E N D
การวิวัฒนาการของมนุษย์การวิวัฒนาการของมนุษย์
การเปลี่ยนแปลงจากสภาพหนึ่งไปสู่อีกสภาพหนึ่ง ในลักษณะจองการค่อยเป็นค่อยไปตามลำดับขึ้นโดยอาศัยระยะเวลาอันยาวนาน วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตจึงหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทีละน้อยจากสิ่งมีชีวิตดั้งเดิมสืบต่อกันมาจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตในปัจจุบัน ที่แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตดั้งเดิมอันเป็นผลจากพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม ดอบซานสกี (Dobzhansky) นักพันธุศาสตร์และวิวัฒนาการชาวรัสเซีย ได้กล่าวไว้ดังนี้ “วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต คือกระบวนการเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบของพันธุกรรมของประชากรที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน โดยการเปลี่ยนแปลงนี้อาจเกิดขึ้นเพียงบางส่วนหรือทั้งหมดอันเป็นผล มาจากปฏิกิริยาที่สิ่งมีชีวิตมีการปรับตัวให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อม กระบวนการนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะไม่มีกาย้อนกลับเป็นอย่างเดิมอีก” ความหมายการวิวัฒนาการ
เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลง พัฒนาหรือวิวัฒนาการ ที่ทำให้สิ่งมีชีวิต (สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทลิงใหญ่ - Ape) มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ กลายเป็นสปีชีส์ใหม่ จนในที่สุดพัฒนาไปเป็นมนุษย์ปัจจุบัน วิวัฒนาการของมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของวิชาชีววิทยา เป็นสาขาวิชาที่ทำการสืบค้นอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ เพื่อทำความเข้าใจและอธิบาย ว่าการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาจากลิงใหญ่กลายเป็นมนุษย์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร การศึกษาวิวัฒนาการของมนุษย์ รวบรวมวิทยาศาสตร์เข้าไว้หลายแขนง ที่เด่นชัดก็คือ มานุษยวิทยากายภาพ (physical anthropology) และพันธุศาสตร์ (genetics) คำว่า 'มนุษย์' ในบริบทของการวิวัฒนาการของมนุษย์ หมายถึงจีนัส โฮโม (Homo) แต่การศึกษาวิวัฒนาการมนุษย์ก็มักจะรวมสมาชิกตระกูลมนุษย์ เรียกว่า โฮมินิด (hominid) (Family Hominidae) อย่าง australopithecines เข้าไปด้วย ความหมายการวิวัฒนาการ
ชาร์ลส์ ดาวิน ชาวอังกฤษ ธรรมชาติวิทยา ผู้ศึกษาเรื่องราวของสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติทุกอย่างที่อยู่ใกล้มนุษย์และเป็นผู้บุกเบิกในการเดินทางรอบโลกเพื่อสำรวจด้านนิเวศวิทยา ผู้พิสูจน์ว่ามนุษย์มาจากลิง ซึ่งเมื่อก่อนจะเชื่อกันว่าพระเจ้าสร้างโลกและเป็นผู้สร้างมนุษย์ด้วย แต่กลับมีฝรั่งอีกคนยืนยันว่า มนุษย์มีวิวัฒนาการมาจากพืชและสัตว์จนกลายร่างมาเป็นมนุษย์ สัตว์ที่มีลักษณะใกล้เคียงมนุษย์มากที่สุดคือ ลิง