัท บุญเจริญ จำกัด กำลังตัดสินใจซื้อเครื่องจักรใหม่เครื่องหนึ่ง ซึ่งมีผู้เสนอขายในราคา 180,000 บาทซึ่งมีค่าขนส่งและติดตั้งอีก 20,000 บาท เครื่องจักรใหม่จะมีอายุการใช้งาน 5 ปี ถ้าใช้เครื่องจักรใหม่ บริษัทจะมียอดขายเพิ่มขึ้นปีละ 120,000 บาท และมีต้นทุนสินค้าขายเพิ่มขึ้นปีละ 30,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นปีละ 10,000 บาท นอกจากนี้บริษัทยังต้องเตรียมเงินทุนหมุนเวียนไว้ 15,000 บาท ตั้งแต่ปีที่เริ่มลงทุน บริษัทคิดค่าเสื่อมราคาแบบเส้นตรง อัตราภาษีเงินได้ 30% และต้นทุนเงินทุนถัวเฉลี่ย คือ 10% บริษัทควรซื้อเครื่องจักรใหม่หรือไม่

  25. ตารางที่ 11.6 คำนวณกระแสเงินสดอิสระเพื่อใช้ประเมิน ความคุ้มค่าโครงการลงทุน (หน่วย: พันบาท)

  26. การบ้าน • ARR = …………………… • PB = …………………… • DPB = …………………… • NPV = …………………… • PI = …………………… • IRR = …………………… • MIRR = …………………… • ความเสี่ยงของโครงการลงทุน............. • ควรลงทุนในโครงการนี้หรือไม่ เพราะเหตุใด

  27. ตัวอย่างที่ 11.1 บริษัท คอมพิวเตอร์ไทยผลิตสินค้าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เพื่อใช้เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในครัวเรือนโดยอุปกรณ์ชิ้นนี้เรียกชื่อว่า สมารท์โฮม ตัวสินค้าประกอบด้วยตัวอุปกรณ์และซอฟท์แวร์เพื่อใช้สำหรับควบคุมระบบไฟฟ้าในบ้านผ่านอินเตอร์เนต บริษัทคอมพิวเตอร์ไทยได้ใช้เงินในการลงทุนเพื่อวิจัยและศึกษาความต้องการของผู้บริโภคเป็นจำนวนเงินสูงถึง 300,000 บาท จากแผนการตลาดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของสินค้าเป็นผู้อยู่อาศัยที่มีการศึกษาสูง จำนวนหน่วยขายที่ประมาณการคือ 100,000 หน่วยต่อปี เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีทำให้วงจรอายุผลิตภัณฑ์นี้ค่อนข้างสั้น ประมาณได้ว่าวงจรผลิตภัณฑ์จะมีระยะ 4 ปี จึงกำหนดให้โครงการมีอายุ 4 ปี โดยจะขายผ่านร้านจำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยราคาขายปลีกคือ 375 บาท และราคาขายส่งคือหน่วยละ 260 บาทซึ่งเป็นราคาที่บริษัทจะขายให้กับลูกค้า การพัฒนาอุปกรณ์ใหม่นี้ถือได้ว่าไม่ได้มีต้นทุนสูงมากนักเนื่องจากกระบวนการผลิตยังสามารถใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วได้ บริษัทคาดการณ์ว่าต้นทุนการออกแบบสินค้านี้มีค่าเท่ากับ 5,000,000 บาทและเมื่อกระบวนการออกแบบแล้วเสร็จเป็นที่น่าพอใจ บริษัทวางแผนจะผลิตโดยวิธีว่าจ้างแหล่งผลิตภายนอกด้วยต้นทุนหน่วยละ 110 บาทต่อหน่วย นอกจากนั้นบริษัทยังได้พัฒนาซอฟท์แวร์เพื่อควบคุมเครื่องใช้ผ่านอินเทอร์เนต โครงการผลิตซอฟท์แวร์ คาดว่าต้นทุนในการใช้วิศวกรออกแบบผลิตภัณฑ์นี้จะสูงถึงคนละ 200,000 บาทต่อปีคาดว่าทีมวิศวกรออกแบบจะมีจำนวนทั้งสิน 50 คน และเพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะทำงานเข้ากันได้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ในครัวเรือนทั่วไป บริษัทจึงต้องทดสอบระบบต่างๆนี้ การทดสอบนี้ทำในห้องทดสอบที่มีอยู่แล้วแต่ต้องมีการลงทุนอุปกรณ์บางอย่างเพิ่มเข้าไปเป็นเงินอีก 7,500,000 บาท ระบบการผลิต และการทดสอบต่างนี้จะแล้วเสร็จภายในหนึ่งปีและมีสินค้าผลิตออกมา บริษัทคอมพิวเตอร์ไทยคาดว่าจะใช้เงินในการโฆษณาปีละ 2,800,000 บาทต่อปี จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้นนี้จะได้นำไปประมาณการเพื่อคาดการณ์กำไรส่วนเพิ่ม