ลิงซิมแปนซีที่ไม่มีหาง แต่มีหน้าตาท่าทาง ความเป็นอยู่คล้ายมนุษย์ทุกอย่าง เช่น ดีใจ เสียใจ รักหรือโกรธ ทั้งนี้ก็เป็นผลมาจากการที่เขาได้เดินทางไปสำรวจมนุษย์และสัตว์มารอบโลกเป็นเวลากว่า 6 ปี หลังจากจบการศึกษาพอดีกับรัฐบาลได้ส่งคนออกสำรวจโลกด้านธรรมชาติวิทยา ชาร์ล ดาวิน ได้ร่วมออกเดินทางด้วยเป็นเวลากว่า 5 ปีเศษ เรือเดินทางไปอเมริกาใต้อ้อมแหลมออกมหาสมุทรแปซิฟิกไปสุมาตรา อ้อมแหลมกู๊ดโฮปกลับไปอังกฤษ ระหว่างการเดินทางเขาได้พบทั้งคน สัตว์ และพืชนานาชนิด เขาวาดภาพ และเก็บตัวอย่างกลับมาอังกฤษมากมาย จนเขาเชื่อโดยมีหลักฐานยืนยันว่าสัตว์และพืชมีต้นกำเนิดมาจากแหล่งเดียวกันและคนมีวิวัฒนาการมาจากลิง
จากการศึกษาซากดึกดำบรรพ์ (fossil) ของสิ่งมีชีวิตแรกที่สุดจนถึงยุคปัจจุบัน ทำให้นักวิทยาศาสตร์สรุปได้ว่ามนุษย์ได้วิวัฒนาการมาจากไพรเมต (Primate คือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมชั้นสูงมีรูปร่างคล้ายลิง) เมื่อประมาณ 60 ล้านปีมาแล้ว ไพรเมตเป็นสัตว์ที่มี 5 นิ้ว ส่วนใหญ่ดำรงชีวิตและหากินอยู่บนต้นไม้ โดยอาศัยนิ้วมือนิ้วเท้าที่ค่อนข้างยาวเกาะกิ่งไม้ ต่อมาจึงวิวัฒนาการมาเป็นไดรโอพิทธีคัส (Dryopithecusคือบรรพบุรุษร่วมกันระหว่างมนุษย์กับลิง) เมื่อประมาณ 12 - 28 ล้านปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นวิวัฒนาการต่อมาเป็นรามาพิทธีคัส (Ramapithecus) เมื่อประมาณ 12 - 14 ล้านปีก่อนปัจจุบัน จากรามาพิทธีคัสจึงได้วิวัฒนาการต่อมาเป็นออสตราโลพิทธีคัส (Australopithecus) และโฮโม ฮาบิลิส (Homo Habilisหมายถึงมนุษย์ผู้ถนัดใช้มือ) เมื่อประมาณ 4 - 5 ล้านปีมาแล้ว จากหลักฐานพบว่าออสตราโลพิทธีคัสและโฮโม ฮาบิลิส กำเนิดขึ้นในช่วงระยะเวลาเดียวกัน แต่โฮโม ฮาบิลิสได้สูญพันธุ์ไปก่อน นักวิทยาศาสตร์จึงมีความเห็นว่า ออสตราโลพิทธีคัส คือบรรพบุรุษของโฮมินิด (Hominid คือ สัตว์ในตระกูลมนุษย์) ในช่วงเวลาต่อมา นั่นก็คือเป็นบรรพบุรุษของโฮโม อีเรคตัส (Homo Erectus หมายถึงมนุษย์ตัวตรง) ซึ่งมีชีวิตอยู่บนโลกเมื่อประมาณ 1,500,000 - 300,000 ปี มาแล้ว จากโฮโม อีเรคตัสได้วิวัฒนาการต่อมาเป็น โฮโม ซาเพียน (Homo sapien) ซึ่งเป็นบรรพบุรุษโดยตรงของมนุษย์ปัจจุบัน ก่อนจะมาเป็นมนุษย์
เริ่มต้น 70 ล้านปีแห่งห้วงเวลาของการกำเนิดวิวัฒนาการของมนุษย์ จากสายพันธุ์ซึ่งเคยเป็นลิงไม่มีหาง เดินหลังค่อม มีขนเต็มตัว ค่อยๆพัฒนามาเป็นการเดินลำตัวตรง ขนตามตัวลดน้อยลง มีมันสมองใหญ่ขึ้น โดยมีขั้นตอนในการพัฒนาตามลำดับ โปรคอนซูล เป็นลิงไม่มีหาง หนึ่งในสายพันธุ์ของมนุษย์ อาศัยอยู่ในบริเวณแอฟริกาตะวันออก เมื่อประมาณ 20-25 ล้านปีมาแล้ว มีมันสมองขนาดเล็ก แต่สามารถยืน ลำตัวตั้งตรงได้แล้ว