  28. ตารางที่ 11.1 คาดการณ์กำไรส่วนเพิ่มของบริษัทคอมพิวเตอร์ไทย (หน่วย: พันบาท)

  29. ตัวอย่างที่ 11.3 สมมติว่าบริษัทคอมพิวเตอร์ไทยจะต้องใช้พื้นที่ในสถานที่เก็บสินค้าเพื่อใช้สร้างห้องทดสอบดังกล่าวซึ่งพื้นที่นี้สามารถให้เช่าได้ปีละ 200,000 บาทต่อปีเป็นเวลา 4 ปีการสูญเสียรายได้จากการเช่นนี้จะกระทบต่อการประเมินโครงการนี้อย่างไร และสมมติต่อไปว่ายอดขายประมาณ 25% ของสินค้าสมาร์ทโฮมของบริษัทคอมพิวเตอร์ไทยมาจากลูกค้าที่เป็นผู้ซื้ออินเทอร์เนตไร้สายของกิจการอยู่แล้ว ดังนั้นจึงคาดการว่าโครงการสินค้าสมาร์ทโฮมจะทำให้ยอดขายของบริษัทลดลงไป สมมติว่าราคาขายของอินเทอร์เนตไร้สายมีราคาหน่วยละ 100 บาทและมีต้นทุนหน่วยละ 60 บาท

  30. ตารางที่ 11.2 คาดการณ์กำไรของบริษัทคอมพิวเตอร์ไทยกรณีที่เกิด Canibalization และคำนึงค่าเสียโอกาสพื้นทีเช่า

  31. ตัวอย่างที่ 11.4 การยอมรับผลิตภัณฑ์และการเปลี่ยนแปลงราคา จากตัวอย่างที่ 11.1 ของบริษัท คอมพิวเตอร์ไทย จำกัด สมมติว่าเมื่อได้ผลิตสินค้าไปและสินค้าได้รับการตอบสนองจากลูกค้าได้ดีจึงคาดการยอดขายของบริษัทคอมพิวเตอร์ไทยใหม่โดยคาดว่ายอดขายจะเป็นปีละ 100,000 หน่วยในปีที่ 1 เป็น 125,000 หน่วยในปีที่ 2 และ ปีที่ 3 ในปีที่ 4 คาดว่าสินค้าเริ่มจะเสื่อมความนิยมตามวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์จึงคาดการยอดขายเป็น 50,000 หน่วย สมมติอีกว่าจากการแข่งขันที่มีมากขึ้นจึงคาดการว่าราคาขายและต้นทุนผลิตคาดว่าจะลดลงปีละ 10% ต่อปีซึ่งตัวเลขนี้เป็นไปเช่นเดียวกันกับการคาดการณ์ของสินค้ากลุ่มอินเทอร์เนต

  32. ตารางที่ 11.3การเปลี่ยนแปลงราคา ต้นทุนขาย และ จำนวนขายตามวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์(หน่วย: พันบาท)

  33. ตารางที่ 11.5คำนวณกระแสเงินสดอิสระเพื่อใช้ประเมิน ความคุ้มค่าโครงการลงทุน (หน่วย: พันบาท)

  34. ประเภทของความเสี่ยง • ความเสี่ยงเอกเทศ (Stand-Alone Risk) • ความเสี่ยงกิจการ (Corporate Risk) • ความเสี่ยงตลาด (Market Risk)

  35. วิธีการประเมินความเสี่ยงของโครงการวิธีการประเมินความเสี่ยงของโครงการ • การวิเคราะห์ความไว • การวิเคราะห์จุดคุ้มทุน • การวิเคราะห์สถานการณ์ • การวิเคราะห์ด้วยแผนภูมิต้นไม้

  36. ตารางที่ 11.11 ตารางแสดงค่าการวิเคราะห์ความไวจากการเปลี่ยนแปลงตัวแปรนำเข้า

  37. ตารางที่ 11.4 การวิเคราะห์สถานการณ์

  38. ขอให้ได้ A

More Related