เริ่มต้น • ออสตราโลพิธีคัส เป็นสายพันธุ์บรรพบุรุษมนุย์ ที่พัฒนาขึ้นจนสามารถวิ่งลำตัวตั้งตรงได้ ขนตามลำตัวน้อยลง มีความคล้ายคลึงมนุษย์ในปัจจุบันมาก สามารถผลิตเครื่องมือที่ทำจากหิน ในการล่าสัตว์ได้แล้ว มีอายุอยู่ระหว่าง 5 ล้านถึง 2 ล้านปีมาแล้ว • โฮโมอีเร็คตัส (มนุษย์ชวา ทางซ้าย) เคยอาศัยอยู่ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และอัฟริกาตะวันออก เมื่อ 1.5 ล้านปีมาแล้ว มีความเป็นมนุษย์เต็มตัวแล้ว ใบหน้าตั้งตรงเหมือนมนุษย์ในปัจจุบันและโฮโม แซเปียนส์ (ทางขวา) เคยอาศัยอยู่ในยุโรป และตะวันออกกลาง มีอายุเมื่อ 250,000 ปีมาแล้ว
Homo sapiens • จุดเริ่มต้นของโฮโม ซาเพียน ซึ่งวิวัฒนาการมาจาก โฮโม อีเรคตัส เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ เมื่อประมาณ 300,000 ปีมาแล้ว โครงกระดูกของ โฮโม ซาเพียน ในยุคแรกๆ พบทั้งในบริเวณทวีปยุโรปและทวีปแอฟริกา แต่ในระยะหลังๆ ค้นพบในบริเวณต่างๆ ทั่วโลก (ยกเว้นทวีปอเมริกา)ฃ โฮโม ซาเพียน ยุคเก่ามีลักษณะแตกต่างจาก โฮโม ซาเพียน ยุคใหม่ โฮโม ซาเพียน ยุคเก่าจะมีลักษณะเชื่อมต่อระหว่างโฮโม อีเรคตัส กับ โฮโม ซาเพียน ส่วนโฮโม ซาเพียน ยุคใหม่ ซึ่งเกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 50,000 ปีมาแล้ว มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ปัจจุบัน โฮโม ซาเพียนยุคใหม่ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ยุคปัจจุบัน ได้แก่มนุษย์โคร-มายอง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้พบโครงกระดูกของมนุษย์พวกนี้หลายโครงกระดูกด้วยกันในบริเวณถ้ำที่โคร-มายอง ประเทศฝรั่งเศส โดยทั่วๆ ไปนักวิทยาศาสตร์ส่วนมากมีความโน้มเอียงเชื่อว่ามนุษย์โคร-มายอง เป็นบรรพบุรุษที่แท้จริงของมนุษย์แบบปัจจุบัน
มนุษย์นีแอนเดอธัส อาศัยอยู่ในยุโรปและ ตะวันออกกลาง เมื่อประมาณหนึ่งแสนปีถึงสามหมื่นห้าพันปีมาแล้ว ยืนตัวตรง อาศัยอยู่ตามถ้ำ ล่าสัตว์เป็นอาหาร เป็นช่วงเวลาที่เป็นยุคน้ำแข็งของโลก น้ำทะเลลดระดับต่ำลงมาก จึงมีถ้ำมากมาย ให้ใช้เป็นที่อยู่อาศัย มนุษย์โคมันยอง เป็นพวกนีแอนเดอธัส ที่สืบสายพันธุ์บรรพบุรุษมนุษย์ต่อมา ถือว่าเป็นต้นตระกูลของพวกคอเคซอยด์รุ่นแรก มีกระโหลกศีรษะโค้งมนมากขึ้น ขากรรไกรหดสั้น แก้มนูนเด่นชัด นิยมล่าสัตว์และนุ่งห่มด้วยขนสัตว์ มีอายุอยู่ในช่วง 3 หมื่นถึง 4 หมื่นปีมาแล้ว
จากหลักฐานต่างๆ พบว่าที่อยู่อาศัยของมนุษย์โคร-มายองส่วนใหญ่ คือบริเวณถ้ำและกระท่อม หรือที่พักที่ทำด้วยหิน มนุษย์โคร-มายอง รู้จักการล่าสัตว์ เช่น กวาง ม้าป่า รู้จักสร้างเครื่องมือและอาวุธที่ทำด้วยหิน กระดูก และเขากวาง รู้จักการสร้างงานด้านศิลปะ มีการแกะสลักภาพบนแผ่นหินและกระดูกสัตว์ งานศิลปะของมนุษย์โคร-มายอง มีคุณภาพสูงมากจนเป็นที่น่าประหลาดใจ ผลงานทางด้านศิลปะของมนุษย์โคร-มายอง ได้รับการยกย่องว่าเป็นศิลปกรรมชิ้นแรกของมนุษย์ จากหลักฐานต่างๆ ที่พบ นักวิทยาศาสตร์สรุปว่ามนุษย์โคร-มายอง มีความก้าวหน้ากว่ามนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์พวกอื่นๆ ที่กล่าวมาแล้ว เรื่องราวเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์มิใช่เรื่องที่จะศึกษาให้ได้ความจริงที่ง่ายๆ เพราะเป็นเรื่องของอดีตอันยาวนานมาก แม้จะศึกษาจากซากดึกดำบรรพ์หรือซากกลายเป็นหินของมนุษย์ ก็ยากที่จะค้นพบ และสิ่งที่ค้นพบก็มิใช่จะอยู่ในสภาพที่จะวิเคราะห์เพื่อหาความเป็นมาที่ถูกต้องได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตามนักวิชาการต่างๆ ก็ให้ความสนใจในการศึกษาเรื่องนี้มาโดยตลอด ได้มีการขุดค้นซากดึกดำบรรพ์ของมนุษย์ในท้องที่ต่างๆ มีการนำมาศึกษาเรียงลำดับวิวัฒนาการของมนุษย์ ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะได้พบหลักฐานที่สมบูรณ์ขึ้นและได้เรื่องราวที่น่าเชื่อถือได้มากขึ้น โครมายอง
สำหรับมนุษย์ในปัจจุบันนั้น นักมนุษยวิทยาพบว่า มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากมนุษย์ในอดีตอยู่หลายประการ คือ 1.ยืนตัวตรง เคลื่อนที่ด้วยขา 2 ขา ช่วงขายาวกว่าช่วงแขน 2.หัวแม่มือสั้นและงอ พับเข้ามาที่อุ้งมือได้ สามารถงอนิ้วทั้ง 4 ได้ จึงใช้จับ ดึง ขว้าง ทุบ ฉีก แกะ และทำกิจกรรมต่างๆได้ รวมทั้งการออกแบประดิษฐ์เครื่องมือ เครื่องใช้ได้ 3.กระดูกคอต่อจากใต้ฐานหัวกะโหลก กระดูกสันหลังโค้งเล็กน้อย เป็นรูปตัว เอสและสมองมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับร่างกาย หน้าสั้นแบน หน้าผากค่อนข้างตั้งตรงขากรรไกรสั้น 4.กระดูกสะโพกกว้าง ใหญ่และแบนให้กล้ามเนื้อเกาะเพื่อให้ลำตัวตั้งตรงเท้าแบนร่างกายไม่ค่อยมีขนแนวฟันโค้งเกือบเป็นรูปครึ่งวงกลม มนุษย์ในวันนี้
การศึกษาค้นคว้าเปรียบเทียบซากดึกดำบรรพ์ของมนุษย์ในอดีต นอกจากทำให้นักมนุษยวิทยาทราบความเป็นมา ของบรรพรุษมนุษย์ในอดีตแล้ว ยังทำให้สามารถอธิบายถึงความเป็นอยู่ และการดำลงชีวิตของมนุษย์ในแต่ละยุคได้อีกด้วย คือ 1. การอยู่เยี่ยงเดรัจฉาน ( savagery ) เป็นยุดที่มนุษย์เพศชายยังทำหน้าที่ล่าสัตว์และแสวงหา พืช ผัก ผลไม้เป็นอาหารตามธรรมชาติ แบ่งออกเป็น 3 ระยะ 1.1 ระยะก่อนรู้จักใช้ไฟและภาษา ตรงกับยุดหินเช่นเก่า ( Eolithic ) พบในมนุษย์พวก Homo habilis1.2ระยะรู้จักใช้ไฟและภาษา ตรงกับเก่าเช่นกัน มนุษย์พวกนี้รู้จักใช้ถํ้าเป็นที่อยู่ อาศัย ได้แก่ พวกมนุษย์ Homo erectus ซึ่งก็คือ มนุษย์ชวาและมนุษย์ปักกิ่ง นั้นเอง 1.3 ระยะรู้จักประดิษฐ์ธนูและลูกศร ตรงกับยุดหินกลาง มนุษย์พวกนี้รู้จักการใช้หนังสัตว์เป็นเครื่องนุ่งห่มได้แก่ มนุษย์โฮโมเซเปียน 2. การอยู่อย่างป่าเถื่อน(Babarism)เป็นบยุคที่มนุษย์รู้จักการใช้โลหะทำเครื่องมือ ทำการเกษตรกรรม ทอผ้า สังคมในยุคนี้มีระบบทาส เพศชายมีภรรยาได้หลายคน และทำหน้าที่ปกครอง ส่วนเพศหญิงทำหน้าที่เป็นแม่บ้านแบ่งเป็น 3 ระยะคือ 2.1ระยะแรกประมาณ 12000 ปีมาแล้ว ยุคนี้มนุษย์รู้จักการปลูกบ้านสร้างเรือนเพื่ออยู่อาศัย รู้จักใช้ขวานมีด้ามและใช้เครื่องปั้นดินเผา 2.2ระยะกลางประมาณ 10000 ปีมาแล้วมนุษย์ยุคนี้รู้จักการเลี้ยงสัตง์การเกษตรกรรมรู้จักใช้สัตว์ช่วยในการไถนาหรือบรรทุกสิ่งของ 2.3ระยะหลังประมาณ 7000ปีมาแล้ว มนุษย์รู้จักใช้โลหะทำอาวุธหรือเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ 3. การอยู่อย่างมีอารยธรรม(Civilization)เป็นยุคที่มนุษย์รู้จักการประดิษฐ์เครื่องทุ่นแรง มีการใช้ตัวอักษรในการสื่อความหมาย สังคมเปลี่ยนจากเกษตรกรรมเป็นอุตสาหกรรม
ผลจากการวิวัฒนาการในยช่วงเวลายาวนาน ทำให้มนุษย์ในปัจจุบันมีรูปร่างหน้าตาแตกต่างกันไปหลายแบบ ทั้งในแง่ของเส้นผม รูปร่าง ใบหน้า ความสูง รูปทรงศีรษะ หรือแม้กระทั่งสีผิว ทั้งๆที่ต่างก็เป็นสปีชีส์เดียวกัน มานุษยวิทยามีความเชื่อว่าในอดีตนั้นมนุษย์มีผิวสีเข้มเพียงสีเดียวเนื่องจากไม่มีขนหนาๆปกคลุมร่างกายเหมือนไพรเมตอื่นๆ จึงต้องมีผิวสีเข้ม เพื่อป้องกันอันตรายจากรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ ต่อมาเมื่อมนุษย์มรการกระจายพันธ์ไปยังบริเวณต่างๆทั่วโลกโดยเฉพาะในบริเวณที่มีสภาพภูมิอากาศอบอุ่นหรือเขตหนาวซึ่งได้รับแสงอาทิตย์น้อยกว่าเขตร้อนมากมนุษย์จึงมีการปรับตัวที่ละน้อยๆกลายเป็นมนุษย์ที่มีสีผิวแตกต่างกัน
มนุษย์เชื้อชาติคอเคซอยด์ กระจายแพร่หลายในยุโรป อเมริกาเหนือ-ใต้ มีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาว ขนตามลำตัวสีน้ำตาล ผมสีทอง ริมฝีปากบาง จมูกโด่ง นัยน์ตาสีน้ำเงิน หรือฟ้า มีเชื้อชาติย่อยเป็น พวกนอร์ดิก เซลติค อามาเนีย และออสเตรเลียน มนุษย์เชื้อชาติมองโกลอยด์ กระจัดกระจายอยู่ในเอเซีย มีชาติย่อยๆ เช่น เอสกิโม อินเดียนในอเมริกาเหนือ-กลาง มีผิวเหลือง รูปร่างสันทัด ผมสีดำ ตาสีน้ำตาล จมูกไม่โด่งนัก รูปหน้ากลม ริมฝีปากบาง
มนุษย์เชื้อชาตินิกรอยด์ กระจัดกระจายอยู่ในอัฟริกา และมีชาติย่อยในปาปัวนิวกินี และเมลานิเซียน มีผิวสีดำหรือน้ำตาลเข้ม ผมดำหยิกขอด ริมฝีปากหนา รูปร่างสันทัด และสูงใหญ่ในบางกลุ่ม มนุษย์เชื้อชาติออสตราลอยด์ เป็นชาวพื้นเมืองในทวีปออสเตรเลีย และบริเวณเกาะใกล้เคียง ผิวดำ ผมหยิก ริมฝีปากหนา รูปร่างสันทัด ใบหน้ารูปไข่
มนุษย์เชื้อชาติโพลีเนเซียนมนุษย์เชื้อชาติโพลีเนเซียน เชื้อชาติที่แพร่กระจายอยู่ตามเกาะของมหาสมุทรแปซิฟิคตอนกลาง และตอนใต้ มีรูปร่างสันทัด ผิวสีน้ำตาล ผมหยักศก
หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พื้นฐานและเพิ่มเติม ชีววิทยา เล่ม 5 http://www.baanjomyut.com/library/human_evolution/page2.html http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2011/04/X10459854/X10459854.html http://www.thaigoodview.com/node/18277?page=0%2C2 http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2012&date=21&group=158&gblog=42 http://www3.pantown.com/data/21821/board4/7520070829130301.jpg http://www.geocities.com/anek04/evolution/image/human1.jpg http://www.baanjomyut.com/library/human_evolution/index.html http://eco-town.dpim.go.th/webdatas/HighMoon/03garbagekind.jpg บรรณานุกรม
1.นายชิติพัฒธร์ขันทอง เลขที่ 10ข 2.นางสาวนภสรศิริรัตนภิญโญ เลขที่ 16ข 3.นางสาวธนพร ไชยฤทธิ์ เลขที่ 19ข 4.นางสาวศศิธร ทาจิตร เลขที่ 20ข 5.นางสาวณัฐกฤตา ปากคลอง เลขที่ 21ข ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/6 ผู้จัดทำ